ตอนที่ 39 : Chapter 19 (50%)
บทที่ 19 ความจริง
“อามิ “
น้ำเสียงของภูพิงค์เบาหวิวราวกับว่าเขาไม่เชื่อตัวเองว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือ ฉัน ใบหน้าหล่อเหลาของภูพิงค์ซีดเซียวรอยฟกช้ำที่ริมฝีปาก หัวคิ้ว ริมฝีปากแห้งกัง สายน้ำเกลือเต็มแขนไปหมด หัวใจของฉันหล่นไปอยู่ที่เท้าเมื่อเห็นแววตาเศร้าโศกทอประกายความหวังหลังจากเห็นหน้าของฉัน
“ภู”
“อามิมาได้ยังไง”
ภูพิงค์เอ่ยถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ฉันยิ้มตอบก่อนจะเดินตรงไปหาเขาที่นอนอยู่บนเตียงโดยไม่สนสายตาของคนอื่นที่กำลังจ้องฉันเหมือนเห็นผี =_=
“ฉันพามาเอง”
เสียงของน้ำนิ่งทำลายรอยยิ้มบนหน้าของภูพิงค์ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินผิวปากอารมณ์ดีเลยผ่านฉันไปนั่งข้างเด็กผู้ชายอีกคนที่ฉันจำได้ว่าเขาคืออีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น
“พูดแบบนี้ระวังโดนสังหารนะพี่นิ่ง”เด็กผมดำหน้าหวานพูดนิ่งๆ โดยที่สายตายังไม่ละไปจากใบหน้าของฉัน
นี่หน้าฉันมีอะไรติดหรือป่าวฟะ จ้องกันจนจะตาหลุดติดหน้าฉันอยู่แล้ว T^T
“เหอะ มันต้องขอบคุณฉันต่างหากที่พายัยจิมิมาส่ง”
ฉันไม่ได้ชื่อจิมิเฟ้ย! T_T
น้ำนิ่งพูดพร้อมยกมือขึ้นกอดอกมองหน้าภูพิงค์ด้วยสายตาคาดคั้นแบบจริงจังมาก นี่อย่าบอกนะว่า…
นี่นายนั่นคงไม่ได้กำลังข่มขู่เอาคำขอบคุณจากภูพิงค์หรอกนะ
“เห้อ ขอบคุณ”
ภูพิงค์ถอนหายใจพร้อมกับเอ่ยขอบคุณน้ำนิ่งด้วยสีหน้าเอือมระอาที่สุด ฉันกระตุกยิ้มเมื่อเห็นน้ำนิ่งยักคิ้วกวนๆ ส่งมาให้ฉัน หมอนี่มันกวน…ได้เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
“นี่หรอผู้หญิงที่แกสองคนพูดถึง”
เสียงเข้มๆ ที่เอ่ยขึ้นหลังจากที่ภูพิงค์ ต้อง ขอบคุณเพื่อนดีๆ อย่างน้ำนิ่งไปแล้วดังขึ้นมา สองคนที่เขาหมายถึงคือน้ำนิ่งกับเด็กผู้ชายอีกคน สองคนนั้นพยักหน้ารัวๆ พร้อมเบ้ปากมองฉันเหมือนขยะแขยงอะไรสักอย่าง
นี่นายสองคนเห็นฉันเป็นกองอึหรือไงฟะ
“นี่อามิครับพี่”
ภูพิงค์ทำลายบรรยากาศขยะแขยงที่กำลังเกิดขึ้นด้วยการแนะนำฉันกับทุกคน ฉันอึกอักเมื่ออยู่ๆ ก็อึดอัดขึ้นมาเมื่อเห็นสายตาจับผิดจากทุกคน มองฉันเหมือนฉันไปฆ่าใครตายสักคน T^T
นี่ฉันไม่ใช่ฆาตกรโรคจิตนะเฟ้ย TT
“ส่วนคนข้างน้ำนิ่งคือดินหอม และนั่นพี่ใหญ่ของเราเฮียท็อฟ”
