ตอนที่ 26 : Chapter 12 (100%)
(ต่อ)
“อามิ/อามิ!”
ร่างของฉันถูกแรงกระแทกลงมากระทบพื้นอย่างแรง เสียงร้องของคนสองคนดังอื้ออึงเข้ามาในหัว แก้มข้างซ้ายของฉันชาหนึบและเริ่มปวดขึ้นมาทีละนิด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วโพรงปากของฉัน ความรู้สึกมึนงงเริ่มเข้ามาแทนที่ทุกสิ่ง เสียงเรียกที่เคยที่ได้ยินค่อยๆ หายไป
ภาพไปใบหน้าตกใจของพี่อาชิเลือนราง ริมฝีปากเรียวสวยที่กำลังขยับพูดของพี่เฟรนลี่มืดมัวลงไปเรื่อยๆ หัวของฉันหนักอึ้งและมันค่อยๆ หนักจนฉันไม่สามารถยกขึ้นได้ สายตาของฉันมองเห็นถนนคอนกรีตหน้าบ้านในมุมไม่คุ้นตา ล้อรถ และสุดท้ายรองเท้าส้นสูงสีดำที่ยืนอยู่ตรงหน้าและนั่นคือภาพสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิท
ฉันกระพริบตาถี่ๆ มองเพดานสีขาวที่มีโปสเตอร์ของคนที่คุ้นตา ก่อนจะลืมตาขึ้นเต็มตา ความรู้สึกเหมื่อยขบเริ่มเล่นงานเมื่อฉันเพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อย หัวหนักจนแทบยกไม่ขึ้น ความรู้สึกปวดหนึบที่แก้มซ้ายทำให้ฉันต้องยกมือขึ้นกุมมันไว้
“โอ๊ย”
ฉันร้องออกมาเบาๆ เมื่อสัมผัสแก้มแล้วพบว่ามันบวม! บวมมาก และปวดมาก กลิ่นคาวเลือดภายในโพรงปากยังคงหลงเหลือจนฉันรู้สึกได้ ฉันพยุงตัวเองขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล ความเจ็บระบมวิ่งไปทั่วร่าง ศีรษะหนักอึ้งจนแทบยกหัวไม่ขึ้น
แอ๊ด
ฉันเงยหน้ามองบานประตูที่ถูกเปิดออก ภาพผู้หญิงเล็กที่คุ้นตายืนส่งยิ้มบางๆมาให้ตรงหน้าทำให้ฉันขมวดคิ้วสวย
เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วเข้ามาในบ้านฉันตั้งแต่ตอนไหน?
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว ผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้าเดินเข้ามานั่งลงข้างกายฉัน เธอยังคงส่งยิ้มบางๆมาให้รอยยิ้มที่ใจดีแต่กลับไม่รู้สึกถึงความจริงใจในนั้น
พี่ไอเดียเข้ามาอยู่ในบ้านของฉันได้ยังไง หรือว่าเธอจะเป็น…
ภาพรองเท้าส้นสูงสีดำในห้วงความทรงจำสุดท้ายฉาบวาบเข้ามาพร้อมกับที่ฉันหันไปมองใบหน้าเปื้อนยิ้มแปลกๆของเธอให้ชัดๆ
“เป็นยังไงบ้างเจ็บมากไหมน้องอามิ”
พี่ไอเดียยกมือเรียวสวยของเธอขึ้นมาสัมผัสแก้มของฉันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ฉันจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาพิจารณา ไม่รู้ว่าฉันอคติจากเรื่องที่สไบพยายามบอกหรือป่าวฉันถึงมองว่ารอยยิ้มของเธอมันดูไม่จริงใจ
“โอ๊ย”
ฉันร้องเสียงหลงเมื่อสัมผัสของคนข้างกายรุนแรงมากเกินไป แรงกดที่บ่งบอกความต้องการของเธอทำให้ฉันสะอึก พี่ไอเดียตั้งใจทำให้ฉันเจ็บ แม้จะยังคงยิ้มแต่แววตาสมน้ำหน้าในดวงตาคู่สวยนั้นทำให้ฉันหน้าชา แม้จะมีรอยยิ้มอ่อนหวานประดับบนใบหน้าแต่แววตาที่เธอส่งมาตอนนี้แตกต่างจากตอนที่เราเจอกันครั้งแรกที่โรงอาหารเป็นคนละคนกันเลย ฉันรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลกับรอยยิ้มของเธอหรือว่าผู้หญิงคนนี้จะอันตรายอย่างที่พี่เฟรนลี่บอก
“เจ็บหรอค่ะ พี่นึกว่าหน้าน้องอามิจะไม่รู้สึกอะไรซะอีก”
อึก ฉันสะอึกกับคำพูดเสียดแทงอย่างแนบเนียนของผู้หญิงข้างกาย รอยยิ้มหยันผุดขึ้นมาบนใบหน้าอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไป ฉันอ้าปากค้างเมื่อตระหนักได้ว่าที่ผ่านมาเธอกำลังเสแสร้งแกล้งทำทุกอย่าง
“นี่พี่…”
ฉันเอ่ยออกมาลอยๆ เมื่อไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะเจอกับเหตุการณ์พวกนี้ในชีวิต
“ค่ะ?”
