ไม่รักแต่ไม่เกลียด - ไม่รักแต่ไม่เกลียด นิยาย ไม่รักแต่ไม่เกลียด : Dek-D.com - Writer

    ไม่รักแต่ไม่เกลียด

    ไม่ได้เกลียดหรอกนะแต่ก็ไม่ได้รักเหมือนกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    511

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    511

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 ส.ค. 48 / 20:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เรื่องสั้น    ไม่ได้รักแต่ไม่ได้เกลียด
          
      ฉันนั่งมองปอยผมแต่ละปอยที่กำลังถูกตัดออกไปผ่านกระจกบานใหญ่อย่างไร้ความรู้สึก  เคยได้ยินว่าคนเราถ้าอกหักก็มักจะต้องตัดผม  ตอนที่ฉันได้ยินฉันก็เกิดคำถามว่าทำไมละ  นั่นสิทำไม .......  ทำไมฉันถึงมานั่งอยู่ที่นี่.....

      ฉันเดินออกจากร้านมาด้วยอาการเหม่อลอย   มองเห็นผู้คนเดินไปมาพลุกพล่านเหมือนเดิม......  เหมือนทุกวัน   เดินไปหยุดที่ม้านั่งตัวเดิมที่เคยมานั่งอยู่ทุกวัน   วันนี้พระอาทิตย์ยังคงเหมือนเดิม   ยังขึ้นที่ทิศตะวันออกและตกที่ทิศตะวันตก  แสงสีส้มสาดส่องจับอยู่ที่ขอบฟ้าพยายามต่อสู้กับสีน้ำเงินเข้มของค่ำคืนที่กำลังย่างกรายมายึดพื้นที่ทั่วท้องฟ้า  ฉันเงยหน้ามองดาวประกายพรึกเพื่อให้น้ำใสๆที่กำลังจะไหลออกมากลับไปสู่ที่เดิม  
          
                  ทำไมน้ำตายังคงไหลอยู่ได้นะ........  ทั้งที่ฉันก็คิดว่าตัวเองก็ร้องมามากมายเหลือเกินแล้ว

      ฉันหลับตาหัววางอยู่กับพนักพิง

      “ฉันเพิ่งอกหักแหละ”  ฉันได้ยินเสียงคนพูดอยู่ใกล้ๆ  ฉันไม่รู้ว่าเขาคุยอยู่กับใครเพราะไม่ได้ลืมตาไปมอง  อาจจะเป็นเพื่อนของเขา  

      “เขาบอกว่าฉันดีเกินไป”

      นั่นสิทำไมคนเราถึงชอบพูดคำนี้กันจังนะ  ฉันก็โดนบอกเลิกด้วยคำๆนี้เหมือนกัน  เขาคิดว่ามันเป็นคำที่ดีแล้วเหรอ  แต่สำหรับฉัน......ฉันไม่ต้องการคำแบบนี้หรอก  มันไม่เหมือนคำปลอบโยนสักนิด  กลับรู้สึกว่าทำร้ายกันมากกว่า  ...ถ้าฉันดีแล้วทิ้งกันไปทำไมละ.....  

      “แต่ที่จริงแล้วเขามีคนอื่น”

      ใช่....เขามีคนอื่น   เขามีแฟนอยู่แล้ว  มีผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้ว  แต่กลับบอกว่าเลิกกันไปแล้ว  ไม่ได้เจอกันแล้วแต่ก็โทรคุยกันอยู่ทุกวัน  ในขณะที่กับฉันเขาไม่เคยโทรหาสักครั้ง   มีแค่ฉันฝ่ายเดียวที่โทรหาเขา  คิดถึงเขาคนเดียว  ....แต่เขากลับคิดถึงคนหลายๆคนในเวลาเดียวกัน

      “ฉันพอจะรู้เหมือนกันว่าเขามีคนอื่น  แต่ฉันก็ทน....  เพราะฉันรักเขา”   แล้วฉันก็ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นจึงลืมตาขึ้นไปมอง  ผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ข้างๆฉัน เธอร้องไห้   ไม่มีใครอื่นอีกเลยที่นั่งอยู่ข้างเธอและในมือของเธอก็ไม่มีโทรศัพท์มือถือ   ....เธอพูดอยู่กับฉัน
      ฉันยิ้มให้เธอ “ไม่เป็นไรหรอก  เราก็ถือซะว่ามันเป็นบทเรียนไง”

      ใช่เป็นบทเรียน  ฉันกำลังปลอบใจตัวเอง  มันเป็นบทเรียนที่เจ็บปวดและแสนแพงเลยละ  บทเรียนที่แลกด้วยใจทั้งดวงกับความจริงใจทั้งหมดที่ฉันมี

      ไม่รู้ว่าฉันทุ่มเทให้เขาไปเท่าไหร่กัน  ตลอดเวลาไม่ว่าจะหายใจเข้าหรือหายใจออกฉันก็จะคิดถึงเขา  

