ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โชคชะตาและลิขิตของสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้นของโชคชะตา

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 49



    ในคืนอันเหน็บหนาวของปลายเดือนธันวา
    มีเพียงร่างอันบอบบางของหญิงสาวอายุประมาณ16-17ปี สวมชุดที่ขาดวิ่นแลดูสกปรกมอมแมมกำลังนอนขดตัวอยู่บนพื้นคอนกรีตที่เย็นเชียบข้างโกดังร้างแห่งหนึ่ง ตัวของเธอสั่นเทาเล็กน้อยเพราะด้วยความหนาวของอากาศที่เย็นจัดไปถึงไขกระดูกสันหลัง เธอแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาโดยไม่รู้ตัวเพราะด้วยฝันร้ายถึงเรื่องราวในอดีต ฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอนเธอในทุกๆคืน...... อดีตของเธอ มันช่างเป็นบาดแผลที่ฝังลึกลงไปในซอกจิตใจของหญิงสาวโดยที่ยากที่จะเยียวยาแผลนั้นให้หายเป็นปกติได้



    "ปึง ปึง ปึง ปึง" เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง



    "ค่าๆ มาแล้วค่า" เสียงอันสดใสของหญิงสาวซึ่งดูพอมีอายุแต่ใบหน้ายังคงสวยสดอยู่ แก้มอันนวลเนียนของเธอถูกแต่งแต้มไปด้วยสีแดงระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติโดยที่ปราศจากเครื่องสำอางใดๆ ผิวขาวอมชมพูซึ่งดูนุ่มนิ่มหน้าสัมผัสถูกขับให้เด่นเมื่อเธออยู่ในชุดสีฟ้าสดใส


    "แอ๊ด~"หญิงสาวเปิดประตูพร้อมกับยื่นหน้าออกมาดูผู้ที่มาเยือน แต่เธอก็ต้องตกใจเพราะที่หน้าบ้านเธอนั้นมีชายชุดดำยืนเรียงกันอยู่6คนและที่ข้างหลังก็มีรถลิมูซีนสีดำคันใหญ่จอดอยู่ เธอไม่สามารถมองเห็นคนที่อยู่ในรถได้เนื่องจากฟิล์มสีดำที่ติดอยู่ที่กระจกนั้นมืดสนิท



    "อ้ะ! พวกคุณเป็นใครกัน มีธุระอะไรกับฉันรึป่าวค่ะ" เธอถามชายชุดดำอย่างสุภาพแต่ชายสวมชุดดำกลับไม่พูดอะไรและถือวิสาสะเดินเข้ามาในบ้านของเธอพลางเดินสำรวจไปรอบๆบ้าน



    "นี่คุณ! นี่มันบ้านของฉันนะ เข้ามาโดยพลการอย่างงี้ได้ยังไงกัน ให้ตายสิ ไม่มีมารยาทเอาซะเลยนะ"เธอพูดอย่างเคืองๆเล็กน้อย



    "คุณชื่อ นางาระ เรโกะ ใช่รึป่าว" หนึ่งในชายชุดดำที่กำลังสำรวจบ้านอยู่หันมาถามหญิงสาวพร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋าทำให้ชายเสื้อสูทนั้นเลิกขึ้นเล็กน้อย



    "อะ..เอ่อ..ใช่ค่ะ...ทำไมเหรอค่ะ"เรโกะตอบชายชุดดำอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะเธอเหลือบไปเห็นปืนที่เหน็บอยู่ที่สีข้างของชายชุดดำ เธอรู้สึกถึงรางสังหรณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก



    "ผมได้รับคำสั่งมาให้เก็บคุณ โทษทีน่ะ"ชายชุดดำพูดอย่างสุภาพซึ่งดูขัดกับรูปร่างหน้าตา พอชายชุดดำพูดจบก็ดีดนิ้วเรียกชายชุดดำคนอื่นอีก5คนให้เดินมาพร้อมกับล้อมเธอเอาไว้



    "นะ..นี่คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ" เรโกะทำหน้าตกใจสุดขีด ตอนแรกเธอคิดว่ามันจะต้องเป็นเรื่องที่ล้อเล่นแน่นอนแต่เมื่อดูจากสีหน้าท่าทางของพวกชายชุดดำที่ดูจริงจังนั้น กลับทำให้เธอรู้สึกร้อนๆหนาวๆมาตั้งแต่เมื่อกี้



    "ถ้าอยากรู้นักล่ะก็..ลองถามฉันดูก็ได้นะ หึหึ"ชายชุดดำที่ยืนอยู่เดินแหวกออกเพื่อให้ชายที่พูดนั้นเดิน เมื่อเรโกะได้เห็นหน้าชายคนนั้นชัดๆเธอรู้สึกชาไปทั้งตัว เธอรู้สึกสับสนและงุนงงภายในหัว ความคิดของเธอกำลังลำดับเหตุการณ์ ทำไมสามีของเธอถึงมาอยู่ที่นี่ตอนนี้ และเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร?