ภูพิงค์แนะนำสมาชิกภายในห้องทั้งสามคนให้ฉันรู้จักผู้ชายคนแรกคือน้ำนิ่งคนที่พาฉันมาหาภูพิงค์ ส่วนเด็กผู้ชายหน้าหวานที่นั่งข้างน้ำนิ่งคือดินหอมใบหน้าของน้องเขาดูสวยมาก ดวงตาดูหวานแต่แอบน่ากลัว ส่วนคนที่ภูพิงค์บอกว่าเป็นพี่ใหญ่คนนั้นก็ดูเป็นพี่ใหญ่จริงๆเพราะฉันรู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขาม ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาที่ภูพิงค์หรือพี่เฟรนลี่ของฉันก็แทบเทียบไม่ติดดูมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ สีหน้าเรียบนิ่งและดวงตาคู่คมที่กำลังมองฉันมันทำให้ฉันความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามรถอธิบายออกมาได้
“สวัสดีค่ะ”
ฉันยกมือไหว้พี่พายุคนที่ภูพิงค์บอกว่าเป็นพี่ใหญ่ของเขา ผู้ชายตาดุคนนั้นพยักหน้าแต่ไม่ได้ตอบรับอะไร ฉันยิ้มเจื่อนก่อนจะหันกลับมาสนใจภูพิงค์ที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้อีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลายังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่ทำให้ฉันใจหาย
นี่ฉันเป็นต้นเหตุให้ภูพิงค์ต้องเจ็บตัวขนาดนี้เลยหรอ
“อามิไม่มีเรียนหรอ”
“ไม่มีจ๊ะ ภูเจ็บมากไหม แล้วหมอเขาว่ายังไงบ้าง ได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ แล้ว”
“ใจเย็นก่อนอามิ เราไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ตอนนี้ดีขึ้นมากแผลใกล้หายดีแล้ว ส่วนอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
ภูพิงค์ตอบด้วยรอยยิ้ม ทำให้ฉันผ่อนลมหายใจออกมา
“แล้ว…แล้วอามิไม่โกรธเราหรอ”
คำถามของภูพิงค์เรียกความสนใจของคนอื่นๆในห้องได้อีกครั้ง ทุกคนหันมาจ้องหน้าฉันเอาเป็นเอาตายราวกับขู่ว่าถ้าฉันตอบไม่ดีฉันจะโดนฆ่า T_T
ฉันเลิกสนใจสายตาสามคู่ที่กำลังจ้องจะฆ่าแล้วหันมายิ้มให้ภูพิงค์ นี่อาจเป็นคำถามที่ภูพิงค์อยากได้คำตอบมากที่สุดและฉันเชื่อว่าคำตอบของฉันคือคำตอบที่ภูพิงค์อยากฟังมากที่สุดและฉันก็ยินดีและเต็มใจที่จะตอบมัน
“เราไม่โกรธภูหรอกนะ เราต่างหากที่ต้องขอโทษแทนพี่ชายและทุกคนๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นกับภูในวันนั้น”
“อามิ”
รอยยิ้มของภูพิงค์เศร้าเมื่อได้ยินคำตอบของเขาแววตาขี้เล่นและอบอุ่นที่เคยมีกลับมาอีกครั้งพร้อมความเศร้า ภูพิงค์ก้มหน้านิ่งทำให้ฉันต้องเอื้อมมือไปจับมือของเขาเอาไว้ มือของภูพิงค์เย็นจนฉันใจหาย ความกลัวที่เกิดขึ้นจากหัวใจของเขาคงมากมายจนฉันไม่อาจคาดเดามันได้แต่ฉันก็อยากให้เขารู้สึกดีขึ้นเพราะฉันไม่มีวันโกรธเพื่อนดีๆ อย่างเขาได้
