ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] VAMPIRE AND WEREWOLF (HunHan,ChanBaek and EXO)

    ลำดับตอนที่ #4 : VAMPIRE AND WEREWOLF :: CHAPTER 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.17K
      4
      10 พ.ย. 56

    chapter 3

     

     

                "เอาล่ะ จะมีใครอธิบายให้ย่าเข้าใจหรือยังจ๊ะ"

     

                หญิงชราวัยประมาณหกสิบปลายๆพูดขึ้น ถึงแม้ว่าเธอจะดูเหมือนอายุหกสิบปลายๆแล้ว แต่ท่าทีของเธอก็ยังดูแข็งแรง สามารถเดินไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกไม่ต้องเพิ่งไม้เท้าหรือรถเข็นเหมือนคนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ เป็นคนที่ท่าทางใจดีแต่ในเวลาเดียวกันก็สามารถกลายเป็นคุณย่าใจร้ายได้เหมือนกัน

     

                ".."

     

                เด็กหนุ่มสี่ไม่ตอบ พวกเขานั่งคุกเข่าเรียงกัน ทุกคนกำมือชูขึ้นเหนือหัว แน่นอนก็เพราะพวกเขากำลังโดนทำโทษอยู่ไง กำลังโดนทำโทษโดยคนที่ออกคำสั่งนั้นคือคุณย่านั้นเอง แม้แต่เซฮุนที่เป็นคนไม่ยอมใคร เมื่อเจอคำสั่งของคนเป็นย่าก็ยอมอ่อนข้อให้ทันที

     

                "ตกลงจะไม่มีใครตอบย่าใช่ไหม..." คุณย่ายิ้มด้วยสายตาอ่อนโยน แต่ทั้งสี่คนก็มองว่ามันน่ากลัวอยู่ดี..

     

                "..." ทั้งสี่คนได้แต่ก้มหน้า ไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมา

     

                "ลู่ฮานจ๊ะ ไหนบอกย่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น ในฐานะที่ลู่ฮานแก่กว่าใครในห้องนี้ บอกย่ามาสิ" คุณย่าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลู่ฮาน นั้นทำให้ลู่ฮานกลืนน้ำลายดังอึก ก่อนจะเอ่ยปากพูด

     

                "ก็.. ก็มันสร้อยคอของผม ผมจำมันได้ ผมแค่จะเอาคืน" ลู่ฮานพูดก่อนจะจ้องมองไปยังสร้อยที่อยู่บนคอของเซฮุน

     

                "เฮ้ย อย่ามาพูดมั่วๆนะ ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของสร้อยเส้นนี้ ฉันซื้อเองกับมือ ซื้อมานานแล้วด้วย นายนั้นแหละโมเมว่าเป็นของตัวเอง เหอะ!" เซฮุนพูดขึ้นอย่างเหลืออด

     

                "พอแล้ว.." คุณย่ายกมือขึ้นห้าม

     

                "แต่! แต่ผมจำมันได้ดีนะ ไม่มีทางที่จะจำสลับหรอก ผมมั่นใจว่าไม่มีสร้อยที่ไหนซ้ำแล้ว" ลู่ฮานโต้ขึ้น

     

               

     

                จริงๆเซฮุนเองก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับลู่ฮานที่ว่าสร้อยเส้นนี้ไม่น่าจะมีซ้ำหรือทำลายออกมาเหมือนใคร สร้อยเส้นนี้ทำจากโลหะสีเงินเมื่อเวลาโดนแดดจะสะท้อนแสงอย่างดี(เซฮุนจึงชอบใส่สร้อยไว้ใต้เสื้อ) มันเป็นรูปไม้กางเขนกลับหัวอยู่ บนไม้กางเขนนั้นมีเถาของดอกกุหลาบพันตั้งแต่ต้นไปยังส่วนปลาย ที่ทราบว่าเป็นเถาวัลย์ของดอกกุหลาบก็เพราะมันมีหนามเล็กๆขึ้นอยู่ และส่วนปลายของไม้กางเขนก็มีดอกกุหลาบบานอยู่ มันเป็นส่วนเดียวที่ถูกแต่งแต้มเป็นสีอื่นที่ไม่ใช่สีเงิน มันเป็นสีแดงเข้มๆ เข้มจนเกือบดำเชียวแหละ เซฮุนไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันสวยตรงไหน แต่ที่น่าแปลกตรงที่เขาก็ใส่มันไม่ถอดเลยเนี่ยแหละ

