คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : VAMPIRE AND WEREWOLF :: CHAPTER 4 (100%)
chapter 14
"ย่ายังไม่ได้บอกหรอจ๊ะว่าย่าเป็น.... แม่มด"
"ฮ่าๆ ย่าล้อเล่นทำไมครับ"
เซฮุนถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำตอบจากผู้เป็นย่าของตน ถึงแม้ว่าย่าของเขาจะไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่นตามที่เขาบอก แต่เขาก็ยังอยากจะค้าน สมองของเขานั้นสั่งให้ค้าน ให้ค้านว่าผู้เป็นย่าของเขาโกหก
ย่าเขาต้องไม่ใช่แม่มด...
เซฮุนไม่ใช่คนงมงาย แน่ล่ะเขาเป็นเด็กสมัยใหม่ เรื่องแบบนี้มันก็เหมือนหนังหลังข่าวสำหรับเขานั้นแหละ ไร้สาระสิ้นดี มันไม่มีหรอกไอ้เรื่องเหนือธรรมชาติน่ะ เขาคิดว่านะ... ให้เขาเชื่อแบบนี้ก็เหมือนเอาลูกอมมาล่อคำ
พูดหวานๆจากเซฮุนนั้นแหละ นอกจากมันจะไม่ได้ผลแล้ว เขายังมองว่า ไร้! สาระ! อีก
"ย่าเข้าใจ หลานคงยังไม่ค่อยยอมรับมันหรอก" คุณย่าของเซฮุนหันมายิ้มให้อย่างใจดี ก่อนจะเดินไปจัดโต๊ะเพื่อนทานข้าวกัน
"ย่าช่วย... พิสูจน์หน่อยได้ไหมครับ" ชานยอลพูดขึ้นหลังจากไตร่ตริงกับตัวเองอยู่นาน
ชานยอลเองก็ไม่ต่างกับเซฮุนนัก เขาคิดว่าเรื่องแม่มด..ไม่สิเรื่องเหนือธรรมชาติค่อนข้างไร้สาระ แต่เขาเองก็เริ่มสังเกตุเรื่องผิดปกติจากย่าของเขามาเยอะแล้วเหมือนกัน
อย่างแรก เขาสงสัยมาตลอดว่าย่าของเขาอายุเท่าไหร่กันแน่ เพราะตั้งแต่จำความได้ย่าของเขาแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากตอนเด็กเลย ไม่มีท่าทีของความแก่ขึ้นหรือสุขภาพที่ทรุดโทรมตามอายุที่มากขึ้น ไม่ว่าเขาจะมา
เยี่ยมกี่ที ย่าของเขาก็จะหน้าตาเหมือนเดิม ตอนแรกๆที่เขาสังเกตุนั้นก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก เขาคิดว่าตัวเขาเองนั้นคิดไปเอง เนื่องจากเขาไม่ได้เจอหน้าย่าบ่อยๆ อาจจะเป็นสมองที่ประติประต่อหน้าตาของย่าให้ แล้วดันไปบังเอิญ
เหมือนคุณย่าทุกครั้งที่เจอกัน..
อย่างที่สอง เขาก็ตั้งข้อสังเกตุว่าย่าของเขานั้นอาศัยอยู่ในป่าเพียงลำพังหรือ เขาไม่เคยได้ยินข่าวหรือหน้าตาของปู่ของเขา เขาจึงตั้งข้อสังเกตุว่าย่าของเขาต้องอาศัยในป่าเพียงลำพังแน่ๆ แล้วเขาก็ต้องแปลกใจว่าวัยชรา
ของคุณย่านั้นจะอาศัยในป่าเพียงลำพังไก้อย่างไร และพ่อกับแม่เขาปล่อยให้ท่านอยู่ตามลำพังโดยไม่ช่วยเหลือได้อย่างไร เขาคิดว่าพ่อกับแม่ของเขาไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้น...