    "
    คุณค่ะ..ทะ..ทำไมคุณถึง" เรโกะยังไม่ทันพูดจบสามีของเธอก็ก้าวมายืนหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอพร้อมกลับทำสีหน้าเรียบเฉย เขาแย้มรอยยิ้มที่ดูเยือกเย็นออกมาเล็กน้อย



    " ไง ที่รักวันนี้ผมกลับมาจากที่ทำงานเร็วน่ะ ก็เลยรีบมาหาคุณเลยนะเนี่ย ไม่ดีใจเหรอ"สามีของเธอพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เรโกะสังเกตุเห็นได้ว่าในแววตาของเขาช่างขัดกับคำพูดเสียจริง



    "คุณซากะ มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย" ชายชุดดำถามขึ้น


    "หึหึ.."ซากะหัวเราะในลำคอ


    "ไม่ต้อง! เดี๋ยวฉันจัดการเอง"ซากะยกมือห้ามชายชุดดำไว้ก่อนที่จะหันกลับมาพูดกับเรโกะต่อ



    "แหม ไม่ต้องทำหน้ากลัวฉันขนาดนั้นก็ได้นะ เรโกะ"ซากะพูดพลางขยับเข้ามาใกล้ แต่ก่อนที่เรโกะจะได้พูดอะไรซากะก็ยกมือขึ้นมาจุ๊ปากของเรโกะไว้ แล้วจ้อมมองลึกเข้าไปในดวงตาอันกลมโตสีดำสนิทของเธออย่างค้นหา


    "จุ๊ๆๆๆ"


    "ที่รัก เงียบเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว...... ไม่ต้องกลัวนะแค่ทนเจ็บนิดเดียวเองเดี๋ยวก็จะได้ไปสบายแล้ว หึๆๆ"ผู้เป็นสามีพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลพร้อมกับก้มลงจูบที่ริมฝีปากของภรรยาอย่างแผ่วเบา แต่ทันใดนั้นเองก็...



    "ฉึก" เสียงโลหะกระทบกับเนื้อดังขึ้น "หึๆ เกือบแล้วที่รัก อีกนิดเดียวเอง"พอสามีพูดจบก็จัดการแทงมีดลงไปอีกจนมิดด้ามพร้อมกับกระชากมีดออกอย่างแรง เรโกะฟุบลงไปนั่งที่พื้นพร้อมกับเอามือกุมที่แผลด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดเนื่องจากบาดแผล



    "อั๊ก!!!" เรโกะกระอั๊กเลือดออกมา เลือดของเธอไหลออกมาจากบาดแผลอย่างต่อเนื่อง เรโกะได้แต่นั่งจ้องหน้าสามีของเธออย่างไม่เข้าใจ น้ำตาค่อยๆคลออยู่ที่เบ้าตาของเธอ



    "ทะ..ทำไม...ทำไมคุณถึง..ทำแบบนี้" เรโกะพูดอย่างยากลำบากพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เรโกะรู้สึกเสียใจเป็นที่สุดเพราะความรักและความเชื่อใจในตัวสามีของเธอได้ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของคนที่เรียกว่าสามี



    "หึๆๆ ฮ่าๆๆ ทำไม..ทำไมงั้นเหรอ ก้อเพราะว่าเงินไง เงินทองและอำนาจ ถ้าไม่ใช่เพราะแกที่คอยขัดขวางฉันมาตลอดไม่ว่าฉันทำอะไร แกต้องคอยมายุ่งอยู่เรื่อยเลย รู้มั้ยว่าตอนนั้นน่ะแกเกือบจะจับฉันได้อยู่แล้วว่าฉันน่ะแอบลักลอบค้าของเถื่อน แต่แกดันโง่เองที่บอกเบาะแสพวกนั้นให้ฉันรู้ ฉันก็เลยไหวตัวได้ทัน  ฉันต้องขอบใจเธอมากเลยน่ะ ฮ่าๆๆ"ผู้เป็นสามีหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับระบายความในใจที่อัดอั้นมานาน



