NC

คำเตือนเนื้อหานิยาย

นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหานิยาย

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์ใต้อาณัติ

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 6 อุบัติเหตุ (100%) รีไรท์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.09K
      76
      20 ม.ค. 66

    (ต่อ)

    ใบหน้าของมาวินซีดเผือดลงทีละนิด ดวงตาคมกล้าเบิกโตขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายริมฝีปากหนาก็ต้องอ้าค้างจนคางแทบชิดอก

    ผะ ผมเนี่ยนะ ปล้ำเด็กประถม”

    เขากลืนน้ำลงคอ ริมฝีปากสั่นระริกยามเอ่ยถามมารดาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

    ถึงเขาจะชั่ว แต่ไม่ได้ชั่วขนาดนั้นนะ!

    ต่อให้เมาแทบตาย หัวราน้ำจนแทบโงไม่ขึ้น ก็ไม่มีทางปลุกปล้ำเด็กยังไม่โตแน่นอน

    ดะ เด็ก… อย่าบอกนะว่า…

    เด็กคนนั้นคงไม่ใช่…”

    ใช่” คุณหญิงวารีตอบเสียงเรียบพลางยังยกแก้วน้ำสมุนไพรขึ้นจิบ หนูอัยย์ อัยริน เด็กในการอุปาระของแม่เอง ทุกคนไปเจอตอนเรากำลังคร่อมตัวหนูอัยย์ แถมยังยื่นปากเข้าไปใกล้จะจูบเด็กประถมพอดี

    มาวินกลืนน้ำลายลงคออีกอึกใหญ่ ใช้สมองที่นาน ๆ จะใช้งานขบคิดอย่างหนักหน่วง

    คะ คือว่า แม่หมายถึงผมกำลังคร่อมตัวเด็กคนนั้น แค่นั้นใช่ไหมครับ”

    ตีให้ตายเขาก็ไม่มีทางเชื่อว่าตัวเองจะปล้ำเด็กประถม!

    บางทีอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด เมื่อคืนผมเมามาก

    คราวนี้หัวคิ้วของคุณหญิงวารีขมวดคิ้วจนผูกเป็นปม วางแก้วน้ำสมุนไพรฝีมือของ ‘เด็กคนนั้น’ ลง ก่อนตวัดสายตาคมกริบมาหา

    “น้องชื่ออัยริน เรียกหนูอัยย์เหมือนคนทั้งบ้านก็ได้ มาเด็กนั่นเด็กนี่ อย่าให้แม่ได้ยินอีกนะ”

    มาวินขมวดคิ้ว ใช้สมองส่วนผิดชอบชั่วดีตระหนักอย่างตั้งใจ

    นะ นี่ผม ผะ ผมเมาแล้วทำชั่วขนาดนั้นเลยเหรอ”

    เขาละเมอถามตัวเอง แต่คนที่นั่งเหลือบหางตาคมกริบมามองจากหัวโต๊ะกลับตอบรับทันที

    ใช่”

    กระนั้นมาวินก็ยังคงคลางแคลงใจ ไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำเรื่องแบบนั้นได้จริงๆ

    แต่เมื่อคืนผมมั่นใจว่าลุงแสวงเป็นคนพามานอน แล้วจะไปปล้ำเด็กคนนั้นได้ยังไงครับ”

    แววตาของคุณหญิงวารีฉายความลังเล ก่อนจะวาววับขึ้นอีกครั้ง

    บอกให้เรียกน้องว่าหนูอัยย์”

    โอเคครับ หนูอัยย์ก็หนูอัยย์ แต่เรื่องปล้ำเด็กประถม ต่อให้เหมือนหมาขนาดไหน ผมก็ไม่มีทางทำเด็ดขาด”

    มาวินเชื่อมั่นในตัวเอง แต่สายตาไม่เชื่อใจจากคนรอบข้างก็กัดกร่อนความเชื่อมั่นของเขาได้จริงๆ

    ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ

    ผมไม่คิดว่าตัวเองจะเลวขนาดนั้นได้ เขาเอ่ยเบาๆ พลางเหลือบมองมารดา เห็นแววตาวาวโรจน์จากคนตรงหน้าก็ย่นหัวคิ้วเอ่ยถาม หรือแม่ไม่เชื่อใจผม”

    มารดาของเขาเก็บสายตาคมกริบกลับไป ยกแก้วน้ำสมุนไพรขึ้นจิบ ก่อนวางลงอีกครั้งอย่างไม่ใคร่ใส่ใจ

    เพื่อไม่ให้หนูอัยย์ถูกครหา ไม่ว่าจะจากใครทั้งนั้น ที่สำคัญเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำครั้งที่สอง แม่จะส่งหนูอัยย์ไปอยู่เชียงใหม่กับเพื่อนของแม่ คุณวาดจันทร์ไม่มีครอบครัว ครั้งก่อนได้เจอหนูอัยย์ก็เอ็นดูมากทีเดียวทีเดียว เปรยว่าอยากให้ไปเที่ยวหา พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา แม่คิดว่าคงต้องส่งเด็กสาวกำลังโตไปก่อน อย่างไรบ้านเราก็มีผู้ชายวัยฉกรรจ์สองคน คนหนึ่งย่างสามสิบ อีกคนยี่สิบกลาง ๆ เรื่องความสัมพันธ์ชายหญิงเป็นสิ่งไม่แน่นอน แม่เลยตัดสินใจให้หนูอัยย์ไปอยู่ไกลสักหน่อย โตพอจะดูแลตัวเองได้ถึงค่อยให้กลับมา”

    กล่าวถึงช่วงท้ายสายตาของมารดาก็ฉายประกายหวาดหวั่นขึ้นมาครู่หนึ่ง

    มาวินพอจะเข้าใจ เพียงแต่เขารับไม่ได้ที่ตนเองต้องตกเป็นจำเลย ทว่าก็ไม่อาจหาหลักฐานมายืนยันความผิดของตน

    ชายหนุ่มถอนหายใจ เงียบงีนไม่พูดสิ่งใด เพียงตั้งใจฟัง

    เอาเป็นว่าจบเทอมนี้แม่จะพาหนูอัยย์ไปส่งเอง

    มาวินเชื่อมั่นว่าตัวเขาไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้น แต่สายตาของคนทั้งบ้านก็บอกชัดว่าไม่เชื่อใจ สุดท้ายชายหนุ่มอดสะท้อนใจขึ้นมาไม่ได้ ไม่อยากจะเชื่อว่าตนจะไม่เป็นที่ไว้วางใจได้ขนาดนี้

    หรือเราจะหน้ามืดปล้ำเด็กประถมจริง ๆ”

    เขาถามตัวเอง ถามมารดา รวมไปถึงถามหาความจริงจากใจ

    เพียงแต่

    คุณหญิงวารีกลับย่นหัวคิ้ว ตวาดออกมาเสียงดังลั่น

    มาวิน!”

    เป็นอันจบบทสนทนาของเรื่องราว และข้อสรุปว่าเขายังคงเป็นจำเลย

    จะไปกินข้าวที่ไหนกับใครก็ไปตอนนี้เลย ช้ากว่านี้แม่อาจจะความดันขึ้นหรือหัวใจวายตายไปก่อน!”

    มาวินถอนหายใจ ลุกจากเก้าอี้เดินออกไปอย่างไร้จุดหมาย

    บ้านหลังใหญ่โต แต่เขากลับไม่รู้จะไปที่ไหน เดินไปทางซ้ายก็เจอคนมองมาด้วยสายตาเคลือบแคลง เดินไปทางขวาก็เจอสายตาไม่แตกต่างกัน สุดท้ายหลังจากเดินไปไหนไม่ได้ เขาจึงกลับขึ้นห้อง เอนกายลงนอนหลับตาเงียบๆ เพียงคนเดียว

     