อย่างที่สาม เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อมาถึงที่นี้ เมื่อเขาเข้าไปทำความสะอาดที่ห้องสมุดนั้น เขาแปลกใจมากว่าย่าที่อาศัยในป่านั้นทำไมมีหนังสือมากมายจนสามารถเรียกห้องๆนึงได้ว่าห้องสมุด ย่าเขาเอาหนังสือมาจาก
ไหน.. ที่สำคัญหนังสือพวกนั้นยังเป็นหนังสือหน้าแต่แปลกๆ เขียนด้วยหลากหลายภาษา เขาแอบเปิดยามที่โดนลงโทษเขาก็พบว่ามีทั้งภาษาสากลทั่วไป ภาษาต่างเมืองที่เขาไม่คุ้นตา และบางทีก็ภาษาที่เขาไม่คิดว่าจะมีบนโรคนี้
ด้วยซ้ำ... และยามเมื่อเปิดดูเขาก็เดาๆว่ามันเป็นหนังสือเกี่ยวกับสูตรยาต่างๆที่เขาไม่คุ้น
อย่างที่สี่เรื่องสุดท้าย... เรื่องที่ผมได้รับบาดเจ็บนี้ ย่าของผมนั้นดูเหมือนจะมีสัญชาตญาณของหมอมากไปหน่อยนะครับ คือแค่จับขาของผมแค่แปปเดียวก็สามารถรู้ได้ว่าผมขาหัก หลังจากนั้นก็ไปปรุงยากับลู่ฮานให้ผมกิน..
ยาที่กินก็ออกฤทธิ์ดีเกินไปจริงๆ ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่นี้ผมมีความรู้สึกว่าอาการปวดบริเวณขานั้นค่อยๆเบาลงหน่อยแล้ว
ถึงแม้ว่าผมจะคิดว่าย่านั้นไม่ใช่คนธรรมดา... แต่ผมก็ยอมรับเรื่องที่ย่าเป็นแม่มดไม่ได้ง่ายๆจริงหรอก...
"พิสูจน์.. พิสูจน์อย่างไงหรอ" ย่าเงยหน้าจากการวางจานชามลงบนโต๊ะ ก่อนจะสบตากับชานยอลพร้อมอมยิ้ม
"..." ชานยอลเองก็งงกับตัวเองเช่นกัน เขาไม่รู้เหมือนกันว่าจะให้ย่าของเขาพิสูจน์อย่างไร คำว่าแม่มดนั้นควรจะเป็นแบบไหน มันจะเป็นไปตามหนังสือนิทานที่เขาเคยอ่านเมื่อสมัยเด็กหรือเปล่า หรือมันจะเป็นแค่เรื่องราวที่
แต่งขึ้น หรือไม่แน่...ย่าของเขาก็กำลังอำเขาเล่น
"อยากให้ย่าทำอะไร อยากให้ย่าเสกของให้ลอยนั้นหรอ"
พูดจบช้อนส้อมอีกสี่ห้าคู่ก็ลอยขึ้นจากที่เก็บ ลอยมาวางไว้บนโต๊ะอย่างนิ่มนวล และนั้นเองก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เซฮุนและชานยอลถึงกับอ้าปากคาง จ้องมองขบวนพาเรดช้อนพวกนั้นเรียงตัวเองบนโต๊ะอย่างสวยงาม โดยที่
ไม่มีใครหลุดพูดอะไรออกมา
"หรือหลานคิดว่าย่าจะพวกไม้กวาดบินได้งั้นหรอ"
คุณย่าหันมาพูดแล้วขยิบตาให้อีกครั้ง แล้วชานยอลก็เห็นสิ่งแปลกปลอมข้างหลังของข่าของเขา เขาพบว่าด้ามไม้กวาดเก่าๆนั้นซ่อนตัวอยู่ข้างหลังคุณย่า ก่อนจะค่อยๆโผล่ออกมาแล้วกลับไปซ่อนเป็นอย่างนี้อยู่สองสามครั้ง
ไม้กวาดทำท่าเหมือนเด็กที่กำลังเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้า ซึ่งชานยอลคิดว่าเขาคือคนแปลกหน้าสำหรับไม้กวาดนั้นเอง...