    "หึๆๆๆ"แต่เมื่อเรโกะได้ยินดังนั้นจึงคลี่รอยยิ้มออกมาบางๆพร้อมกับหัวเราะ



    "หึ...จิงๆแล้ว..ฉัน...น่ะรู้อยู่แล้ว...ว่าคุณน่ะลักลอบค้าของเถื่อน...แต่ฉันก็ไม่กล้าที่จะถามตรงๆ..ฉะ..ฉันก็เลยแกล้งบอกเกี่ยวกับเบาะแสพวกนั้นแก่คุณเพื่อไม่ให้คุณ...โดนตำรวจจับ...อั๊ก~ แค่กๆๆ...ฉันเพียงแค่คิดว่า...ซักวันหนึ่งคุณคงจะเริ่มคิดได้แล้ว..กลับตัวกลับใจเปลี่ยนมาใช้ชีวิตอย่าง....สุจริต.."เรโกะพูดพลางสำลักเลือดออกมา


    "เพี๊ยะ!!"เสียงฝ่ามือกระแทกเข้ากับเนื้อเป็นผลทำให้แก้มอันเรียบเนียนของเรโกะเป็นรอยปื้นสีแดง


    "หุบปากนะ!!ฉันไม่อยากฟัง แกคิดจะแก้ตัวละซิ ฉันไม่เชื่อแกหรอก"ซากะตะโกนออกมาอย่างโมโห พลางกัดฟันเพื่อข่มอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านของเขา


    "ฉันไม่เคยพูดโกหก คุณก็น่าจะรู้ดี....ฉันคิดแค่ว่าคุณนะ...น่าสงสัยกว่าใคร...ฉันก็เลยแค่อยากจะช่วยคุณเท่านั้นเอง...ฉันอยากจะปกป้องคุณ....ฉันไม่อยากจะให้ใครเห็นคุณเป็นคนไม่ดี..ฉะ...ฉัน..."


    "หยุด!!หยุดเดียวนี้นะ....ไม่ต้องพูดแล้ว...ฉันไม่อยากฟัง ไม่!มันไม่จริง"ซากะเปล่งเสียงออกมาอย่างเหลืออดพร้อมกับเอามือปิดหูไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น ในใจเขารู้สึกสับสนกับคำพูดของเรโกะ เมื่อหญิงสาวเห็นดังนั้นเธอจึงพยายามลากสังขารของเธอเขามาหาเขาและเขย่าตัวเขาเพื่อให้เขาได้สติ


    "จ้องตาฉันสิ...ที่รัก...มองตาฉันแล้วบอกฉันซิว่าคุณเห็นอะไร"ซากะค่อยๆลดมือลงและจ้องหน้าภรรยาของตน ดวงตาของเรโกะสะท้อนภาพในวันเก่าๆที่เขาเคยมีร่วมกันกับครอบครัว เคยมีความสุขด้วยกัน มันทำให้หัวใจอันเย็นชาของเขานั้นค่อยๆละลายลงทีละนิด



    "ทะ...ทำไม ทำไมต้องมาช่วยฉัน...มัน...ไม่จิงใช่มั้ย ฮะ แกคิดที่จะโกหกฉันล่ะซิ นังตอแหล...ฉันเนี่ยนะน่าสงสาร ฮะๆๆ" สามีพูดอย่างไม่เชื่อหูของตนแต่เรโกะกลับส่งยิ้มอันอบอุ่นตอบกลับมาเป็นคำตอบ



    "ก้อเพราะ.....รักไงค่ะ...ฉันรักคุณมาตลอด..ถึงคุณจะเป็นยังไงฉันก็...ไม่สนฉันสนแค่เพียงว่าคุณคือ...คนที่ฉันรักมากที่สุดและ....จะรักตลอดไป.."เรโกะพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่อ่อนโยนที่เธอมักจะยิ้มให้กำลังใจผู้เป็นสามีเวลาที่เขารู้สึกท้อแท้ ยิ้มของเธอเปรียบเสมือนแสงสว่างที่ชี้นำทางให้เขามาตลอดไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขก็ตาม



