ตอนที่ 36 : Chapter 17 (100%)
(ต่อ)
“หึ ช่วยหรอ มันนี่แหละตัวเห้ของจริง”
พี่อาชิตะโกนใส่หน้าภูพิงค์ก่อนจะคว้าข้อมือของฉันที่กำลังจะประคองตัวภูพิงค์ให้ลุกขึ้น ฉันสะบัดมือพี่ชายตัวเองออกเมื่อรู้สึกว่าพี่อาชิเริ่มจะบ้าอีกแล้ว พี่อาชิทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจแต่ก็ยอมให้ฉันพยุงตัวภูพิงค์ขึ้น
“อามิมานี่ครับ”
เสียงทุ้มติดแข็งของพี่เฟรนลี่ทำให้ฉันนิ่ง สายตาแข็งกร้าวของเขาทำให้ฉันเริ่มรู้สึกไม่ดี ว่าแต่นี่สองคนนี่ไปเคลียร์กันตอนไหน ทำไมถึงได้มาด้วยกัน แล้วทำไมพี่เฟรนลี่กับพี่อาชิต้องมองภูพิงค์ราวกับจะจับฆ่าหยัดส้วมแบบนั้นด้วยล่ะ T^T
“ไอ้มิบอกให้มานี่ไง”
พี่อาชิตะโกนลั่นอีกครั้งเพื่อเร่งเร้าให้ฉันทำตามคำสั่งที่ไร้เหตุผลของพวกเขา นี่ไปเคลียร์กันท่าไหนทำไมถึงได้เข้ากันดีขนาดนี้ ฉันถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะปรายตามองผู้ชายไร้เหตุผลสองคนอย่างไม่พอใจ พี่เฟรนลี่ขมวดคิ้วก่อนจะขยับขาก้าวเข้ามาเหมือนจะเข้ามาดึงตัวฉันออกไป ฉันเม้มปากแน่นก่อนจะตัดสินใจเอ่ยขัดทันที
“ไม่ต้องเลยค่ะ พี่สองคนไม่มีเหตุผลแถมยังทำร้ายเพื่อนของหนู ไม่ต้องมาจับหนูเลย ไม่ต้องมามองด้วย หนูโกรธ!”
“อามิครับ/ไอ้มิ!”
สองเสียงของคนไร้เหตุผลตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน พี่เฟรนลี่ส่ายหน้าเบาๆ ให้ฉันก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินกลับไปที่เดิม ส่วนพี่อาชิถูกฉันคาดโทษด้วยการจ้องมองอย่างเคืองๆ เอาไว้ทำให้ตอนนี้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรหรือทำอะไรอีก ฉันจึงตัดสินใจจะพยุงร่างที่บอบช้ำและกำลังจะอ่อนแรงของภูพิงค์ไปที่ห้องนอนของเขา แต่เสียงตะโกนดังลั่นของไอ้สไบก็เรียกฉันเอาไว้ก่อน
“ไอ้เต่า!”
