คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : VAW Season 2:: CHAPTER 1
chapter 1
เซฮุนจ้องมองแผ่นหลังสองคนที่เพิ่งเดินจากเขามา เขามึนงงกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ดูเหมือนเมื่อกี้เขาเพิ่งเจอกับคนหน้าเหมือนลู่ฮานที่ชื่อลู่ฮานแต่ไม่ใช่ลู่ฮาน... ใครสักคนที่หน้าเหมือนกันกับลู่ฮานแต่จำเขาไม่ได้... หรือลู่ฮานจะความจำเสื่อม? แต่ถ้าความจำเสื่อมไอ้หมอนี้ที่มันโอบลู่ฮานคือใคร เขามั่นใจว่านอกจากคริสแล้ว..ลู่ฮานไม่น่ารู้จักใครอีก..
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
'chen'
ขณะที่เซฮุนกำลังไตร่ตรองความคิดอยู่มือถือเครื่องเดิมก็เกิดอาการสั่นขึ้นมา เซฮุนจึงหยิบขึ้นมามองรายชื่อของเบอร์ที่โทรเข้ามาแล้วก็พบว่าเป็นเบอร์ของ 'คิม จงแด' หรือที่เพื่อนส่วนใหญ่เรียกเขาว่า 'เฉิน'
"ฮัลโหล" เซฮุนกรอกเสียงตัวเองลงไปอย่างหงุดหงิด
"เปิดเทอมวันแรกใช่เปล่าวะ" ไม่มีการทักทาย เฉินหรือจงแดถามเข้าประเด็นทันที
"เออ โทรมามีไร" เซฮุนขมวดคิ้วทันที
"จะบอกเรียนเสร็จแวะมาที่สนามหน่อย วันนี้กูอยู่สนาม" เฉินเองก็ฟังน้ำเสียงหงุดหงิดของเซฮุนออก แต่เขาไม่คิดจะสนใจอยู่แล้ว ยังไงเพื่อนคนนี้ของเขาก็หงุดหงิดเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว
"เออ อีกสิบห้านาทีเจอกัน" เซฮุนพูดตอบการจะเดินหมุนตัวไปยังที่จอดรถ
"แล้วไหนบอกเปิดเทอม ไม่เรียน?" จงแดถามเซฮุนเพื่อความแน่ใจ
"เออ ไม่มีอารมณ์" เซฮุนตอบแค่นั้นก่อนจะกดวางสายเบอร์ของจงแดไป..
เจอแบบนั้นใครมันจะไปมีอารมณ์เรียนอีก...
+++++
"แน่ใจนะว่าไม่ต้องให้เข้าไปส่ง" ไคพูดพร้อมวางมือบนหัวลู่ฮาน
"อือ ไม่เป็นไร.. ฉันไปเองได้น่า.. ตึกก็อยู่ตรงหน้าไม่หลงแล้ว" ลู่ฮานแยกเขี้ยวใส่ไค
'คิม จงอิน' หรือ 'ไค' เป็นน้องชายของเขา จะว่าไงดีล่ะไคมักจะหวงลู่ฮานมากจนมันดูเกินคำว่าพี่น้อง บางทีลู่ฮานก็เหนื่อยใจนะ แต่อีกมุมก็มองว่าไคน่ารักดี ทำตัวเป็นน้องชายที่แข็งแกร่งดูแลพี่ ลู่ฮานเลยปล่อยเลยตามเลย ไม่ได้ว่าอะไรมากมาย
"จำไว้นะ ใครมาทำรุ่มร่ามก็บอกฉันทันที แล้วเอาของที่บอกให้เอามาครบไหม" ไคพูดพร้อมมองไปที่กระเป๋าของลู่ฮาน
"ครบแล้วนา... นายเองเป็นคนจัดกระเป๋าให้ฉันถ้ามันไม่ครบก็โทษตัวเองเถอะ" ลู่ฮานเบะปากเล็กน้อย
"คลาสฉันเลิกช้ากว่า จะไปกินข้าวก่อนก็ได้นะ แต่ต้องโทรมาบอก หรือถ้าไม่มีใครคบ.." ลู่ฮาานแยกเขี้ยวทันทีที่ไคพูดมาถึงตรงนี้ "ก็รอฉันอยู่ที่นี้ เดี๋ยวฉันเลิกแล้วจะมารับ โอเคไหม" ไคทำสายตาดุไปที่ลู่ฮาน
"ครับๆ คุณน้องชายยยยยยยย" ลู่ฮานประชดเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าตึกไปทันที เพราะถ้าเขาอยู่นานกว่านี้เขาคงต้องฟังคำบ่นของไคอีกยืดยาว
ไคยืนมองลู่ฮานเข้าตึกไปสักพักก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่รถ เพราะคณะของเขาค่อนข้างไกลจากคณะของลู่ฮาน แต่จังหวะที่กำลังก้าวอยู่นั้นเขาก็พบกับความรู้สึกเย็นเชียบกระทบตัวเขา ด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติของไคเขาเลยมองไปทางทิศทางของความเย็นนั้น
"แก..."