"นี้มันบ้าอะไรกันเนี่ย..." ไม่ใช่เสียงของชานยอล แต่เป็นเสียงของน้องชานชานยอลเอง เซฮุนเห็นทุกอย่างเหมือนที่ชานยอลเห็น เขาเองก็ตกใจเหมือนกัน
"ก็พวกหลานบอกให้ย่าพิสูจน์.."ย่าพูดขึ้นก็จะทำหน้าที่เรียกว่า 'งอน' ให้คนที่เป็นหลานดู ซึ่งเซฮุนกับชานยอลก็ถึงกับกระอักกระอ่วนเลยทีเดียว
"เอ่อ..." สองพี่น้องเอาแต่มองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
"เอาเถอะ พวกเรามากินข้าวกัน"
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่ใช่อะไรที่อึดอัดอย่างที่คิดซะเท่าไหร่ เพราะมักจะได้ยินเสียงทะเลาะเซฮุนกับลู่ฮานไม่ก็ชานยอลเสมอ ทำให้คลายความเกร็งไปได้บ้าง การทะเลาะไปทั่วของเซฮุนก็ทำให้จับใจความได้คร่าวๆว่าทั้งแบคฮยอนและลู่ฮานนั้นอายุมากกว่าเซฮุนและชานยอล ซึ่งทำให้สองพี่น้องถึงกับแปลกใจในความจริงข้อนี้ไม่ได้ เพราะหน้าตาของทั้งแบคฮยอนและลู่ฮานนั้นดูเหมือนจะเด็กกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ
ความจริงอีกข้อที่สองพี่น้องได้รับรู้เกี่ยวกับแบคฮยอนและลู่ฮานคือทั้งสองไม่ใช่ญาติกัน แน่นอนแบคฮยอนและลู่ฮานไม่ใช่ญาติของย่าของพวกเขาด้วย แต่ทั้งสองอาศัยกับคุณย่า ดูเหมือนจริงๆแล้วลู่ฮานจะมีบ้านอยู่ในป่าไปอีก แต่น้องชายที่เป็นญาติเพียงคนเดียวของเขานั้นไม่ค่อยอยู่บ้านทำให้ลู่ฮานมาอยู่กับย่าเพราะไม่อยากอยู่คนเดียว ส่วนแบคฮยอนดูเหมือนจะจำไม่ได้ว่าทำไมตนมาอาศัยบ้านหลังนี้ รู้เพียงว่าตั้งแต่จำความได้เขาก็อาศัยบ้านหลังนี้ไปแล้ว
"นี่ นั่งเขี่ยแบบนั้นไม่สงสารคนทำหรือไงล่ะ" เซฮุนหันไปถามลู่ฮานที่นั่งฝั่งตรงข้ามของตน
ก็ไม่ได้มองหรอก ก็บังเอิญคนมันนั่งตรงกันข้าม ก็ต้องเห็นบ้างว่าคนฝั่งตรงข้ามกำลังทำอะไร แล้วมีที่ไหนย่าของเขาทำอาหารให้ทานแล้วมาทำเป็นนั่งเขี่ยเล่นๆซะงั้น ตักเข้าปากไม่กี่คำเอง ที่เหลือก็เขี่ยๆเล่นซะงั้น
"ยุ่ง!" ลู่ฮานพูดตอบโดยไม่เงยหน้ามามองคนฝั่งตรงข้าม
"เอ๊ะ นี้ถามดีๆแล้วนะ ทำไมพูดจาหาเรื่องจังวะ"เซฮุนถึงกับอารมณ์ขึ้น(อีกครั้ง)ทันที มีอย่างที่ไหนเขาก็ถามดีๆนอกจากจะไม่ตอบแล้วยังด่าเขากลับมาอีก
"นี้ดีแล้วหรอ ถ้าอย่างนั้นดี ที่ฉันตอบนายก็เรียกว่าสุภาพแล้ว" ลู่ฮานพูดอย่างเซ็งๆก่อนจะปล่อยช้อนกับส้อมลงจากมือกระทบกับจานเกิดเสียงดัง
"อย่ามาประชดนะ ก็นาย.."เซฮุนเองก็ยกช้อนชี้หน้าลู่ฮานเหมือนกัน
"พอๆ สองคนนี้ พอก่อน" คุณย่าพูดขึ้น ก่อนจะมองเซฮุนกับลู่ฮานสลับไปมา แล้วพูดขึ้นทันทีว่า "นี้ใจคอจะอยู่อย่างสงบได้ไม่เกิน5 นาทีเลยใช่ไหม เห็นใจคนแก่หน่อยได้ไหมหลานๆ"
