คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 4 ลูกรัก (50%) รีไรท์
บทที่ 4 ลูกรัก
กริ๊ง
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังถี่รัวทำให้คนที่นอนหลับสนิทต้องกระเด้งตัวลุกจากโซฟา กวาดสายตามองหาคนสนิทอย่างหัวเสีย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนคริสไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน มาวินพ่นลมหายใจออกทางปาก ย่ำเท้าเดินไปเปิดประตูด้วยสภาพเพิ่งตื่นนอน บนร่างสวมเพียงกางเกงนอนตัวยาวสีเทาเข้ม อกเปลือยเปล่า พลางครุ่นคิดอย่างแปลกใจกับการมาของแขกที่ไม่แน่ชัดว่าเป็นใคร
แอ๊ด
บานประตูสีขาวบานกว้างเปิดแง้มออกได้เพียงครึ่ง ก็ถูกแรงมหาศาลผลักจนร่างของคนเพิ่งตื่นนอนทานแรงไม่ไหว เซกลับไปด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว
ปัง!
บานประตูที่เพิ่งแง้มเปิดถูกผลักเข้ามาอย่างรุนแรง พร้อมร่างกองหนึ่งถลาลงมาฟุบตัวอยู่ข้างหน้า จากสภาพคลุกฝุ่นยังพอมองออกว่าเป็นใคร
“ไอ้คริส!” ชายหนุ่มเจ้าของบ้านที่ยังตั้งสติได้ไม่เต็มที่ถลาเข้าไปหาคนสนิทของตน ทว่าขาที่กำลังก้าวออกไปข้างหน้าชะงักกึก เมื่อดวงตาคู่คมเหลือบเห็นใบหน้าของคนมาใหม่แสนคุ้นตา
ดวงตาคมกล้าไหวระริก ก่อนหลุบต่ำเมื่อเจ้าของร่างนั้นก้าวเข้ามาประชิด
“จะไม่ทักทายพ่อหน่อยหรือมาวิน การอยู่เมืองนอกนานทำให้แกหลงลืมมารยาทอันดีของไทยแล้วหรือ”
ร่างสูงอวบ ภูมิฐานขยับเดินเข้ามาใกล้ ข้ามร่างที่นอนสลบไสลของคริสไปอย่างไม่แยแส ดวงตาเอื้ออาทรเป็นนิตย์เรืองรองยามมองบุตรชายคนเดียวเขม็ง
“มาวิน” ท่านส่งเสียงเรียกเข้มขรึม ใบหน้าจริงจังยามทอดสายตามองไปรอบบ้านอย่างพิจารณา
“อยู่ที่นี่สุขสบายมากสินะ” นี่ไม่นับเป็นคำถาม เพราะดวงตายามเอ่ยคำว่า ‘สุขสบาย’ ทอประกายวาวโรจน์อย่างชัดเจน ก่อนมุมปากข้างซ้ายจะขยับยกขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็น
มาวินกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เสียวสันหลังจนกระทั่งควานหาเสียงตนเองไม่เจอ ตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตากับผู้ให้กำเนิด ความหวาดกลัวในทีท่า ‘ราชสีห์’ ของบิดาโถมทับจนความบ้าระห่ำที่มีมาเกือบสองปีกระจัดกระจายไปรอบด้าน
“คะ คุณพ่อ”
“อ้อ” เสียงตอบรับฟังดูขี้เล่น หากประกายตาของคนพูดกลับวาววับราวราชสีห์จะขย้ำเหยื่อ หัวเราะลงคออย่างขบขันพลางเดินเข้ามาหาอย่างเชื่องช้า
“ฉันดีใจที่ลูกชายยังจำตัวเองได้” ท้ายประโยคมาวินได้ยินเสียงแค่นหัวเราะเบา ๆ หนึ่งครั้ง ก่อนรอยยิ้มมุมปากจะเลือนหาย
