ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ] Painted Boy ฉันจะร้าย..ถ้านายไม่รัก

    ลำดับตอนที่ #19 : สารภาพรัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 836
      1
      4 พ.ย. 53

                    อากาศที่เย็นยะเยือกในยามเช้าทำให้ร่างอวบที่กำลังเดินมาโรงเรียนต้องกอดอกตัวเองไว้เพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย ดวงตากลมมองลอดผ่านแว่นทรงหนาที่เจ้าตัวใส่มาเพื่อปกปิดรอยช้ำจากการอดนอนเพราะต้องขึ้นคอนเสิร์ตอันหนักหน่วงมาหลายค่ำคืน แต่ทว่าสีหน้ากลับดูมีความสุขมากกว่าที่เคยเป็น

     

                    เวลาผ่านไปร่วมอาทิตย์กว่าจะสิ้นสุดคอนเสิร์ตในครั้งนี้ ผมกับยูโตะเราได้คุยกันมากขึ้นทำให้เราสองคนพอจะคุยกันได้บ้างตามประสาเพื่อนร่วมงาน ส่วนเจ้าหนูริวนั้นก็เอาใจใส่ผมตลอดเวลาที่เจอกันก็ว่าได้ ไม่ว่าจะก่อนขึ้นแสดงหรือหลังจบคอนเสิร์ต ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะยิ้มน้อยลงไปก็เถอะนะ อาจจะเป็นเพราะกังวลเรื่องคอนเสิร์ตอยู่ก็ได้มั้ง

     

                    ยามาดะ ทางนี้ๆ เสียงโหวกเหวกของบุคคลที่ผมกำลังนึกถึงดังมาจากหน้าเซเว่นใกล้ๆ โรงเรียน ริวทาโร่ยืนถือถุงเซเว่นโบกไม้โบกมือให้ผมโดยที่มีชินทาโร่ยืนกินปลาหมึกอยู่ข้างๆ

     

                    มาเช้าจังนะ ชินทาโร่ ผมหันไปยิ้มให้โมริโมโตะคนน้องที่มักจะมาแบบตะวันสายโด่งเป็นประจำ ผิดกับคนพี่ที่มักจะมายืนรอผมที่หน้าโรงเรียนทุกวี่วัน

     

                    วันนี้โดนแม่บังคับให้มาด้วยกันน่ะฮะ เพราะผมมาสายจนอาจารย์ประจำชั้นตามไปบ่นถึงบ้านเลย เฮอะๆ ชินทาโร่พูดพลางเกาหัวแกรกๆ ทำหน้าเหยเกเมื่อนึกถึงคำเทศน์ของแม่ที่โดนว่าเมื่อเช้านี้

     

                    กินข้าวมาหรือยังน่ะ? ริวทาโร่ถาม ผมได้แต่ส่ายหน้า อีกฝ่ายจึงจ้องผมอย่างดุๆ

    นายน่ะ ชอบกินข้าวเช้าสายจริงนะ เวลาที่ดีในการกินมื้อเช้าน่ะ มันต้องเจ็ดโมงเช้านะรู้มั้ย?

     

                    โอเคๆ จะไปกินแล้วคร้าบบบบบ ผมตอบรับก่อนจะที่เดินนำริวทาโร่ไป แต่ทว่าท่าทีของอีกคนที่ยืนเฉยนั่นทำให้ผมต้องหยุดชะงัก

     


                    เป็นอะไรไปริวทาโร่? ทำไมไม่ตามมาล่ะ? ผมเอียงคอถามอย่างสงสัย เจ้าตัวที่ยืมก้มหน้านิ่งราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่เงยหน้าขึ้นมองผมก่อนจะตอบผม

     


                    วันนี้ชั้นไม่ค่อยหิวเท่าไรน่ะ นายไปกินคนเดียวได้มั้ย? คำตอบของริวทาโร่ที่ฟังดูเหมือนธรรมดา แต่มันกลับทำให้หัวใจผมรู้สึกอ้างว้าง ผิดหวัง รู้สึกแปลกๆ จนตัวผมเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน

     