    อัยรินได้รับข่าวสำคัญหลังมื้อเที่ยงของคุณหญิงเสร็จสิ้นลง ท่านเรียกเด็กหญิงไปที่ห้องนั่งเล่น ยิ้มแย้มกวักมือเรียกทันทีที่คนตัวน้อยคลานเข่าเข้าไปหา

    มานี่มา มาหาแม่”

    ร่างน้อยค่อย ๆ เข้าไปใกล้ บรรจงกราบลงบนตักผู้มีพระคุณเช่นที่ชอบทำเสมอ คุณหญิงวารียิ้มแย้มเต็มดวงหน้า รักใคร่คนตรงหน้าเหลือคณา ปลาบปลื้ม และภาคภูมิใจในตัวเด็กหญิงยิ่งนัก

    ปีนี้ก็โตขึ้นอีกแล้ว กำลังจะเป็นสาวเต็มตัวแล้วสิเนี่ย”

    อัยรินยิ้มตอบ “ปีนี้กำลังจะขึ้นปอห้าแล้วค่ะคุณหญิง”

    รอยยิ้มของคุณหญิงวารียิ่งกระจ่างใสกว่าเดิม “จะเข้า ม.หนึ่งแล้ว นมแม้นเล่าว่ายังไม่มีที่เรียนที่สนใจใช่ไหม”

    เด็กหญิงพยักหน้าพร้อมตอบ “ยังเลยค่ะ แต่หนูเรียนที่ไหนก็ได้ แล้วแต่คุณหญิงค่ะ”

    คุณหญิงวารียิ้มกว้างขึ้น ทั้งใบหน้าทั้งดวงตาเปล่งประกายแห่งความสุข ตั้งแต่รับอัยรินมาอยู่ด้วย ค่ำคืนแห่งฝันร้ายของท่านก็จางหายไปมากแล้ว แม้กระทั่งความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักที่บริษัท พอกลับบ้านมักจะมีรอยยิ้มอ่อนโยน แววตาซื่อใสรอคอยอยู่เสมอ พอต้องจากกัน ท่านก็ใจหาย ไม่อยากส่งคนตัวน้อยไปไกล หากก็ไม่อาจปล่อยเนื้อชิ้นหวานไว้ใกล้เสือได้เช่นกัน

    ท่านไม่แน่ใจเรื่องเมื่อคืนนัก แต่ก็ไม่วางใจในตัวบุตรชายเช่นกัน เหตุการณ์ในอดีต และความประพฤติตอนอยู่ที่อเมริกานั้นยากจะสร้างความเชื่อมั่นให้ท่านได้ แม้จะอายุยังน้อย แต่อัยรินก็ใบหน้าหวานละมุน งดงามตั้งแต่ยังไม่โตเป็นสาวเช่นนี้ ท่านหวง ห่วง และกังวลว่ามาวินจะทำเรื่องไม่ดีต่อน้อง หรือก่อเรื่องเช่นคืนวานอีก

    หนูอัยย์”

    อัยรินได้ยินน้ำเสียงของผู้มีพระคุณเบาลงก็ระบายยิ้มอ่อนโยน แค่มองสบตาเข้าใจในความคิดของท่านทันที

    คุณหญิงวารีเอื้อมมือไปแตะแก้มนุ่มเบา ๆ ลูบอไล้อย่างรักใคร่เอ็นดู

    ท่านไม่ได้รังเกียจเด็กที่ท่านชุบเลี้ยงมาเองกับมือ แม้ชาติกำเนิดของเด็กหญิงจะไม่ได้สูงส่ง หากจิตใจนั้นยากจะหาคนเทียบเคียง เมื่อแรกที่ได้พบกัน กำแพงน้ำแข็งแสนเย็นชาจากหัวใจดวงน้อยยังหนาแน่นสูงใหญ่ หากพอได้อยู่ด้วยกันนานวันเข้า หัวใจดวงน้อยของเด็กหญิงกลับอ่อนหวาน และอบอุ่นยิ่งนัก