สไบนางและรอยยิ้มวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาฉัน ก่อนจะดึงตัวของฉันไปทันทีทำให้ร่างอ่อนแรงภูพิงค์ทรุดลงเล็กน้อย ภูพิงค์กุมท้องตัวเองเอาไว้ก่อนจะเงยหน้ามองฉันด้วยสาตาเว้าวอน ฉันเม้มปากแน่นพยายามขืนตัวเพื่อจะเข้าไปหาเพื่อนแต่ก็ถูกเพื่อนรั้งตัวเอาไว้
“แกสองคนทำอะไร พี่อาชิกำลังทำร้ายภูพิงค์นะ ภูพิงคืเป็นเพื่อนของเรานะ”
ฉันบอกเสียงสะอื้นเมื่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นไม่มีทีท่าว่าจะสงบ พี่อาชิดูจะโกรธภูพิงค์มากทั้งๆที่คนที่เขาควรต้องโกรธคือคนที่ยืนทำหน้าดุเงียบอยู่ข้างๆ แท้ๆ ภูพิงค์ปรายตามองคนรอบกายฉัน ก่นจะมาหยุดที่ฉันแล้วส่งยิ้มให้
“อามิอย่าเกลียดเรานะ”
ฉันอ้าปากเตรียมจะตอบ แต่ทุกอย่างก็ถูกกลืนลงคอเมื่อเห็นสายตาที่อบอุ่นแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง ภูพิงค์ยืดตัวขึ้นเล็กน้อย มือที่กุมท้องถูกยกขึ้นมาปาดรอยเลือดที่มุมปากแรงๆ รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นที่มุมปาก
“ตามจนเจอสินะ”
ฉันอ้าปากค้างมองใบหน้าหล่อที่เคยอบอุ่นแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน ภูพิงค์มองเลือดที่ปรายนิ้วแล้วเงยหน้ามองพี่อาชิและพี่เฟรนลี่อย่างคาดโทษ ฉันถอยหลังออกห่างจากภูพิงค์ทันทีที่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของแววตาที่คุ้นเคย นี่เขา…
“ผมคิดว่าจะเร็วกว่านี้ซะอีก พวกพี่นี่กระจอกกว่าที่ผมคิดเยอะเลยนะ”
“ไอ้!”
พี่อาชิถลาเข้าไปหาภูพิงค์เล็กน้อยแต่ยังไม่ทันไปไหนได้แขนเรียวของพี่เฟรนลี่ก็ขวางเอาไว้ทัน พี่เฟรนลี่ปรายตามองฉันก่อนจะพยักหน้าให้ไอ้สไบและไอ้ยิ้ม สองคนนั้นวิ่งมาที่ฉันแล้วลากฉันออกมาจากจุดที่ยืน ภูพิงค์จ้องฉันแว๊บเดียวก่อนจะหันกลับไปสนใจพี่ชายของฉันและพี่เฟรนลี่แทน ฉันสับสนกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
นี่ภูพิงค์เขาเป็นอะไรไป เขาทำไมถึงได้…
“แกเป็นอะไรมากไหมวะมิ เจ็บตรงไหนไหม ไอ้นั่นมันทำอะไรแกไหมวะ”
สไบรัวคำถามใส่ฉัน ก่อนจะพลิกตัวฉันไปมาหาความเจ็บปวด ฉันส่ายหาตอบแล้วปรายตามองรอยยิ้มอย่างต้องการคำอธิบาย ใครก็ได้บอกฉันทีนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
“เดี๋ยวแกก็รู้เองว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น”
รอยยิ้มบอกเสียงเรียบแล้วเดินไปยังจุดที่พี่อาชิและพี่เฟรนลี่ยืน ทั้งสามคนมองหน้าภูพิงค์อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ฉันยืนนิ่งมองเหตุการณ์อยู่เงียบๆ เมื่อสไบยังคงจับมือของฉันไว้แน่น ฉันควรยืนตรงนี้หรอ?
“แกต้องการอะไร?”
น้ำเสียงข่มขู่ของพี่อาชิดังขึ้น ฉันมองหน้าพี่ชายตัวเองสลับกับภูพิงค์ไปมา ความสงสัยเริ่มกลายเป็นความสับสนเมื่อสายตาที่เคยอบอุ่นของภูพิงค์กลายเป็นเย็นชาและดูดุร้าย ใช่ ดุร้าย สายตาของเขามันเหมือนกับคนที่เคยมีแต่อำนาจและคุ้นชินกับการเป็นผู้ที่ชนะ
“หึ”
ราวกับคนละคนกัน เมื่อน้ำเสียงแค่นหัวเราะเย้ยหยันที่ได้ยินมันออกมาจากริมฝีปากบางที่เคยมีแต่รอยยิ้มอบอุ่น ภูพิงค์จ้องหาพี่อาชินิ่งแววตาดุดันมากขึ้นทุกที ฉันนิ่งงันเมื่อสายตาคู่นั้นหันมาที่ฉันมันอ่อนแสงลงก่อนจะกลับไปดุดันเช่นเคยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพี่อาชิและพี่เฟรนลี่
“สิ่งเดียวที่ผมต้องการคืออามิ”
อะไรนะ!