    "ม...ไม่จริง"ซากะเริ่มไตร่ตรองกับคำพูดของเรโกะ ตอนนี้ซากะรู้สึกสับสนเป็นอย่างยิ่ง ความคิดของเขากำลังตีกันอย่างวุ่นวายในหัว ภาพที่เขาแทงภรรยาลอยขึ้นมาในหัวเขาอย่างชัดเจน เขาได้ทำความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงไปซะแล้ว



    "ท...ทำไม...ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันตั้งแต่แรก....ฉันไม่รู้...ไม่น่ะ...."ซากะค่อยๆทรุดตัวลงไปนั่งข้างหน้าเรโกะพร้อมกับเอามือปิดหน้าไว้เพราะด้วยความละอายต่อสิ่งที่ได้ทำลงไป เขารู้สึกช๊อคกับคำพูดของเรโกะ คำพูดของเธอนั้นไปสกิดใจเขาอย่างแรง จนทำให้เขาพึมพำออกมาราวกับคนที่เสียสติ



    "
    ไม่เป็นไรค่ะ....ถ้าเทียบกับคุณแล้ว...เรื่องแค่นี้เอง..เพียงแค่ฉันตายไป...คุณก็จะได้ไม่มีคนคอยขัดขวางคุณไงค่ะ...อย่าเสียใจไปเลย..."เรโกะฝืนยิ้มออกมาให้พร้อมทั้งน้ำตา เรโกะจ้องหน้าสามีของเธออยู่อย่างเนิ่นนานราวกับว่ากลัวเค้าจะหายไป เรโกะจ้องลึกเค้าไปในดวงตาของเค้าเป็นครั้งสุดท้าย เธอสามารถมองเห็นความอบอุ่นทีแฝงอยู่ลึกๆในดวงตาคู่นั้นได้ ซากะเองก็จ้องเธอตอบเช่นกันเขาสำรวจใบหน้าของเธออย่างละเอียดตั้งแต่ดวงตาดำขลับที่กลมโต จมูกที่โด่งเป็นสัน ปากอันอวบอิ่มเป็นรูปกระจับและใบหน้าที่เรียวได้รูป เขาค่อยๆยกมือขึ้นและใช้นิ้วมือไล่สัมผัวไปทั่วทั้งหน้าอย่างโหยหา มันเป็นสัมผัสที่ช่างอบุอ่น เขาจะจดจำมันไว้ตลอดไป เขาจะไม่มีวันลืมใบหน้าของเธอตอนที่เธอกำลังจะสิ้นใจ เขาไม่มีทางที่จะลืมมันได้อย่างแน่นอน





    ".....ขอ........โทดน่ะ" สามีพูดขึ้นมาอย่างเบาๆราวกับว่าไม่อยากให้ใครได้ยินแต่เรโกะก็พอจะรู้ว่าสามีของเธอพูดว่าอะไร เรโกะจับมือของเขาที่กำลังสัมผัสใบหน้าเธอและเอามาแนบไว้ที่แก้ม



    "ไม่ค่ะ...ที่รักไม่ต้อง...ขอโทษฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ...ที่คอยสร้างความลำบากกับคุณมาโดยตลอด..อึก..ฉัน...รัก.....คุณค่ะ...ได้โปรด...ยกโทด....ให้..ฉันด้วย"เรโกะพูดพร้อมกับรอยยิ้มอีกครั้งและอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้ยิ้มก่อนที่เธอเปลวเทียวชีวิตของเธอกำลังจะดับลง สติของเทอค่อยๆเลือนราง เรโกะก้อค่อยๆหลับตาลงพริ้ม มือของเธอที่กุมอยู่ก็ตกลงไปข้างๆตัว หน้าตาของเธอยามหลับใหลนั้นดูมีความสุขมากแม้ว่าจะจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม



    "หลับให้สบายเถอะน่ะ ที่รัก"สามีพูดพร้อมกับบรรจงจูบที่หน้าผากเพื่อลาภรรยาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะหันกลับมาด้วยดวงตาที่เลื่อนลอย ในใจเขานั้นรู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะระเบิด แต่เขาก็ซ่อนมันไว้ภายใต้หน้ากากอันเย็นชานั่น


