ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short Fic Hey! Say! Jump by Mo-Chan

    ลำดับตอนที่ #16 : [SF] Midnight Train TakaChii

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 56


    [SF] Midnight Train TakaChii

    >>จิ้ม<<
    'ถึง ทาคาคิ ยูยะ...
    มาเจอกันที่ ทางสิ้นสุดสถานนี ตอนเวลา 23.50 ด้วยนะ....'ผมอ่านจดหมายที่ถูกแนบมากับซองเงินเดือนสำหรับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของผม...

    ผมไม่สามารถที่จะรู้ได้ ว่าจดหมายฉบับนี้มาอยู่กับผมได้อย่างไร แต่ที่รู้ๆ คือตอนนี้ผมตัดสินใจไปแล้วที่จะอ่านมันและ ชักอยากที่จะทำตามในจดหมายซะด้วยสิ...

    ผมเงยหน้ามองไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่ที่ตั้งตะหง่าอยู่บนหัวของผม

    ''23.30น.แล้วหรองั้นก็เวลาออกเวรพอดีสินะ''ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะเตรียมเก็บของเเละรอเพื่อนของผมที่จะมาสับเปลี่ยนผลัดเวรกับผม

    จะว่าไป 23.50 งั้นหรอ... เท่าที่จำได้ มันเป็นเวลา นั้นสินะ เวลาที่ผมช่วยคนๆนึง ให้ไม่โดนรถไฟ ที่มาก่อนเวลา และมาด้วยความแรงสูงนั้นดูดกลืนกินไป...

    แต่ก็ต้องพบเรื่องหน้าเศร้าอยู่ดี ในเมื่อ เธอคนนั้น... ไม่เชิงว่าเธอหรอก คงต้องเรียกว่าเขาเสียมากกว่า เขาเป็นผู้ชายตัวเล็ก หน้าสวยหวานได้รูปราวกับผู้หญิง มีเพียงแต่ ผมที่สั้นและการแต่งตัวเท่านั้นที่เป็นเครื่องกันกับว่าเขาคนนั้นเป็นผู้ชายแท้100%

    เขาคนนั้นถึงแม้จะรอดจาก การโดนรถไฟดูด แต่เขาก็ต้องมาเสียชีวิต เพราะความตกใจ จนหัวใจวายตายคาอ้อมอกของผม...

    เพราะโรคประจำตัวของเขานั้นเอง
    ทำให้ทางการรถไฟ ไม่ขอมีส่วนร่วมรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น

    แน่นอนล่ะผมต้องไม่ยอมแน่นอนเพราะมันช่างไม่ยุตติธรรมเอาเสียเลย...

    เขาต้องมาเสียชีวิตเพราะการที่รถไฟมาเร็วและเกือบจะคร่าชีวิตเขาไป
    จะไม่ให้เขา'ตกใจ' ได้ยังไง...

    แต่ต่อให้ผมเถียงไปมันก็เท่านั้นแหละ
    ผมไม่ใช่คนใหญ่คนโตใน กรมรถไฟ
    ผมเป็นเพียงข้าราชการ ที่ไม่มีใครจะมาสนใจก็เท่านั้นเอง

    ''รอนานรึเปล่า ยูยะ พอดีฉันมีเอ็กซิเดน หน่อยน่ะ ขอโทษที่มาช้านะ ที่หลังฉันจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว''เสียงกระหืดกระหอบ ของ'ยาบุ โคตะ' ตะโกนออกมาเสียดังลั่น

    ผมเลิกสนใจในความคิดของผมทันทีก่อนที่จะหันไปตอบเพื่อนรักของผมที่มาช้า

    ''อื้ม ก็ไม่เป็นไรหรอก นายคงต้องอยู่ดูแล ฮิคคารุจังสินะ ฉันเข้าใจหน่า ป๊ะๆ งั้นฉันกลับก่อนนะ '' ผมตอบเพื่อนผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา... เพราะตอนนี้เป็นเวลา 23.45 น. แล้วเหลือเพียงอีกแค่5นาที ผมจึงไม่อยากที่จะอยู่เพื่อยืนบ่นให้เสียเวลาหรอก...

    ร่างสูงโย่งที่ติดแห้งๆไปหน่อย หันหน้าที่มีเหลี่ยมเค้าโครงบนหน้ามายิ้มแหยๆให้ผมเล็กน้อยก่อนที่ผมจะยิ้มกลับไปแล้วรีบวิ่งไป เพื่อนที่จะไปยังท้ายสถานี ที่มีคนนั้นรอผมอยู่...

    เป็นครั้งแรกของปีนี้ ที่ผมจำเป็นที่จะต้องรีบวิ่งไปด้วยความเร็ว.... เพราะเนื่องด้วยปกติ ผมเป็นคนที่เย็นชา และไม่ค่อยที่จะสนใจโลกด้วยล่ะมั้ง จึงทำให้ผมดูเป็นคน'เฉื่อยชา'และก้าวอย่าง'ช้าๆ'อยู่ในที่เดิม....