เหมือนมีใครกดหยุดเวลา ทุกคนในห้องนิ่งราวกับถูกสตาป ความเงียบปกคลุมห้องสีดำแห่งนี้เมื่อไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีก แววตาสื่อความหมายและยืนยันสิ่งที่ตัวเองเอ่ยของภูพิงค์สะกดทุกอย่างเอาไว้ ดวงตาคู่คมสั่นระริกยามเมื่อร่างกายของเขาก้าวเดินมายังฉัน แววตาดุดันแต่จริงใจของเขากำลังทำให้ฉันสับสน
“อามิเป็นสิ่งเดียวที่ฉันต้องการ”
ภูพิงค์เอื้อมมือมาดึงมือของฉันไปกุม แววตาดุดันอบอุ่นยามมองมาที่ฉัน เขายิ้มก่อนจะเอ่ยบางอย่างออกมาทั้งน้ำตา
“แต่มันก็สายเกินไปแล้ว”
ฉันมองหน้าภูพิงค์นิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยอบอุ่นดูเย็นชาและเจ็บปวด น้ำตาลูกผู้ชายของเขาไหลออกมา ฉันบีบมือเขาแน่น
“อามิรักคนอื่นไปแล้ว”
ฉันยังคงนิ่งมือที่ภูพิงค์เคยกุมถูกพี่อาชิกระชากออก พี่ชายของฉันกระชากตัวภูพิงค์ออกไป สไบนางเดินมารั้งตัวฉันออกจากเขา ใบหน้านองน้ำตาของภูพิงค์ไกลออกไป ฉันรู้สึกชาที่หัวใจ ถึงแม้ฉันจะไมได้รู้สึกกับเขาอย่างเคยแต่สำหรับฉันแล้วเขาคือเพื่อน เพื่อนที่แสนดี ความทรงจำที่มีเขา ความทรงจำที่มีรอยยิ้มของเขาผุดพรายขึ้นมาในหัว อย่างน้อยภูพิงค์ก็ไม่เคยทำร้ายฉันนะ…
“มึงกล้าพูดว่ามึงรักน้องสาวกูได้ยังไง ทั้งๆ ที่มึงทำเรื่องบดซบเอาไว้กับมันน่ะห๊ะ!”
พี่อาชิกระชากคอเสื้อภูพิงค์อย่างแรง พี่เฟรนลี่เดินนิ่งๆ ไปที่ทั้งสองคน สวยตาดุดันแววตาเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ชายของฉันพูด ภูพิงค์นิ่งงันแววตาที่เคยดุดันอ่อนแสงลงอีกครั้ง
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่…
ตุบ!
โทรศัพท์มือถือของพี่อาชิถูกลี่เหวี่ยงลงที่โซฟากลางห้อง
“มาช้าไปหรอเนี่ย”เสียงพูดที่คุ้นหูทำให้ฉัน สไบนาง รอยยิ้ม หันไปมองผู้ชายลูกครึ่งสองคนที่แสนคุ้นตา
พี่โจชัวและพี่ริวเซเดินเข้ามาในห้อง ก่อนที่พี่ริวเซจะเดินไปหยิบมือถือเครื่องนั้นขึ้นมาและกดมันสองสามที พี่โจชัวเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ
“อย่างที่คิดไว้เลย”
ทุกคนในห้องหันไปมองยังคนต้นเสียง พี่ทิวสนเดินเข้ามาก่อนจะกระชากใครบางคนเข้ามาในห้องด้วย เขาเหวี่ยงร่างเล็กนั้นลงไปที่พื้นกลางห้องทันที