                    แววตาของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยความลังเล กังวลและสงสัย ทำให้ผมต้องหันหลังกลับ ผมคงจะไปรบกวนริวทาโร่มากจนเกินไป หลายๆ เดือนที่ผ่านมา หมอนี่ก็ทำทุกอย่างเพื่อผมมามากแล้ว ช่วงนี้ก็มีงานใหญ่อีก คงจะไม่อยากมาคอยรอผม กินข้าวกับผมเหมือนเดิม ไม่เป็นไรหรอก...ผมก็เคยกินข้าวคนเดียว เดินคนเดียวได้ ไม่ตายซะหน่อยนี่!! แต่เอ๊ะ..ทำไมผมถึงได้คิดน้อยใจแบบนี้ได้นะ

     

          



             

     

                    ยามะจัง!!! คิดถึงนายชะมัดเลย ริวโนะสุเกะวิ่งพรวดเข้ามาหาผมทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง ก่อนจะมองหาคนข้างหลังผมที่มักจะติดสอยห้อยตามผมมาทุกเช้า

     

                    ริวทาโร่ล่ะ? คำถามของเพื่อนรักทำให้ผมถึงกับหุบยิ้ม ผมไม่สนใจคำถามนั้นจึงเลี่ยงเดินมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง หมอนั่นตื่นสายน่ะ

     


                    เอ๋ น่าแปลกจังนะ ปกติเห็นมารอรับยามะจังทุกเช้าเลยนี่ หรือว่าทะเลาะกันเรื่องคอนเสิร์ต??? ริวโนะสุเกะเปรยก่อนจะถามต่อ ผมหันใบหน้าอวบๆ ไปมองอีกฝ่ายอย่างตกใจ

     

                    ทำไมต้องเรื่องคอนเสิร์ตล่ะ??

    ก็เรื่องโซโล่ของนายกับยูโตะในคอนฯน่ะสิ ชั้นเห็นข่าวแล้ว เร่าร้อนชะมัด คนปากเสียประจำห้อง ซานาดะ ยูมะแทรกขึ้นบ้าง มือนิ่มของผมรีบปากระเป๋าใส่คนพูดอย่างหมั่นไส้ที่ชอบพูดเรื่องราวร้าวฉานของคนอื่นต่อหน้าคนในห้องอยู่เรื่อย

     


                    อ๊า ยามะจัง โยนกระเป๋าใส่ชั้นทำไมล่ะ!!” ซานาดะโวยวายหลังจากรับกระเป๋าที่โยนมาอย่างรวดเร็วดุจพายุหมุนยามาดะได้

     

                    ก็นายปากเสียอยู่เรื่อยเลยนะ วันๆ พูดแต่เรื่องเสียหายของคนอื่นน่ะ ผมทำหน้ามุ่ยก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะ “ก็ช่วยไม่ได้นี่...นายมันมีเรื่องหนุ่มๆ ให้เคลียร์เยอะแยะนี่นา”

     

                    “ไอ้บ้า!!  ผมตวาดเป็นเชิงล้อเล่น ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกจริงจังก็เถอะนะ แต่ว่าผมยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกหงุดหงิดน้อยใจโมโหและบลาๆ กับริวทาโร่ด้วยล่ะ??

     

     

                   


                    ขาทั้งสองรีบก้าวเท้าไปยังหน้าห้องๆ หนึ่งที่เงียบสงัด เหล่านักเรียนกลับบ้านไปหมดแล้ว เหลือเพียงห้องๆ นี้ที่เพิ่งจะเลิกเรียนพิเศษรอบสี่โมงเย็นไป ทันทีที่ไปถึงผมก็เห็นร่างที่คุ้นเคยกำลังกดโทรศัพท์อย่างขะมักเขม้นราวกับกำลังส่งเมล์ให้ใครสักคนนึงอยู่

     

                    จู่ๆ ร่างนั้นก็ลุกขึ้นพรวดพราดรีบเก็บข้าวของของตนใส่กระเป๋าแล้ววิ่งพรวดพราดออกมาทางประตูหลัง หมอนั่นผงะทันทีที่เห็นผม ริวทาโร่รีบถอยหลังก่อนที่จะชนผม เราสองคนจ้องหน้ากันอยู่เสี้ยววินาทีหนึ่ง แววตาของเจ้าหนูริวดูตกใจ กังวลและมีพิรุธชอบกล แต่ถึงอย่างนั้น ผมขอใจดีสู้เสือไว้ก่อนจะดีกว่า

     