    ทั้งชีวิตผมนั้นการวิ่งไปด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวไม่ทันสิ่งใดสิ่งนึง มันมีแค่เพียงครั้งเดียวเอง ครั้งตอนที่ผมวิ่งไปช่วยเขาคนนั้น....

    แน่นอนล่ะครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สองแล้ว ไม่ได้วิ่งไวๆอย่างนี้ มันก็สนุกและดูวุ่นวายจังนะ...

    23.50 น.
    ไม่อยากเชื่อว่าผมนั้นจะวิ่งมาทันเวลาพอดิบพอดี

    สายตาของผมนั้นหันมองพื้นที่ไปทั่วเพื่อที่จะหาบุคคลที่นัดผมไว้...

    'พรึบ!'

    เสียงเบรเกอร์ร่วงลงมาเสียงดังสนั่น ไฟฟ้าในบริเวรของผมนั้นดับอย่างไม่มีสาเหตุ... ทั้งๆที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ ที่ใช้ไฟน้อยที่สุดเสียด้วยซ้ำ แล้วทำไมกันล่ะ.... ทำไมมันถึงดับกันได้นะ

    ''ฮืออออออ'' เสียงร้องไห้ที่ไม่รู้ที่มาจู่ๆ มันก็ดันดังขึ้นเสียได้ ผมหันไปมองรอบๆทั้งๆที่รู้แม้ว่ามันจะมองไม่เห็น แต่แล้วก็เหมือนราวกับว่า มีแสงสีทองสาดใส่ตาของผมซะงั้นแหละ

    ในแสงสีทองนั้นกับมีร่างของคน ที่ดูเหมือนจะคุ้นมากในสายตาของผม...

    ''คุณคนนั้น...''

    ''ฮืออออ นายจำ นายจำผมได้ด้วยหรอ ฮึก ผม นึกว่าคุณจะจำผมไม่ได้ซะแล้ว'' นี่ผมกำลังจะสนทนากับสิ่งที่เรียกว่า'วิญาณ'อย่างนั้นหรอ...

    แปลกจนผมไม่อยากจะเชื่อ... แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วและกำลังเกิดขึ้นกับผมอยู่ในขณะนี้ไง

    ''คุณใจเย็นๆนะ ผมจำคุณได้อยู่แล้วล่ะ คุณชื่อ จิเน็น ยูริ ใช่ไหม'' ผมพยายามใจดีสู้ผี เอ๊ย สู้เสือ นั้นก่อนที่จะได้ยินเสียงสะอื้นของร่างบางตรงหน้า

    นี่หรือเขาจะเรียกว่า'ผีขี้แย'กันแน่นะ...

    ''ดีใจจัง ที่คุณจำผมได้ ฮึก ผมจะหยุดร้องก็ได้ ขอบคุณ คุณนะฮ่ะ ที่มาตามที่ผมนัด''เสียงสะอื้นไห้เริ่มจะหายไปตามคำพูดของผีหนุ่มร่างบางคนนี้ตามที่เขากล่าวไว้

    ผมมองใบหน้าที่กำลังพูดคุยอยู่กับผมนั้น จู่ๆก็เกิดที่จะอดใจไม่ได้...

    ราวกับมีกามเทพมาแผลงศรยังไง อย่างุ้นแหละ.... แล้วเมื่อยิ่งได้เห็นใบหน้าที่มีคาบน้ำตานั้น มันอดที่จะให้ผมหลงกว่าเดิม ไม่ได้เลยจริงๆ

    อาจจะเป็นเพราะผม เป็นพวกแพ้คนเจ้าน้ำตาเสียด้วยล่ะมั้ง...


    แต่เขาเป็นผู้ชายและยังเป็นวิญญาณอีกนะ!!!

    ทาคาคิ ยูยะ ความรักครั้งนี้นายไม่สมควรที่จะมีมัน 

    ''เอ่อ คุณคนที่ช่วยผมไว้ฮ่ะไม่ทราบว่าได้ยินที่ผมพูดรึเปล่า''ผมต้องสะดุ้งตื่นจากความคิดเป็นครั้งที่สอง แต่ครั้งนี้ มันทำให้หัวใจของผมเต้นแรงยิ่งนัก...

    ''เอ่อ ได้ยินสิ แต่นายเป็นวิญญาณไม่ใช่หรอ ทำไมนายส่งจดหมายมาให้ฉันได้น่ะ''ผมถามกลับไปอย่างนั้น เพราะไม่รู้ว่าจะถามอะไรออกไป แน่นอนล่ะ ผมได้เห็นสีหน้าตอนหัวเราะของร่างบางที่อยู่ตรงหน้าผม ทำให้ผมอดที่จะงงไม่ได้ว่าหัวเราะเรื่องอะไร...

    ''คุณลืมอะไรไปรึเปล่า ว่าผมเป็นใคร''สีหน้าของร่างบางนั้น แลดูจริงจังปนขำๆเล็กน้อย ราวกับถามว่าผมเห็นเขาเป็นคนงั้นหรอ

    ''นายก็เป็นผีไง....''