“ไอเดีย”
เสียงของพี่อาชิเบาหวิว ไอเดียเงยหน้าเปื้อนน้ำตามองพี่ชายของฉันพี่อาชิปล่อยมือจากภูพิงค์แล้วถลาเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นทันที
“หึ เลิกบ้าสักทีเถอะไอ้ชิ ยัยนั่นนะอสรพิษของจริง”
พี่ริวเซพูดเย้ยหยันก่อนจะเดินไปกระชากพี่ชายของฉันออกมา พี่อาชิมองหน้าเพื่อนตัวเองสลับกับไอเดียไปมา ฉันยังคงยืนนิ่ง น้ำตาไม่รู้ว่ามาจากไหนหลั่งไหลออกมาไม่หยุด นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไรกันวะ/นี่มันเรื่องอะไรค่ะ”
ฉันและพี่อาชิตะโกนถามทุกคนออกไปอย่างสุดกลั้น ความสับสนมาจากไหนมากมาย ภูพิงค์ ไอเดีย แล้วก็พวกเรา เกิดเรื่องบ้าบออะไรขึ้น
“เห้อ”
พี่ทิวสนถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนที่เขาจะเดินมาหยุดยืนตรงหน้าไอเดีย มือหนากระชากต้นของเธออย่างแรงจนตัวของเธอถลาลุกขึ้นมาตามแรงกระชาก รอยแดงเป็นริ้วที่ต้นแขนบ่งบอกว่าคนทำไม่มีออมแรงสักนิด ไอเดียหนาเจื่อนสี ริมฝีปากบางสั่นระริกเมื่อผู้ชายที่กำลังกระชากร่างของเธอตะโกนเสียงดัง
“ยัยนี่คือคนถ่ายรูปน้องสาวแกกับแฟนแก รูปบ้าๆ พวกนั้นเป็นฝีมือของยัยบ้านี่เว้ย”
“อะ อะไรนะ!”
พี่อาชินิ่งงัน แววตาที่เคยดุดันวูบไหวก่อนที่ร่างของพี่ชายฉันจะทรุดลงไปที่พื้น ฉันยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น รูปฉันกับพี่เฟรนลี่งั้นหรอ นี่ยัยนั่นแอบตามถ่ายรูปของฉันงั้นเหรอ
“ตอนแรกที่สไบเตือนเรื่องที่ยัยนี่เข้ามาตีสนิทกับอามิ ฉันก็ว่ามันแปลกคนถือตัวอย่างยัยนี่ไม่มีทางเข้าหาน้องสาวของคนที่เคยทิ้งตัวเองไปหรอก ให้ตายก็ไม่มีทางถ้า… ไม่ได้มีแผนอะไรอยู่แล้วตั้งแต่ต้น”
“ผะ แผน”
ฉันเอ่ยเสียงสั่นพร่า น้ำตาเม็ดเล็กเม็ดใหญ่ไหลออกมานองแก้ม แผนงั้นหรอ นี่ทุกอย่างคือแผนงั้นหรอ
“ใช่ แล้วมันก็ความแตกเมื่อฉันให้พี่วินช่วยตามสืบ คนที่ไม่เคยมีคนสนใจอย่างหมอนั่นถึงได้ถูกจับได้ไงล่ะ”
พี่ทิวสนชี้ไปที่ภูพิงค์ที่ถูกพี่เฟรนลี่จับตัวอยู่ ภูพิงค์เงยหน้ามองทุกคนแววตาของเขาดูเย็นชาและไร้ความหวาดกลัวจนน่าแปลกใจ
“รูปพวกนั้นยัยไอเดียเป็นคนถ่าย แต่ไอ้นั่นมันเป็นคนส่ง!”