"หึ..ไม่เจอกันนานนะคริส" ไคได้แต่ยิ้มกับร่างที่ปรากฏตรงหน้า..
มาเร็วกว่าที่คิดนะ...
++++++++++
"ส่งตรงนี้พอ" แบคฮยอนหยุดชะงักขาตัวเองไว้ ทำให้ชานยอลที่กุมมือแบคฮยอนอยู่ต้องหยุดตามไปด้วย
"อ้าว ทำไมล่ะ อีกนิดเดียวก็ห้องแล้วนะ" ชานยอลหันไปมองป้ายห้องเรียนของแบคฮยอนสลับกับแบคฮยอนอย่างไม่เข้าใจ
"ก็.. ก็คนอื่นมอง" ไม่ได้คิดไปเอง ไม่ได้มโน แต่แบคฮยอนสัมผัสได้... ตั้งแต่แบคฮยอนก้าวลงมาจากรถของชานยอลทุกๆคนก็เริ่มมองเขากับชานยอลสลับกันไปมา บางคนดีหน่อยที่มองแล้วแค่อมยิ้ม แต่บางคนเนี่ยมองแล้วเอาไปซุบซิบกัน แบคฮยอนที่ไม่ชินกับคนเยอะๆอยู่แล้วถึงกับประหม่าไปเลย
"อะไรกัน.. ใครมองแบคฮยอน เดี๋ยวพ่อจะเจื๋อนซะให้หมด ให้มันรู้ซะบ้างว่าของใครเป็นของใคร.." ชานยอลหันซ้ายหันขวาพร้อมกับทำหน้าจะเอาเรื่อง
ช่า...
หน้าแบคฮยอนสุกแล้ว...
"ให้มันรู้บ้างว่าชานยอลคนนี้ขี้หึง.." พูดจบก็แอบหอมแก้มแบคฮยอนไปหนึ่งทีโชว์สายตาคนที่จ้องพวกเขาอยู่
"ชานยอล!" แบคฮยอนถลึงตามองชานยอล ถึงจะเหมือนกับอาการโกรธแต่ชานยอลเองก็รู้ว่ามันคืออาการเขินของแบคฮยอน
"คร้าบบบบบบ ไปแล้วก็ได้ครับ.. เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วชานยอลจะมารับนะครับ อย่าให้ใครเข้าใกล้ในระยะ3เมตรนะครับ" ชานยอลพูดพร้อมยกมือประกอบ
"จะบ้าหรือไง" แบคฮยอนขมวดคิ้วทันทีที่ได้รับคำสั่งของชานยอล
"ใครเข้ามาใกล้ก็บอกเลยว่าหมาตัวนี้..." ชานยอลจิ้มไปที่หน้าผากของแบคฮยอน "..มีเจ้าของแล้ว.."
"เจ็บนะ" แบคฮยอนหลับตาปี้
"ถ้าใครยังถามต่ออีกก็บอกไปด้วยว่า... เจ้าของหวงมาก...." พูดจบก็รีบหอมแก้มอีกข้างพร้อมกับวิ่งหนีแบคฮยอนทันที
ทิ้งให้ลูกตำลึงสุกนั้นยืนอายม้วนอยู่คนเดียว....