น้ำเสียงหวานเอ่ยพร้อมเอียงหน้าเล็กน้อยทำไม่รู้ไม่ชี้ใส่ฉัน หึ ฉันอยากจะหัวเราะดังๆ กับความโง่ของตัวเอง ฉันหลงคิดว่าเธอเป็นมิตรไม่เชื่อฟังคำพูดคำเตือนของสไบ แต่ดูสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำสิ ใบหน้าสวยที่กำลังเยาะยิ้มเย้ยหยันฉันทำให้ฉันต้องเม้มปากแน่น ก่อนจะผละตัวเพื่อจะลุกเดินออกไปจากห้อง
“หน้าน้องอามิหนาออกนะคะ ทำไมเจ็บได้ล่ะ เอ๊ะ หรือว่ามันจะยัง ด้าน ไม่พอ”
ฉันกำมือแน่นกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแค้นเคือง ขาที่ก้าวออกไปชะงักงันเพราะความรู้สึกโกรธกำลังวิ่งพล่านไปทั้งกายและใจเมื่อได้ยินคำพูดแสนร้ายกาจจากเธอ
ยัยนี่ ยัยปีศาจไอเดียกำลังด่าว่าฉันหน้าด้าน!
“แต่ก็อย่างว่านะคะ ไม่ด้านคงไม่กล้าพาแฟนพี่ชายมาจู๋จี๋ถึงหน้าบ้าน”
ฉันกำมือแน่นขึ้น หัวใจเต้นรัวเมื่อความโกรธกำลังบังตา ฉันพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกโดยไม่หันไปมองหน้าของคนพูดเพราะกลัวว่าตัวเองจะระงับอารมณ์เอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป!
ฉันอยากจะกรีดร้องออกมาให้บ้านแตกแล้วเดินเข้าไปกระชากหัวยัยนี้ขึ้นมาแล้วตบ ตบ ตบ ให้หน้าแหกไปแต่เพราะฉันถูกสอนให้ต้องอดทนและไม่แกปัญหาด้วยการใช่ความรุนแรง ฉันต้องท่องเอาไว้ ใจเย็นๆ
“แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะคะ อ่อ ร่าน สินะคะ”
ผลัก!
ความอดทนของฉันหมดลงเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนร้ายกาจจากปากของเธอ ฉันหันกลับไปก่อนจะออกแรงผลักผู้หญิงตรงหน้าจนหล่นลงไปกองบนพื้น ใบหน้าสวยที่มีรอยยิ้มประดับอยู่ตลอดเวลากลับสามารถพ่นคำพูดที่แสนร้ายกาจออกมาได้อย่างหน้าไม่อาย! ฉันไปทำอะไรให้เธอ!