"ใครบอกคุณย่าแก่ล่ะครับ คุณย่ายังดูสาวเหมือนเป็นแค่พี่สาวคุณแม่เอง" ชานยอลพูดตามประสาคนกระล่อน นั้นเองทำให้แบคฮยอนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถึงกับเบ้ปากและส่ายหน้าเล็กน้อย
"แหม่.. ขอบคุณนะจ๊ะชานยอล" คุณย่าพูดก่อนจะทำหน้าเขินอาย(?)เล็กน้อย ก่อนจะหันไปพูดกับเซฮุนและลู่ฮานต่อ "สองคนนี้ทำไมถึงทะเลาะกันล่ะ ย่าว่าทั้งสองคนออกจะเหมือนกันนะ" คุณย่าพูดอย่างยิ้มๆ
"ไม่เห็นเหมือนเลย!" ทั้งสองคนมองพูดพร้อมกันทันที แล้วก็หันไปมองอีกฝ่ายพร้อมส่งสายตาว่าพูดตามทำไม
"อย่าว่าเหมือนออก ระวังนะ... กัดกันมากจะรักกันน๊าาาาา" คุณย่าพูดล้อเล่นทั้งคู่
"ไม่มีทาง!!!" ทั้งสองคนพูดพร้อมกันอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากอีกสามคนที่เหลือทันที
คุณย่านี้คิดอะไรอยู่ ใครมันจะไปรักกับคนแบบนี้ได้(วะ)
ตอนนี้เองก็ล่วงเวลามาถึงช่วงหัวค่ำแล้ว คนบนโต๊ะอาหารก็ทานกันจนอิ่มแล้ว อ้อ มีลู่ฮานคนนึงที่ในสายตาของเซฮุนนั้นไม่น่าจะใช้คำว่าทานได้ น่าจะใช้ลักษณะคำว่าดมมากกว่า เพราะลู่ฮานนั้นไม่แตะต้องอาหารเท่าไหร่หนัก เซฮุนเองถึงจะสังเกตุก็ไม่อยากทักอะไรมากมายเพราะการที่โดนอีกคนพูดว่าตนยุ่งนั้นก็ทำให้เจ็บพอดูเหมือนกัน
"ชานยอล คืนนี้หลานอาจจะมีอาการปวดกระดูกทั้งตัวหน่อยนะ เพราะว่าเลือดของลู่ฮานนั้นค่อนข้างแรง" คุณย่าขึ้นหลังจากเดินไปเก็บจานเรียบร้อยแล้ว
"ครับ? เดี๋ยวนะ ผมยังสงสัยเรื่องเลือดลู่ฮานเกี่ยวอะไรกับยาที่ย่าให้ผมทาน" ชานยอลถามขึ้นหลังจากย้ายที่นั่งของตนไปนั่งบนโซฟานุ่มๆ
"ก็ย่าใส่เลือดไปในย่าไงจ๊ะ เอาเป็นว่าแบคฮยอนคืนนี้อยู่กับชานยอลด้วยนะ" ย่าตอบชานยอลอย่างขอไปทีก่อนจะหันไปกำชับกับแบคฮยอน
"ฮะ" แบคฮยอนรับคำสั้นๆพร้อมกัพยักหน้า ก่อนจะทิ้งตัวบนโซฟาใกล้ๆกับชานยอล
"ย่าขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อนนะ หนุ่มๆอย่าเข้าไปทางขวานะจ๊ะ หลานคงไม่อยากเดินสำรวจอยู่ดีๆแล้วเจอพวกแมงมุมยักษ์ใช่ไหม มันไม่ค่อยชอบหน้าแขกเท่าไหร่นะ เพราะงั้นถ้าดึกๆแล้วอย่าพยายามเดินออกมาคนเดียวนะ" คุณย่าพูดอย่างใจดี
สองพี่น้องถึงกับกลืนน้ำลายดังอึก... นี้ย่าของเขากำลังพูดถึงอะไร.. แมงมุมยักษ์??? ยักษ์ของย่านี้ใหญ่แค่ไหน จะใหญ่พอที่จะกินเขาเป็นอาหารหรือเปล่า แล้วนี้พวกเขาทำใจเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติได้แล้วงั้นหรือ เมื่อประมาณชั่วโมงที่แล้วเขายังไม่เชื่ออยู่เลย แต่ไม่กี่นาทีเขาต้องรับรู้ว่าเขามีย่าเป็นแม่มดงั้นรึ... แล้วตอนนี้ยังจัแมงมุมยักษ์อีก...
หวังว่าพวกเขาจะไม่เจอกับอะไรแปลกๆอีกใช่ไหม...