    ''ก็ใช่ไงฮ่ะ ผมเป็นผี ผมก็เลยมีพลังวิเศษส่งจดหมายไปให้คุณยังไงล่ะ ว่ะฮ่าฮ่า''เสียงหัวเราะของร่างบางมันทำให้ผมรู้สึกกลับมาเหมือนยามเด็กอีกครั้ง เสียงหัวเราะนี้มันคล้ายกับเสียงของเด็กน้อยข้างบ้านที่ผมเคยรู้สึกดีด้วยและที่สำคัญเขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน....

    แต่ผมก็จำชื่อเขาไม่ได้แล้วแหละ ช่างมันเถอะหน่า - -*

    ''ว่าแต่นายส่งมาทำไมหรอ''

    ''ก็ผมน่ะมีเวลาอยู่ที่นี้ได้อีกแค่7วันแล้ว.....''

    ''แล้วผมก็อยากจะพบคุณอีกครั้ง คนที่มีพระคุณสำหรับผม ''ร่างบางของเขานั้น หันมายิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น และ สายตาของเขานั้นมันก็ช่างเป็นสายตาที่ผมได้เห็นแล้ว แทบไม่อยากจะเห็นมันอีก...

    สายตาที่ทำให้ผมใจสั่น.....

    “อ่ะ เอิ่ม ไม่เป็นไรหรอกน้า ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก เราเป็นคนเหมือนกัน ไม่ให้ช่วยกันได้ยังไงล่ะ”ผมหันไปยิ้มให้ก่อนที่จะเผลอเอามือขยี้หัวของร่างบางนั้นด้วยความเอ็นดู....

    ทำไมกันนะมันรู้สึกเหมือนได้สัมผัสกายหยาบยังไงอย่างงั้น มันไม่เหมือนที่แตะลมเหมือนในละครหลังข่าวเลยสักนิด... 

    “ไม่ต้องขอบคุณได้ไงฮ่ะ ไม่ได้นะ คุณคือผู้มีพระคุณสำหรับผม....”

    “และผมก็ เอ่อ รักคุณด้วย รักมาตลอดตั้งแต่ตอนที่คุณช่วยผมไว้.... รู้ไหมว่าผมรู้สึกเสียดายแค่ไหนที่ผมต้องตายไปและไม่มีโอกาส เรียกคุณ... และได้ขอบคุณ คุณ.... เพราะฉะนั้น ให้ผมได้รักคุณด้วยเถอะนะครับ ผมสัญญา ว่าจะเป็นเพียงแค่7วันเท่านั้น 7วันที่ผมจะป่วนและวุ่นวายคุณ” ร่างบางหันมากุมมือร่างสูงที่กำลังนั่งช็อกตาค้างอยู่ ข้างหน้าตน...

    นี่เขากำลังถูกผี บอกรักงั้นหรอ...

    หัวใจเจ้ากรรมดันเต้นแปลกๆอีกแล้ว สนุกมากรึไง.. ทาคาคิ ยูยะ นายเป็นคน เขาเป็น วิญญาณ เราไม่สามารถที่จะรักกันได้นะ... 

    “นี่นายจะบอกรักฉันโต้งๆ อย่างงี้เลยหรอ ไม่อายรึไงตัวเล็ก” 

    “ไม่อายไม่มีใครเห็นมีแต่คุณเท่านั้น... และต่อให้มีคนเห็นผมก็ไม่อายด้วยเพราะผมรักคุณ!” สิ้นเสียงร่างบางก็โผล่เข้ากอดร่างสูงเต็มแรง.... ส่วนร่างสูงน่ะหรอ... ก็นั่งปากค้างให้ร่างบางรุกกอดยังไงล่ะ...

    “ช่วยพาผมกลับบ้านก่อนที่รถไฟขบวนเที่ยงคืนนี้จะมาถึงได้ไหม... ผมกลัว ช่วยพาผมไปอยู่กับคุณได้ไหม...”เสียงร่างบางสะอื้นไห้ดังขึ้นมากกว่าเดิม ทำเอาร่างสูงอดที่จะกอดตอบและลูบหัวเผลอคลายความกลัวไม่ได้.... 

    ปู้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน 

    เสียงหวูดของรถไฟดังสนั่นพร้อมกับเสียงล้อของรถไฟทำการกระทบกับรางรถไฟดังสนั่น....มันกำลังแล้ว...

    “ซุกกับอกฉันไม่ต้องไปสนใจมัน เชื่อใจฉันนะ ฉันจะปกป้องนายเอง....”สิ้นเสียงร่างสูงก็จับหัวของร่างบางมามุดที่หน้าอกตน... อย่างทันเวลา เพราะไม่กี่วินาที ต่อจากนั้น รถไฟขบวนนั้นก็ได้เคลื่อนที่ผ่านเขาไปอย่างรวดเร็ว จนมองเสียแทบไม่ทัน....