“เราไม่มีวันโกรธภู ถึงแม้วันนี้ทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แต่… วันนี้เรายังเป็นเพื่อนกันได้นะภู”
ฉันบอกสิ่งที่ตัวเองคิดมาตลอดสัปดาห์ให้ภูพิงค์ฟัง แม้ว่าวันนี้ความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขาจะไม่ใช่ความรู้สึกในแบบที่เขาต้องการแต่ว่าฉันก็ยินดีที่จะมอบความรู้สึกอีกแบบที่ตัวฉันเองคิดว่ามันสำคัญไม่แพ้กันให้เขาได้ ความรู้สึกที่เรียกว่า รัก เช่นกันแต่เราเรียกความสัมพันธ์แบบนั้นว่า เพื่อน
“เราขอโทษ”
ภูพิงค์ดึงฉันเข้าไปกอดพร้อมน้ำตา เสียงสะอื้นเบาๆ ที่ได้ยินทำให้ฉันต้องยกมือขึ้นลูบหลังปลอบใจเขา ทุกคนในห้องเงียบฟังสิ่งที่เราคุยกันด้วยความรู้สึกเดียวกัน ฉันไม่รู้สึกอายที่พูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าเพื่อนของภูและฉันก็คิดว่าภูก็ไม่อายร้องไห้กอดฉันแบบนี้เพราะทุกคนคงเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี
“เราไม่เคยโกรธและจะไม่มีวันโกรธภู เราสัญญา”
ภูพิงค์เพิ่มแรงกอดแน่นขึ้น ก่อนจะผละกอดออกจากฉันแล้วยกมือเช็ดน้ำตาตัวเองลวกๆ ฉันส่งยิ้มหวานให้เขาพร้อมกับจับมือของเขาอีกครั้ง
“เราเป็นเพื่อนกันนะ”
ทุกคนในห้องเงียบรอฟังคำตอบที่ภูพิงค์จะเอ่ย ฉันรู้ว่าคำถามของฉันมันคงทำให้ภูพิงค์ลำบากใจมากแต่ฉันเองก็ไม่อยากให้ความหวังที่ไม่มีวันเป็นจริงได้กับเขาเพราะวันนี้หัวใจของฉันเต็มไปด้วยผู้ชายคนนั้น พี่สะใภ้ของฉันเอง…
“เป็นเพื่อนยังดีกว่าไม่ได้เป็นอะไรเลยนะไอ้ภู”
เสียงของน้ำนิ่งดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ภูพิงค์หันไปสบตาเพื่อนก่อนจะถอนหายใจแรงๆแล้วเงยหน้ามองฉัน ฉันเห็นแววตาเศร้าที่กำลังผิดหวังและเจ็บปวด ฉันเข้าใจและรู้ดีว่าการถูกปฏิเสธมันเจ็บปวดแค่ไหนแต่ฉันเองก็คิดว่าเจ็บวันนี้ดีกว่าต้องเจ็บไปอีกนานจากความหวังที่ไม่มีวันเป็นจริง
“อืม เราจะเป็นเพื่อนกันแต่ถ้าวันไหนที่ผู้ชายคนนั้นทอดทิ้งอามิ เรายังยืนอยู่ตรงนี้เสมอนะ”
ภูพิงค์ยิ้มเศร้ามองตาฉันและฉันก็ยิ้มตอบเขาเช่นกัน บางทีเรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจก่อให้เกิดมิตรภาพที่ยาวนานของเราสองคนก็ได้ ในวันที่ฉันไม่มีใครและทุกครั้งที่ฉันเสียใจภูพิงค์จะเป็นคนแรกที่เดินเข้ามาปลอบใจและให้กำลังใจฉัน และฉันก็ชอบให้มันเป็นแบบนั้น
“ภูเราถามอะไรภูได้ไหม?”ฉันนึกถึงสิ่งที่ไอเดียวพูดก่อนที่จะหายหัวไปแล้วอดไม่ได้ที่จะถาม ภูพิงค์ขมวดคิ้วแล้วเอ่ย
“ถามมาสิ”
“อะ เอ่อ คือว่า คือภูข่มขืนพี่ไอเดียจริงๆหรอ”
พรวด!
