ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผมไม่ได้ตั้งใจจะตกสตรีมเมอร์คนนั้นสักหน่อย

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1 : ชีวิตใหม่ในโลกใบเดิม

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 66


     

    ตอนที่ 1

    ชีวิตใหม่ในโลกใบเดิม

     

    ตอนแรกแซนด์คิดว่าตัวเองได้เกิดที่โลกใบใหม่ในยุคดวงดาวที่มีการเดินทางข้ามกาแล็คซี่ไปดวงดาวต่างๆ ได้ง่ายดายเหมือนในนิยายเรื่องอื่นๆ ที่เขาเคยอ่าน

     

    แต่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น...

     

    ถามว่ารู้ได้ยังไงน่ะเหรอ?

    ก็ค้นหาข้อมูลด้วยตัวเองยังไงล่ะ เพราะร่างนี้จำเรื่องราวก่อนหน้าไม่ได้เลยสักนิด!

     

    ซึ่งจากการค้นหาข้อมูลอยู่พักใหญ่ทำให้ได้รู้ว่าโลกนี้ยังเป็นโลกใบเดิม เพียงแต่หลังจากเเซนด์ตายได้ประมาณหนึ่งล้านปีก็เกิดการระเบิดของคลื่นสุริยะครั้งใหญ่

     

    การระเบิดครั้งนี้ส่งผลให้ขั้วแม่เหล็กของโลกล้มเหลว สภาพอากาศในโลกแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน ทำให้มนุษย์และสัตว์ล้มตายกันเป็นว่าเล่น รัฐบาลและชนชั้นปกครองในหลายๆ ประเทศจำต้องอพยพเพื่อหนีภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน

     

    ขณะนั้นเทคโนโลยีของโลกมาถึงจุดที่สามารถสร้างยานอวกาศและสามารถนำยานท่องเที่ยวภายในกาแล็คซี่ทางช้างเผือกได้แล้วและแพร่หลายเทคโนโลยีนี้ไปทั่วโลกถึงขนาดที่แต่ละประเทศมียานบินกันประเทศละ 5-10 ลำเป็นอย่างต่ำ และเมื่อเกิดเหตุวิกฤตการณ์นี้ขึ้นยานท่องเที่ยวที่มีจึงถูกนำมาใช้เป็นยานหลบหนี พออพยพคนจนเต็มพื้นที่ก็พากันออกนอกโลกทันทีโดยเป้าหมายก็คือดาวพลูโตที่หลุดออกจากระบบสุริยะไปยังกาแล็คซี่เพื่อนบ้านนั่นเอง

     

    ก่อนเกิดเหตุระเบิดคลื่นสุริยะ นักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์และเตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว เพียงแต่พอเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงๆ มันดันเกินจากที่คาดไว้ พลังระเบิดมีความรุนแรงกว่าที่คิด ไม่ใช่ส่งผลกระทบแค่โลกแต่ดันส่งผลต่อดาวอังคารที่เป็นเป้าหมายในการอพยพด้วย

    นักวิทยาศาสตร์ในขณะนั้นจึงได้ทำการเบนเป้าไปยังดาวสำรองอย่างดาวพลูโตที่ได้มีการสำรวจมาแล้วก่อนหน้าว่าสามารถที่จะอยู่อาศัยได้

     

    แม้จะไม่ดีเท่าดาวอังคารแต่เพื่อความอยู่รอดก็ต้องลองเสี่ยงดู...

     

    และเมื่อมาถึงดาวพลูโต กลับพบว่าสถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คิดเนื่องจากทรัพยากรมีอยู่น้อยกว่าที่คาดเอาไว้มาก!