++++++
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงเบรคดังสนั่นไปทั้งสนามแข่ง เซฮุนเปิดประตูลงจากรถและปิดประตูดังปัง เจาเตะไปที่ล้อของรุหนึ่งทีก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียงไปหาจงแดที่ยืนมองเซฮุนอยู่ริมสนาม
"ฝีมือตกนะ" จงแดยิ้มเยาะ
"ไม่ใช่ซะหน่อยเป็นเพราะวันนี้ฉันเอาลูกสาวมาเหอะ ถ้าเป็นลูกชายมันคงดีกว่านี้" เซฮุนเถียงข้างๆคูก่อนจะยกขวดน้ำที่จงแดเตรียมไว้มาดื่ม
"ไม่ใช่ว่ามีเรื่องกลุ่มใจอะไรหรอ.." จงแดมองเซฮุนอย่างรู้ทัน
คิม จงแด เพื่อนเพียงคนเดียวที่ทนนิสัยปากแมวของเซฮุนได้ และยอมคบมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายจนถึงเดี๋ยวนี้ได้ จงแดมักจะรู้ทันเซฮุนเสมอทำให้เซฮุนค่อนข้างชอบเวลาอยู่กับจงแด เพราะเขาไม่ต้องพูดอะไรมากมายจงแดก็เข้าใจ แล้วจงแดเองก็มีเพื่อนไม่มากนัก เพราะหลังจากจบมัธยมปลายเขาก็ไม่ตัดสินใจที่จะเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเหมือนกับเพื่อนในห้อง..
ถามว่าทำไม...
เรื่องนี้ถ้าให้เซฮุนพูดถึงก็คงจะเล่าด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ปนอิจฉาเล็กๆ เพราะเพื่อนคนเดียวของเขามันเป็นคนฉลาด...ฉลาดจนไม่รู้จะเลือกเรียนอะไร.. มันเลยตัดปัญหาไม่เรียนไปเลย อาจจะดูง่ายๆไปสำหรับทุกคน แล้วพวกคุณคงจะสงสัยว่าแล้วพ่อแม่ของจงแดไม่ว่าอะไรเลยหรอ.. ถ้าให้ตอบก็คงใช่ครับ ดูเหมือนจะไม่มีใครว่าอะไรจงแด จากที่ผมสังเกต(ไม่กล้าถามครับเดี๋ยวโดนด่าว่ายุ่งเรื่องของมัน)พ่อแม่ของไอ้จงแดเลี้ยงมันแบบผู้ใหญ่ครับ อยากทำอะไรก็ทำ อารมณ์ประมาณว่าคิดว่าดีก็ทำไป...
อีกเหตุผลนึงที่ผมว่าไม่มีใครว่าอะไรไอ้จงแดมันเพราะว่ามันก็ช่วยงานพ่อแม่มันครับ ผมจำได้ว่ามันเคยเปรยๆกับผมตอนไปปั่นจักรยานที่แม่น้ำฮันว่ามันอยากได้คอนโดติดแม่น้ำ ผมเลยพูดเล่นกับมันว่าให้มันสร้างดิจะได้อยู่ เชื่อไหมครับหลังจากนั้นหนึ่งเดือน... ผมเห็นชื่อโครงการคอนโดริมแม่น้ำฮันจุดที่มันชี้ให้ดู.. ที่สำคัญชื่อผู้รับผิดชอบโครงการยังเป็นชื่อมัน...
..มันจะเทพเกินไปแล้ว..
แต่นั้นมันก็เป็นแค่จุดเล็กๆครับ.. เพราะไม่นานมันก็มีโครงการที่ใช้ชื่อมันเป็นผู้ดูแลอีกสองสามโครงการ แต่ตั้งแต่ที่คบมันมาผมไม่ค่อยเห็นมันเข้าบริษัทช่วยงานพ่อมันอย่างเป็นกิจลักษณะเลย มันก็เคยเล่าว่ามันดูแลโน้นนี้ แถมด้วยความที่เงินมันหาเงินใช้เองตั้งแต่เด็ก..และเล็งเห็นว่ามันยังมีเวลาใช้เงินอีกนาน.. มันก็เลยเอาเงินที่เหลือของมันสร้างสนามแข่งรถขนาดใหญ่และได้มาตรฐาน..
เอามาให้พวกเพื่อนๆแข่งกันเล่นๆ...
ส่วนตัวมันขอเป็นพวกช่างเครื่องดีกว่า มันให้เหตุผลว่ามันไม่ชอบความเร็ว และมันไม่อยากเสี่ยงตาย... แต่คือคุณมึงสร้างมาให้พวกคุณกูเสี่ยงตายสินะครับ
ดีออก...