                    “อ้ะ ออกมาพอดีเลย” ผมฉีกยิ้ม “อาจารย์มัตสึดะให้ชั้นมาตามนายแน่ะ เห็นว่าจะพูดเรื่องคะแนนสอบเลขอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ”

     


                    “อ่อ โอเคๆ ถ้างั้นชั้นไปก่อนนะ วันนี้กลับไปก่อนไม่ต้องรอนะ” ริวทาโร่กล่าวก่อนจะทำท่าเดินสวนผมไป แต่มือของผมก็คว้าแขนเจ้าตัวไว้ได้ทัน

     

                    “ยืมโทรศัพท์หน่อยสิ ของชั้นมันไม่มีสัญญาณน่ะ วันนี้โทรศัพท์งี่เง่าชะมัด” ผมบ่นอย่างหงุดหงิดพลางมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือมามองอย่างไม่สบอารมณ์เพื่อความสมจริง เจ้าตัวจึงส่งมือถือมาให้ผม แล้วยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างๆ เป็นเชิงรอโทรศัพท์

     

                    “เดี๋ยวชั้นวิ่งเอาไปให้ที่ห้องพักครูน่า นายไปก่อนเหอะ” ผมกล่าวก่อนจะทอดสายตามองแผ่นหลังของอีกฝ่ายเดินก้าวฉับๆ ไปอย่างเร่งรีบ นิ้วเรียวเร่งกดปุ่มบนโทรศัพท์อย่างไม่รอช้า

     

                    ผมกดเข้าไปดูข้อความที่ถูกส่งออกไป ถึงแม้จะเสียมารยาทไปสักหน่อยก็เถอะนะ ข้อความนับสิบที่ถูกส่งออกไปล้วนส่งให้เคย์โตะทั้งสิ้น นับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกสำหรับผมมาก เพราะสองคนนี้นั้นไม่ได้สนิทกันมากเท่าไร เพียงแต่ชอบพูดจากวนๆ ใส่กันตามประสาเพื่อนร่วมวงเท่านั้น

     




    ทำไงดี ชั้นพยายามทำใจแล้ว แต่ว่ามันก็ทำไม่ได้ ทำไมยามาดะถึงชอบมองข้ามชั้นเรื่อยเลย

     

    ช่วงนี้มันช่วงคอนเสิร์ตนะ ทุกๆ คนก็คงยุ่งและต้องการความเป็นส่วนตัวบ้าง นายอย่าคิดมากเลยนะ /เคย์โตะ

     

    ชั้นเจ็บเหลือเกิน เคย์โตะ...ทำไมชั้นรู้สึกเหมือนว่ายามาดะห่างไกลชั้นเข้าไปทุกทีล่ะ

     

    ใจเย็นๆ สิริวริว นายยังมีชั้นอยู่นะ /เคย์โตะ

     

     

                    มีข้อความอีกมากที่เป็นบทสนทนาระหว่างสองคนนี้ นั่นทำให้ผมรู้สึกแย่เอามากๆ ที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้ตัวเลยว่าริวทาโร่ต้องเจ็บปวดแค่ไหนกับการที่ผมเข้าไปคลุกคลีอยู่กับยูโตะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา และผมเองก็แปลกใจในการใช้คำพูดของเคย์โตะเช่นกัน จากการที่ผมสนิทกับเคย์โตะเป็นอันดับสองรองจากไดกิ เวลาส่งเมล์หรือข้อความต่างๆ มันมักจะใช้คำพูดกวนๆ ที่แฝงไปด้วยความห่วงใยกับผมและคนอื่นๆ เสมอ ไม่ว่าผมจะเครียด เศร้า ร้องไห้ ข้อความของเคย์โตะก็มักจะเป็นข้อความกวนๆ ที่อ่านแล้วอยากจะถีบหน้าเม่นสักตั้ง แต่คราวนี้กลับแปลกไป คำพูดที่เคย์โตะใช้กับริวทาโร่เป็นคำพูดตรงๆ ที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แต่คำพูดเวลาพูดต่อหน้ากลับกลายเป็นคำพูดกวนๆ ที่คอยกลั่นแกล้งให้อีกฝ่ายเสียศูนย์อยู่ตลอดเวลา

     


    ทำไงดี ชั้นยังไม่อยากเจอยามาดะเลยอ่ะ มันรู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้