    จากการคาดการณ์ด้วยทรัพยากรที่มีสามารถอยู่ได้เต็มที่เพียงแค่ 1 ล้านปีเท่านั้น แถมสภาพอากาศยังไม่เอื้อให้สิ่งต่างๆ เจริญเติบโตอีก ทำให้ไม่สามารถปลูกพืชพันธุ์ที่เอามาจากดาวโลกได้ เหล่ามนุษย์โลกเลยจำต้องปรับตัวให้เข้ากับดาวดวงนี้เพื่อเอาชีวิตรอด รวมไปถึงหาหนทางในการสำรวจดวงดาวอื่นๆ เพื่อหาที่อยู่อาศัยระยะยาวในอนาคต 

     

    การปรับตัวของมนุษย์ในดาวพลูโตทำให้ร่างกายและเซลล์ในร่างกายของมนุษย์ค่อยๆ วิวัฒนาการ  มีความหลากหลายในรูปร่าง หน้าตา และสีผม รวมไปถึงอายุขัยที่มากขึ้นสามารถมีชีวิตได้นานกว่าเดิม จากเดิมที่มีค่าเฉลี่ยอายุอยู่ที่ 80-100 ปี ก็เพิ่มไปจนสามารถอยู่ได้ถึง 200-250 ปีเลยทีเดียว

     

    ผ่านไปเกือบจะ 1 ล้านปีตามกำหนด แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถหาดวงดาวที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยในระยะยาวได้ เหล่าผู้คนระดับสูงในขณะนั้นจึงทำการประชุมและเสนอให้ลองกลับไปดูดาวโลกซึ่งเป็นดาวบ้านเกิดของเหล่าบรรพบุรุษอีกครั้ง

     

    จากคำบอกเล่าของบรรพบุรุษและการอ้างอิงจากตำราโบราณที่ขนมาตอนอพยพก็พบว่าดาวโลกนั้นเป็นดาวที่มีความมหัศจรรย์ไม่น้อย สามารถฟื้นฟูตนเองในทุกๆ รอบที่เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่จนกลับมามีความอุดมสมบูรณ์ดังเดิมได้ ซึ่งเหล่าผู้คนที่ยังมีชีวิตรอดทุกคนต่างก็ล้วนเห็นด้วยที่จะกลับไปยังดาวบรรพบุรุษอีกครั้ง ยังไงเสียก็ดีกว่ารอความตายอยู่ที่นี่ เมื่อตกลงกันได้จึงพากันออกเดินทางเพื่อกลับไปยังดาวโลกอีกครั้ง

     

    และการตัดสินใจนี้ก็เรียกได้ถูกต้องและคุ้มค่า

     

    เมื่อเหล่าผู้อพยพได้กลับมาก็พบว่าโลกนั้นได้เกิดการวิวัฒนาการไปไกลมาก ทั้งอุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการดำรงชีวิตไม่หนาวเย็นเหมือนตอนอยู่ดาวพลูโต สิ่งมีชีวิตเดิมตามตำราเก่าแก่ก็ยังพอมีอยู่ แถมระบบนิเวศใหม่ๆ ยังเกิดขึ้นมาอีกมากมายซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เหมาะสมที่จะนำดาวโลกกลับมาเป็นที่อยู่อาศัยในระยะยาวอีกครั้ง  

     

    และเมื่อยานลงจอดลงบนพื้นโลกเหล่าผู้อพยพต่างก็พากันทยอยออกไปหาที่อยู่อาศัยกันตามที่ต่างๆ ไม่ได้จับตัวรวมกลุ่มกันเหมือนแต่ก่อน เพราะในตอนนี้โลกนี้ได้ก่อเกิดแผ่นดินใหม่ถึง 10 ทวีป ดังนั้นต่างคนจึงต่างแยกย้ายไปตามดินแดนต่างๆ ก่อนจะพากันตั้งรกรากจับจองอนาเขตพร้อมกับค่อยๆ เรียนรู้โลกใบนี้ไปด้วย

     

    จนเวลาผ่านไปอีกนับแสนปีเทคโนโลยี ผู้คนได้เติบโตขึ้นจากเดิมมาก ด้วยความที่ดินแดนต่างๆ นั้นมีทรัพยากรที่แตกต่างกันเหล่ามนุษย์จึงเกิดความโลภและไม่พอใจในสิ่งที่ดินแดนของตนนั้นมีอยู่

     

    ดังนั้นสงครามระหว่างดินแดนจึงปะทุขึ้น

     

    สงครามได้ดำเนินไปพร้อมกับความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินรวมไปถึงอารยธรรม ตำรา และบันทึกต่างๆ ในอดีตที่เหล่ามนุษย์นั้นได้พยายามฟื้นฟูและรักษาเอาไว้ ได้สูญหายไปกับสงครามครั้งนี้จำนวนไม่น้อยเลย