"เซฮุนล้างจานให้ย่าด้วย ราตรีสวัสดิ์นะทุกคน" หญิงชราคนเดียวในบ้านกล่าวลาเหล่าหนุ่มๆทั้งหมดก่อนจะเดินขึ้นห้องของตนทันที
"แต่..." เซฮุนที่กำลังจะเรียกย่าของเขาเองถึงกับเรียกไว้ไม่ทันเลยทีเดียว...
แค่อยากจะถามว่า..ในเมื่อมีเวทย์มนต์ทำให้ไม่เสกให้จานมันสะอาด...
"ชานยอลนายจะขึ้นห้องเลยหรือเปล่า"แบคฮยอนหันไปถามคนที่นั่งข้างๆตน
"คงงั้นมั้ง ข้างล่างนี้ก็ไม่มีอะไรให้ทำด้วยสิ"ชานยอลยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
"ฉันไปด้วย" แบคฮยอนลุกขึ้นตามชานยอล ก่อนจะเข้าไปช่วยพยุงตัวชานยอล
"เดี๋ยวๆ แบคฮยอน ฉันไม่เจ็บแล้ว ไม่ต้องพยุงแล้วก็ได้ แล้วอีกอย่างฉันไปนอน ตามฉันมาทำไม.." ชานยอลหันไปถามแบคฮยอนอย่างงงๆ
"ก็..ก็.. ก็ที่ย่าบอกไง ฉันต้องอยู่กับนาย..คืนนี้" แบคฮยอนพยายามนึกเหตุผลอย่างติดขัด
"อยู่กับฉัน...คืนนี้???" ชานยอลยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้แบคฮยอน
หรือว่าเขาจะได้ฤกษ์ใช้... ถุงยางวันนี้???
"มะ.. ไม่ใช่แบบนั้น คือ ฉัน.. คือ.. ไม่ได้หมายความแบบนั้น ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ไม่ใช่" แบคฮยอนที่เข้าใจในสายตาที่สื่อออกมาของชานยอลถึงกับหน้าแดงทันที ตอบคำถามไม่ถูกกันเลยที่เดียว
"ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี้~" ชานยอลพูดน้ำเสียงล้อเลียน ก่อนจะเดินนำขึ้นห้องของตนไป ทิ้งให้คนตัวเล็กที่ตอนนี้หน้าแดงไว้ข้างหลัง ไม่รู้ว่าที่หน้าแดงนี้เพราะโกรธหรือเขินแน่ๆ แต่แบคฮยอนรู้ตัวแล้วว่าชานยอลตอนนี้ก็ค่อนข้างอันตรายเหมือนกันนะ ไม่ใช่เพราะคำพูด... แต่เพราะสายตาต่างหาก...
อย่างน้อยก็มากกว่าที่เขาคิดไว้ล่ะนะ...
ชานยอลเองที่ทิ้งให้คนตัวเล็กเดินตามมานั้นก็แอบอมยิ้มอยู่คนเดียวโยไม่ให้ใครเห็น ถึงเขาจะไม่เข้าใจเหตุผลที่ย่าของเขาให้แบคฮยอนมาอยู่กับเขาคืนนี้ แต่เขาก็คิดไว้ว่ามันน่าจะเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับ ซึ่งจริงๆเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะคิดเรื่องติดเรทอะไรหรอกนะ เพียงแต่อยากรู้ปฏิกิริยาของอีกคนมากกว่าว่าจะเป็นอย่างไง แล้วมันก็ดีกว่าที่เขาคิดไว้เยอะเลย เพราะคนตัวเล็กนั้นเขินออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แถมเวลาเขินนั้นน่ารักซะด้วย...
สมแล้วที่ชานยอลคนนี้...จอง...
เซฮุนมองการกระทำของพี่ชายและแบคฮยอนจนทั้งสองขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ก่อนจะทำหน้าเหนื่อยใจให้กับพี่ชายของตน นี้ชานยอลมันคงสนุกกับการตกเหยื่อของมันสินะ ได้แต่ภาวนาให้ชานยอลจริงใจกับแบคฮยอน หรือไม่ก็แบคฮยอนไม่ตกหลุมพลางของนายพรานอย่างชานยอลนะ แต่เขากลัวว่าจะทำไม่ได้สักข้อเลยนี่สิ.. เขารู้ดีว่าเกีนรติประวัติการคบ'เหยื่อ'ของชานยอลนั้นเป็นอย่างไร แล้วเขาก็รู้ดีด้วยว่าเหยื่ออย่างแบคฮยอนจะมีจุดจบอย่างไร..