    ทว่า… ส่วนลึกแล้วท่านก็ยังปรารถนาให้ความหวังในวันวานเป็นความจริง ไม่ใช่เพียงเพื่อหน้าตาทางสังคม หากครอบครัววรโชติพงศ์ยังเป็นกำลังสำคัญให้แอลเอ็นกรุปที่ยังไม่แข็งแรงได้ก้าวเดินต่อไป

    แม้คุณเตชินจะกล่าวไว้ว่าวาคินสามารถดูแลที่นี่ได้อย่างมั่นคง แต่คนที่ต้องดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารแอลเอ็นกรุปตามพินัยกรรมก็คือมาวิน หลานชายคนโตของเลิศวรานนท์

    ถ้ามาวินจะขึ้นนั่งตำแหน่งนั้นได้อย่างมั่นคง ครอบครัวทางฝั่งภรรยาก็ย่อมต้องยิ่งใหญ่พอเป็นกำลังสำคัญคอยหนุนหลังได้

    อย่างไรวาคินก็ได้รับมรดกในฐานะ ‘บุตรบุญธรรม’ ของบิดาอยู่แล้ว ท่านจึงไม่ห่วงใยนัก อีกอย่างบุตรชายคนเล็กนิสัยใจคอสุขุม หัวไว การเรียนก็ดี เป็นคนฉลาด ทันคน และเป็นที่พึ่งพิงของผู้อื่นได้

    ในขณะที่มาวินนั้น… ยังไม่สามารถแม้กระทั่งเดินด้วยสองขาของตัวเองด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นบิดาที่คอยประคองแอลเอ็นกรุปไว้ให้ มารดาที่โอบอุ้มอยู่เบื้องหลังทุกเรื่องเช่นท่าน

    ดังนั้นท่านจึงต้องจัดการทุกอย่างให้ถูกต้องตามความเหมาะสม มากกว่าตามใจตน…

    ไปอยู่เชียงใหม่กับคุณวาดจันทร์ดีไหมคะ”

    อัยรินชะงักไปเล็กน้อย หากรอยยิ้มยังคงประดับเต็มดวงหน้า ตอบรับทันทีโดยไม่ต้องคิด

    ได้ค่ะ”

    แม้จะตกใจ และใจหาย เพราะการไปครั้งนี้มีต้นเหตุมาจากคนอื่น แต่เด็กหญิงก็ไม่อยากทำให้ผู้มีพระคุณต้องทุกข์ใจ อีกอย่างการอยู่ร่วมกับเฒ่าหัวงูเช่นนั้น ก็น่าหวาดหวั่นใจเช่นกัน

    แม้จะยังเด็ก แต่ก็ไม่ไร้เดียงสาจนไม่รู้ความอะไรเลย เด็กหญิงทดความรู้สึกไว้ในใจเพื่อรอเวลา ถือคติที่ว่าแก้แค้นสิบปีก็ไม่มีวันสาย!

    อัยรินยิ้มกว้างขึ้น โผเข้าอ้อมกอดที่รอรับอยู่ แนบใบหน้าหาอกอุ่นคุ้นเคยแล้วพึมพำบอก

    หนูจะตั้งใจเรียน เป็นเด็กดี ไม่ทำให้คุณหญิงขายหน้าค่ะ”

    คุณหญิงวารีลูบแผ่นหลังบอบบางอย่างอ่อนโยน ก่อนจรดปลายจมูกลงบนขมับซ้ายของเด็กหญิงแรง ๆ หนึ่งครั้งอย่างรักใคร่

    ไว้แม่จะไปเยี่ยมบ่อย ๆ นะคะ ลูกรัก”


    **** เนื้อหายังมีติดขัดต้องขออภัยนะคะ


    ฝากหนูอัยย์กับมาวินด้วยนะคะ 

    เนื้อหาที่ลงยังไม่มีการปรับแก้ ตรวจคำผิด 

    อาจมีบางส่วนผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ

    ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด ทุกๆ เรื่องเลยนะคะ

    รัก... เอริณ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×