     

                "อย่ามามั่ว บอกแล้วไงว่าฉันซื้อมาเองกับแม่" ถึงอย่างนั้นแต่เซฮุนก็ยังไม่ยอมแพ้ ไม่ใช่ว่าเขาติดสร้อยเส้นนี้มากขนาดนั้นหรอกนะ แต่เป็นเพราะศักดิ์ศรีต่างหาก เขาไม่ทางยอมยกให้คนตรงหน้าไปง่ายๆหรอก ถ้ามันมาขอดีๆก็ว่าไปอย่าง นี้เข้ามากระชาก ไม่มีทาง

     

                "แต่!..." ลู่ฮานพยายามจะส่วนขึ้นอีกครั้ง

     

                "พอๆๆๆ ย่าไม่ฟังพวกเธอสองคนแล้ว ไหน แบคฮยอนลองพูดอะไรหน่อยสิ" คุณย่าส่ายหน้าให้กับลู่ฮานและเซฮุน ก่อนจะหยุดไปยืนอยู่ตรงหน้าแบคฮยอน

     

                "ผมไม่เกี่ยวอะไรด้วยซะหน่อย..." แบคฮยอนพูดก่อนจะทำหน้างอ

     

                "ใช่ๆๆ ผมกับแบคฮยอนไม่เกี่ยวอะไรด้วยซะหน่อย ผมกับแบคฮยอนนั่งคุยกันเฉยๆ" ชานยอลเองก็พูดแทรกช่วยเสริมให้กับแบคฮยอน

     

                "ไม่ต้องเลยชานยอล เห็นน้องทะเลาะแล้วทำไมไม่เข้าไปห้าม ทำไมเป็นพี่แบบนี้" คุณย่าพูดดักชานยอลไว้

     

                "ก็ผม..." ชานยอลกำลังจะพูดแทรกต่อถึงกับสลดไปเลยทีเดียว

     

                "ไม่ต้องพูด เอาเป็นว่าทุกคนมีความผิดหมดนั้นแหละ"

     

                "แม้แต่ผมหรอ..." แบคฮยอนยกนิ้วชี้ชี้หน้าตัวเองก็จะถามขึ้น

     

                "ใช่! ลู่ฮานเซฮุน มีความผิดที่ทะเลาะกัน แบคฮยอนกับชานมีความผิดที่ไม่ห้ามอีกสองคน รู้ไหมว่าพวกเธอต้องอยู่ด้วยกันไปซักพัก... จนกว่าเซฮุนกับชานยอลจะเปิดเทอมล่ะนะ อยู่ด้วยกันก็ต้องรักกันสิ ทำไมมาทะเลาะกัน" คุณย่าพูดสอนทั้งสี่คน

     

                "..." ทั้งสี่คนได้แต่เงียบ ก้มหน้าไม่สบตากับคุณย่า

     

                "บทลงโทษเรื่องนี้คือ.. ไปทำความสะอาดห้องสมุดซะ เอาให้สะอาด ย่าจะไปทำข้าวเย็นให้พวกเธอ"คุณย่าพูดก่อนจะชี้นิ้วไปที่ห้องอีกฝั่งนึงของบ้าน

     

                "โห้ยยยยยยยยย พวกผมเพิ่งมาถึงวันนี้เองนะครับ เพิ่งมาเหนื่อยนะครับ" แล้วเซฮุนก็งัดไม้ตายที่เขาชอบใช้กับแม่ตัวเองออกมา นั้นคือลูกอ่อนผู้ใหญ่ไง..

     

                "ไม่มีแต่จ๊ะ เซฮุนนะตัวดีเลย ไปรีบทำให้มันเสร็จๆไปนะ จะได้รีบมาหินข้าว"คุณย่ายิ้มให้เซฮุนอย่างใจดี แต่คำพูดนั้นช่างเลือกเย็นกับเซฮุนเหลือเกิน...

