คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 5 เลื่อนสถานะ (50%)
บทที่ 5 เลื่อนสถานะ
“มูน!”
ศศิลดาเงยหน้าจากงานในมือขึ้นมองหาคนเรียก ก่อนเห็นร่างท้วมของผู้จัดการวัยกลางคนนามว่า ‘สุชาติ’ ที่เดินยิ้มแต้เข้ามาทักทายถึงหลังร้าน
“สวัสดีค่ะพี่สุชาติ” ด้วยสุชาติเป็นคนที่ทำงานกับอัครามานานพอสมควร คำสั่งง่ายๆ เช่น ‘การเรียกไปคุย’ ของเสี่ยหนุ่มย่อมแสดงออกถึงบางสิ่งได้เป็นอย่างดี อีกฝ่ายจึงไม่ได้ดูแคลนหรือมองผ่านเด็กสาวตรงหน้าเลย
“เสี่ยเรียกหาแหนะ รีบไปเถอะ”
ถึงจะมองออกว่าสถานะของศศิลดาคลุมเครือ แต่ชายวัยกลางคนเช่นเขาก็ยังทำตัวให้เป็นกลางได้มากกว่าพวกเด็กๆ ในร้าน ที่นับวันจะค่อยๆ แน่ชัดถึงความสำคัญของเด็กสาวแล้ว สุชาติคลี่ยิ้ม พยักพเยิดไปยังทางเข้าร้านพร้อมเอ่ยสำทับ
“งานกวาดใบไม้ใบหญ้าหลังร้านแบบนี้ปล่อยให้ลุงสุธีทำเถอะ ไม่ต้องออกมาตากแดดตากลมให้ผิวเสียหรอก เข้าไปข้างในเถอะ” ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่ในใจก็ให้ชื่นชมในความขยันของเด็กสาว แม้จะทำงานในสถานบันเทิงสีเทา แต่สุชาติก็ไม่ใช่คนกะลิ้มกะเหลี่ย เขาอาจไม่ใช่คนดี แต่ไม่ใช่คนเลว เพราะทุกคนที่ทำงานให้อัคราจะต้องเป็นคนที่เสี่ยหนุ่มคัดมาเองกับมือ และเจ้านายคนนี้ก็มองคนขาด คุมคนอย่างมีระเบียบเสมอมา ที่นี่มีกฎไม่มาก แต่เคร่งครัด ดังนั้นคนที่นี่จึงถูกคัดกรองมาแล้วทั้งสิ้น
ชายวัยกลางคนมองร่างอ้อนแอ้นเดินไปเก็บไม้กวาดทางมะพร้าวแล้วค้อมกายยามเดินผ่านตนเองไปจึงถอนหายใจแรงๆ ไม่รู้จะหนักใจก่อนหรือลำบากใจทีหลังดี
ศศิลดาเหมือนใครบางคนราวกับเป็นน้องสาวก็ไม่ปาน เพราะแบบนี้สินะ เจ้านายถึงได้เรียกหาหลายต่อหลายครั้งมาตลอดสัปดาห์
สุชาติถอนหายใจซ้ำอีกครั้ง มองตามแผ่นหลังเล็กที่ผลุบหายเข้าประตูหลังร้านไปนานแล้วด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ การเป็นผู้หญิงของอัครานั้นไม่ใช่ไม่ดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะดีเสียทีเดียว เพราะเสี่ยหนุ่มเป็นผู้ชายที่เวลาร้ายก็ร้ายจนขยาด แต่เวลาดีก็ดีใจหาย หากแต่… ข้อดีของอีกฝ่ายมีน้องกว่าข้อไม่ดีมากทีเดียว
หากจะนับผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของอัคราแล้วละก็,,, เขาเกรงว่าใช้เวลาสักอาทิตย์ยังคิดไม่หมด
ทว่า… ศศิลดาเป็นผู้หญิงคนแรกที่เจ้านายให้ความสนใจในขณะที่อีกฝ่ายทำงานอยู่ใต้อาณัติเช่นนี้ ที่ผ่านมาอัครามักเลี่ยงการเด็ดดอมดอกไม้ใต้ชายคา ไม่เคยยกเว้นแม้กระทั่งพนักงานพาสไทม์ หากพอคิดให้ดีแล้วสุชาติก็ฉุกใจขึ้นมาได้
หรือว่า… แท้จริงแล้ว ศศิลดามีสถานะที่ชัดเจนตั้งแต่แรก หากเสี่ยหนุ่มไม่ได้ชี้แจ้งให้ชัดเจนเท่านั้นเอง
ยิ่งคิด คนแก่เช่นเขายิ่งทอดถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย เพราะคนที่มีใบหน้าต้องห้ามเช่นนั้น อาจได้ทั้งความรัก แต่ก็หลีกเลี่ยงความรู้สึกอื่นๆ ของอัคราไม่ได้เช่นกัน
สุชาติไม่รู้จะทำเช่นไร สิ่งเดียวที่ชายวัยกลางคนทำได้ก็คือ… ขอให้เธอโชคดี
“นั่งสิ!”
ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องทำงานสีทึบ เสียงราบเรียบแฝงการออกคำสั่งก็เอ่ยขึ้น
ศศิลดาถอนหายใจ เริ่มชินชากับการถูกเรียกหาให้มาช่วยตรวจเอกสารเล็กๆ น้อยๆ หรือพิมพ์งานเสียแล้ว เด็กสาวจึงเดินเข้าไปทิ้งกายลงนั่งบนพื้นหน้าโต๊ะรับแขกตัวเตี้ยที่มีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กวางอยู่ เข้าใจคำสั่งอย่างไม่ต้องไต่ถามอีกต่อไป หลังจากจัดท่าทางเรียบร้อยก็กวาดมองเอกสารปึกใหญ่ข้างๆ จึงค่อยลงมือพิมพ์งานเอกสารให้เจ้านายทันที
เด็กสาวใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงาน จดจ่อกับหน้าจอโน้ตบุ๊กจนไม่ทันสังเกตเห็นประกายตาคมปลาบที่มักลอบมองมาอย่างมีเป้าหมายของใครอีกคนเลย…
กว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วหลังจากวันนั้น ศศิลดามักถูกเรียกมาช่วยเขา ‘ทำงาน’ ที่ห้องทำงานด้วยกันสองต่อสองหลายต่อหลายครั้ง เขามักใช้ข้ออ้างเล็กๆ น้อยๆ เรื่องงานบังคับกึ่งขอร้องให้เด็กสาวช่วยงานระหว่างรอเวลา
และเวลานั้นก็มากำลังจะมาถึง
อีกแค่วันเดียว… วันเดียวเท่านั้น
หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป ศศิลดาจะอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ ‘พร้อม’ สำหรับงานใหม่ที่เข้าหมายมาดจะให้เธอทำ แม้กระทั่งปณิดาก็ไม่มีโอกาสจะเหนี่ยวรั้งหรือทำสิ่งใดได้
เมื่อเขา ‘ต้องการ’ ไม่มีสิ่งใดเกินกว่าสองมือคู่นี้ไปได้ เด็กคนนี้ก็เช่นกัน
“กินข้าวหรือยัง” เขาเอ่ยถามพลางก้มหน้าลงเซ็นเอกสารเบิกจ่ายตรงหน้าเป็นแฟ้มสุดท้ายจึงเงยหน้าขึ้น รอฟังคำตอบจากคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก
ศศิลดาเงยหน้าจากงานของตน เม้มปาก ครุ่นคิดอย่างดีจึงค่อยส่ายหน้าพร้อมตอบ
“ยังค่ะ”
ใบหน้าหล่อเหลาแฝงความร้ายกาจจึงพยักรับกับตน แล้วต่อสายหาคนสนิท สั่งสองสามคำก็กดวางสาย แล้วหันมาสนทนากับใครอีกคนในห้องต่อ
“ฉันสั่งให้คนซื้อข้าวขึ้นมาให้แล้ว วันนี้เธอต้องทำงานเอกสารตรงนั้นให้เสร็จทั้งหมด” เขาพูดพลางชี้มายังเอกสารที่กองพะเนินอยู่ข้างๆ เธอด้วยสายตาออกคำสั่ง
ศศิลดาไม่ใช่คนไม่รับผิดชอบ เมื่อได้รับมอบหมายงานย่อมต้องทำให้เต็มที่ ทว่า...
“เอ่อ หนูมาทำต่อพรุ่งนี้ได้ไหมคะ”
เขาเลิกคิ้วสูง มองสำรวจร่างอ้อนแอ้นอย่างละเอียดอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
ศศิลดากล้าปฏิเสธเป็นครั้งแรก!