"มึงเชื่อเรื่องที่บนโลกนี้มีคนหน้าเหมือนเราป่ะ" ผมหันไปถามมัน แน่นอนว่ามันคิ้วขมวดทันทีที่ได้ยินคำถามผม มันคงไม่คิดว่าผมจะถามอะไรแบบนี้
"มึงหมายถึงDoppelganger ?" เฉินถามออกมาอย่างงงๆ
"อะไรนะ..ดอพ...เพอร์..อะไรนะ" ผมกำลังมึนๆกับคำถามที่ไอ้จงแดส่งกลับมาให้ผม
"ดอพ-เพล-แกง-เกอร์" มันพูดช้าๆเป็นสำเนียงเกาหลีชัดๆให้ผมฟัง "ฉันหมายถึงตำนานคนหน้าเหมือนกันนะ จะฟังต่อไหมล่ะ" ไอ้จงแดถามผมอีกรอบ ที่ถามผมแบบนี้เพราะ..มันขี้เกียจอธิบายถ้าผมไม่อยากฟังมันจะได้ไม่ต้องเล่า
"..." ผมพยักหน้าช้าๆ ถ้าเป็นผมสมัยก่อนผมคงไม่ยอมฟังตำนานไร้สาระอะไรแบบนี้หรอก แต่มันไม่ใช่ตอนนี้.. ตอนที่ผมได้รู้ความจริงว่าบรรดาญาติผมรวมถึงตัวผมมีเชื้อของพ่อมดแม่มด แฟนของพี่ชายเป็นมนุษย์ป่า.. คนที่ผมรักเป็นแวมไพร์...
คิดถึงตรงนี้ก็เศร้าเล็กๆแหละ..
"เอาย่อๆนะ ดอพเพอร์แกงเกอร์คือตำนานคนหน้าเหมือนตัวเรา มีเล่าหลายๆแบบในต่างถิ่นฐานอ่ะนะ บางส่วนก็เล่าว่ามันคือภูตเงาที่คอยอยู่กับเราเป็นเพื่อน รูปร่างลักษณะคล้ายกับเรา แล้วคอยช่วยเหลือเราเมื่อมีอุบัติเหตุที่เรียกว่านาทีชีวิตล่ะมั้ง.. ถ้าให้ยกตัวอย่างก็คงเหมือนตอนที่มึงพาลูกชายมึงไปคว่ำนั้นแหละ.. ถ้ามึงหักพวงมาลัยช้ากว่านี้..ที่เละไม่ใช่ลูกชายมึงแต่เป็นมึงแน่ๆ" ไอ้จงแดหันมาแสยะยิ้มให้ผม
"ไอ้... กูขนลุกแล้วเนี่ย" ผมยกมือขึ้นมาลูบแขนตัวเอง.. นี้ผมรอดมาได้เพราะไอ้ดอพเพอร์แกงเกอร์อะไรนั้นหรอ?
"แต่มึงรู้ไหม บางทีถ้าเจ้าของมีจิตใจที่เครียดแค้น ดอพเพอร์จะออกจากร่างของเจ้าของ มันจะไปทำการแก้แค้นสิ่งที่เจ้าของเกลียดชัง โดยใช้รูปร่างที่เหมือนกับเจ้าของเด๊ะๆ... ที่สำคัญเจ้าของไม่รู้เรื่องเลย.." มันเล่ามาถึงตรนี้ผมก็กลืนน้ำลายดังอึก "แล้วถ้ามันมีจิตใจชั่วร้ายมากมันจะดึงดูดให้เจ้าของร่าง..ทำสิ่งชั่วร้ายแทนมันเอง ที่สำคัญถ้าวันใดเจ้าของร่างเห็นตัวมันล่ะก็..ไม่นานเจ้าของร่างจะต้องพบจุดจบของชีวิต.."
