คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : พ่ายแพ้
ร่างเล็กที่ขึ้นขี่หลังร่างสูงโปร่งของผู้เป็นรุ่นพี่อย่างหงอยๆ แก้มเนียนนุ่มซุกตรงปลายผมสีน้ำตาลสลวย
ของชายหนุ่มผิวเข้ม ดวงตาเรียวเหลือบมองข้าวของของตนที่อยู่ในถุงพลาสติกสีใสในมือของทาคากิ รุ่นพี่เบสท์
ที่กำลังให้เขาขี่หลังอยู่ในตอนนี้
ริมฝีปากสวยถูกขบกัดแน่นด้วยฝีมือของเจ้าตัวเพื่อระบายอารมณ์โกรธเคืองที่มี ภาพของของที่รัก
ที่โดนกาวผสมน้ำมันฝีมือของตัวเองจนฉ่ำเยิ้มยิ่งทำ ให้ ชิเนน ยูริรู้สึกราวกับโดนอีกฝ่ายย้อนกลับด้วยฝีมือของตนเอง
จริงๆ เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งยามาดะแรงถึงขนาดนั้นแต่เห็นริวทาโร่สนใจแต่หมอนั่นแล้ว ทำให้เขารู้สึกเดือดดาล
จนอดไม่ได้ วันนี้ที่เขาสังเกตได้..พฤติกรรมของยามาดะ แววตา รอยยิ้มและน้ำเสียงตอนที่มันมาอ่านไดอารี่
แล้วยิ้มเยาะใส่เขามันฉายแววเจ้าเล่ห์และอยากเอาชนะ ผิดวิสัยของยามาดะที่เรียบร้อยและอ่อนแอ...แปลกจริงๆ
“ทีนี้นายบอกชั้นได้หรือยังว่าทำไมนายถึงเท้าเปล่าแบบนี้? รองเท้านายไปไหนซะล่ะ?” ทาคากิเอ่ยถาม
ถึงสาเหตุที่เจ้าตัวเล็กข้างหลังใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะโทรหาเขาเมื่อสิบห้านาทีก่อนเพื่อขอให้เขาเอารองเท้ามาให้
แต่ว่าเท้าเขากับเท้าชิเนนค่อนข้างจะแตกต่างกันเรื่องขนาด รวมทั้งตอนนั้นเขาอยู่นอกบ้านเลยไม่อาจหยิบรองเท้า
ของน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องมาให้ได้ พอมาถึงชิเนนก็เอาแต่น้ำตาซึมไม่พูดไม่จาเขาจึงต้องแบกเจ้าตัวขึ้นหลัง
แล้วพาไปที่ค่ายด้วยกัน
“ชั้น....ก็แค่เผลอทำกระเป๋ากับรองเท้าตกไปในถังน้ำมันหลังสตูดิโอน่ะ ก็เลยไม่มีรองเท้าใส่”
นี่เป็นเหตุผลที่งี่เง่าที่สุดในชีวิตที่คนอย่างยูริ ชิเนนจะสรรหามาอ้างได้ หยาดน้ำใสๆ ไหลลงมาอาบแก้ม
เขารู้สึกสมเพชตัวเองที่พ่ายแพ้ยามาดะ เรียวสุเกะอย่างยับเยินจนถึงกับต้องเดินเท้าเปล่าบากหน้าไปโทรขอความช่วยเหลือ
จากคนในจั๊มพ์แบบนี้
“อ่านะ แย่จังเลย ถ้างั้นแวะที่ร้านรองเท้าตรงมุมถนนหน้านี่ละกันนะ เดี๋ยวชั้นซื้อรองเท้าให้”
ยูยะเปรยโดยไม่รู้สึกว่าคนข้างหลังกำลังร้องไห้ เจ้าตัวสาวเท้าไปยังที่หมายที่ว่านั่นอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่เข้าไป
ในร้านรองเท้าผ้าใบแบรนด์เนมร้านหนึ่ง ก่อนที่ร่างสูงจะจัดแจงหารองเท้าที่เหมาะสมและดูดีให้กับชิเนน
แล้วทั้งคู่ก็พากันเดินไปที่อาคารที่ทำการของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่จอห์นนี่จูเนียร์
“โย่ววว...นายสองคน มีของกินติดมาหรือเปล่า?” เสียงทักทายที่แสนสดใสจากยาโอโตเมะ ฮิคารุ