      “เขาไม่เคยรู้เลยหรือไงนะ  ว่าฉันรักเขาแค่ไหน  รัก ...รักมากแม้แต่ตอนนี้ก็ยังรัก  ถึงเขาจะเกลียดฉัน  แต่ฉันก็ยังรักเขา”

      ฉันยิ้มให้เธอแต่รู้สึกเลยละว่ามันเป็นยิ้มที่แห้งแล้งสิ้นดี  ดวงตาของฉันมันคงจะเศร้าน่าดู  เพราะฉันไม่รับรู้การมีอยู่ของเธอเลย  .....ไม่มีน้ำตา  แต่รู้สึกว่าตาทั้งสองข้างมันร้อนผ่าว  แสบร้อนจนไม่อยากที่จะมองสิ่งใด

      เมื่อเธอเริ่มบอกเล่าสิ่งที่เธออัดอั้นตันใจ  ในสมองของฉันก็เริ่มคิดเหมือนกัน  คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่าฉันกับผู้ชายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟน  

      ทำไมฉันถึงหลงรักเขา......

      เพราะเขาหน้าตาดี  นิสัยดีอย่างนั้นเหรอ  หรือเพราะว่าเราเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน  

      ฉันคิดว่ารู้จักเขา  เรารู้จักกันตั้งแต่ตอนอยู่ม.ปลาย  เป็นเพื่อนที่พบ  พูดคุย  เห็นหน้ากันอยู่ทุกวัน แล้วเราก็คบกัน  แรกๆก็เหมือนที่ใครต่อใครเขาเคยพูด  เมื่อมีความรักโลกนี้ก็เป็นสีชมพู  มันสดใส  มีความสุข.....

      ฉันยกมือขึ้นลูบหลังผู้หญิงคนนั้นอย่างปลอบโยน  ในขณะที่เธอสะอึกสะอื้นจนพูดแทบไม่เป็นภาษา  ใบหน้าขาวจัดของเธอแดงก่ำ  น้ำตาเปรอะเปื้อนไปทั่วแก้มแดง  ผ้าเช็ดหน้าสีน้ำตาลถูกกำอยู่ในมือคู่เรียวนั้นแน่น  บางครั้งมันก็ถูกยกขึ้นมาซับน้ำใสๆนั่น    ......ผ้าเช็ดหน้าสีน้ำตาลของเขา......

      ของขวัญชิ้นแรกที่เขาให้ฉัน   แล้วคำพูดของเพื่อนสักคนก็ดังขึ้นมา

      ‘บ้าเหรอแก  ไปเอามาทำไมผ้าเช็ดหน้าเนี่ย  ไม่มีใครเขาให้เป็นของขวัญหรอก  มันอัปมงคลเขาเอาไว้แจกเฉพาะในงานศพ’
      แล้วมันก็ได้นำมาซับน้ำตา  ฉันว่ามันคงจะดีใจนะที่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง

      “ฉันอยากจะลืม  ลืมเขาไปให้หมดใจ  จะได้ไม่ต้องเจ็บอีกไม่ต้องมาทุกข์ทรมานอีก  ผู้ชายคนนั้นเขาทรมานฉันมามากพอแล้ว  ผู้ชายเลวๆพันธุ์นั้น”

      “ไม่ต้องลืมหรอก ปล่อยให้อดีตเป็นความทรงจำในวันวานที่คอยเตือนใจเรา เราจะได้รู้จักดูคน รู้จักคิดให้มากกว่านี้” ฉันพยายามพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลที่สุด  แต่เหมือนกับว่าทุกคำที่ฉันพูดไม่ได้กำลังบอกเธอ  แต่กำลังบอกตัวเองต่างหาก  กำลังเตือนให้ตัวเองหายเศร้าเร็วๆ

      “แต่ฉัน....ส...เสียใจ  ทำไมเขาต้องทำแบบนี้”

      ไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้ชายคนเดียวจะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งร้องให้ได้มากขนาดนี้  เธอร้องไห้มามากแล้วก็ยังสามารถร้องไห้ได้อีกเรื่อยๆเหมือนกับว่าน้ำตาเธอจะไม่มีวันหมด  

      คงไม่มีวันหมดหรอก.....น้ำตาที่อยู่ในใจฉันก็เหมือนกัน......