ทันทีที่เธอลงไปนั่งกองบนพื้นใบหน้าสวยก็บิดเบ้แต่กลับยกยิ้มที่มุมปากอย่างคนเหนือกว่า นี่เธอ…
“โอ๊ย น้องอามิ อย่าทำพี่เลยค่ะ พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้น้องอามิไม่พอใจเลยนะคะ”
ฉันยืนอึ้งมองผู้หญิงตรงหน้ากระชากผมตัวเองไปมาแล้วตะโกนโวยวายออกมาราวกับว่าฉันกำลังจะฆ่าเธอ ใบหน้าหวานยิ้มเยาะหยันก่อนจะบีบน้ำตาจนไหลพรากออกมาเต็มใบหน้า ฉันนิ่งเพราะกำลังตกใจ หลายครั้งที่เคยเห็นตัวร้ายในละครไทยชอบทำกันแต่ฉันก็ไม่เคยเห็นคนปกติหรือใครที่ไหนจะบ้าทำตามด้วยการลงทุนทำร้ายตัวเองแบบนี้
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือเรียวสวยที่กระทบใบหน้าอย่างแรงทำให้ฉันเบิกตากว้าง ใบหน้าของพี่ไอเดียสะบัดตามแรงตบแต่ไม่ใช่จากฉันแต่เป็นจากตัวเธอเอง ฉันคงจะไม่ตกใจมากขึ้นไปอีกถ้าไม่เห็นรอยยิ้มหยันจากใบหน้าสวยที่ช้อนมองฉันด้วยความสะใจ!
รอยเลือดที่มุมปากบ่งบอกว่าแรงตบมากแค่ไหนแต่ใบหน้าของเธอยังคงยิ้มเยาะหยันส่งมาให้ฉันอย่างเคย!
นี่มันฉากในละครสวรรค์เบี่ยงหรือไงฟะ
ฉันตั้งใจจะเข้าไปดูอาการสติแตกของพี่ไอเดียแต่ยังเดินไม่ทันถึงตัว มือที่เอื้อมไปก็ต้องค้างเติ่งเมื่อได้ยินคำพูดที่ตะโกนลั่นออกมาจากริมฝีปากสวยของเธออีกครั้ง!
“กรี๊ด น้องอามิ น้องอามิตบพี่ทำไมค่ะ”
ตะ ตบหรอ ตบอะไรฟะ
ฉันชะงักมือค้างไว้กลางอากาศเมื่อมองเห็นสีหน้าร้ายกาจของเธอ เธอนี่มัน!
ยัยปีศาจไอเดียยกยิ้มที่มุมปากเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนหลายคนวิ่งใกล้เข้ามา ฉันแค่นหัวเราะในลำคอเมื่อรู้ว่าตัวเองเพิ่งทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่
“เกิดอะไรขึ้น?/อามิ”
พี่อาชิและพี่เฟรนลี่วิ่งพรวดพลาดเข้ามาในห้องแล้วเอ่ยถามทันที ตามมาด้วยพี่ทิวสน พี่ริวเซ และพี่โจชัว ตามลำดับ ฉันยังคงยืนนิ่งมองคนมาใหม่ทั้ง 5 ด้วยสายตางงๆ พี่อาชิวิ่งเลยผ่านฉันไปแล้วตรงไปพยุงร่างของพี่ไอเดียขึ้นมาสายตาช้อนมองฉันอย่างตั้งคำถาม
“คะ คือ”
“ฮืออออ”
ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไร ผู้หญิงคนนั้นก็ปล่อยโฮออกมาทันที ฉันมองการกระทำของเธอด้วยความตกใจมากขึ้นไปอีก ในชีวิตตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยรู้สึกถูกหมางเมินจากพี่ชายแบบนี้มาก่อนทั้งๆที่ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับฉันจะดีจะร้ายพี่อาชิจะวิ่งมายืนข้างฉันเสมอ แต่นี่…
นี่มันอะไรกัน อย่าบอกนะว่า…
“เราแค่จะเข้ามาดูอาการของน้องอามิ แต่ว่าน้องอามิก็ต่อว่าเราว่ายุ่งไม่เข้าเรื่องแถมยังผลักเราตกเตียงแล้วตบหน้าเราด้วย เราแค่ถาม เอ่อ ถามเรื่องนั้นนิดเดียวเอง ฮืออ”
หึ ฉันแค่นหัวเราะในลำคอก่อนจะรู้แล้วว่าเรื่องบ้าสติแตกที่เธอทำไปทั้งหมดเมื่อกี้เพื่ออะไร นี่เธอเป็นนางร้ายในละครไทยหรอแล้วนั่นคิดว่าพี่ชายของฉันและเพื่อนๆ จะโง่เหมือนพระเอกในละครไทยด้วยหรอยะ เสียใจพี่ชายของฉันฉลาดยะ!
“อามิ!”