     

     

     

     

     

                แล้วเซฮุนก็รู้ว่า... ลูกไม้ที่เขาชอบใช้... มันไม่เคยได้ผลจริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                "ฮัดชิ้ววววววววว "

     

                "เป็นไรมากเปล่าแบคฮยอน แพ้ฝุ่นหรอ" ชานยอลหันมาถามขณะที่รับกองหนังสือจากแบคฮยอน

     

                "ก็ไม่เชิงหรอก.. ก็แค่จมูกดีกว่าชาวบ้านน่ะ" แบคฮยอนยิ้มขณะส่งกองหนังสือให้ชานยอลเป็นกองสุดท้าย ก่อนจะหยิบผ้าขี้ริ้วไปชุบน้ำบิดให้แห้ง บีบขึ้นบันไดแล้วเอาผ้าขี้ริ้วไปเช็ดที่ชั้นหนังสือหลังจากที่เอาหนังสือออกไปจนหมดแล้ว

     

                "ให้ตายสิทำไมฉันต้องมาทำอะไรบ้าๆแบบนี้ด้วย" เซฮุนพูดขึ้นขณะหยิบกองหนังสือเรียงให้เข้าที่

     

                "ก็เพราะนายไม่ยอมคืนสร้อยฉันไง" ลู่ฮานพูดขณะเลื่อนบันไบไปยังชั้นที่สูงกว่าเซฮุน

     

                "ยังจะพูดแบบนั้นอีก ก็บอกแล้วไงว่ามันของฉัน" เซฮุนเงยหน้าไปมองลู่ฮานที่หนังยู่บนบันได

     

                "มันเคยเป็นของฉันมาก่อน... แล้วมันก็หายไป" ลู่ฮานพูดตอบเซฮุน แต่สายตาของลู่ฮานนั้นช่างเลื่อนลอย เหมือนเขาเข้าไปกับความทรงจำเกี่ยวกับสร้อยเส้นนี้

     

                "นั้นไง นายทำมันหายเลยโมเมว่าเส้นนี้เป็นของนาย แล้วถือจะเป็นของนายจริงๆ แต่ตอนนี้มันอยู่ที่ฉัน มันต้องเป็นของฉันสิ" เซฮุนพูดพลางยักไหล่อย่างไม่สนใจ ก่อนจะยกหนังสือกองใหญ่ออกมา

     

                "ตรงนั้นอ่ะ ยังไม่เลิกทะเลาะกันอีกหรือไง มั่วแต่ทะเลาะกันทำงานหรือเปล่า" แบคฮยอนตะโกนถาม

     

                "คร้าบบบบบบบบบบ" ลู่ฮานและเซฮุนตะโกนขานอย่างพร้อมเพียง ก่อนจะส่งสายตาอาฆาตให้กันและกัน

     

                "นี้หนังสือพวกนี้หนาชะมัดย่าอ่านหมดหรอ" ชานยอลบ่นขึ้นหลังจากหยิบหนังสือเล่มนึงออกมาเปิดดู อีกสามคนเองก็ลองหยิบออกมาเปิดเล่มนึงเช่นกัน

     

                "นั้นสิ แถมยังมีภาษาแปลกๆด้วย ย่านี้อ่านภาษานี้ออกด้วยหรอ" เซฮุนพูดหลังจากลองเปิดหลังสืออยู่สองสามเล่ม พบว่าแต่ละเล่มมีภาษาที่ไม่เหมือนกันเลย แต่เซฮุนก็ไม่รู้จักมัน แน่นอนมันไม่ใช่ภาษาอังกฤษหรือภาษาแถบเกาหลีแน่ๆ เพราะเขาไม่คุ้นกับมันเลย

     

                "ก็คงอ่านออกแหละ เลิกอู้แล้วทำต่อดีกว่า" แบคฮยอนพูดก่อนจะเก็บหนังสือใส่ไว้ที่เดิม

     

                "เดี๋ยวฉันเอาน้ำไปเปลี่ยนดีกว่า" ชานยอลพูดขึ้นหลังจากเห็นกาละมังที่มีน้ำเต็มไปด้วยสีน้ำ จริงๆเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไรหรอก จะหาเรื่องอู้ในห้องน้ำซัก15นาที

     

                "เดี๋ยว!!" แบคฮยอนกำลังจะหันมาเตือนชานยอลเรื่องที่น้ำหกรอบกาละมัง

     