“ทำไม”
เด็กสาวคล้ายมองออกว่าสีหน้าของเจ้านายดำทะมึนขึ้นมาเฉยๆ จึงก้มหน้าอ้อมแอ้มตอบ
“เอ่อ คืนนี้พี่ๆ ที่ร้านจัดงานวันเกิดให้ก่อนร้านเปิดค่ะ”
หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันก่อนเอ่ยถาม “เธอเกิดวันพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ”
เขาจำได้ว่าสพลแจ้งว่าศศิลดาเกิดวันที่ 2 พฤษภาคม แต่วันนี้มันเพิ่งวันที่ 1 เองนะ อีกอย่างวันนี้เป็นวันหยุด ลูกค้าที่ร้านน่าจะเยอะกว่าปกติ เขาจึงยิ่งขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เคาะนิ้วชี้บนโต๊ะเป็นจังหวะไปพลางมองใบหน้าหงอยๆ ไปพลาง ก่อนตัดสินใจ
“พรุ่งนี้”
“คะ?”
คนหน้าหงอยเงยหน้าขึ้นมอง เบิกตาโตอย่างงุนงง
“อะไรเหรอคะพรุ่งนี้?”
อัคราไม่ใช่ชอบพูดเยอะ ทั้งยังไม่ชอบอธิบาย บอกจบก็ต่อสายหาลูกน้องทันที
(“ครับเสี่ย”) เสียงตอบรับของธีธัชหอบเหนื่อยจนเจ้านายต้องย่นหัวคิ้ว ภาพบางอย่างวาบเข้าหัวจนคนหน้าหนากว่าปกติอย่างเขายังหางคิ้วกระตุก รวบรัดคำสั่งอย่างระอาใจ
“บอกลูกปลาว่างานวันเกิดของมูนให้จัดพรุ่งนี้ วันนี้ที่ร้านลูกค้าน่าจะเยอะ”
เขาไม่รอฟังคำตอบพร้อมเสียงหอบกระเส่าของลูกน้องให้ระคายหูด้วยซ้ำก็กดตัดสายมันทิ้งทันที
“ไอ้นี่ให้เอาคนไปทำงาน มันเอาไปทำระยำอะไรวะนั่น”
ไม่รู้เพราะสบถหยาบคายเกินไปหรือไม่ ใบหน้าหวานซึ้งที่ก้มทำงานจึงเงยหน้าขึ้นมองมาตาแป๋ว
อัคราเลิกคิ้ว เป็นครั้งแรกที่เขามีอาการ ‘เลิ่กลั่ก’ กับการพูดหยาบคายจนต้องเสเปลี่ยนเรื่องไปทันที
“อะแฮ่ม วันนี้เธอไม่ต้องรีบไปเป่าเค้กที่ไหนหรอก พรุ่งนี้อยากจะเป่าจนลมหมดท้องก็ค่อยทำ เข้าใจไหม”
ศศิลดามองออกว่านี่คือคำสั่ง ไม่ใช่คำขอร้องหรือคำแนะนำ เด็กสาวพอจะรู้ว่าเจ้านายเป็นคนเช่นไรจากคำตักเตือนของปณิดาจึงพยักหน้าตอบ “เข้าใจแล้วค่ะ”
ไม่ได้เสียใจที่ไม่ได้เป่าเค้กอย่างที่อัคราเข้าใจ แต่เกรงอกเกรงใจพี่ๆ ที่อาจจะเตรียมงานกันไว้ให้แล้ว ที่สำคัญพรุ่งนี้เธอนัดแนะกับปณิดาแล้วว่าพี่สาวจะของลางานแล้วพากันไปเลี้ยงฉลองสองคนที่ร้านชาบูในห้างดังที่นานๆ ครั้งจะมีโอกาส เมื่อคิดแล้วก็อดถอนหายใจเบาๆ ออกมาอย่างปลงตกไม่ได้ หากสุดท้ายก็ยังก้มหน้าพิมพ์ยุกยิกต่อไปไร้ข้อโต้แย้ง
ภาพอาการทอดถอนใจของศศิลดาอยู่ในสายตาของอัคราตลอด หากเขาก็เพียงยกมุมปากขึ้นสูง ไม่ได้เอ่ยปลอบใจเพราะไม่ใช่วิสัย แต่จากการเฝ้ามองเด็กสาวมาสัปดาห์กว่าๆ เขาก็ค่อยแน่ชัดในอุปนิสัยใจคอของเธอได้มาก ถ้าจะให้นิยามความเป็นเธอออกสั้นๆ ก็คง… ใจดี