โจ๊กเกอร์ประจำจั๊มพ์ดังขึ้นทันทีที่ยูยะเปิดประตูห้องซ้อม ภายในห้องซ้อมอันกว้างขวางมีรุ่นพี่เบสท์อยู่กันเกือบครบ
ขาดแค่ไดกิที่ยังมาไม่ถึง ส่วนเหล่าเซเว่นก็มีแค่เคย์โตะ ยูโตะเท่านั้น
“จะบ้าเรอะ? มาซ้อมนะ ไม่ได้มากินโต๊ะจีนอย่างนายน่ะฮิคารุ” ทาคากิตอบกลับก่อนจะเดินเอากระเป๋า
ไปวางไว้ที่มุมห้อง ชิเนนเองก็เช่นกัน สีหน้าที่เรียบเฉยของคนตัวเล็กทำเอาทุกคนในห้องแอบมองอย่างสงสัย
“เฮ้ย ยูยี่คุง...ทำไมชิเนนดูหน้านิ่งๆ จัง? ปกติเวลาซ้อมทีไรออกจะเริงร่านี่” ฮิคารุกระซิบกับสมาชิกสุดเท่ห์
แห่งเฮเซย์เบสท์อย่างสงสัย
“ชั้นชื่อยูยะเฟ้ย!! ไอ้บ้า!! ก็เห็นว่าชิเนนคุงเขาทำกระเป๋ากับรองเท้าหล่นในถังน้ำมันที่สตูดิโอน่ะ
กระเป๋าสตางค์ มือถือ ซีดีอาราชิที่เพิ่งซื้อโดนน้ำมันท่วมเลย แถมไม่มีรองเท้าใส่เลยโทรให้ชั้นไปรับที่สตูฯด้วย”
ร่างเล็กนั่งลงที่เก้าอี้มุมห้อง สายตากวาดมองไปทั่วห้อง ความสงสัยแปลกใจผุดขึ้นมาในหัวสมองของชิเนน
มากมาย ทำไมจู่ๆ ยามาดะ เรียวสุเกะถึงได้มีท่าทีที่แปลกไป? จู่ๆ ทำไมหมอนั่นถึงได้จงใจเอาคืนเขาได้ราวกับ
อยากเอาชนะแบบนี้? มันเป็นเพราะอะไรกันแน่นะ?
“อะไรกันน่ะยูโตะ เอาใหม่อีกทีสิ” เสียงเคย์โตะโวยวายเป็นภาษาญี่ปุ่นในแบบที่ไม่ค่อยชัดนัก
เจ้าตัวกำลังอ้อนวอนให้ร่างสูงสอนเต้นแท็ปใหม่อีกรอบ หลังจากที่เขาคิดว่าการเต้นแท็ปแบบยูโตะช่างเท่ห์บาดใจ
พอๆ กับการโซโล่กีต้าร์ตัวโปรดเลยทีเดียว
“แบบนี้ไงเล่าคุณเม่นตาถั่ว นี่ๆๆ แบบเนี้ยไง” ว่าแล้วยูโตะก็ออกเสต็ปให้คุณชายโอคาโมโตะได้ชม
และทำตาม แต่ด้วยความที่มันเร็วจนเกินไป ทำให้อีกฝ่ายเต้นตามไม่ทัน
ดวงตาเรียวเหลือบมองแผ่นหลังของยูโตะที่ยืนอยู่หน้ากระจกและกำลังสอนท่าให้เคย์โตะอย่างเพลิดเพลิน
ฉับพลันสมองของยูริ ชิเนนก็นึกอะไรบางอย่างออก เมื่อวานนี้เขาทะเลาะกับริวทาโร่อย่างเอาเป็นเอาตายในห้องน้ำ
ในขณะที่ยูโตะวิ่งตามยามาดะไป เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้น แต่ที่รู้ๆ ก็คือยูโตะมีอาการเหม่อลอยเล็กน้อย
หลังจากนั้น ส่วนยามาดะก็กลายเป็นคนที่ร้ายกาจขนาดที่รับมือกับเขาได้อาจจะเกี่ยวข้องกันกับยูโตะ
แสดงว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นสักอย่างแน่ๆ
“ยูโตะ...ขอชั้นคุยด้วยหน่อยสิ” เสียงแหลมเล็กที่โพล่งขึ้นมาทำให้ทุกคนภายในห้องถึงกับเงียบ
ละหันมามองที่ต้นเสียง โดยเฉพาะคนที่ถูกเรียกที่ทำหน้าเหวอก่อนจะโดนร่างเล็กฉุดกระชากข้อมือให้หลบมาที่มุมห้อง
“มีอะไรหรอชิเนน?” ร่างสูงโปร่งเอ่ยถาม ชิเนนได้แต่กวาดสายตาเหี้ยมๆ มองไปยังฮิคารุ