"..." ผมอ้าปากค้างไปแล้ว
"เอาเหอะตำนานแนวนี้กูว่ามันก็สยองไปหน่อย ถ้าเอาเข้าจริงมองจากวิทยาศาสตร์แม่งก็เหมือนตัวเราอีกตัวตนนึงแหละมั้ง" ไอ้จงแดยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
"มึงว่ามันมีจริงไหม.." ผมกลืนน้ำลายดังอึก
"ก็ไม่รู้สิ... แต่ตำนานเกี่ยวกับมันที่น่าเชื่อกว่าไอ้ที่กูเล่ามาก็คือตำนานของชาวยุโรป เขาบอกว่ามนุษย์จะถูกสร้างให้มีสองคนเพื่อถ่วงดุลอำนาจกัน อ้อ..บางกรณีที่ญี่ปุ่นก็บอกว่า3คนล่ะนะ โดยตอนที่ถูกสร้างเนี่ยจะทำให้มีลักษณะหน้าตาเหมือนกันเป๊ะ แต่จะแตกต่างกันที่นิสัย หากคนนึงเป็นด้านดีอีกคนก็เป็นด้านเลว.. ถ้าฝ่ายไหนเจ็บป่วยอีกฝ่ายก็จะยิ่งแข็งแรง.. ถ้าฝ่ายไหนตาย..ก็แปลว่าอีกฝ่ายจะได้วิญญาณที่สมบูรณ์ไป.. ถ้าร่างที่เหมือนกันมาเจอกัน..ฝ่ายที่หลังวิญญาณน้อยกว่าก็จะตาย..."
ทำไมมันมีแต่เรื่องตายวะ... ผมเริ่มกลัวแล้วนะ
"มึงจะบอกกูได้หรือยังว่ามึงถามทำไม เจอคนหน้าเหมือนตัวเอง?" ไอ้จงแดเปลี่ยนสีหน้าจากจริงจังเป็นขำมากกว่า.. มันคงสนุกที่เห็นผมเริ่มกลัว..
"เปล่า.. กูเห็นคนหน้าเหมือนกับคนที่กูรู้จัก แต่พอทักก็บอกว่าไม่รู้จักกู" พูดถึงตรงนี้เซฮุนก็มีอาการเซ็งชะมัด
"มึงรู้ไหมคนเรามีถิ่นกำเนิดมาจากคนๆเดียวกัน ก็เหมือนเป็นพี่น้องกันทั้งโลกอะแหละ มีคนหน้าเหมือนกันก็ไม่ต้องตกใจหรอกวะ ไหนจะการศัลยกรรมอีก มึงดูอย่างดาราดิหน้าบล็อคเดียวกันหมดจนกูแยกไม่ออกแหละ" จงแดมันบ่น
แล้วทำไมคุณมึงไม่พูดอะไรวิชาการก่อนจะเล่าตำนานบ้าๆให้กูกลัวว่ะ...
"ถ้าเป็นหนังกูจะตอบมึงว่า... เขาความ-จำ-เลื่อม" มันพูดแค่นั้นก่อนจะกดรับโทรศัพท์ที่ไม่รู้มันดังตั้งแต่ตอนไหน ก่อนจะเดินออกไปคุยไกลจากผม
ทิ้งให้ผมอยู่กับความคิดตัวเอง...
หรือจะความจำเสื่อมจริงๆนะ...
คือการศึกษาดอพเพอร์แกงเกอร์เป็นอะไรที่เหนื่อยกว่าการแต่งฟิคอีกค่ะ...555555555 ใช้เวลาศึกษานานกว่าแต่งตอนนี้อีก
มาถึงบทของพี่เฉินกันบ้าง.. คือด้วยความที่ไรเตอร์คนนี้ก็อ่านนิยายของคนอื่นมาพอสมควร.. จึงทราบดีว่าแต่ละบทของพี่เฉิน..
ไม่คนใช้..ก็คนขับรถ... ดีๆหน่อยก็เป็นเลขา...
มันไม่หล่อ! ไม่เท่! ไม่แฮนด์ซั่มเลย... ไรเตอร์คนนี้จะปฏิวัติอิอิ..
ถึงแม้จะได้เป็นตัวประกอบเหมือนเดิม...อิอิ
ก็ไม่ได้สปอยอะไรหรอกนะก็แค่อยากถามว่า... คิดว่าพี่ลู่ความจำเสื่อมจริงๆหรอ... หึหึ.. (รู้สึกเหมือนเป็นตัวร้ายในหนัง)
ขอบคุณที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและกำลังใจค่าาาา
ใครเล่นทวิตเตอร์แล้วขี้เกียจเม้น ติดแท็ก #ฟิคแวมไพร์หมาป่า2 กันได้เลยนะคะ ไปแล้ว ปย๊ง
ความคิดเห็น