     

    โศกนาฏกรรมนี้ยังคงดำเนินไปอีกนับพันปี ก่อนที่จะจบลงด้วยการปฏิวัติจากกลุ่มคนทั้งสิบกลุ่มจากทั้ง 10 แดนทวีป เมื่อปฏิวัติได้สำเร็จภายหลังเหล่าผู้คนจึงพากันขนานนามกลุ่มคนเหล่านี้ว่า 'สิบเสาหลักของโลก'  ซึ่งเสาหลักทั้ง 10 กลุ่มนั้นต่างก็ถูกยกย่องให้เป็นผู้ปกครองในแต่ละทวีปไปโดยปริยาย

     

    พอสงครามจบก็ได้เวลาฟื้นฟูโลกให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่เนื่องจากหลายๆ สิ่งได้สูญหายไปกับสงคราม เหล่าเสาหลักของทวีปต่างๆ จึงได้พยายามตั้งทีมฟื้นฟูอารยธรรมหลายๆ แบบขึ้นมาเพื่อให้โลกกลับมามีอารยธรรมเหมือนเก่า ทั้งสอบถามและขอความร่วมมือจากตระกูลที่มีเชื้อสายโบราณ รวมไปถึงออกสำรวจตามเศษซากปรักหักพังที่ยังคงเหลืออยู่ วัฒนธรรมและอารยธรรมต่างๆ จึงค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง

     

    จากวันที่สงครามสิ้นสุดก็ผ่านไปแล้วหนึ่งแสนปี ผู้คนบนโลกมีความสามัคคีกันมากขึ้น ต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนความรู้และข้อมูลต่างๆ อยู่เสมอ ทำให้เทคโนโลยีที่มีนั้นก็ก้าวล้ำไปไกลกว่าเดิมมาก ไม่ว่าจะเป็นระบบเอไอหรือหุ่นยนต์ก็มีให้เห็นกันทั่วไปในชีวิตประจำวัน

    ด้านอารยธรรมโบราณก็มีการค้นพบสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆ  แม้ผู้คนจะติดความสบาย เรียบง่ายและรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นการที่ได้ค้นพบเรื่องราวในอดีตก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยเลย 

     

    แน่นอนว่าเมื่อมีการค้นพบสิ่งใหม่ก็ย่อมมีคนนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งนั่นก็เป็นทางเลือกของผู้คนว่าจะนำสิ่งเหล่านั้นมาใช้ไหม บางคนก็ไม่สนใจเพราะคิดว่าที่เป็นอยู่นั้นสะดวกสบายดีแล้ว แต่บางส่วนนั้นก็คิดว่าอารยธรรมหลายๆ อย่างในอดีตนั้นน่าสนใจดี เลยมีการศึกษาค้นคว้ามากขึ้น บางคนถึงขั้นจับมาเป็นอาชีพเลยทีเดียว 

    .

    .

    .

     

    เมื่อแซนด์ศึกษาความเป็นไปของโลกใบนี้แล้ว ก็ได้เวลาศึกษาความเป็นไปของตัวเองบ้าง ว่าเพราะอะไรเจ้าของร่างนี้ถึงตายและตัวเขาเองถึงได้มาอยู่แทนที่คนเก่า ถึงจะไม่ได้ตื่นเต้นที่มาที่นี่มากนักแต่ก็อดสงสัยไม่ได้เพราะเจ้าของร่างไม่ได้ทิ้งความทรงจำใดๆ ไว้ให้เลย แม้จะอยากรู้เรื่องราวก่อนหน้าแค่ไหนก็ไม่อาจทำได้ เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี

     

    หลังจากงมอยู่นานสุดท้ายก็ถือวิสาสะเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเจ้าของร่างผ่านทาง สตาร์ริช ซึ่งมันก็คือริชแบรนด์สวมข้อมือที่ทางรัฐบาลของแต่ละทวีปจะมอบให้ในทันทีเมื่ออีกฝ่ายแจ้งเกิด มีหน้าที่คล้ายฐานเก็บข้อมูลเล็กๆ ที่รวบรวมข้อมูลส่วนตัวของผู้ครอบครอง เมื่อใส่แล้วจะไม่มีทางถอดออกได้จนกว่าจะสิ้นอายุขัยหรือชีพจรหยุดเต้นเกิน 1 ชั่วโมง