     

    ถ้างั้นเย็นนี้ เจอกันที่ร้านเดิมนะ ไม่ต้องกังวลเรื่องยามะหรอก ถ้าบอกว่ามีธุระจริงๆ ยามะก็ไม่ว่าอะไรหรอก  /เคย์โตะ

     

                    มือของผมอ่อนแรงทันทีที่อ่านข้อความสุดท้ายที่เคย์โตะเพิ่งส่งมาให้สดๆ ร้อนๆ ตอนที่ผมครอบครองโทรศัพท์สีเทาเครื่องนี้ไว้ ความรู้สึกบีบแน่นในอกทำให้ผมตัดสินใจนำโทรศัพท์ในมือวางไว้บนโต๊ะเรียนของผู้เป็นเจ้าของในทันที ภาพของเคย์โตะกับริวทาโร่แล่นเข้ามาในหัวสมองอยู่ไม่ได้ขาด ถึงแม้ว่าขาทั้งสองนั้นพาร่างนี้ออกมาไกลจากห้องๆ นั้นแล้วก็ตาม....

     


                    เคย์โตะ...นายคิดจะทำอะไรกันแน่?







    ... N eL’ L

                    หนุ่มน้อยโมริโมโตะเดินฝ่าฝูงชนใจกลางเมืองไปอย่างไม่รีบร้อน ถึงแม้ว่าบุคคลรอบข้างจะหันมาสนอกสนใจในตัวเขามากเพียงใด ก็ไม่อาจทำให้ริวทาโร่คนนี้รู้สึกแปลกประหลาดไปกว่าคนอื่นๆ นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับศิลปินอย่างเขาที่เป็นที่สะดุดตาท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก นั่นทำให้เขาเคยชินกับการเป็นจุดสนใจของประชาชน

     


                    ร่างของคนที่เขาตามหายืนรออยู่ที่หน้าร้านกาแฟสุดหรูแห่งหนึ่ง หนุ่มน้อยรีบเร่งฝีเท้าวิ่งเข้าไปหา ดวงตาเรียวเล็กของอีกฝ่ายยิ่งเล็กลงไปอีกเมื่อรอยยิ้มปรากฎบนใบหน้า ดวงตากลมๆ ของริวทาโร่มองแววตาของอีกฝ่ายอย่างสงสัยแต่ก็ไม่อยากถามไถ่อะไรมาก

     

                    “เข้าไปข้างในกันเถอะเคย์โตะ” ริวทาโร่กระตุกแขนเสื้อยูนิฟอร์มราคาแพงเบาๆ แต่เจ้าของเสื้อกลับทำท่ากระหยิ่มยิ้มย่องใส่

     

                    “เจอหน้ากันไม่ถึงนาทีก็ชวนเข้าข้างในเลยหรอ? ตั้งแต่อยู่กับยามะจังนี่ชักจะไวไฟขึ้นเรื่อยๆ นะเนี่ย” คนฟังอ้าปากค้างหน้าแดงจัดที่เจอมุขหื่นๆ กวนๆ ตั้งแต่เย็น เลยซัดฝ่ามืออรหันต์ใส่หัวแหลมๆ ของเม่นไปทีหนึ่ง

     


                    “คนกำลังเครียดยังจะเล่นมุขอีก...เดี๋ยวก็หนีกลับบ้านซะหรอก” โมริโมโตะบ่นก่อนจะเดินนำหน้าเข้าร้านกาแฟแห่งนั้นไป ตามด้วยคนที่ถูกแอคแทคด้วยฝ่ามือแฮมสเตอร์ซึ่งเดินตามหลังไปติดๆ โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าบรรดาแฟนคลับและปาปารัสซี่แถวนั้นพากันถอนใจด้วยความเสียดายเนื่องจากไม่อาจตามเข้าไปในร้านได้ เพราะร้านกาแฟแห่งนี้เป็นร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องราคาและคุณภาพ ใครที่ไม่รวยจริงๆ จะไม่สามารถมาเหยียบที่นี่ได้เลย

     


                    “โอเค เข้าเรื่องเลยนะ” ริวทาโร่พูดขึ้นทันทีหลังจากที่นั่งลงที่เบาะนุ่มๆ โดยมีเคย์โตะนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทีราวกับคุณชาย

     