ฉันสะดุ้งทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงตะคอกของพี่อาชิ ใบหน้าของฉันชาวาบขึ้นมาเมื่อมองเห็นแววตาตำหนิจากพี่ชายตัวเอง สิ่งที่เคยคิดในใจหายวับไปทันที หัวใจหล่นวูบเมื่อพี่อาชิยังคงจ้องมองฉันด้วยสายตาตำหนิ
นี่พี่อาชิเชื่อมันหรอ พี่อาชิเชื่อคนอื่นงั้นหรอ!
“โอ๊ย”
พี่ไอเดีย ไม่สิ ยัยปีศาจไอเดียทำตัวอ่อนออเซาะพี่ชายฉันก่อนจะยกมือกุมแก้มตัวเองแล้วช้อนสายตามองหน้าฉันอย่างเยาะเย้ย หน็อย นังปีศาจ!
ฉันกัดริมฝีปากแน่นจนเจ็บระบม โกรธ ฉันโกรธจนไฟลุกแต่ก็ยังอยากจะอธิบายเรื่องบ้าๆ ที่ยัยนั่นสร้างขึ้นมาให้ทุกคนเข้าใจ ฉันอ้าปากเพื่อจะอธิบายความจริงให้พี่ชายฟังแต่…
“พี่อาชิหนูมะ/นิสัยเสีย!”
ทุกอย่างถูกกลืนลงคอด้วยความเจ็บปวด
ฉันชะงักค้างเมื่อมองเห็นสายตาตำหนิและผิดหวังที่พี่อาชิส่งมาให้ พี่อาชิพยุงตัวยัยปีศาจไอเดียแล้วเดินผ่านเลยฉันออกไปทันที ไม่มีคำถาม ไม่มีคำพูด ไม่มีการฟังเหตุผล ไม่มีการขอคำอธิบาย ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกเชื่อใจหลงเหลือในสายตาคู่นั้น ฉันต้องหาคำตอบของคำถามด้วยตัวเองหรอ คำถามที่ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น แต่ทั้งหมดนั่นมันไม่ต้องมีคำตอบอะไรหรอกแค่สายตาของพี่อาชิก็ตอบทุกอย่างได้แล้ว
คนที่ฉันรักไม่เชื่อในคำพูดของฉัน ไม่เชื่อในตัวของฉันเลย นั่นต่างหากคำตอบของทุกอย่าง
“หึ”
ฉันแค่นหัวเราะออกมาก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่มือที่ยังค้างอยู่กลางอากาศของตัวเอง ฉันกำมันเข้าหากันแน่นแล้วดึงกลับมาแนบข้างลำตัว หัวใจเจ็บแปลบขึ้นมาเมื่อคิดถึงแววตาตำหนิ เสียงตะคอกตะคั่น ที่ในชีวิตไม่เคยได้รับจากพี่ชายของตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่พี่อาชิตะคอกใส่หน้าฉันเสียงดังลั่นและมองฉันด้วยสายตาผิดหวังที่ข้างในไม่หลงเหลือความเชื่อใจอยู่เลย และนี่เป็นครั้งแรกที่พี่ชายของฉันเชื่อคนอื่นโดยไม่ถามเหตุผลของฉันสักคำ
“อามิ”
เสียงทุ้มของพี่ทิวสนเอ่ยเรียก ฉันจะส่ายหน้าปฏิเสธสิ่งที่ทุกคนด้านหลังต้องการจะเอ่ย ฉันทำเพียงเดินไปที่เตียงแล้วทรุดตัวนอนหันหลังให้กับทุกคน ไม่มีเสียงอะไรเอ่ยอีกนอกจากเสียงถอนหายใจของพวกเขา เสียงฝีเท้าดังหายไปทีละคนสองคน ฉันไม่ได้หันไปมองก่อนจะรู้สึกถึงความยวบยาบของเตียงอีกข้าง ฉันรู้สึกถึงไออุ่นที่คุ้นเคยจากคนตรงนั้นจึงแกล้งหลับตาลง
“อามิ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนที่มือเรียวสวยจะสัมผัสศีรษะของฉันแผ่วเบาแล้วลูบมัน ฉันเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่อกข้างซ้าย สัมผัสของเขาทำให้ฉันรู้สึกดีแต่ก็เจ็บไปพร้อมๆกัน ฮึก ฉันเจ็บที่อกข้างซ้ายอย่างหนักความเจ็บปวดจากบาดแผลที่แก้มหายไปทันทีเมื่อความเจ็บปวดในส่วนอื่นเข้ามาแทนที่
หัวใจของฉันมันคงถูกทำร้ายจนยับเยินไปหมดแล้ว วินาทีที่พี่อาชิเดินผ่านเลยฉันออกไปอย่างไม่ใยดีนั้นมันเหมือนหัวใจของฉันถูกเขาเหยียบด้วยเท้าจนเละไปแล้ว
“พักผ่อนนะครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยก่อนที่ความรู้สึกชื้นที่แก้มจะทำให้ฉันเม้มปากกำมือแน่นขึ้น ฉันไม่รู้หรอกว่าเขารู้หรือไม่ว่าฉันแกล้งหลับ แต่สิ่งที่เขาทำ คำพูดที่เขาพูด ทุกอย่างที่เขาแสดงออกมามันทำให้หัวใจของฉันเจ็บแปลบขึ้นมาทั้งดีใจ มีความสุข อบอุ่น แต่ก็เจ็บปวดไปพร้อมๆกัน เมื่อสถานะความสัมพันธ์ของเราคือเรื่องต้องห้าม ฉันกับเขาเหมือนเส้นขนานไม่มีทางที่จะมาบรรจบกันได้!
เสียงปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง ฉันลืมตาขึ้นมาช้าๆ พร้อมปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างสุดกลั้น ความเจ็บปวดจากความบอบช้ำของแก้มข้างซ้ายแทบไม่หลงเหลืออยู่เลยเมื่อคิดถึงแววตา สีหน้า ท่าทาง และคำพูดของพี่อาชิที่ทอวาบเข้ามาในหัวอยู่เนืองๆ ราวกับเตือนให้ฉันรับรู้ว่าตอนนี้พี่ชายของฉันเกลียดฉันและไม่หลงเหลือคำว่า ‘เชื่อใจ’ ให้ฉันอีกต่อไปแล้ว ถึงจะไม่แน่ใจว่าพี่อาชิรู้เรื่องราวอะไรมาบ้างแต่คำพูดที่เสมือนรู้ทุกอย่างของพี่ไอเดียทำให้ฉันกัดริมฝีปากแน่น ถ้าเธอรู้มีหรือที่เธอจะไม่บอกเรื่องพวกนั้นกับคนอื่นรู้โดยเฉพาะพี่อาชิ
พี่ชายของฉันเพื่อนเก่าของเธอ…
ฉันไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้ฉันจะทำหน้ายังไงตอนเจอพี่ชาย ไม่รู้ว่าตัวเองจะกล้ามองหน้าพี่ชายตัวเองได้สนิทใจเหมือนเดิมแค่ไหน พี่อาชิคงเกลียดฉันแล้ว คิดแค่นั้นฉันก็เจ็บแปลบที่อกข้างซ้ายขึ้นมาอีกครั้ง ทุกอย่างอื้ออึงและหนักอึ้งจนเปลือกตาของฉันหนักไปพร้อมกัน ฉันปิดเปลือกตาลงอีกครั้งหลังจากร้องไห้มาสักพัก ไม่รู้สึกถึงเรี่ยวแรงที่หลงเหลือเลยสักนิด มีแต่ความรู้สึกเจ็บหนึบที่อกข้างซ้ายทุกครั้งที่นึกถึงใบหน้าของผู้ชายสองคน
พี่อาชิ พี่เฟรนลี่…
แนะนำและสั่งสอนได้เลยนะคะ
รบกวนนักอ่านที่น่ารักทุกท่านที่แวะมาอ่านนิยายของนักเขียนมือใหม่ช่วยคอมเม้นเป็นกำลังให้ด้วยนะคะ
#ร้องไห้หนักมาก TT
ใกล้จะดราม่าหนักแล้วค่ะ ตอนนี้คือความจริงถูกโคนันค้นพบแล้ว 555
ความจริงแล้วอามินางแอ๊บใสค่ะ กรรม ว่านางเอกตัวเอง 555
มาร่วมให้กำลังน้องสาวกับพี่สะใภ้ตัวเองนะคะว่าจะถูกพี่อาชิถลกหนังเมื่อไหร่ ก๊ากก
ไรท์จะมาอัพนิยายได้เฉพาะวันอาทิตย์นะคะ
#อามิคุณติ่งผู้เหนือโลก
มาร่วมลุ้นและให้กำลังใจนางเอกไม่เต็มของไรท์ด้วยนะคะ อิอิ
=
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ลุ้นๆๆๆ รีบมาอัพนะไรท์