     

    เจ้าตัวสตาร์ริชทำหน้าที่คล้ายมือถือยุคก่อน ทั้งเก็บข้อมูลส่วนตัวทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการเงิน การศึกษา ข้อมูลสุขภาพต่างๆ และยังลิ้งค์เข้ากับชีพจรของกายเนื้ออีกด้วย หากวันใดตรวจพบความผิดปกติของชีพจร สตาร์ริชจะทำการแจ้งโรงพยาบาลตามสิทธิ์ในทันที นอกจากนี้ยังสามารถหาข้อมูลได้เพียงแค่สั่งให้จอโฮโลแกรมขึ้นมา แถมยังใช้เป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นได้อีกด้วย

     

    จากจุดนี้ทำให้การเข้าถึงข้อมูลเพื่อดูเรื่องราวก่อนหน้าเป็นเรื่องง่าย หลังจากใช้เวลาสักพักเขาถึงได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งสาเหตุการตายของร่างนี้นั้นมาจาก การตรอมใจที่เสียครอบครัวอันเป็นที่รักไปอย่างกะทันหัน

     

    แซนด์คนก่อนนั้นรักครอบครัวมากๆ เรียกได้ว่าอยู่ด้วยกันในทุกช่วงเวลาของชีวิตไม่ว่าจะสุขหรือจะเศร้า ก่อนที่ท่านทั้งสองจะเสียเป็นช่วงที่แซนด์คนเก่ากำลังจะเรียนจบและได้ทำการเชิญพ่อแม่มางานวันจบของตัวเองในทวีปที่ห้าซึ่งเป็นทวีปที่เจริญทั้งเศรษฐกิจและการศึกษา โดยเจ้าตัวเลือกเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านดีไซน์ ซึ่งเป็นความชอบของตัวเจ้าของร่างคนเก่านั่นเอง

     

    พ่อแม่ของแซนด์คนเก่าต่างตื่นเต้นดีใจและรีบเดินทางด้วยยานบินเพื่อมาร่วมงานวันจบของลูกชายสุดที่รัก

     

    แต่สุดท้ายท่านทั้งสองเดินทางมาไม่ถึง...

     

    ยานบินที่ทั้งสองนั่งมานั้นดันเกิดเหตุขัดข้อง ทำให้ยานเสียการทรงตัว ยานบินเลยตกกระแทกกับพื้นดินอย่างแรง ทั้งเครื่องยนต์และสิ่งมีชีวิตที่มากับยานพาหนะนั้นแหลกละเอียดและจมหายกับพื้นดินไปในทันที

     

    ฝั่งแซนด์คนก่อนที่กำลังรอพ่อกับแม่มาหา แต่จนแล้วจนรอดท่านทั้งสองก็ไม่มา ด้วยความสงสัยจึงเช็กเที่ยวบิน ก่อนจะทราบข่าวว่าบุคคลที่ตนรักนั้นไม่อยู่แล้ว ทำเอาเจ้าตัวก็ถึงกับล้มทั้งยืน ทั้งร้องไห้และกรีดร้องออกมาสุดเสียง จนสุดท้ายเกิดอาการช็อกต้องนำส่งเข้าโรงพยาบาล พอฟื้นขึ้นมาก็ร้องไห้จนสลบไปอีก สภาพจิตใจย่ำแย่มากๆ จนต้องอยู่ในการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด

     

    ผ่านไปสักพักแม้ร่างกายจะเริ่มดีขึ้น แต่สภาพจิตใจกลับแย่ลง ทุกๆ วันได้แต่นั่งร้องไห้ ข้าวปลาไม่ยอมกินจนร่างกายที่เคยงดงามกลับซูบผอมลง แม้จะได้เงินชดเชยอันมหาศาลจากบริษัทยานบิน แต่ก็ไม่ช่วยให้จิตใจของแซนด์คนเก่านั้นดีขึ้นได้เลยเพราะเจ้าตัวต้องสูญเสียคนที่รักที่สุดไป มันไม่มีสิ่งใดมาแทนกันได้ทั้งสิ้น

     

    ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งแย่ จนในที่สุดวันสุดท้ายของชีวิตก็มาถึง เจ้าตัวได้จากไปอย่างสงบด้วยอาการตรอมใจ แต่ในขณะที่ร่างหยุดหายใจได้ไม่ถึงหนึ่งนาที แซนด์ที่ตายจากอดีตอันแสนไกลด้วยอุบัติเหตุก็มาเข้าที่ร่างนี้พอดิบพอดี

     

    พอได้รับรู้เรื่องราวในอดีตและเรื่องราวของเจ้าของร่างได้ไม่เท่าไหร่ รถโรงพยาบาลก็มาจอดเทียบที่พักที่อยู่ ณ ปัจจุบัน เนื่องจากทางโรงพยาบาลนั้นจับสัญญาณชีพจรที่หยุดไปชั่วขณะหนึ่งได้จึงได้รีบมาหา แม้จะใช้เวลาไปสักหน่อยเนื่องจากสิทธิ์รักษาของเจ้าของร่างอยู่ในทวีปที่หนึ่งซึ่งเป็นบ้านเกิด กว่าจะประสานมาที่ทวีปที่ห้าที่อาศัยอยู่ในขณะนี้ก็กินเวลาไปไม่น้อย 

     

    เมื่อเห็นเหล่าแพทย์กู้ชีพแซนด์จึงต้องอธิบายอยู่นานว่าตนนั้นไม่เป็นอะไร แต่จากสภาพที่เห็นก็ไม่มีใครเชื่อ จนสุดท้ายแซนด์ต้องยอมถอยครึ่งทางและเข้าสู่ระบบฟื้นฟูทางการแพทย์เพื่อลดความวุ่นวาย ผ่านไปสามเดือนเมื่อทางแพทย์ยืนยันว่าดีขึ้นถึงจะได้รับการปล่อยตัวออกมา

     

    จากวันนั้นก็ผ่านมาได้ 7 ปีแล้วที่แซนด์ได้อาศัยอยู่ในโลกแห่งนี้ เขาสามารถปรับตัวได้เป็นอย่างดี ได้ใช้ชีวิตธรรมดาอย่างที่ฝันไว้ ทำงานในบริษัทเป็นลูกจ้างธรรมดา ไปเช้าเย็นก็กลับ ได้ใช้ชีวิตเป็นคนขี้เกียจอย่างเต็มที่เป็นชีวิตที่มีความสุขดั่งที่คาดเอาไว้ ที่เคยสัญญากับเจ้าของร่างว่าจะไม่ใช้ร่างนี้ไปทำเรื่องที่ผิดศีลธรรมและใช้ชีวิตที่ได้รับมานี้ให้มีความสุขที่สุด แซนด์ก็สามารถทำตามได้อย่างดี

     

    แซนด์ในตอนนี้ได้พบเจอกับความสุขแล้วจริงๆ

     

    ก็ได้แต่หวังว่าชีวิตแบบนี้จะดำเนินต่อไป อย่าให้อะไรมาทำลายความสงบนี้ของเขาเลยนะ 

     

     

    (tbc)

     

    [ท้อกๆ]

    และแล้วก็ได้ฤกษ์ลงนิยายแม้สปีดการเขียนจะเป็นเต่า แต่คิดไปคิดมาถ้าไม่เปิดตอนซะทีก็คงจะดองเค็มอยู่แบบนั้นเลยตัดสินใจลงมันซะเลย (;_;)

    บทนี้จะค่อนข้างบรรยายเยอะหน่อย เพราะอยากให้ทราบจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เป็นการอธิบายเซตติ้งของโลกนี้กลายๆ ค่ะ

     

    *** ขอสอบถามหน่อยนะคะ

    คือนิยายมันแจ้งเตือนไหมคะ คือเราห่างหายในการลงนิยายเว็บเด็กดีมานานเลยยัง งงๆ กับระบบหลังบ้านอยู่ค่ะ ถ้าเห็นนิยายตอนนี้ รบกวนบรรดารีดๆ ที่หลงเข้ามากดใจ หรือไม่ก็ส่งสติ้กเกอร์บอกหน่อยนะคะ เพราะเราตั้งเป็นเผยแพร่ตามเวลาด้วย กลัวไม่แจ้งเตือน ยังไงรบกวนด้วยนะคะ //ไหว้ย่อ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×