                    “ตอนนี้ชั้นเริ่มรู้สึกชินชากับยามาดะแล้วล่ะ...บางทีชั้นอาจจะเจ็บมากเกินไปจนชินแล้วก็ได้มั้ง” คนพูดพูดพลางทำหน้าเศร้า แววตาที่เคยสดใสกลับหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด

     

                    “อยากกินเค้กช็อกโกแลตมั้ย? หรือเค้กสตอเบอร์รี่ดีล่ะ? เอาเป็นช็อกโกแลตร้อนมากินเล่นหน่อยมั้ย?” เคย์โตะหยิบเมนูขึ้นมายิงคำถามอย่างไม่คิดชีวิต ราวกับไม่รู้ว่าคนตรงหน้าตนพูดอะไรออกมาบ้าง หนุ่มน้อยโมริโมโตะถึงกับคิ้วขมวด

     

                    “ไม่ต้องห่วงน่า พ่อชั้นซี้กับเจ้าของร้านนี้ กินฟรี24ชม.เลย ฉะนั้น..สั่งได้ไม่อั้น!!

     “ไม่ใช่เรื่องนั้น...ชั้นกำลังเครียดอยู่นะ อย่ามาทำเป็นเมินความรู้สึกกันแบบนี้ได้มั้ย??” ริวทาโร่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาเริงร่าของโอคาโมโตะจึงหมองลงไปก่อนจะจ้องคนตรงหน้าอย่างจริงจังเช่นกัน

     

                    “ชั้นรู้ว่านายเครียด ถึงได้ทำให้นายหายเครียดไง กินซะก่อนแล้วค่อยเล่าก็ได้ ชั้นไม่หนีนายไปไหนหรอกนะ” เคย์โตะเปรยก่อนจะหันไปสั่งกาแฟกับช็อกโกแลตร้อนพร้อมเค้กกับพนักงานเสิร์ฟโดยไม่ถามความเห็นของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

     

                    “ชั้น...ชั้นควรทำยังไงดี? หัวชั้นมันตื้อไปหมดแล้ว ในใจชั้นมีแต่ยามาดะ แต่ว่าชั้นกลับไม่อยากเจอหน้ายามาดะเลย มันเป็นเพราะอะไรกัน?” หนุ่มน้อยเปรยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ นัยน์ตาที่คลอไปด้วยน้ำตาถูกซ่อนไว้โดยการที่เจ้าตัวเอามือปิดหน้าปิดตาไว้ แต่นั่นก็ไม่สามารถปกปิดความเศร้าความเสียใจที่เจ้าตัวมีไปได้

     

                    “นายคงกลัวความเจ็บปวดสินะ” เคย์โตะเปรยพลางหลบสายตาไปทางซ้ายของตน ริวทาโร่ปาดคราบน้ำตาออกเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้ามองเพื่อนร่วมวงอย่างประหลาดใจ “ความเจ็บปวดงั้นหรอ?”

     

                    “นายเคยได้ยินที่เขาว่ากันว่า “ยิ่งรัก ยิ่งเจ็บ” มั้ย? เพราะนายรักยามะจังมาก และนายก็กลัวว่าตัวเองจะผิดหวังและเจ็บปวดกับการที่ได้รักยามะจัง นายก็เลยเลี่ยงที่จะไม่เผชิญหน้ากับความเป็นจริงต่างหากล่ะ”

     


                    คำพูดของอีกฝ่ายทำให้หนุ่มน้อยโมริโมโตะชะงักก่อนจะคิดทบทวนความรู้สึกของตนกับสิ่งที่เคย์โตะพูด มันอาจจะจริงอย่างที่คนตรงหน้าว่า แต่เขาก็ยังมีข้อสงสัยอีกมากมายในหัว ถึงแม้ว่ายามาดะจะตกลงปลงใจคบกับเขาในฐานะแฟนแล้วก็ตาม แต่ทว่าเจ้าตัวก็ไม่เคยพูดความรู้สึกที่มีกับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว แล้วเขาจะมั่นใจได้ยังไงว่ายามาดะรู้สึกแบบเดียวกับที่เขารู้สึกและจะไม่หันกลับไปหายูโตะอีก

     