“คุณตุลาขอเวลาให้ผมกับลูกหน่อย” ตุลาค้อมศีรษะลง หันไปสั่งงานลูกน้องคนอื่นไม่กี่คำก็แยกย้ายกันไป
เหลือทิ้งไว้เพียงสองพ่อลูกที่ประจันหน้ากันกับร่างหนึ่งร่างที่นอนฟุบหมดสติอยู่บนพื้นไม่ไกลกันนัก
มาวินสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่บิดา ‘ออกคำสั่ง’ โดยไม่ถามความสมัครใจของเขา อีกทั้งแววตาที่ทอดมองมายังผิดหวังจนเขาปวดร้าวไปทั้งใจ แม้จะรู้ดีว่าเหตุที่บิดาเป็นเช่นนี้เกิดจากอะไรก็ตาม
“พะ พ่อ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบา เรียกบิดาด้วยหลากหลายความรู้สึกที่ประเดประดังสาดซัดเข้ามา อยากถลาเข้าไปกอด อยากเล่าเรื่องความทุกข์ใจของตนให้ท่านฟัง อยากร้องไห้เหมือนสมัยเด็กในอ้อมอกอุ่นของท่าน
ทว่า…
“สนุกมากไหมกับการใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงที่ทำอยู่ตอนนี้”
ท่านไม่ทวงถามว่าเหตุใดเขาจึงเปลี่ยนไปกลายเป็นคนเลวร้ายได้ขนาดนี้ แต่กลับทวงถามอย่างประชดประชันถึงความสนุกสนานในการใช้ชีวิตที่นี่
มาวินแค่นยิ้ม หัวเราะลงคออย่างขมขื่น
ไม่ว่าใครก็ไม่เคยถามเลยว่าเขารู้สึกเช่นไร เหงา โดดเดี่ยว และทุกข์ตรมแค่ไหนกับการใช้ชีวิตที่ทุกคนขีดเส้นจัดวางไว้ให้ กระทั่งยื่นแขนออกไปนอกกรอบได้เพียงชั่วครู่ก็ถูกดึงกลับมา
ทุกอย่างที่ทำลงไป ทั้งเรื่องฉาวโฉ่ต่าง ๆ ที่สร้างมาล้วนเพราะต้องการ ‘เรียกร้องความสนใจ’ ทั้งนั้น
มันอาจฟังเหมือนเป็นเด็ก และใช่ เขาเป็นเด็กไม่รู้จักโตที่ขาดความอบอุ่นจากครอบครัว
แม้จะใช้ชีวิตที่นี่มาเกือบสองปี มารดาบินมาหาเพียงสองครั้ง นอกจากนั้นก็ไม่เคยแม้กระทั่งโทรศัพท์มา ส่วนบิดาได้ยินว่ายอมมาช่วยเหลือเลิศวรานนท์เพราะคำขอร้องของวาคิน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าเขาเคยไปเว้าวอนหลายต่อหลายครั้ง แต่ท่านก็ปฏิเสธเรื่อยมา ความน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ก่อตัวทีละขั้นจนทับถมเป็นเนินสูง แล้วถล่มลงมา
“ไม่ถามหน่อยเหรอว่าผมเหงาไหม”
“ฮึ” เสียงหัวเราะขึ้นจมูกดังเบา ๆ พร้อมดวงตากร้าวกระด้างตวัดมอง “แกน่ะหรือเหงา ได้ยินว่าคั่วผู้หญิงไม่เลือก เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แถมยังกล้าจัดการคนของตุลาจนต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ในโรงพยาบาลอีก”
น้ำเสียงช่วงท้ายเผลอตวาดออกไปเสียงดัง
“เป็นเด็กไม่รู้จักโตหรือมาวิน อายุก็มากกว่าน้องตั้งหกเจ็ดปี แต่ความคิดความอ่านเทียบวาคินไม่ติดเลย ทั้ง ๆ ที่แกเกิดมาสมบูรณ์พร้อมกว่าน้องมาก ทั้งความรัก ทั้งศักดิ์ฐานะทางสังคม!”