เสียงน้ำที่พ่นออกมาจากปากของดินหอมทำให้ทุกคนชะงัก ฉันหันไปมองสีหน้าไม่พอใจของผู้ชายสามคนที่นั่งอยู่ที่โซฟา ดินหอมยกมือปาดน้ำที่บริเวณริมฝีปากตัวเองแล้วจ้องหน้าฉันเขม็ง
นี่ฉันพูดอะไรผิดหรอ T_T
“เธอถามอะไรนะ?”เสียงเข้มที่เอ่ยพร้อมปรายตามองฉันอย่างคาดโทษจนขนในกายลุกชัน
อย่าฆ่าหนูเลยนะพี่ท็อฟ T^T
“นี่เธอถามอะไรเพื่อนฉันแบบนี้ห๊ะ”
เสียงตะโกนของน้ำนิ่งทำให้ฉันสะดุ้งหัวใจหล่นไปกองที่พื้นเมื่อเห็นสายตาวาวโรจน์จากคนตรงหน้า คนอื่นๆ ต่างก็มีสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน ฉันก้มหน้าหดตัวให้ลีบที่สุดเพื่อหลบสายตาเหล่าปีศาจทั้งสาม T^T
วันนี้ฉันจะกลับมหาลัยได้อย่างปลอดภัยและครบสามสิบสองใช่ไหม T^T
ภูพิงค์ส่ายหน้าให้เพื่อนๆของเขาแล้วหันกลับมายิ้มให้ฉัน รอยยิ้มของเขากลับมาเป็นรอยยิ้มอบอุ่นอีกครั้ง และมันทำให้หัวใจของฉันรู้สึกดีอีกครั้ง
“อามิถามเพราะอามิเชื่อคำพูดผู้หญิงคนนั้นหรือว่าไม่เชื่อกันล่ะ”
“ไม่เชื่อสิ!”
ฉันรีบตอบทันทีเพราะกลัวจะถูกใครสักคนที่นั่งมองห่างๆลากไปฆ่ายัดส้วม TT
“ถึงเราจะเลวกับคนอื่นแต่เราไม่เคยเลวกับอามิ เราอาจจะโกหกคนอื่นแต่เราไม่เคยโกหกอามิ ความผิดเดียวที่เรามีต่ออามิคือเชื่อคำยุแหย่ของผู้หญิงคนนั้น และเราขอให้อามิเชื่อใจเราได้เลยเพราะเราไม่มีวันบังขับขืนใจใครแน่นอน”
ฉันผ่อนลมหายใจพร้อมกับยิ้มให้ภูพิงค์อีกครั้ง ถ้าเป็นคนอื่นพูดฉันอาจจะไม่เชื่อแต่เพราะคนพูดคือภูพิงค์และแววตาที่เขาสื่อออกมาเมื่อเขาขอให้ฉันเชื่อใจมันจริงจังและเชื่อถือได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ฉันเชื่อเขานะ และเชื่อเจาเต็มอกเลยว่าภูพิงค์ไม่มีวันทำร้ายผู้หญิงแบบนั้นแน่นอน
“เพราะคนที่มันอยากขืนใจคือเธอไง ฮ่าๆ”
หา? O.O
“ไอ้นิ่ง!”
สองเสียงดังขึ้นพร้อมกันจนฉันสะดุ้งเสียงแรกนี่ของภูพิงค์ฉันจำได้ ส่วนอีกเสียงเป็นของ…
“เฮียจะตะโกนทำไมผมล้อเล่นหรอกน่า”
ฉันไม่อยากจะพูดเลยว่า ฉันไม่ตลกนะเฟ้ย!