ที่กำลังจะย่องเข้ามาแอบฟัง มองยาบุ อิโนะและยูยะที่ยืดคอมองเขาทั้งคู่อย่างสนอกสนใจ มองเคย์โตะ
ที่เอียงหูฟังอย่างเสียมารยาท
“ชั้นจะคุยธุระสำคัญกับยูโตะ.....แค่สองคน” สิ้นเสียงเล็ก ทุกคนก็รีบแยกย้ายกันทำกิจวัตรของตนต่อ
โดยไม่กล้ามายุ่งวุ่นวายเพราะดูจากท่าทางเมื่อครู่ก็รู้ได้ว่าชิเนน ยูริคงอารมณ์ไม่ดีเท่าไรนัก
“ว่าไงมีอะไร?” ยูโตะถามอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเพื่อนคนนี้ ใบหน้าสวยฉายแววกังวล
และเคร่งเครียดเสียจนตัวเขารู้สึกไม่ดีตามไปด้วย
“เมื่อวานนี้นายคุยอะไรกับยามาดะ? บอกชั้นได้มั้ย? ทำไมหน้านายกับยามาดะถึงได้มีรอยแดง
เป็นรูปมือเหมือนกันล่ะ?” ยูริกระซิบเบาๆ ด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่จริงจังจนยูโตะไม่กล้าพอที่จะไม่ตอบ
“ชั้นกับยามาดะก็ทะเลาะกันเหมือนนายกับริวทาโร่นั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอก” ร่างสูงตอบพลางหลบสายตาลงต่ำ
เขาไม่อยากจะพูดถึงมันต่อหน้าชิเนนเท่าไรนัก เพราะเมื่อวานเขาเป็นต้นเหตุให้ริวทาโร่กับชิเนนต้องทะเลาะกัน
เขานี่แหละที่เป็นฝ่ายผิดเต็มประตู
“คือเรื่องเมื่อวาน....ชั้นขอโทษนะ...คือชั้น....” ยูโตะกลืนน้ำลายไม่ลง พูดอะไรไม่ถูกทั้งๆ ที่อยากจะขอโทษอีกฝ่าย
แต่ว่าสิ่งที่เขาไปมันเป็นเรื่องร้ายแรงเกินกว่าที่จะแก้ไขได้ หากเมื่อวานนี้เขาไม่โมโหที่บังเอิญไปเห็นยามะจัง
คุยกับยูมะอย่างสนิทสนมละก็..เขาคงไม่เผลอพลั้งจูบชิเนนไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบแบบนั้นแน่ และอีกอย่างเขาเอง
ก็ยังไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกโมโหและหงุดหงิดทุกทีที่เห็นสองคนนั้นอยู่ใกล้กัน อาจจะเป็นเพราะความเคยชิน
และความหวาดระแวงที่เขาเคยมี ที่เขาเคยกลัวว่ายูมะจะมาแย่งยามาดะไปจากเขาในตลอดเวลาที่เคยคบกับยามาดะ
“ช่างเถอะ...ถึงไม่มีเหตุการณ์เมื่อวานชั้นกับริวทาโร่ก็ไม่ได้สนิทกันมากขึ้นหรอก
แต่ว่าชั้นกำลังสงสัยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับยามาดะ...” สีหน้าครุ่นคิดของคนตัวเล็กทำให้ยูโตะเริ่มสงสัย
ชิเนนจึงตัดสินใจเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ฟัง แต่เขาเล่าเพียงแค่เหตุการณ์ที่ยามาดะแกล้งเขาคืนเท่านั้น
หากขืนบอกยูโตะว่าเขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน มีหวังยูโตะโกรธเขาตายแน่ๆ
“ที่ข้าวของๆ ชั้นเป็นแบบนี้และที่ชั้นไม่มีรองเท้าใส่จนต้องโทรหารุ่นพี่ยูยะน่ะ ก็เพราะยามาดะนั่นแหละ
หมอนั่นเอาของๆ ชั้นไปราดด้วยกาวกับน้ำมันเครื่องแถมหมอนั่นยังเผารองเท้าชั้นด้วย...ยูโตะ ฮึก...