สมบูรณ์พร้อมอย่างนั้นหรือ… ชายหนุ่มแค่หัวเราะในลำคอ
ไม่ว่าเรื่องอะไร เขาไม่มีวันสมบูรณ์พร้อมไปกว่าวาคินได้เลย อีกฝ่ายเติบโตมาพร้อมความรักจากบิดา แม้ขาดมารดา แต่ก็ยังได้รับความเมตตาจากคุณตา ในขณะที่เขาไม่ได้รับความรักหรือความเมตตาจากใครทั้งนั้น ยืนเพียงลำพังกับเส้นทางที่ทุกคนขีดให้ ไม่เคยมีแม้กระทั่งเพื่อนสนิท เพียงเพราะทุกคนกังวลว่าเพื่อนของเขาจะเข้าหาเพื่อผลประโยชน์ ด้านการเรียน วาคินก็ยังเหนือกว่า อีกฝ่ายฉลาดเฉลียว เป็นอัจฉริยะ เมื่อเทียบกับคนเก่งธรรมดา ๆ เช่นเขา นิสัยใจคอแม้นิ่งเงียบ หากก็ยังมีคนล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เสมอ ตรงกันข้ามกับเขา…
เขาไม่มีใครเลย ไม่มีเลยจริง ๆ สักคนเดียว
“ผมสมบูรณ์กว่าวาคินตรงไหนครับ”
คุณเตชินหันขวับไปมองใบหน้าของบุตรชาย จ้องเขม็งอย่างกรุ่นโกรธจนเห็นได้ชัด
“ก็เพราะแกไม่เคยมองเห็นมันไง ถึงได้ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตแบบนี้!” เสียงตวาดดังฟาดลงมาในหัวใจที่หนาวเหน็บให้ยิ่งปวกหนึบ
มาวินขบกรามแน่น กำมือที่แนบข้างลำตัวพร้อมก้มหน้าลง
อย่างไรสุดท้ายเขาก็ต้องทำตามคำสั่งของทุกคนเหมือนเดิม ต่อให้พยายามหลีกหนีคิดต่อต้านอย่างไรก็คงไร้ผล นั่นเพราะเขาคือทายาทคนเดียวที่ถูกต้องตามกฎหมายของเลิศวรานนท์ผู้สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ใช่บุตรนอกสมรสของคุณหญิงวารีหรือลูกพี่ลูกน้องสายเลือดห่างไกล
“แอลเอ็นกรุปรอแกอยู่นะวิน”
เพราะแอลเอ็นกรุปคือความรับผิดชอบของเขา…
ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ปรารถนามันสักนิด
มาวินข่มความรู้สึกข้างในซึ่งใกล้ทะลักออกมา กลืนก้อนสะอื้นที่จุกแน่นในอกทิ้งไป เงยหน้าขึ้น เผยรอยยิ้มอบอุ่นที่มักทำเสมอให้บิดา
“พ่อเคยถามผมไหมว่าผมชอบอะไร ไม่ชอบอะไร”
เขาไม่ได้ถามหาคำตอบ แต่เขาถามให้ท่านขบคิด
“พ่อเคยคิดบ้างไหมว่าผมรู้สึกยังไงกับการเป็นตัวแทนของใครต่อใคร แบกรับหน้าที่ที่ไม่อยากได้ตั้งแต่แรก ถ้าผมรู้ว่าต้องเกิดมาเจอกับเรื่องมากมายแบบนี้ ผมคงไม่เกิดมาตั้งแต่แรกหรอก!”
“มาวิน!” คุณเตชินตวาดกร้าวออกไป พร้อมสะบัดฝ่ามือหนาเหี่ยวย่นแต่ยังหนักแน่นใส่ใบหน้าข้างซ้ายของบุตรชายเต็มแรง
เพียะ!
ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดไปตามแรงปะทะ ข้างแก้มขวาร้าวระบม และเจ็บแสบ กลิ่นเลือดคาวคลุ้งพร้อมรสเค็มปร่าเทียบไม่ได้กับอกข้างซ้ายที่กำลังร้าวลึกจนยากจะรักษา
“ฮึ” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะเสียงขื่น หันใบหน้าที่ถูกตบจนแดงก่ำกลับมาเผชิญหน้ากับบิดา ส่งยิ้มเช่นที่มักทำเสมอยามต้องสวมหน้ากากให้ใครต่อใคร ที่ผ่านมาเขาไม่เคยยิ้มเช่นนี้ให้บิดา เพราะท่านคือความอบอุ่นสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่ ทว่า… วันนี้คงไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว
คุณเตชินขบกรามจนเป็นสันนูน กำมือที่เพิ่งสะบัดลงไปบนใบหน้าของบุตรชายแน่น ก่อนดึงกลับลงมาแนบข้างลำตัว เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ยามขยับริมฝีปากเอ่ย
“ตั้งใจเรียนให้จบ กลับไปจะได้แต่งงานกับหนูวินนี่เสียที”
ไม่มีเสียงตอบกลับ มีเพียงใบหน้าที่ยิ้มแย้ม หากแววตาเย็นชาทอดมองมายังผู้ให้กำเนิด
คุณเตชินถอนหายใจออกมา ขยับก้าวเข้าไปหาบุตรชาย เอื้อมมือออกไปตั้งใจจะแตะเบา ๆ ตรงร่องรอยที่ท่านไม่ได้ตั้งใจทำร้ายชายหนุ่ม ทว่าร่างสูงที่ยืนเบื้องหน้ากลับถอยหลังห่างออกไปทันที
เป็นปฏิกิริยาต่อต้านที่บาดลึกลงไปในหัวใจของคนเป็นพ่ออย่างหนัก ความกรุ่นโกรธก่อนหน้าจางหายไปแล้ว หลงเหลือเพียงความรู้สึกผิดที่ก่อตัวขึ้นมาในหัวใจมากมายนัก
“วะ วิน พะ พ่อ”
พ่อขอโทษ…
ท่านยังไม่มีโอกาสเอ่ยขอโทษออกไปจนจบประโยคด้วยซ้ำ ริมฝีปากหนาของมาวินก็แย้มยิ้ม
“ผมเข้าใจแล้วครับ นั่นคงเป็นหน้าที่สำคัญของผมสินะ”
เสียงหัวเราะขมขื่นของบุตรชายราวมีดทื่อ ๆ ที่แทงลงมาในหัวใจของพ่อ
“วะ วิน”
มาวินไม่ได้มองสบตาของบิดาอีก เขาเบือนหน้าหนี ยิ้มกว้างขึ้น แล้วหัวเราะเบา ๆ ก่อนหันกลับมาเอ่ย
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะตั้งใจเรียน และกลับไปแต่งงานตามหน้าที่แน่นอน พ่อไม่ต้องกังวล”
กล่าวจบ ร่างสูงก็เดินตรงไปหาคนสนิทที่กำลังขยับตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็พยุงร่างที่สูงใหญ่กว่าตนพอสมควรขึ้นยืน
“ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว ผมขอตัว”
เขาพยุงร่างของคริสเดินแยกออกไปทันที ตรงไปยังห้องนอนของอีกฝ่ายโดยไม่หันกลับไปมองคนที่ยืนมองส่งเบื้องหลังอีกเลย
กำแพงความรู้สึกระหว่างสองพ่อลูกขยายใหญ่ขึ้นอีกเท่าตัว จากความเหินห่างเพียงเล็กน้อยได้กลายเป็นเส้นขนานกว้างไกลในที่สุด ไม่รู้ว่ามาวินสร้างขึ้นมาหรือว่าเป็นท่านเองที่ก่อมันกับมือ…
**** เนื้อหายังมีติดขัดต้องขออภัยนะคะ
ฝากหนูอัยย์กับมาวินด้วยนะคะ
เนื้อหาที่ลงยังไม่มีการปรับแก้ ตรวจคำผิด
อาจมีบางส่วนผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด ทุกๆ เรื่องเลยนะคะ
รัก... เอริณ
ความคิดเห็น