      “แพรว”

      ฉันเงยหน้ามองตามเสียงเรียกนั้น  เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนเหนื่อยหอบอยู่ตรงหน้า

      “เอก”  เสียงสั่นเครือน้อยๆหลุดออกมาจากริมฝีปากคนที่นั่งอยู่ข้างๆฉัน

      “มาทำไมอีกละ  แค่นี้ยังไม่พอเหรอ  ต้องการอะไรอีกละ”เธอถามด้วยเสียงแค้นเคืองแต่ก็ปนไปด้วยความน้อยใจความเสียใจ

      “เข้าใจผิดแล้วนะแพรว เอกไม่เคยคิดอยากจะเลิกกับแพรวเลยนะ”

      “โกหก คนโกหกแล้วผู้หญิงคนนั้นละ”

      “มันไม่ใช่อย่างที่แพรวเข้าใจหรอก  เราไม่ได้มีอะไรกันหรอก  เอกกับวรรณเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นเอง”
      แค่เพื่อนกันเหรอ  กี่ครั้งนะที่เขาก็ใช้คำนี้บอกฉันเหมือนกันแล้วฉันก็เชื่อ

      “จริงๆเหรอ”

      “จริงสิเอกไม่โกหกแพรวหรอก”

      ทุกครั้งเลยมั้งที่เราทะเลาะกัน  ฉันจะยอมคืนดีกับเขาง่ายๆ

      “งั้นเราคืนดีกันนะ”

      แต่ฉันจะเป็นคนง้อ  ไม่ว่าทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร  ไม่ว่าเขาจะผิดหรือถูก

      “อืม”

      ฉันยิ้มให้พวกเขา  แต่ที่จริงฉันยิ้มให้กับความโง่ของตัวเอง.....

      “ดีใจด้วยนะที่คืนดีกันได้”

      “ฉันต้องขอโทษนะคะที่ทำให้คุณลำบาก  และก็ขอบคุณมากๆ”เธอพูดด้วยเสียงอู้อี้ติดสะอื้นจากการร้องไห้เมื่อครู่

      “ไม่เป็นไรหรอก”        

      พวกเขาเดินจากไปแล้วเหลือไว้แต่ตัวฉัน  ก้มมองนาฬิกาดึกมากแล้วคงต้องกลับบ้านซะที  ผ้าสีน้ำตาลถูกคืนกลับให้กลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง


      “แก้วโทรมาทำไมเหรอ”

      “ก็ไม่มีอะไรหรอก โทรมาคุยเฉยๆ”

      “เหรอ ....โทรมาบ่อยไหม”

      “ก็ไม่นี่  แทบไม่ติดต่อกันเลยด้วยซ้ำ”

      “นี่วันนี้วันเกิดแจนนะ”

      “เหรอ”

      “ไม่มีของขวัญให้หน่อยเหรอ”

      “จะเอาอะไรละ  หรือไปกินข้าว”

      “ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นได้ป่ะ”

      “อยากได้ก็เอาไปสิ  ถึงยังไงเราก็ไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้ว”


      บ้าที่สุด!!!!  อยู่ๆก็ดันนึกเรื่องบ้าๆขึ้นมาได้  ทำไมจำได้แม่นขนาดนี้นะรู้สึกเหมือนกับว่ามันเพิ่งเกิดเมื่อวาน  ทั้งสีหน้าทั้งแววตาของเขา  มันไม่ได้บอกว่าใส่ใจสักนิดเลย  

      “เขาไม่เคยสนใจเธอเลย.....ได้ยินไหมแจน”

      ฉันตะโกนออกไปเสียงดัง    ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นถูกกำแน่นอยู่ในมือ  ยกมันขึ้นมาดูครั้งสุดท้ายแล้วก็ขว้างมันทิ้งไป

      ใครสักคนบอกว่า ถ้ามีเรื่องทุกข์ใจก็ให้เอามันมาโยนทิ้งลงน้ำ   ฉันเคยขำ  เคยหัวเราะ  แล้วทำไมตอนนี้ฉันถึงบ้าจี้ทำตามที่เขาบอกไปได้นะ
      ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นค่อยๆลอยตกลงไปยังท้องน้ำเบื้องล่างช้าๆ  มันลับสายตาหายไปในความมืดของค่ำคืน  จบแล้วความรักของฉัน  ไม่มีมันเหลือในความทรงจำอีกแล้ว

      “ฉันไม่ได้เกลียดนายนะ   แต่ก็ไม่เหลือความรักให้นายอีกแล้ว  ไม่มีแล้ว....ไม่มีแล้วจริงๆ”

      ฉันเคยหลอกตัวเองเสมอมา  ว่าสักวันความจริงใจของฉันจะทำให้เขากลับมามอง  และก็เชื่อใจเขาเสมอ  ไม่ว่าเขาจะทำหรือจะคิดอะไร  ก็ความรักมันคือความเชื่อใจ  ถ้าการที่จะเชื่อใจใครสักคนแล้วมีความสุข  ฉันก็ยินดีที่จะทำ.....

      ก็ฉันไม่ได้เกลียดความรักนี่.....  ไม่ได้เกลียดเขาด้วย  อย่างที่บอก  .......ไม่ได้รักก็ไม่ได้แปลว่าเกลียดสักหน่อย

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×