                ชานยอลหยุดขาตัวเองไม่ทันทำให้ตัวเองเหยีบน้ำที่หกไปเต็มๆ ดังนั้นเองเขาจึงก้าวพลาดลื่นไปเพราะน้ำที่นองนั้น ด้วยความตกใจเขาได้คว้าบันไดที่แบคฮยอนนั่งอยู่ ชานยอลทำให้บันไดถึงกับส่ายไปมา ก่อนที่แบคฮยอนจะร่วงลงมา ชานยอลตัดสินใจเอื้อมมือไปรับแบคฮยอนที่กำลังหล่นลงมาและใช้ตัวของเขาเองกันกระแทกไม่ให้แบคฮยอนล้มลงไปกองกับพื้น

     

                โครม!

     

                "เฮ้ย ชานยอล!" เซฮุนที่หันมาเพราะได้ยินเสียงบันไดตกก็ต้องถึงกับตกใจในสภาพที่เห็น

     

                ชานยอลลงไปนอนกองอยู่บนพื้นโดยดึงแบคฮยอนเอาไว้ในอ้อมกอด (เซฮุนไม่แน่ใจว่าชานยอลใช้จังหวะนี้ชวยโอกาสหรือไม่) ขาข้างนึงของชานยอลได้โดนบันไบเลื่อนทับเอาไว้ ถึงแม้ชานยอลจะไม่ถึงกับเลือกตกยางออกแต่ก็ทำให้เซฮุนตกใจได้ไม่น้อย

     

                ลู่ฮานที่ตั้งสติได้ก่อนเซฮุนก็รีบกระโดดลงมาจากบันไดที่ตัวเองนั่งอยู่ทันที เขารีบตรงไปยกบันไดออกให้ชานยอล ก่อนที่แบคฮยอนจะรีบลุกออกจากตัวชานยอลทันทีอย่างตกใจ

     

                "นายไม่น่าหันมารับฉันเลย.." แบคฮยอนพูดอย่างตกใจ

     

                "นั้นสิ... ถ้านายไม่รับแบคฮยอนแบคฮยอนก็ไม่เป็นไรหรอก.. ฉันหมายถึงแบคฮยอนมันถึกนะ" ลู่ฮานพูดขึ้นก่อนจะค่อยยๆประคองให้ชานยอลนั่ง

     

                หน้าแปลกที่คราวนี้แบคฮยอนไม่ได้มีสีหน้าคัดค้านคำพูดของลู่ฮาน มีแต่พยักหน้าเห็นด้วยกับลู่ฮาน

     

                "ดีนะที่ไม่เลือกออก ยืนไหวไหม" ลู่ฮานพูดขึ้นหลังจากที่ลู่ฮานและแบคฮยอนพยายามจะช่วยชานยอลลุกขึ้นยืน

     

                ".."ชานยอลไม่ตอบแต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ

     

                "ขานายเป็นอะไรหรือเปล่า" เซฮุนที่ตั้งสติได้ก็เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง

     

                "ดูเหมือนกระดูกฉันจะมีปัญหานิดหน่อย" ชานยอลพูด พยายามคุมสีหน้าไม่ให้แสดงความเจ็มปวดออกมา

     

                "มีอะไรกันหรอหนุ่มๆ เสียงดังไปถึงห้องครัว ตายแล้ว ชานยอลอา"

     

               

                คุณย่าที่ชะโงกหน้าเข้ามาในห้องนี้ถึงกับตกใจ ทำตะลิ๋วในมือร่วงหลุดจากมือเมื่อเห็นสภาพของชานยอล ก่อนจะรีบวิ่งมาดูอาการของชานยอลทันที

     

                "ดูเหมือนกระตูกจะร้าว" คุณย่าพูดขึ้น

     

                สองพี่น้องชานยอลและเซฮุนมองหน้ากันอย่างงงๆ คุณย่าของพวกเขารู้ได้ไงว่ากระดูกร้าว นี้คุณย่าเขา แค่จับก็ถึงกับรู้แล้วหรอว่ากระดูกของชานยอลเป็นอะไร

     

                "เอาล่ะ เซฮุน แบคฮยอนช่วยพาชานยอลไปนั่งบนโซฟาก่อน ลู่ฮานตามขึ้นมาข้างบน ย่าจะไปปรุงยาให้ชานยอล คงต้องใช้เลือดลู่ฮานนิดหน่อย ไม่ต้องห่วงขอไม่เยอะหรอก" ย่าพูดขึ้นก่อนจะรีบเดินไปหยิบหนังสือเล่มนึงออกมาจากชั้น ก่อนจะมุ่งหน้าไปชั้นสองของบ้านโดยมีลู่ฮานเดินตามไป