    "คุณซากะครับ"หนึ่งในคนชุดดำเรียกชายที่พึ่งฆ่าภรรยาของตนมาหยกๆ



    "อ้อ เรื่องศพเรอะ ช่วยจัดการให้เรียบร้อยด้วยล่ะกัน อย่าทิ้งร่องรอยไว้ล่ะ ฝากด้วยน่ะยูเฮจิน ไปล่ะ"ซากะพูดสั่งลูกน้องเหมือนกับจะรู้อยู่แล้วว่าลูกน้องของเค้าจะพูดว่าอะไรก่อนที่จะขึ้นรถคันหรูออกไป



    ตอนนี้พวกชายชุดดำได้กลับกันไปหมดแล้วเหลือเพียงแค่บ้านที่ว่างเปล่ากับร่างของเด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งที่แอบดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยความหวาดกลัว เทอไม่ปริปากร้องออกมาแต่อย่างใดที่ได้สูญเสียแม่ของตนไป เธอได้แต่นั่งช๊อคอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่ดูอิสโหลงโหวงเหวงและ ความเดียวดายก็คล่อยๆคลืบคลานเข้ามาเกาะกุมจิตใจของเด็กหญิง แล้วภาพก็ค่อยๆเลือนลางลง พร้อมกับแสงของรุ่งอรุณแห่งวันใหม่สาดเข้ามากระทบกับใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังนอนขดตัวอยู่อย่างไม่รู้สึกตัว



    "อืม~ เช้าแล้วเหรอเนี่ย"เธอคิดในใจพลางดันตัวให้ลุกขึ้นอย่างช้าๆ



    "นี่!!ยัยเด็กขอทาน รีบๆไสหัวไปให้พ้นเลยน่ะ ตรงนี้มันที่ๆของฉันย่ะแอบมานอนยังงี้ได้ยังไง ไป ไป๊"ป้าหน้าตาเหี่ยวย่นที่ดูเหมือนผ่านร้อนผ่านหมาวมามากคนหนึ่งเดินมาไล่หญิงสาวเหมือนหมูเหมือนหมา พร้อมกับแอบอ้างเป็นเจ้าของที่ๆตรงนี้



    "เฮอะ!!ทำเป็นปากดีไป ป้าก็เหมือนคนจรจัดเหมือนกันแหละน่า"หญิงสาวบ่นอุบในใจพลางเดินออกไปอย่างไร้จุดหมาย หญิงสาวรู้สึกสมเพชในชะตาชีวิตของตนเองและทุกครั้งที่เธอรู้สึกเช่นนี้เธอมักจะแหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้า เพื่อให้รู้สึกสบายใจขึ้น



    "แล้วนี่เราจะไปอาศัยที่ซุกหัวนอนที่ไหนดีล่ะเนี่ย เฮ้อ ~"เธอคิดในใจพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่



    "นี่ หนูๆ หนูคนนั้นน่ะ" จู่ๆก็มียายแก่คนหนึ่งที่แต่งชุดสกปรกมอมแมมและผมเผ้ายุ่งเหยิง มาเรียกหญิงสาว ทำให้เธอต้องหยุดเดินและหันไปมอง



    ฉันชี้มือมาที่ตัวเองเพื่อจะสื่อว่า " เรียกหนูเหรอค่ะ"



    "ใช่..เธอน่ะแหละ" ยายแก่คนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า



    "เธอฝันถึงเรื่องนั้นอีกแล้วใช่มั้ย"ยายแก่คนนั้นทักเหมือนกับเคยรู้จักกับเด็กหญิงมาก่อน



    "............."



    "
    อนาคตและการสูญเสีย....ใช่แล้ว ฉันเห็น "เค้า" คนนั้นจะเดินเข้ามาเปลี่ยนชะตาชีวิตของหนู แต่ในวาระสุดท้ายหนูก็ต้องสูญเสียเค้าคนนั้นไป และภายหลังกลับเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่า ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน" พอหญิงชราผู้นั้นพูดจบก็เดินหายลับไป



    "ยายพูดอะไรของยายเนี่ย ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด"หญิงสาวทำหน้างงพลางคิดในใจ



    "หึๆ สักวันหนูก็จะเข้าใจความหมายในสิ่งที่ฉันพูดเอง"หญิงชราคนเดิมพูดขึ้นโดยที่แอบจ้องมองมาทางหญิงสาวอย่างเงียบๆก่อนจะเดินหายเข้าไปในมุมตึกที่มืดมิด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×