ทุกคนส่ายหัวให้ความกวน…ของน้ำนิ่ง ภูพิงค์มองหน้าฉันแล้วอมยิ้มเขาเอื้อมมือมาจับมือของฉันเอาไว้แน่น แววตาอบอุ่นทอประกายออกมาอย่างชัดเจน ฉันเชื่อในตัวของภูพิงค์นะต่อให้ใครจะมองว่าเขาเลวร้ายเพราะอยู่ในกลุ่มคนไม่ดียังไงแต่… ภูพิงค์เพื่อนที่ฉันรู้จักอาจไม่ได้ดีจนถึงขั้นพระเอกแต่เขาก็เป็นคนดีคนนึงที่ฉันสามารถเชื่อใจได้ ฉันยิ้มตอบแล้วกุมมือของเขาบ้าง
“เราเชื่อใจภูและจะเชื่อใจภูตลอดไป”
“ขอบใจอามิมากนะ”
หลายคนเคยคิดว่าหากเราปฏิเสธความรู้สึกของใครสักคนไปมันอาจทำให้ความสัมพันธ์จบลงแต่สำหรับฉันความรู้สึกที่ได้รับมาฉันไม่เคยปฏิเสธเพียงแต่ฉันตอบรับมันกลับไปด้วยความรู้สึกอีกแบบที่สำคัญมากพอๆกัน ฉันอาจรักภูพิงคือย่างที่เขาต้องการไม่ได้แต่ฉันก็รักเขาในแบบที่เราสองคนไม่มีวันปล่อยมือก็ได้ มิตรภาพของคำว่าเพื่อนหยั่งยืนมากกว่าคนรักหลายเท่า หากวันไหนที่ฉันกับพี่เฟรนลี่เลิกรากันไปฉันก็ยังมีเพื่อนที่ดีอย่างภูพิงค์อยู่ข้างๆ เสมอ ฉันเชื่อแบบนั้นและฉันก็มั่นใจว่ามันจะเป็นแบบนั้น
กริ๊ง
?_?
ฉันสะดุ้งเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ในใจภาวนาให้คนที่โทรมาเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่แก๊งนั้น TT
“อามิรับสายสิ”ภูพิงค์สะกิดเรียกฉันจนฉันต้องลนลานหาโทรศัพท์ตัวองในกระเป๋าเป้
บ้าชะมัด ทำไมมันถึงได้หาไม่เจอนะ แล้วใครกันโทรมาอยู่ได้ T^T
ในที่สุดฉันก็หาโทรศัพท์ตัวเองเจอและทันทีที่เห็นเบอร์ของคนโทรเข้าหัวใจก็หล่นวูบลงไปที่พื้น
พะ พี่เฟรนลี่ T^T
ฉันกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับเงยหน้ามองภูพิงค์ ภูพิงค์ยิ้มก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ ฉันตัดสินใจกดรับสายของพี่เฟรนลี่แบบกล้าๆ กลัวๆ
นี่ฉันจะโดนจับได้ตั้งแต่คำแรกเลยไหมฟะ ฮือ
“ฮะ ฮัลโลคะพี่เฟรนลี่”ฉันสั่นทำไมไอ้มิ T^T
(อามิอยู่ไหนครับ)
แนะนำและสั่งสอนได้เลยนะคะ
รบกวนนักอ่านที่น่ารักทุกท่านที่แวะมาอ่านนิยายของนักเขียนมือใหม่ช่วยคอมเม้นเป็นกำลังให้ด้วยนะคะ

#ภูพิงค์คนดีที่น่าสงสาร
เหนือความร้ายทั้งหมดที่มีผู้ชายที่น่าสงสารที่สุดก็ยังคงเป็น ภูพิงค์
ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนสุดท้ายก็ไม่เคยได้หัวใจ อามิ...
บทนี้ยังไม่ได้รีไรต์ค่ะ แต่งเสร็จลงเลย
นิยายเรื่องนี้ตามพร็อตคือมี 20-22 บทค่ะ
ไรท์ขอโทษทที่มาอัพช้าและหายไปหลายเดือน มีหลายเรื่องต้องทำค่ะ
ขอบคุณที่ยังไม่หายไปไหนและยังรอมิมิและพี่ลี่นะคะ ^^
#อามิคุณติ่งผู้เหนือโลก
มาร่วมลุ้นและให้กำลังใจนางเอกไม่เต็มของไรท์ด้วยนะคะ อิอิ
B E R L I N ❀
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หึหึอามิ จะรอดเหรอ