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขา...
คิดได้อย่างนั้นก็ถอนหายใจให้กับตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง จัดแจงถกแขนเสื้อตัวเองขึ้นให้ถึงข้อศอก ก่อนจะเปิดน้ำที่อ่างล้างจานให้น้ำไหลผ่านจาน ก่อนที่เซฮุนจะยืนนิ่งอยู่สักพัก เพราะเขานึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้...
จานเนี่ย... เขาล้างกันอย่างไงหรอ...
เพล้ง!
"นั้นไง ใบที่สาม" เซฮุนมองจานเศษจานที่ตกแตกอยู่บนพื้นอย่างปลงๆ
ตัวเซฮุนเองนั้นที่ไม่รู้วิธีล้างจาน แน่นอนก็เพราะว่าในชีวิตนี้เขาไม่เคยล้างจานไงล่ะ เขาจึงได้แต่เดาๆวิธีล้างไป ดูเหมือนวิธีล้างของเขามันค่อนข้างจะถูกเลยแหละ(ในสายตาของเซฮุน) แต่มีเรื่องเดียวที่เซฮุนไม่ค่อยเข้าใจนัก ว่าทำไม...
จานต้องดิ้นหลุดมือเขาตลอด..
ไม่ใช่ว่าจานมันมีชีวิตหรืออะไรหรอกนะ มันก็เป็นแค่จานธรรมดา ที่ดูเหมือนอยากฆ่าตัวตายด้วยการตกแตกซะเนี่ยสิ..... เซฮุนไม่เข้าใจ
"นี้จิตใจจะไม่ให้บ้านนี้มีอะไรใส่ข้าวเลยหรือไง" เสียงดังขึ้นข้างหลังของเซฮุน
เซฮุนหันไปก็พบว่าเป็นลู่ฮานเองที่พูดขึ้น จริงๆเขาก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าเป็นลู่ฮาน ไม่ใช่เพราะว่าประสาทดีหรือหูดีจำเสียงลู่ฮานได้อะไรเถือกนี้หรอกนะ ก็แค่มีเพียงลู่ฮานคนเดียวที่เขาเห็นว่ายังไม่ได้ขึ้นไปฉันสอง หน้าจะเป็นคนเดียวที่ได้ยินเสียงเขาทำจานแตก
"คนมันล้างไม่เป็นก็ทำไงได้" เซฮุนหันกลับมาจดจ่ออยู่ที่จานในมือ ก่อนจะค่อยตอบคำถามของลู่ฮาน
"ถอยไปป่ะ กลัวบ้านจะไม่มีจานกิน" ลู่ฮานพูดก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าอ่างล้านจานข้างๆเซฮุน ก่อนจะใช้ไหล่กระแทกแขนเซฮุนเบาๆเป็นเชิงให้หลบไป
".." เซฮุนไม่ได้ตอบอะไรไปทั้งนั้นเขาเพียงแค่ยักไหล่แล้วล้างมือ แล้วถอยให้อีกคนเข้ามายืนหน้าอ่างล้างจานได้อย่างสะดวก ค่อยๆยืนมองแผ่นหลังของอีกคนจากทางด้านหนัง ค่อยๆเฝ้ามองท่าทางล้างจานของอีกคนอย่างเพลิดเพลิน ก่อนจะได้สติเพราะเสียงอีกคนพูดขึ้นมา
"ยืนจ้องทำไม ไปเก็บจานที่แตกสิ" ลู่ฮานพูดเป็นเชิงออกคำสั่งนิดๆ
"ครับๆ" เซฮุนขานตอบอย่างขอไปที ก่อนจะไปเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดมานั่งเก็บจานที่ตนทำแตกไปเมื่อกี้
จริงๆคนอย่างเซฮุนเนี่ยนะจะทำตามคำสั่งของใคร(ที่ไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่) เพียงแค่เขาคิดว่าคนตรงหน้าก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น... อย่างน้อยก็เข้ามาช่วยเซฮุนที่ยืนบืออยู่หน้าอ่างล้านจานนี้ บางทีก็...
ก็น่ารักเหมือนกัน
เซฮุนได้แต่อมยิ้มกับความคิดของตนเอง สมองก็กำลังนึกไปถึงเรื่องของคนที่กำลังล้างจานอยู่ ทำให้เซฮุนเกิดอาการเหม่อลอยเล็กน้อย ส่งผลให้
"โอ้ย!"