ห๊ะ! อะไรนะ ระ รูปพวกนั้นภูพิงค์เป็นคนส่งงั้นหรอ
มะ ไม่จริงภูพิงค์จะทำร้ายฉันแบบนั้นทำไม เขาต้องรู้สิว่ามันจะทำให้ฉันเสียหาย
“หึ”
ภูพิงค์แค่นหัวเราะแล้วสะบัดตัวออกจากพี่เฟรนลี่ เขายิ้มเยาะ รอยยิ้มของเขามันไม่หลงเหลือความอบอุ่นอย่างเคยอีกแล้ว มันดูเลว ใช่ มันดูเลวร้ายจนน่าขนลุก ภูพิงค์ยืดตัวขึ้น ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงเบา เขาปลายตามองทุกคนไล่มาตั้งแต่พี่ชายของฉัน พี่เฟรนลี่ และคนอื่นๆ ก่อนจะมาหยุดที่ฉัน รอยยิ้มเยาะของเขาหายไป เขาเม้มปากแน่นแล้วเอ่ยเสียงเบาเหมือนต้องการกระซิบบอกแค่ฉัน
“เรารักอามินะ รักมาก”
“ฮึก”
ฉันเม้มปากแน่นกลืนก้อนสะอื้นทั้งหมดลงไปในลำคอ สบสัน ฉันกำลังสบสัน นี่ฉันควรจะเชื่อใจใคร
“แกยังกล้าบอกว่าตัวเองรักอามิอีกหรอ สิ่งที่แกทำมันคือการทำร้ายอามิ!”
พี่เฟรนลี่ตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกระชากคอเสื้อภูพิงค์จนตัวลอย พี่โจชัววิ่งเข้าไปห้ามก่อนจะดึงตัวพี่เฟรนลี่ออกมาได้ พี่เฟรนลี่สะบัดตัวหนีแล้วเดินมาที่ฉันเขาเดินมาหยุดยืนที่หน้าของฉันแล้วเอื้อมมือโอบกอดฉันทันที
“ฮือ”
ฉันร้องไห้ออกมาทันทีเมื่อได้รับอ้อมกอดทีโหยหา แม้จะยังสบสันมากแค่ไหนและผิดหวังที่ถูกเพื่อนทรยศมากเพียงใดแต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำร้ายฉันอย่างน้อยคนอื่นที่ยืนอยู่ในห้องนี้ก็กำลังพยายามปกป้องฉัน
“พี่ไม่ใช่หรอบังคับให้ผมต้องเลว”
ภูพิงค์ตะโกนลั่นพร้อมมองหน้าพี่อาชิอย่างโกรธเคือง พี่อาชิขมวดคิ้วงงกับสิ่งที่ได้ยินก่อนจะยกมือขึ้นชี้ที่อกตัวเองเป็นเชิงถาม
“ใช่ เพราะพี่บอกว่ามันแค่คนขี้ขลาด ผมปกป้องอามิไม่ได้ ผมถึงได้…”
เสียงของภูพิงค์เงียบหาย เขาก้มหน้าต่ำ กำมือเข้าหาหันแน่น นี่พี่ชายของฉันเคยพูดอะไรแบบนั้นออกไปหรอ
พี่อาชิส่ายหัวไปมา ก่อนจะจ้องหน้าภูพิงค์นิ่ง
“ฉันไมได้หมายความว่าให้แกเข้าร่วม Darken เว้ย ฉันหมายความว่าให้แกเลิกขี้ขลาดสักที ฉันรู้ว่าตอนนั้นอามิชอบแกและแกก็ชอบน้องสาวฉัน แต่คนที่ไม่กล้าแม้แต่จะให้ช็อกโกแลตกับน้องสาวฉันด้วยตัวเอง มันจะมีปัญญาอะไรมาปกป้องน้องสาวฉันวะ!”