                    “นายทำใจเย็นลงก่อน แล้วค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทบทวนเกี่ยวกับความเป็นจริงและความรู้สึกของนายดีๆ บางทีนายอาจจะคิดมากไปเองก็ได้” เคย์โตะพูดพลางเหม่อมองที่ตู้ปลาขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ ที่นั่งของเขา ฝูงปลาหลากสีสันที่กำลังแหวกว่ายไปมาอย่างช้าๆ นั้น ทำให้เขารู้สึกเย็นลงอย่างน่าประหลาด แต่ดูเหมือนคนตรงข้ามจะไม่เย็นไปกับเขาด้วย

     

                    “รู้มั้ยว่าทุกครั้งที่ชั้นเห็นสองคนนั้นอยู่ใกล้กัน มันเจ็บปวดขนาดไหน!! การที่เห็นคนที่เรารักใกล้ชิดกับคนอื่น โดยเฉพาะแฟนเก่าน่ะ...มันเจ็บแค่ไหน......” ริวทาโร่ยังคงสาธยายความอึดอัดที่รุ่มร้อนอยู่ในใจออกมาเพื่อระบายออกให้มันหมดไปแต่มันก็ไม่สามารถบรรเทาความเจ็บปวดในใจได้เลยแม้แต่นิดเดียว

     

                    “ใช่...การที่เห็นคนที่เรารักกับเพื่อนรักอยู่ใกล้ชิดกัน..คบกัน...มันเจ็บมาก” คำพูดตัดพ้อจากเพื่อนร่วมวงที่อาวุโสกว่าทำให้ริวทาโร่ถึงกับแปลกใจในท่าทีตัดพ้อด้วยแววตานิ่งเฉย สีหน้าไร้อารมณ์และน้ำเสียงที่แผ่วเบา

     

                    “นาย...ชอบยามาดะงั้นหรอ?” หนุ่มน้อยถามกลับหลังจากเงียบมาได้พักหนึ่ง หลังจากที่เขาคิดทบทวนคำพูดของอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วน เพื่อนรักของเคย์โตะจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากยูโตะ ฉะนั้นคนรักที่ว่าต้องเป็นยามาดะอย่างแน่นอน!

     

                    “ชั้นน่ะ...ไม่เคยคิดจะรักใครมาก่อนจนได้มาเจอคนๆ นี้...น่าเสียดายที่รักแรกของชั้นถูกเพื่อนสนิทที่สุดช่วงชิงไป แต่ทว่าพอชั้นเจอรักครั้งใหม่...คนๆ นั้นก็กลับไปตกหลุมรักรักแรกของชั้นซะอย่างนั้น...” เคย์โตะยังคงตัดพ้อต่อ หนุ่มน้อยโมริโมโตะถึงกับประหลาดใจในเรื่องราวและทีท่าของโอคาโมโตะเป็นอย่างมาก ท่าทางที่เหมือนกับคนเมากำลังตัดพ้อเรื่องชีวิตรักนั่น....ทำให้เขาต้องนึกทบทวนอีกทีว่าวันนี้เขามาเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องความรักจากเคย์โตะหรือมาเป็นที่ปรึกษาให้กันแน่

     

                    “ชั้นไม่เข้าใจเคย์โตะ...” “ชั้นรักนาย....” เด็กหนุ่มถึงกับชะงักเมื่อถูกสารภาพรักตรงๆ จากคนที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน สีหน้าของริวทาโร่ตอนนี้ซีดลงราวกับกำลังตกใจและช็อกที่ได้รับรู้สิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน

     

                    “ยามะจังคือรักแรกของชั้น....ชั้นหลงรักยามะจังตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรก ตอนนั้นยูโตะกับยามะจังยังไม่ได้คบกันด้วยซ้ำและยูโตะก็เป็นเพื่อนที่ชั้นสนิทมากๆ ในตอนนั้น ตอนที่ชั้นรู้ว่าสองคนนั้นรักกัน...ชั้นเจ็บมากจนต้องลาโรงเรียนกลับไปอเมริกาเดือนกว่าๆ พอกลับมาก็พอทำใจได้บ้าง ก่อนที่สองคนนั้นจะเลิกกัน ชั้นก็มีโอกาสสนิทกับยามะจัง เราก็เลยเป็นเพื่อนสนิทกันถึงแม้ภายนอกจะดูเหมือนเราแทบไม่ได้คุยกันเลยก็ตาม แต่พอชั้นหลงรักนาย นายก็ดันมาตกหลุมรักยามะจังแถมคบกันอีก....มันน่าเจ็บกว่ามั้ย??”