หมอนั่นคงจะโกรธเรื่องที่ชั้นไปชอบริวทาโร่แน่ๆ เลย” ยูริเล่าก่อนจะร้องไห้ซบอกยูโตะ มือแกร่งลูบหัวร่างเล็กเบาๆ
“ชั้นว่านายเข้าใจผิดแล้วล่ะชิเนน นี่มันแรงมากเลยนะ!! ยามาดะเองก็ไม่ใช่คนแบบนั้น....
มันอาจจะเป็นอุบัติเหตุก็ได้ นายเห็นหมอนั่นตอนทำหรอ? ชั้นว่านายอย่าไปว่ายามาดะเลยน่า....
ถ้าหมอนั่นทำจริงก็ไม่ใช่คนแล้ว” ยูโตะปลอบท่ามกลางสายตาสงสัยของคนในห้อง
“ถึงชั้นจะไม่เห็นตอนหมอนั่นทำ แต่ชั้นก็มั่นใจว่าเป็นมัน...แถมยามาดะเองยังยอมรับกับชั้นหน้าตาเฉย
ว่าเป็นคนทำเลยนะ” ชิเนนอ้อนวอนยูโตะทั้งน้ำตา
“เอาเถอะนะ ตอนนี้ทำใจให้สบายเดี๋ยวเราต้องซ้อมหนักกันแล้วนะ พอเถอะๆ” ร่างสูงพยายามปลอบ
ให้อีกฝ่ายหยุดร้องไห้ คนหน้าสวยเห็นว่ายูโตะยังไม่เชื่อในคำพูดของตนจึงยอมหยุดร้องไห้โดยดี
ถึงแม้ว่าในใจจะขุ่นเคืองแค่ไหนก็ตาม
ครืดดด....ยูมะกับริวทาโร่เปิดประตูเข้ามาในห้องพลางทักทายคนในห้องอย่างร่าเริง
ดวงตากลมของริวทาโร่เหลือบยูริกับยูโตะที่ยืนกอดกันอยู่มุมห้องอย่างขุ่นเคือง ตามมาด้วยไดกิ
ที่บังเอิญเจอกันที่หน้าตึกก็เลยเดินมาด้วยกัน
“เฮ้ๆ พวกนายน่ะ มาช้านะ มีของกินมาเป็นส่วยค่ามาสายหรือเปล่า?” น้ำเสียงกวนๆ และคำถามเดิมๆ
ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากฮิคารุ ทั้งสามคนที่เพิ่งมาใหม่มองหน้ากันอย่างมึนๆ ก่อนจะพร้อมใจเขวี้ยงกระเป๋าใส่รุ่นพี่
อย่างหมั่นไส้ ทำให้เกิดการจราจลย่อมๆ ภายในห้อง
“เลิกร้องไห้ได้แล้ว ริวทาโร่มาแล้วนะ หมอนั่นจ้องชั้นอย่างกับจะกินชั้นแล้ว” ยูโตะกระซิบ
เพราะชักจะเกรงๆ สายตาของน้องเล็ก เขาเองก็ไม่รู้ว่าที่หมอนั่นมองเขาเพราะว่าเขากำลังกอดชิเนนอยู่
หรือเพราะมองเพราะโกรธที่รู้ว่าเขาเป็นคนตบหน้ายามาดะเมื่อวานนี้
ร่างเล็กผละอ้อมกอดออกมาด้วยสีหน้าร่าเริงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเอาร่างสูงงงกับการเปลี่ยนอารมณ์
ราวนักแสดงมืออาชีพของชิเนน แต่ก็ไม่อยากจะคิดอะไรมากเกินไปกว่านี้จึงสร้างบรรยากาศร่าเริงให้กับทุกๆ คน
โดยการไปหลั่นล้าบ้าบออยู่กับฮิคารุ
“ริวทาโร่ยิ้มหน่อยสิ หน้าบึ้งเชียวนะ” หัวหน้าวงอย่างยาบุ โคตะใช้สองมือยืดแก้มน้องเล็กเต็มแรง
เพื่อให้อีกฝ่ายเลิกตีหน้าขรึมใส่คนอื่นๆ ซึ่งนั่นก็ได้ผล คนถูกยืดแก้มดิ้นพราดๆ พลางตีมือหัวหน้าวงเต็มแรง
“ทุกคนดูสิ ริวทาโร่ยิ้มแล้ว!!” ยาบุตะโกนโดยที่ยังไม่ยอมปล่อยมือออก หนุ่มน้อยโมริโมโตะน้ำตาเล็ด
พลางดิ้นสุดชีวิต ทุกคนได้แต่หัวเราะลั่น ทันทีที่ยาบุปล่อยมือ หนุ่มน้อยก็จัดการขึ้นเข่ากับหัวหน้าวงอย่างไม่เกรงใจทันที