    “มันไปแล้ว นายไม่ต้องกลัวแล้วนะ... กลับไปอยู่กับฉันก็ได้ ฉันอยู่คนเดียว ฉันก็เหงาเหมือนกัน” ร่างสูงก้มลงมายิ้มให้กับร่างบางที่ซบอกตนอยู่ 

    “ขอบคุณนะฮ่ะ ที่ช่วยผมไว้อีกครั้ง... ”ร่างบางเงยหน้ามาขอบคุณก่อนที่จะแกะตัวเองออกจากอ้อมอกร่างสูงด้วยความเขินอาย.... 

    ราวกับการเวลาที่ผ่านมา มันได้กลับมาอีกครั้ง เพียงเวลา 7 วันนี้ ร่างบางนั้นอยากจะใช้ชีวิต ให้เหมือนคนอีกครั้ง เพื่อที่จะทำให้คนที่ตนนั้นรักมาตลอด ได้คลายเหงาบ้าง.... 

    ขอให้ผม ได้ตอบแทนคุณเถอะนะ.... ทาคาคิ ยูยะ ผู้ที่มีพระคุณกับผม... 

    วันที่ 2 
    ผมตื่นมาพร้อมกับเสียงนกร้องยามเช้า ปกติ ผมจะตื่นที่ก็ปาไปเกือบบ่าย แต่ทำไมวันนี้ผมรู้สึกอยากตื่นไวมากกว่าปกติ ผมหันไปมองรอบข้าง แต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่า ทั้งๆที่เมื่อคืน ผมยังเห็นเธอนอน กอดผมอยู่เลยนิ... 

    หรือว่าจะเพราะเป็นผีเลยอยู่ตอนกลางวันไม่ได้ 

    เอ๊ะ นั้นกลิ่นหอมๆนั้นมันมาจากไหน ผมสะบัดผ้าห่มออกก่อนจะลุกขึ้นมาเดินตามกลิ่นนั้นไป กลิ่นหอมชวนทานนั้นทำเอาผมนั้นท้องร้องเชียว

    “เอ้า คุณยูยะ ตื่นแล้วหรอฮ่ะ ผมกะว่าทำสตูเนื้อเสร็จว่าจะไปปลุกซะหน่อย” ผมเจอแล้ว ตัวการกินหอมที่ผมได้กลิ่นมันแต่เช้า ... ร่างบางที่ใส่เสื้อกันเปื้อนกำลังตั้งใจขมักขเม่นกับการเคี้ยวสตูเนื้อ เขายิ่งเห็นแล้วยิ่งรู้สึกหลงร่างบางตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก 

    “เอ่อ คุณยูยะฮ่ะ จะว่าอะไรผมไหม ถ้าผมจะฝาก ดูหม้อให้ผมสักแป๊ป พอดีผมจะไปอาบน้ำน่ะฮ่ะ คุณยูยะจะได้ไม่ต้องทนเหม็นกลิ่นตัวผม” ร่างบางวางกระบวย ไว้กับหม้อก่อนที่จะถอดผ้ากันเปื้อนออก 

    “ถึงผมจะเป็นผี แต่ผมก็สะอาดน้า ~ ลันล้า ไปอาบน้ำ ~ ดีกว่า” เสียงฮัมเพลงของร่างบาง ทันที่ที่ผมได้ยินนั้นอดที่จะหัวเราะในความ บ้าๆบอๆขอเธอไมได้ 

    เธอ .... เธองั้นหรอ อาจจะเป็นเพราะว่า เหมือนผู้หญิงมากก็ได้มั้ง ช่างมันเถอะ อย่าไปสนใจเลย.... 

    ผมยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่จะหันมาสนใจหม้อสตูเนื้อนี้ กลิ่นหอมของมัน ช่างวนให้ลิ้มลองยิ่งนัก ว่าแต่อาหารที่ผีทำ มันจะเป็น หนอนเหมือนในหนัง ไหมนะ ฮ่าฮ่าฮ่า 

    ผมคิดไปได้ไง = =


    .
    .
    .
    .
    .
    วันที่3.... 

    “หว๊า นี้จะ ห้าโมงเย็นแล้วหรอเนี่ย” เสียงของร่างบาง บ่นกระปอดกระแปด ทำเอาผมอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา นี่ก็เป็นวันที่2แล้ว ที่เราได้นอนเตียงเดียวกัน.... 

    กลิ่นตัวและกลิ่นผมของร่างบางนั้นทำเอาผมแทบจะสะกดกั้นอารมณ์ไม่อยู่... ไหนจะท่าทางน่ารักๆนั้นอีก ที่ทำเอาผมหัวใจเต้นแรงอยู่ตลอดเวลา.... 