Darken หรอ เข้าร่วมงั้นหรอ นี่มันอะไรกัน
“Darken หรอ”ไอเดียละเมอพูดออกมาก่อนที่เธอจะเบิกตากว้างแล้วลุกพรวดขึ้นยืน
“นี่แกเป็นสมาชิกแก๊งนรกนั่นหรอ”
เสียงของไอเดียเกรียวกราดจนน่ากลัว น้ำเสียงสั่นเครือที่เปล่งออกมาพร้อมน้ำตาทำให้ทุกคนตกใจ ไอเดียถลาเข้าไปทุบตีภูพิงค์สุดแรง เสียงกรีดร้องอย่างคนเจ็บปวดสุดใจดังลั่นไปทั้งห้อง ทุกคนอึ้งเมื่ออยู่ๆ เธอก็อาละวาดโวยวายทุบตีภูพิงคือย่างบ้าคลั่ง
“ยัยนั่นเป็นบ้าอะไรวะ”
สไบกระซิบถามรอยยิ้ม ฉันหันไปมองหน้าเพื่อนเพราะสงสัยเหมือนกัน รอยยิ้มส่ายหน้า ทุกคนในห้องต่างงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำไมไอเดียถึงได้ทำแบบนั้น
ตุบ ตุบ
ภูพิงค์ไม่ได้ตอบโต้อะไรเขายืนนิ่งรับแรงตบตีจากผู้หญิงคนนั้น ใบหน้าของไอเดียเต็มไปด้วยน้ำตา พี่อาชิทนไม่ไหวถลาเข้าไปห้ามก่อนจะดึงไอเดียไปไว้ข้างกาย
“แก ไอ้บ้า ไอ้เลว ฉันเกลียดแก กรี๊ด”
ไอเดียกรีดร้องเหมือนคนบ้า พี่อาชิโอบกอดไอเดียไว้แน่น ฉันมองหน้าพี่เฟรนลี่ที่กุมมือฉันแน่นเมื่อตัวเองก็รู้สึกสงสรผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาจับใจ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอนะ ทำไมยัยนั่นถึงได้อาละวาดขนาดนั้น
“นี่ไอ้ภูมันเป็นสมาชิกแก๊งนั่นจริงหรอ”สไบเอียงคอกระซิบถามพี่เฟรนลี่ เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะกระซิบตอบ
“อืม เด็กคนนั้นเป็น 1 ใน 4 ของผู้ก่อตั้งกลุ่ม”
“ห๊ะ!”
O.O ห๊ะ นี่ภูพิงค์เป็นผู้ร่วมก่อตั้งเลยหรอ แสดงว่าเขาไม่ธรรมดาจริงๆ น่ะสิ
“ร้ายกว่าที่คิด”รอยยิ้มแสยะยิ้มแล้วเอ่ย สีหน้าเหมือนคนรู้ทุกอย่างแบบนั้น มันอะไรกัน นี่ไอ้ยิ้มมันรู้อะไรหรือไงฟะ
“แกรู้หรอยิ้ม”สไบถามด้วยสีหน้าที่อยากรู้สุดชีวิต ฉันปรายตามองยิ้มนิ่งๆ ทำเหมือนไม่อยากรู้มากแต่ที่อยากรู้มากๆ
“หึ สองคนนั้นมันมีความสัมพันธ์กันมากกว่าที่เห็น” เอ๋ ?
“ความสัมพันธ์หรอ”
พี่เฟรนลีย่นคิ้วมองหน้ารอยยิ้มด้วยความสงสัย แต่ก่อนที่จะมีใครได้พูดอะไรหรือถามอะไรอีก เสียงกรีดร้องของไอเดียก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“แกหลอกฉัน แกหลอกใช้ฉัน แล้วแกยังข่มขืนฉัน ฮือ”
แนะนำและสั่งสอนได้เลยนะคะ
รบกวนนักอ่านที่น่ารักทุกท่านที่แวะมาอ่านนิยายของนักเขียนมือใหม่ช่วยคอมเม้นเป็นกำลังให้ด้วยนะคะ

#คนไว้ใจร้ายที่สุด
ดราม่ากำลังมันส์ กิกิ
บทนี้ยังไม่ได้รีไรต์ค่ะ แต่งเสร็จลงเลย
นิยายเรื่องนี้ตามพร็อตคือมี 20-22 บทค่ะ
ไรท์ขอโทษทที่มาอัพช้าและหายไปหลายเดือน มีหลายเรื่องต้องทำค่ะ
ขอบคุณที่ยังไม่หายไปไหนและยังรอมิมิและพี่ลี่นะคะ ^^
#อามิคุณติ่งผู้เหนือโลก
มาร่วมลุ้นและให้กำลังใจนางเอกไม่เต็มของไรท์ด้วยนะคะ อิอิ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อยากรุ้เป็นยังไงต่อออออ
มาต่อเร็วๆๆนะะะะะะะะะะ