ใช่ ศศิลดาใจดี เป็นคนอัธยาศัย และนิสัยใจคอดีมาก เชื่อฟัง ไม่เคยเอ่ยปฏิเสธตรงๆ หากทำสิ่งใดตามคำขอร้องหรือคำสั่งไม่ได้จะรู้จักใช้เหตุผล หลีกเลี่ยงให้รอมชอมที่สุดซึ่งถ้ามองอย่าง ‘ผู้ใหญ่’ แล้วเด็กสาวอย่างศศิลดานับได้ว่าหายาก และเป็นเด็กดีน่าเอ็นดู ทว่าในสายตาของอัครา ศศิลดาไม่ได้อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ เขาไม่ใช่ผู้อาวุโสใจดีมีเมตตา เขาเป็นไอ้เสี่ยแก่ๆ ที่จ้องจะงาบเธอ ดังนั้นพอเห็นเธอเป็น ‘คนดี’ จึงตะขิดตะขวงใจมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งสพลคอยกล่อมเกลาเป่าหูอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าศศิลดาดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ ยังเด็กแค่ไหน รวมทั้งอะไรต่อมิอะไรมากมายก็ยิ่งทำให้ผู้ชายระยำที่คอยจ้องตามเป็นมันเช่นเขาขุ่นเคืองอยู่ข้างใน ทั้งยังรู้สึกว่าตัวเอง… เลว
ใช่ เขาเลว อัคราไม่ได้โต้แย้งความเป็นตัวตนของเขา ทว่าก็ยังหางตากระตุก หากมีคอยตอกย้ำข้างหูอยู่เนืองๆ ว่าเขาเป็นเช่นไร ดังนั้น… การจะทำให้ความหงุดหงิดในใจของเขาเบาบางลงก็คงมีเพียงการทำให้ศศิลดา ‘ดีน้อยลง’ ถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
ใช่ นั่นแหละถูกต้อง
อัคราหมายมาดในใจ ยกมุมปากข้างซ้ายขึ้นสูง ส่งเสียงหัวเราะเยาะหยันในลำคอแล้วจ้องมองร่างเล็กที่กำลังก้มหน้าทำงานอยู่ไม่ไกลออกไปนัก
เด็กสาวอายุสิบแปดอย่างศศิลดาคงมีความชอบไม่ต่างจากคนทั่วไป เซอร์ไพร์ ดอกไม้ เงิน? เ
ขาครุ่นคิดในใจว่าจะทำเช่นไรให้วันเกิดปีนี้ของเด็กสาวมีเขารวมเข้าไปในความทรงจำ
หากต้องการ ‘เก็บ’ ผู้หญิงสักคน อัคราไม่เคยต้องเสียเวลาจีบด้วยซ้ำ เขาเพียงยกมุมปาก ปรายตาให้ หรือยกแก้วเครื่องดื่มในมือให้อีกฝ่ายได้เห็นหลังจากสั่งให้เด็กเสิร์ฟยกเครื่องดื่มที่แพงที่ไปให้เธอ แค่นั้นก็เป็นการทำความรู้จักในแบบของเขาแล้ว ทว่าสำหรับศศิลดาแล้วไม่เป็นเช่นนั้น
เขาไม่ได้พบเธอในผับ ไม่ได้สบตากันในร้านอาหารที่ไหน แต่เขาจับจ้องอยู่ในบริษัทของตัวเอง เพราะฉะนั้นแผนการที่เคยใช้มาย่อมไม่อาจใช้ได้กับเด็กคนนี้ เพราะหากศศิลดาชอบเงินจริงๆ มีหรือจะไม่เข้ามาให้ท่าเขาเช่นพนักงานสาวที่หวังรวยทางลัดคนแล้วๆ มา
เขาหล่อนะ อัครายกมุมปากสูงขึ้นอีก นึกย่ามใจ และชมชอบใบหน้าหล่อเหลาติดร้ายกาจของตนเอง ทั้งยังภูมิใจในความชั่วที่มีติดตัวมาแต่กำเนิดเช่นนี้อีกด้วย
“อืม สงสัยคงต้องงัดไม้ตายชายงามออกมาใช้”
ความคิดเห็น