    “บ่นเป็นคุณป้าไปได้ ทำงานบ้าน แล้วก็ไปนอนซะ วันนี้ฉันก็กลับดึกเหมือนเดิมนายไม่ต้องรอฉันเหมือนเมื่อวานอีกนะ” ผมหันไปสั่งร่างบางที่ทำสายตาบ้องแบ๊ว แต่ผมแน่ใจได้เลย ว่าร่างบางไม่ทำตามผมสั่งหรอก ไอ้เรื่องนอนรอผมเนี่ย.. = =

    “พี่ยูยะ ก็ สั่งผมเป็นลุงไปได้ แต่ไม่เป็นไรหรอกเนอะ ผมเป็นป้า พี่ยูยะเป็นลุงเหมาะกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก” เจ้าผีตัวน้อย ทำท่าเอานิ้ว มาคู่กันอีก ผีบ้าเอ๊ย ทำฉันเขินจนได้ แหมพอมาอยู่ด้วยกันไม่กี่วันก็ทำท่าทางสนิทฉันใหญ่เลยนะ

    “นายหยุดพูดเลย ผีบ้าฉันไปทำงานแล้ว ดูแลตัวเองด้วยล่ะ ถ้าฝนตกก็อย่าตากฝน ปิดบ้าน ด้วย เดี๋ยวละอองฝนจะโดนนายแล้วไม่สบายเอา -//-” ผมปัดไปเรื่องอื่นเพื่อปกปิดความเขิน ก่อนที่ผมจะปิดประตูบ้านแล้วเดินออกไปยังที่ทำงาน.... 

    ไม่อยากที่จะจากไปเลยสักนิด ทั้งๆที่ปกติผมเป็นคนรับผิดชอบงานเสียด้วยซ้ำ... แต่ทำไมเมื่อร่างบางมาอยู่ด้วยแล้ว ผมแทบไม่อยากที่จะไปไหนเลยเสียด้วยซ้ำ อยากที่จะนอนกก นอนกอดร่างบางอยู่ในบ้านตลอดเวลา... ผมตกหลุมรัก เจ้าผีน้อยตัวนี้แล้วหรอ …
    .
    .
    .
    .
    .

    วันที่4....

    “เฮ้ยทำไมช่วงนี้แกดู กระปี้ กระเปร่า แปลกๆ แถมยังยิ้มซะทุกวันอีก มันไม่เหมือนนายคนเดิมชะมัด ” เสียงทักของเพื่อนร่วมงานทำเอาผมอดที่จะหัวเราะไม่ได้

    นี่ผม เปลี่ยนไปมากขนาดนี้เชียวหรอ.... 

    “ก็มียาดีนิดหน่อย ก็คงเหมือนนายที่มีฮิคคารุ ล่ะมั้ง ” ผมแซวกลับเจ้าเพื่อนตัวดี ทำเอามันหน้าแดงแป๊ดไปเลยล่ะครับ...

    ตอนนี้เหมือนผมรู้สึกได้เลย ว่าความรู้สึกของยาบุ นั้นเป็นเช่นไร ความรู้สึกที่อยากรีบกลับบ้านไวๆ ไม่อยากมาทำงาน ... ตอนนี้ ผมรู้สึกว่าผมจะมีความรักเข้าแล้วล่ะครับ 

    ความรักกับวิญญาณ ที่มีเวลาเหลืออีกเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น ....

    “คนมีความรักนี้มันดีจังเลยเนอะ ยาบุ ... ฉันพึ่งรู้สึกได้ ก็วันนี้นี่แหละ...” ผมหันไปพูดกับเพื่อนของผมก่อนที่จะหยิบกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน... ทันที เมื่อยาบุมันได้ฟังคำพูดของผม มันก็ได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้า 

    ความรัก มันดี ตรงนี้จริงๆน่ะหรอ ?? 

    ผมล่ะตอบความถามตัวเองไม่ถูกจริงๆ 

    ผมรู้แต่ว่าตอนนี้ผมดีใจที่มีร่างบางนั้นอยู่ข้างผม....

    .
    .
    .
    .
    .
    วันที่5 ...
    ทันทีที่ผมเดินกลับบ้านในยามค่ำคืนที่พระจันทร์กำลังขึ้นกลมโต ผมหันไปมองมันก่อนที่จะรีบวิ่งจ้ำอ้าวกลับบ้านของผมไปเพื่อที่จะหา ยอดยาใจของผมในตอนนี้...

    นี้ก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่สองวันแล้วสินะที่ผมจะได้ มาอยู่กับเธออย่างนี้....

    ยามเมื่อผมคิดมัน ผมกับรู้สึกเศร้าใจอย่างแปลกๆ เศร้าที่จะต้องเสียเธอไป...
    ทำไมกันนะเวลาที่มีความสุขมันช่างน้อยนิดอย่างนี้
    ทันที่ ที่ผมเปิดประตูบ้านเข้าไปผมก็ต้องพบกับเสียงทีวีหลายการตลกที่ดังสนั่นในห้องนั่งเล่น พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก ของร่างบาง...