"เฮ้ยเป็นไร" ลู่ฮานได้ยินเสียงก็ตกใจ รีบล้างมือของตนแล้ววิ่งถลามา
"ไม่มีอะไรๆ มันบาดนิดนึงไม่มีอะไร" เซฮุนที่นั่งกุมมือข้างซ้ายอยู่นั้นกล่าวก่อนจะส่ายหัวเป็นเชิงส่งเสริมคำตอบอีกแรง
"แล้วร้องดังทำไม" ลู่ฮานส่ายหน้าให้กับอีกคนเบาๆ
"ก็มันตกใจ..." เซฮุนพูดก่อนจะค่อยๆ เปิดมือที่ใช้กดแผลเอาไว้ออก ทำให้ตัวเขาเองเห็นขนาดแผลของเขาเอง แผลของเขานั้นไม่ได้ยาวอะไรมาก แต่ค่อนข้างลึกเลยทีเดียว และที่สพคัญเลือดมันยังไม่ยอมหยุดไหลด้วย...
ใช่แล้ว.. เลือด..
...เลือดไงล่ะ....
"เอ่อ... ฉัน.. ขอตัวไปข้างบนก่อนนะ.." อยู่ดีลู่ฮานก็พูดขึ้น ก่อนจะทำท่าเดินผ่านเซฮุนไป
"เดี๋ยวสิ นายยังล้างไม่เสร็จเลยนะ" ด้วยความตกใจที่เห็นอีกคนจะกำลังเดินหนีตนไปทำให้เซฮุนเผลอใช้มือที่เป็นแผลของตนดึงรั้งมือของลู่ฮานเอาไว้
"..."ลู่ฮานหยุดเดินต่อทันทีที่เซฮุนรั้งเขาไว้
"นาย.. เป็นอะไรหรือเปล่า.. หน้านายดูซีดๆนะ" เซฮุนถามขึ้นเมื่อหันไปมองหน้าของลู่ฮานชัดๆ นอกจากสีหน้าที่ซีดแล้วใต้ตาของลู่ฮานยังคล้ำมากขึ้นอีก ริมฝีปากก็สั้นเหมือนพยายามข่มอะไรบางสิ่งในจิตใจ
"ได้โปรด ปล่อยฉันเถอะ.." ลู่ฮานพูดขึ้นโดยไม่สบตากับเซฮุน นั้นเองทำให้เซฮุนถึงกับเกิดอาการงงทันที เขาไม่คิดว่าคนตรงหน้าเขาอยู่ดีจะมาพูดประโยคขอร้องเขาได้แน่นอน นอกซะจากว่าคนตรงหน้าเขานั้นเป็น...
"นายเป็นอะไรกันแน่..."
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่ไหวๆ เปิดเทอมวันจันทร์แรกของเทอม ง่วงมาก ของีบก่อนนะคะเดี๋ยวมาต่อ....
===========================================================================
จบตอนนี้ไปแล้ว เย่ๆๆๆๆๆๆ หลังจากมาอัพ 5% อย่างน่าเกียจอ่ะ 55555 คือเปิดเทอมนี้ว่างน้อยกว่าเทอมที่แล้วอีก คือเรียนเลิกดึกก็กลับดึกทำงานอีก ก็ดึกพอดีง่วงพอดีก็นอน... แหะๆๆๆ ขอโทษที่มาต่อในแต่ละตอนให้ช้านะคะ ขอโทษจริงๆ
ปล.ใครไม่อยากคอมเม้นท์เราไม่ว่าจริงๆนะคะ ถึงจะนอยซ์บ้างตามประสาไรเตอร์ทั่วไป แต่จะไม่บอกให้เม้น มันดูบังคับผู้บริโภคเกินไป มันทำให้ผู้บริโภคดูไม่มีความสุขใช่ไหมล่ะ...
ปล.2 ใครขี้เกียจเม้นก็ไปเมนชั่นหาไรเตอร์ได้ที่ @bjm_06b ได้นะ หรือไม่ ไม่กล้าเมนชั่นมาบอกก็ติดแท็ก #ฟิคแวมไพร์หมาป่า เอาก็ได้ เดี๋ยวเค้าตามไปอ่านเองนะตัว~~~~
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
ความคิดเห็น