     

                เซฮุนมองหน้าชานยอลอย่างงงๆ ไม่ค่อยเข้าใจที่ย่าพูดเท่าไหร่ ย่าปรุงยาเป็น? อันนี้ก็ไม่แปลกมาย่าเป็นคนแก่ที่อยู่ในป่าจะปรุงยาพวกสมุรไพรก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือใช้เลือดลู่ฮาน? อะไรคือเลือดลู่ฮานหมายถึงเลือดจริงๆงั้นหรอ แล้วทำไมต้องใช้ถ้าแค่ปรุงยา... คำถามมากมายผลุดขึ้นในหัวของสองพี่น้อง เซฮุนได้เก็บข้อสงสัยไว้แล้วเปลี่ยนเป้าหมายมาช่วยแบคฮยอนพยุงชานยอลไปไว้ที่โซฟาแทน...

     

     

     

     

     

               

     

     

     

     

                ไม่กี่นาทีต่อมา คุณย่าก็ลงมาพร้อมกับลู่ฮานที่มีพลาสเตอร์แปะที่นิ้ว คุณย่าถือขวดแก้วสองแก้วไว้ในมือก่อนจะยื่นให้ชานยอลนึงขวด ชานยอลก็รับมาอย่างงงๆ

     

                "ดื่มสิจ๊ะ" คุณย่ายิ้มอย่างใจดี

     

                ชานยอลหยักหน้ารับขึ้นมาดมนิดหน่อยก่อนจะกระดกหมดขวด มันไม่มีกลิ่นนะ แต่รสชาติมันช่าง.... สุนัขไม่รับประทานมาก ถ้าไม่ติดว่าคุณย่านั่งมองเขาอยู่เขาคงอ้วกทิ้งไปแล้ว

     

                "หวานเป็นลมขมเป็นยาจ๊ะ"คุณย่ายิ้มอย่างใจดี ก่อนจะก้มลงนำน้ำจากอีกขวดเทลงมาบริเวณกระดูกของชานยอลที่หัก ก่อนจะใช่มือที่เหี่ยวย่นชะโลมน้ำยาให้ทั่วขาเหมือนทาโลชั่น

     

                "ขอบคุณครับ" ชานยอลเอ่อยขอบคุณ

     

                "เอาล่ะ รอซักสองสามนาทีชานยอลก็หายล่ะ ที่เหลือมาช่วยย่าจัดโต๊ะดีกว่านะ" คุณย่าลุกขึ้นก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องครัวทันที

     

                "เอ่อ.. เดี๋ยวครับ ไหนคุณย่าบอกชานยอลกระดูร้าว ทำไมสองสามนาทีมันถึงจะหายล่ะครับ" เซฮุนทนเก็บความสงสัยไม่ได้จึงถามออกไป

     

     

     

     

     

     

                คุณย่าหันมาช้าๆก่อนจะเอ่ยด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                "ย่ายังไม่ได้บอกหรอจ๊ะว่าย่าเป็น.... แม่มด"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                งานนี้หลานแม่มดอย่างพวกเขาถึงกับงงกันเลยสิครับ....



    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    จบไปแล้วกับอีกนึงตอน... ออกจะไร้สาระ(จริงๆไม่เคยมีสาระอยู่แล้ว)ไปบ้าง

    จะบอกว่าดีใจมากที่เรื่องที่แล้วปิดตัวลงได้อย่างสวยงาม(หรอ) เลยมีเวลาให้กับเรื่องนี้เต็มที่แล้วๆ ปรบมือ! แปะๆๆๆ

    แต่มีข่าวร้ายจะบอกคือไรเตอร์เปิดเทอมแล้ว... แล้วคาดว่าจะไม่ค่อยมีเวลา จากที่ดองไว้ก็จะดองอีก (อ้าว) ล้อเล่นๆๆๆ เดี๋ยวจะพยายามมาอัพให้ได้เลยนะ

    สัญญานะว่าจะรอ จะร๊อ จะรอ~~~~~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×