    ทำไมกันยามที่ผมเห็นเธอมีความสุข แล้วผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

    ''มาแล้วหรอฮ่ะ พี่ยูยะมาดูรายการนี้กับผมดิ กำลังสนุกเลย ฮ่าฮ่าฮ่า ดูคนนั้นดิพี่เขาเอาหน้าไปทิ่มแป้ง ด้วย ก๊ากกก ทำไปได้เนอะ''เสียงของร่างบางที่เชิญชวนผมมาดูรายการ นั้นทำเอาผมอดที่จะยืนมองเธอไม่ได้ ร่างบางที่หัวเราะดังนั้นมันช่างแตกต่างกับการเจอกันในครั้งแรกยิ่งนัก... 

    ผมไม่อยากให้ความสุขของเขาต้องหมดไปเลย...

    ทำไมกันผมรู้สึกถึงอยากให้เธอนั้นอยู่กับผมด้วยกันไป จนกว่าผมจะตาย...

    ''พี่ยูยะคิดอะไรหรอฮ่ะ มานั่งดูรายการกับผมเร็วกำลังสนุกเลย 555555+'' ร่างบางหันจะหน้าจอทีวีมาถามผมก่อนที่จะกลับไปดูทีวีต่อ 

    ''นี้เด็กดีเขาไม่นอนดึกกันหรอกนะ''

    ''บ่นเป็นคุณลุงอีกแล้ว! ผมขอดูเถอะนะฮ่ะ นะๆๆๆ ถ้ารายการจบแล้ว ผมไปนอนจริงๆนะๆๆ คืนนี้จะนอนกอดพี่ยูยะแน่นๆด้วยนะ นะยอมให้ผมดูต่ออีกนะ'' ดูสิ ผมเจอลูกอ้อนของผีน้อยตนนี้อีกแล้ว แน่นอน ผมแพ้มันราบคราบเลยล่ะ ก็เล่นน่ารักซะขนาดนี้... จะให้ผมทนใจแข็งได้ไงล่ะ

    ''ได้แต่ถ้าจบแล้วไม่ยอมเข้าห้อง พี่จะจับเราจูบจริงด้วย!'' เป็นครั้งแรก ที่ร่างบางได้เห็นด้านมืดของผม ด้านมืดในด้านเจ้าเล่ห์...

    แต่ก็นะนี่เป็นครั้งแรกรึเปล่าที่ผมหื่นใส่คนเป็น

    ''โด่ กลัวตายล่ะ มาจูบตอนนี้เลยก็ได้มา!''สิ้นเสียงร่างบางก็ลุกจากโซฟาก่อนที่จะเขย่งปลายเท้าแล้วจับไหล่ของผมก่อนที่จะ

    จุ๊บ....

    ตึกตัก ตึกตัก...

    เสียงหัวใจของผมเต้นดังราวกับจังหวะกลอง... เป็นครั้งที่สองแล้วนะ ที่ผมโดนรุกเริ่มก่อน โดย เธอคนนี้...

    ''แก่แดดจริงๆนะ แบบนี้เขาเรียกว่าจุ๊บต่างหาก ถ้าจูบจริงๆน่ะ พรุ่งนี้นายโดนแน่'' ผมตั้งสติสะกดกลั้นความเขินก่อนที่จะเดินหนีร่างบางไปเข้าห้องน้ำเพื่อที่จะชำระร่างกายตามปกติของผม...

    ต่อให้สายน้ำในฝักบัวจะเย็นถึงเพียงใดแต่มันก็ไม่สามารถทำให้ผมใจเย็นขึ้นได้เลย

    เล่นแกล้งยั่วกันอย่างนี้ ต่อให้ผีก็ผีเหอะ ถ้าเขาอาจทนไม่ได้แล้วเผลอปล้ำไปจะทำยังไงล่ะ...

    .
    .
    .
    .
    .
    วันที่6...

    ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรมานอนกอดทำไมมันเกิดขึ้นนะ หรือว่าตัวเล็กยังไม่ตื่น ??

    ผมลืมตาขึ้นมาก่อนที่จะเห็นเจ้าตัวเล็กนอนกอดผตาพริ้มเห็นแล้วอดที่จะนอนดูต่อไม่ได้ ดวงตาพริ้มๆที่ปิดอยู่เพราะผู้เป็นเจ้าของกำลังหลับไหล ... จมูกโด่งงอนกำลังได้รูป และ... ริมฝีปากนุ่มที่ผมได้สัมผัสมันเมื่อคืนนี้

    ''อ่าวันนี้ตื่นก่อนผมอีกหรอฮ่ะ...''เสียงงัวเงียของร่างบางทำเอาผมตื่นจากภวังค์....

    มันก็จริงแฮะ ที่วันนี้ผมตื่นก่อน ก็เมื่อคืนใครสั่งให้นอนเกือบตีสามกันล่ะ - -*

    ''พี่ยูยะฮ่ะ คืนนี้ก็คงเป็นคืนสุดท้ายแล้วสินะฮ่ะ พี่ผมจะได้นอนกอดพี่อีก...'' อยู่ๆน่าของร่างบางก็กลับมาเป็นสีหน้าที่ซีดหมอง และดูเหมือนน้ำตาของร่างบางเริ่มที่จะเอ่อออกมาเสียแล้ว...