     

                    คำอธิบายของเคย์โตะสร้างความกระจ่างแจ้งให้ริวทาโร่ได้อย่างสุดซึ้ง ความเจ็บปวดที่เขามีดูจะน้อยนิดไปทันทีเมื่อเทียบกับสิ่งที่เคย์โตะเผชิญอยู่ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น สิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ตอนนี้ก็คือ..เคย์โตะเคยหลงรักยามาดะและตอนนี้มันกำลังหลงรักเขาแถมสารภาพรักกับเขาแล้วด้วย!

     

                    “ชะ..ชั้นขอตัว” ริวทาโร่ลุกพรวดไปยังห้องน้ำทันที โอคาโมโตะรีบเดินตามไปติดๆ หนุ่มน้อยรีบเดินอย่างเร็วเพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของคนในร้านถึงแม้ว่าคนในร้านจะบางตามากก็ตามที ทันทีที่มาถึงห้องน้ำ เคย์โตะจับแขนอีกฝ่ายไว้แน่นราวกับไม่อยากปล่อยให้คนตรงหน้าจากไป

     

                    “ปล่อย!! ไม่ต้องตามมาได้มั้ย?” ริวทาโร่พยายามแกะมือเหนียวๆ นั่นออกแต่ก็ไม่เป็นผล เคย์โตะจึงผลักอีกฝ่ายไปที่ผนังก่อนที่ตัวเองจะเข้าประชิดร่างของหนุ่มน้อย สันจมูกอันงดงามของร่างสูงแนบชิดกับสันจมูกของอีกฝ่าย ไร้ซึ่งที่ว่างระหว่างคนทั้งคู่โดยเฉพาะริมฝีปากของทั้งสองที่กำลังบดเบียดกันอยู่เพื่อลิ้มรสความหอมหวานของกันและกันโดยที่คนตัวเล็กกว่าไม่อาจปฏิเสธได้

     






                    แอ๊ดดดด............

     




                    ใครบางคนที่เปิดประตูมาโดยไม่รู้จังหวะทำเอาเคย์โตะถึงกับอารมณ์เสีย เจ้าตัวผละริมฝีปากออกก่อนจะหันขวับมากะว่าจะมองหน้าบุคคลที่ขัดจังหวะของตนอย่างเกรี้ยวกราดโดยลืมไปว่าตัวเองนั้นเป็นคนของประชาชนที่สามารถตกเป็นข่าวได้ทุกเมื่อ แต่ทว่าอารมณ์ที่ขุ่นมัวของโอคาโมโตะกลับจางหายไปเมื่อเห็นหน้าของบุคคลที่เข้ามา ริวทาโร่เบิกตากว้างพลางผลักเคย์โตะออกห่างตัวทันที

     


                    ดวงตากลมที่ฉายแววตกใจ ใบหน้าขาวเนียนที่มีสีหน้าราบเรียบ ริมฝีปากระเรื่อที่เม้มเข้าหากันแน่น ชุดนักเรียนแบบเดียวกับของริวทาโร่ ทรงผมสไลด์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้สาวๆ คลั่งไคล้ของบุคคลที่มาเยือนนั้นทำเอาคนทั้งคู่ตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับหรือหายใจด้วยซ้ำ

     

                    “ยามาดะ....” หนุ่มน้อยเปรยชื่อของบุคคลที่สามอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน แต่แน่นอนว่าเจ้าของชื่อนั้นได้ยินเต็มสองหู แต่สีหน้าของอีกฝ่ายก็ยังนิ่งเฉย

     

                    “รีบๆ เข้าไปสิยามะจัง จะยืนแข็งทื่อทำไมเล่า ชั้นกับยูโตะจะเข้าห้องน้ำนะเฮ้ย” เสียงโวยวายที่ไม่รู้กาลเทศะของไดกิดังตามมาจากนอกห้องน้ำ ร่างอวบของเรียวสุเกะรีบหันหลังกลับ เดินชนไหล่ไดกิออกไปอย่างรวดเร็ว ไดกิมองเพื่อนรักอย่างงงๆ ก่อนจะเข้ามาเห็นเคย์โตะและริวทาโร่ในห้องน้ำ ไดกิถึงเข้าใจแล้วว่าอะไรทำให้เรียวสุเกะหุนหันพลันแล่นไปแบบนั้น