“เอาเถอะ ในเมื่อทุกคนร่าเริงแล้วก็ซ้อมกันได้ โอ้สสส!!!!” ยาบุตะโกนรวมพล
หลังจากที่โดนเข่าริวทาโร่จนจุกเกือบพูดไม่ออก ทุกคนจึงเตรียมพร้อมที่จะซ้อมอย่างเต็มที่
ทำให้บรรยากาศการซ้อมในวันนี้เป็นไปอย่างบ้าระห่ำ ทั้งชิเนน ริวทาโร่ เคย์โตะที่ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน
ถึงซ้อมได้เมามันกว่าทุกที
ดวงตากลมของริวทาโร่เหลือบมองชิเนนแทบจะตลอดเวลาในขณะที่คนถูกจ้องมองเอาแต่หลบสายตาอีกฝ่าย
ตลอดเวลา เจ้าริวไม่รู้เลยว่าสายตาที่ตนจ้องมองชิเนนนั้น ทำให้ชิเนนรู้สึกใจเต้นมากขนาดไหน แต่ความคิดของริว
ไม่ได้คิดเฉกเช่นเดียวกับชิเนน เขากำลังสงสัยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นฝีมือของยูริ ชิเนนคนนี้
อย่างที่เขาคาดการณ์ไว้หรือไม่...
..................................................
ขอโทษที่ให้รอค่ะ
เผอิญช่วงนี้ยุ่งมากๆ เลย เวลานอนก็ไม่ค่อยจะพอ
ตอนนี้พยายามหาเวลาแต่งเรื่องนี้ให้จบก่อนไปเรียนต่อ
ลืมบอก....ไรท์เตอร์จะไปเรียนต่อที่แคนาดาในช่วงสิงหากันยานี้
เลยไม่อยากให้ฟิคนี้ติดค้างเอาไว้ เลยจะพยายามอัพบ่อยๆ ให้จบ
หรือถ้าไม่จบ ก็จะพยายามให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
เพราะอยู่ที่โน่นคงจะอัพได้ไม่บ่อยเท่าไร เวลาแต่งก็น้อยลง
เลยบอกไว้ล่วงหน้าก่อนเลย
เข้าเรื่องฟิคหน่อยนึง อะแฮ่มๆ
ตอนนี้แต่งเองก็แอบเคืองยูริอ่ะ ที่เล่าเรื่องวีรกรรมของยามะฝ่ายเดียว
ไม่ยอมบอกว่าตัวเองเป็นคนเริ่มก่อน ดีที่โตะรินยังไม่เชื่อ แต่โตะรินก็แอบหึงยามะ
ขนาดหน้ามืดไปจูบกะยูริ กรี๊ดกร๊าดดด (ได้ข่าวว่าแต่งเอง จะกรี๊ดไมฟะ???)
นั่นแหละๆ สปอยตอนหน้าเล็กน้อย
..................................
“รูปนี้คือนายใช่มั้ย?” ริวโนะสุเกะจิ้มรูปๆ หนึ่งที่ตีพิมพ์อยู่บนหน้ากระดาษนั้น มันเป็นรูปของผม
ที่กำลังจูบยูโตะเมื่อสองวันก่อน ดูจากภาพแล้วเหมือนว่าถ่ายจากบนอาคารเรียนแสดงว่าคนถ่าย
ต้องเป็นนักเรียนโรงเรียนนี้ไม่ผิดแน่ แต่รูปมันดูราวกับว่าใช้มุมกล้องเอาเลยดูเหมือนจูบกัน
ถึงแม้ว่าวันนั้นผมกับยูโตะจะจูบจริงก็เถอะนะ แต่ทว่าข้างล่างรูปนั่นก็ยังมีรูปที่ถ่ายจากด้านข้าง
เห็นใบหน้าของผมกับยูโตะชัดเจน
“พวกนาย....ทำไมถึงได้มีรูปพวกนี้ออกมาได้ห๊ะ? รู้มั้ยว่ามันเสื่อมเสียแค่ไหน?”
“เรื่องที่นายสองคนคบกันน่ะ คิดว่าชั้นไม่รู้หรอกหรอ?”
ตายแน่ๆ ยามาดะเอ้ย ทั้งพ่อแม่ ผู้จัดการ เจ้าของค่ายชำแหละแกแน่ๆ ยามะจัง!!
ความคิดเห็น