    ''อย่าร้องสิ... พี่ไม่ชอบ''ผมตะแครงตัวมาปาดน้ำตาให้เจ้าตัวดีที่นอนกอดผมอยู่ด้วยความสงสาร 

    ปกติแล้วผมเป็นพวกไม่ได้สนใจกับน้ำตาของผู้หญิง หรือของใครสักเท่าไร...

    แต่ทำไมกับร่างเล็กมันทำเอาซะผมแทบจะเสียสติและรู้สึกผิดมันนักนะ

    ''พี่ยูยะฮ่ะ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม... ว่าตั้งแต่ผมมาอยู่กับพี่ พี่มีความสุขบ้างรึเปล่า''

    มีความสุขหรอ ??.... เราคงลืมจุดประสงค์ที่ร่างบางอยากจะมาอยู่กับเราไปซะสนิท ร่างบางมาอยู่กับเราเพียงเพราะต้องการที่จะตอบแทนเราสินะ...

    ผมได้แต่คิดแล้วก็หน้าเสีย ทำไมเรื่องไม่เป็นเรื่องผมกลับต้องเอามาคิด แล้วน้อยใจร่างบาง...

    มันไม่ใช่ความผิดของร่างบางสักหน่อย เราน่ะแหละที่เป็นคนผิดเองที่ไปหลงรักเธอ เข้าซะได้...

    ''มีสิ พี่ไม่เคยที่จะต้องมาวุ่นวายอย่างงี้ พี่ไม่เคยยิ้ม และ หัวเราะได้อย่างนี้ มีแต่เราเท่านั้นที่ทำให้พี่เป็นได้''ผมตอบไปทั้งสีหน้าทุกข์ๆ ผมเริ่มจะรู้สึกทุกข์เสียแล้วที่คิดมากในเรื่องหน้าที่ของร่างบาง ซ้ำหนัก ผมไม่อยากที่จะเสียเธอไปจากอ้อมกอดของผมเลย...

    ทาคาคิ ยูยะ นายไม่สมควรที่จะไปรักเขาแต่แล้วล่ะ นายเป็นคน เขา เป็น ผี ไม่มีเส้นที่ต่างกันมาบรรจบกันได้หรอกนะ...

    ''แล้วพี่รักผมบางไหม รักผมแบบคนรัก...''น้ำเสียงคำสุดท้ายของร่างบางนั้นทำผมกลับมาหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง...

    อยากจะตอบไปว่ารักสุดหัวใจ
    แต่ทางที่ดีผมควรที่จะยุติความสัมพันธ์ครั้งนี้ ซะเลยจะดีกว่าที่จะต้องมาเจ็บไปมากกว่านี้

    ''ไม่ พี่ไม่มีทางรักเราได้หรอก เราพึ่งรู้จักกันยังไม่ถึงอาทิตย์ซะด้วยซ้ำ แถมนายยังเป็นผี แล้วฉันเป็นคน เราน่ะไม่สามารถรักกันได้หรอก...''สิ้นเสียงผมก็เห็นร่างบาง น้ำตาไหล...

    ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่าแต่ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมคงรู้สึกอยากจะฆ่าตัวเองให้ตายไปตรงนี้เสียเลยด้วยซ้ำ...

    Trr Trr 

    ''สวัสดีครับ ทาคาคิ ยูยะพูดครับ.... ให้ผมไปอยู่เฝ้าเวรถึงวันพรุ่งนี้เพราะยาบุจะต้องไปดูงานงั้นหรอครับ... เอิ่ม เอ่อ ได้ครับ เดี๋ยวประมาณ20 นาทีผมคงจะไปถึงแล้วล่ะครับ ... ครับงั้นแค่นี้ก่อนนะครับ ''ผมกดตัดสายจากที่ทำงานก่อนที่จะเหลือบไปมองร่างบางที่นอนอยู่ข้างผม

    แต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่า ไม่มีเธออยู่เลย ....

    ด้วยความเร่งรีบจึงทำให้ผมไม่อาจจที่จะยืนไร้สาระอยู่ตรงเนี่ยเพื่อหาร่างบางได้ ผมได้แต่วิ่งไปเตรียมตัวเก็บเสื้อผ้าเพื่อไปนอนค้างที่สถานนีท่าเดียว...

    ลาก่อนนะ จิเน็น ยูริ .... ฉันไม่รู้ว่าจะได้เจอนานอีกหรือเปล่า...
    ช่วงเวลาที่ผ่านมาเมื่อกี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราอาจจะได้คุยด้วยกันเป็นได้....

    ฉันขอโทษนะ...

    ผมหยิบกระเป๋าสัมภาระใบเล็กมาก่อนที่จะปิดล็อกบ้านของผมไป...

    ไม่ได้ลาด้วยซ้ำ แถมยังคงค้างคาในใจ

    ทรมานยิ่งกว่าโดนเอามีดมากรีดที่หัวใจซะอีก...

    วันที่7....

    วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ร่างบางจะอยู่บนโลกใบนี้

    ผมได้แต่มองนาฬิกาซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่ก็ไม่มีวี่แววของร่างบางเลยแม้แต่นิด

    ตอนนี้หัวใจของผมนั้นมีความรู้สึกหลายอย่างประดังประเดเข้ามาหมด

    ทั้งรู้สึกผิด
    ทั้งเหงา
    ทั้งอาการไม่อยากสูญเสีย...

    นี่ผมเป็นได้ขนาดนี่เชียวหรอ...
    เพราะร่างบางมีอิทธิพลกับจิตใจของผมได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ....

    ''แฮกๆๆ ขอโทษนะ ยูยะที่ฉันต้องให้นายเฝ้าเวรแทนฉันจนไม่ได้หลับน่ะ'' ขณะนี้เป็นเวลา 23.50 .... เวลานัดของผมเมื่อ7วันที่แล้ว วันที่ผมได้พบกับเธอ...

    ''อืมไม่เป็นไรหรอก งั้นฉันกลับแล้วนะ''ผมโบกมือลาเพื่อนก่อนที่จะออกจากห้องประชาสัมพันธ์ 

    ดวงตาของผมได้แต่หันมองไปทางนั้นทางเดียว... เส้นทางท้ายสุดของสถานนี...

    ทำไมกันนะทั้งๆที่ผมอยากที่จะจบเรื่องไปแล้วแต่ใจผมนั้นกลับเรียกร้องที่จะไปยังสถานที่นั้น

    สถานที่แรกและอาจจะเป็นสถานที่สุดม้ายที่ผมได้เจอเธอ

    ผมรีบวิ่งไปอย่างสุดแรงเกิด ด้วยความกลัวที่จะไม่ทันร่างบาง
    เพราะก่อนที่เราจะจากลากันนั้น ผมทำไม่ดีกับร่างบางเอาไว้...

    ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วย่ะว่าจะพูดความจริงกับร่างบางออกไป...

    23.55 น.

    ผมวิ่งมาด้วยความเร็วอย่างสุดแรงชีวิตแต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่าไม่มีเธออยู่ตรงนั้น หรือว่าจะไปเกิดแล้วกันแน่นนะ...

    ''พี่ยูยะ...'' เสียงนั้น! เสียงนั้นเป็นเสียงของ เธออย่างแน่แท้ ผมหันไปมองรอบด้าน แล้วในที่สุดก็พบเธอ คนที่ผมรักอย่างสุดหัวใจ

    ''ยูริ พี่ขอโทษนะ ที่พี่พูดอย่างนั้นออกไป... ''

    ''ไม่เป็นไรหรอกฮ่ะ ผมกลับดีใจซะอีกที่พี่ยังมาส่งผม... และพี่ยังเรียกผมว่ายูริด้วย ผมขอบคุณนะฮ่ะ ที่ช่วยผมมาตลอด...''ร่างบางยิ้มให้ร่างสูงก่อนที่จะก้มหน้าลงเพื่อซ่อนน้ำตาของตนไม่ให้ไหลต่อหน้าร่างสูง

    ''พี่ก็ต้องขอบคุณเราเหมือนกันที่มาทำให้พี่มีความสุข ที่ทำให้พี่เปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้ พี่มีอะไรที่จะบอกเราหน่อย หวังว่าเราคงจะฟังพี่นะ...''

    ''ฮ่ะ ผมฟังคำพูดของพี่เสมอ ต่อให้มันจะเป็นคำพูดที่ผมฟังแล้วเสียใจ แต่ถ้ามันออกมาจากปากพี่ ผมก็ฟังได้หมด''

    ''พี่รักเรานะ... รักแบบคนรัก พี่ไม่อยากที่จะโกหกหัวใจของตัวเองต่อไปแล้วล่ะ พี่ขอโทษนะที่บอกเราช้าไป...''สิ้นเสียงของร่างสูงน้ำตาของร่างบางก็ไหยราวกับเขื่อนจะแตก แต่นั้นก็ไม่เท่ากับ เสียงหวูดของรถไฟที่ดังสนั่นนั้น ..

    ''ผมก็รักพี่ยูยะเหมือนกันนะฮ่ะ หมดเวลาของผมแล้ว ชาติหน้าขอให้เราได้เจอกันและรักกันอีกนะฮ่ะพี่ยูยะ''สิ้นเสียงรถไฟก็เคลื่อนผ่านหน้าร่างสูงไปพร้อมกับดวงวิญญาณของร่างบางที่หายไปกับตาของตน

    หายไปแล้วพร้อมกับขบวนรถไฟยามเที่ยงคืนนี้...

    END

    Talk 
    ลงฟิคนี้ก่อนฟิควันเกิดยูยังจนได้ T___T
    ฟิคัวนเกิดยูยังจะพยายามปั่นนะคะ
    ไม่ทราบว่าเรื่องนี้เป็นยังไง ช่วยบอกกันด้วยนะคะ 
    อาจจะไม่ได้แต่งตาม ความหมายของเพลง ต้องขอโทษด้วยนะคะ 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×