     

                    “ยามาดะ!!” ริวทาโร่เตรียมจะวิ่งตามยามาดะออกไป แต่ก็โดนยูโตะขวางไว้ แววตาที่เฉยชาแต่แฝงไปด้วยความโกรธของคนตัวสูงทำเอาหนุ่มน้อยถึงกับฉุน

     

                    “นายจะมารั้งชั้นไว้ทำไม!! นายไม่มีสิทธิ์ในตัวยามาดะแล้วนี่!!” โมริโมโตะโวยวาย ยูโตะจึงฟาดมือแกร่งลงบนหน้าของน้องเล็กเต็มแรง

     

                    “จะแหกปากให้เขารู้กันทั้งร้านหรอไง?” นากาจิม่าพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก แต่ทว่าคู่สนทนาก็ไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวแต่อย่างใด

     

                    “นี่หยุดๆ พอได้แล้ว!! พวกนายตามชั้นกับยูโตะไปที่บ้านชั้นเดี๋ยวนี้เลย เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ไดกิสรุปก่อนจะบังคับในฐานะพี่ใหญ่สุด (ณ เวลานั้น)  “จะให้ชั้นไปตามยามะจังมั้ย?” ไดกิหันไปถามร่างสูงข้างๆ

     

                    “ไม่ต้องหรอก...เดี๋ยวคืนนี้หมอนั่นก็โทรหานายเองแหละน่า” ยูโตะตอบพลางชะเง้อมองออกไปนอกร้าน เคย์โตะกับริวทาโร่มองท่าทางของยูโตะอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะโดนไดกิลากตัวไปที่บ้านของเจ้าตัวโดยมียูโตะเดินคุมเชิงอยู่ด้านหลัง ถึงอย่างนั้นก็ยังคอยชะเง้อมองไปรอบๆ เผื่อจะเจอบุคคลที่หายตัวไปก่อนหน้านี้

     



                    ให้ตายเถอะ....ชั้นเจ็บแทนนายชะมัด เรียวสุเกะ





    ............................................

    กลับมาอัพแล้ว!!!
    เนื้อเรื่องวกวนอ่ะ เม่นๆ แอบชอบริวๆ แถมก่อนหน้านั้นยังชอบยามะยาก่อนด้วย!!??
    โอ้ววว อลวนดีแท้
    ตอนตี้แต่งตอนกำลังมึนๆ เมาๆ ฝรั่งเศส เลยอาจจะมึนๆ ไปหน่อย
    ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นสำหรับโปรเจคต์นะคะ
    ไรท์เตอร์ได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว อุวะฮะฮ่าาาาา
    คู่หลักที่จะทำนั่นคือ....



    แท่น แท๊นนนนน..........ง


    นากายามะค่าาา!!!!!!!!!

    เย้ๆ แปะๆ แต่สำหรับคู่อื่นๆ สามารถพบได้ในเนื้อเรื่องแต่ไม่เด่นนักนะ
    ขอบคุณสำหรับความเห็นค่ะ แล้วก็สำหรับแนวเรื่องนั้น ขออุบไว้ก่อนดีกว่า
    เพราะแต่ละคนเสนอมากันคนละแนวเลยทีเดียว ถ้าตามใจคนอ่านทุกคนเนื้อเรื่องคงจะแปลกพิลึก
    คิดถึงคนอ่านทุกคนมากๆ ได้ข่าวว่าที่ไทยน้ำท่วมหนัก ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วย
    ที่แคนาดายังคงหนาวได้อีกจริงๆ กว่าจะสว่างก็เก้าโมงเช้า บางทีก็สับสนตอนตื่นนอน (ตื่นสายประจำ)
    ปลายเดือนนีมีสอบภาษาไทย กำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเกรดงามๆ ฮ่าๆ
    เจอกันทอล์กหน้าค่ะ
    ปล.โปรเจคต์ที่ขอความคิดเห็นนั้น จะออกเป็นเล่มประมาณสิงหาปีหน้านะคะ ฉะนั้นไม่ต้องรีบร้อนเก็บตังนะ อิอิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×