คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : คนน่าสมเพชกับที่ปรึกษา
บรรดาเด็กนักเรียนพากันเดินว่อนทั่วทั้งโรงเรียนจนโถงทางเดินแทบจะไม่มีที่ให้เดิน เสียงเพลงและเสียงคุยกัน
ของเหล่านักเรียนทำให้ผมยิ่งรู้สึกเวียนหัวเข้าไปใหญ่ ริวโนะสุเกะรีบลากผมให้ออกมานอกตึกที่แสนวุ่นวาย
เราสองคนเดินมาหลบอยู่ที่สวนหลังโรงเรียนที่เงียบสงบเพื่อหาที่ๆ เหมาะแก่การทานมื้อกลางวันอันแสนอร่อย
วันนี้มีงานนิทรรศการโรงเรียนครั้งใหญ่ในรอบปี นักเรียนทุกคนต้องทำกิจกรรมตามซุ้มต่างๆ
และคิดคอนเซปต์ของแต่ละซุ้ม เมื่ออาทิตย์ก่อนผมกับริวโนะสุเกะเลือกที่จะทำงานเบื้องหลังโดยการออกแบบและทาสี
ซุ้มขายน้ำผลไม้ประจำห้อง ด้วยความสามารถทางศิลปะของริวโนะสุเกะกับความรั่วในการทาสีของผม ทำให้ซุ้มออกมาดูดีทีเดียว
เพราะอย่างงี้ผมกับริวโนะสุเกะจึงไม่จำเป็นต้องอยู่เฝ้าซุ้มของห้อง เราสองคนก็เลยว่างตลอดวันจึงมาหาที่ๆ เงียบสงบเพื่อหลบหลีกความวุ่นวายและส่วนตัวผมเองก็กำลังหาที่หนีใจตัวเองเช่นกัน
แน่นอนว่างานโรงเรียนที่ใหญ่ขนาดนี้ ย่อมมีสเตจย่อมๆ ให้กับดาราศิลปินหลายแขนงมารวมตัวกันเป็นประจำทุกปี
แล้วมีหรือที่จั๊มพ์จะไม่ได้รับเชิญมาร่วมสเตจในครั้งนี้ ปีก่อนๆ ผมก็เคยมาขึ้นไลฟ์ที่นี่แทบจะทุกปีแต่ก็ไม่เคยคิดหรอกว่าจะได้ย้ายมาเรียนที่นี่แล้วก็มานั่งหลบหนีความเป็นจริงที่ผมรับไม่ได้แบบนี้
ตั้งแต่เช้าแล้วที่ผมเห็นเหล่าจั๊มพ์กำลังเตรียมตัวกันอย่างตื่นเต้นสนุกสนานอยู่ที่ห้องพักที่จัดไว้ให้
ซึ่งดันมาติดกับห้องเรียนของผม ผมเองกะว่าจะเข้าไปทักไดกิแต่ว่าชิเนนมาขวางไว้ ผมเลยรีบลากริวโนะสุเกะออกมา
ให้ออกห่างจากบริเวณนั้น ผมรู้สึกเจ็บที่ได้มองเข้าไปท่ามกลางกลุ่มจั๊มพ์ซึ่งนั่นเป็นที่ๆ ผมเคยอยู่
และการที่ไม่ได้มีผมอยู่ตรงนั้นก็ไม่ได้ทำให้จั๊มพ์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง กลับดีขึ้นๆ ดีมากกว่าตอนที่มีผมอยู่ด้วยซ้ำ
“ยามะจัง....นายคงเจ็บสินะ” จู่ๆ ริวโนะสุเกะที่กำลังคีบไส้กรอกทอดอันเล็กเข้าปากก็เปรยขึ้น
ผมที่นั่งพิงต้นหลิวอยู่บนพื้นหญ้าหันไปมองเพื่อนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างประหลาดใจ
“หืม?” “เป็นชั้น...ชั้นก็ทำอะไรไม่ถูกหรอก แต่ไม่เป็นไรนะ ชั้นจะอยู่เป็นเพื่อนนายเอง”
เสียงของริวโนะสุเกะพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง ผมยิ้มรับความหวังดีนั้นอย่างอบอุ่นใจ
“ขอบใจนะ ชั้นเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหนีพวกนั้นมาทำไม แต่ถ้าเลือกที่จะเผชิญหน้า...ชั้นนี่แหละที่จะเจ็บเสียเอง”
ผมตอบกลับไปโดยที่ไม่ทันรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป รู้แต่ว่านั่นเป็นความรู้สึกของผมจริงๆ ที่ได้เผยออกไป
“นายนี่น้า....จะคิดถึงเรื่องเก่าๆ แบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน”
เสียงของบุคคลที่สามทำให้ผมกับริวโนะสุเกะหันขวับไปมองเจ้าตัว ที่ยืนหลบมุมอยู่ไม่ห่างออกไปเท่าไรนัก
“ซานาดะ ยูมะ...แอบฟังคนอื่นมันเสียมารยาทนะ” ริวโนะสุเกะโวยลั่น คนถูกโวยได้แต่ยิ้มก่อนจะเดินมาร่วมวงด้วย
“ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าในจั๊มพ์มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่เรื่องของนายเป็นประเด็นมากเลยนะสำหรับเด็กจอห์นนี่
ชั้นไม่เห็นด้วยถ้านายจะมานั่งเจ็บช้ำทั้งๆ ที่เรื่องมันผ่านมานมนานแล้ว” ยูมะเปรย
“ชะ...ชั้น...” ผมอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก มันก็ถูกอย่างที่ยูมะว่า ผมไม่ควรเก็บเรื่องพวกนี้มาคิดอีก
แต่ไม่ว่าผมพยายามเท่าไร เรื่องนี้ก็ไม่เคยเลือนหายไปได้เลย
“พวกนั้นไม่เห็นหัวนายแล้วนะเรียวสุเกะ เวลาชั้นถามถึงนาย..พวกนั้นก็ไม่ตอบชั้นเลย
ชั้นว่านายพอเถอะ...มันน่าสมเพช” “นี่หยุดเถอะยูมะ อย่ามาพูดตอกย้ำให้ยามะจังรู้สึกแย่หน่อยได้มั้ย?”
ริวโนะสุเกะขัด ผมที่นั่งน้ำตาคลอต้องเป็นชะงักเมื่อเห็นทั้งสองคนเริ่มจ้องหน้ากันเขม็ง
“โอเคๆ ชั้นเข้าใจว่าพวกนายเป็นห่วงชั้น ชั้นจะพยายามลืมนะ”
ผมยิ้มออกไปเพื่อสร้างบรรยากาศไม่ให้ตึงเครียดมากขึ้น ยูมะจึงเดินจากไปอย่างนิ่งเฉย ริวโนะสุเกะเองก็ก้มหน้าก้มตากินต่อ
ตลอดการทานเบนโตะของผม ริวโนะสุเกะพยายามชวนผมคุยเรื่องตลกๆ เพื่อหวังให้ผมหายคิดมากไปมากกว่านี้
ผมนึกขอบคุณริวโนะสุเกะที่คอยอยู่เคียงข้างผม และก็ขอบคุณยูมะด้วยที่ทำให้ผมคิดได้ ผมตั้งใจไว้แล้วล่ะ..
ว่าผมจะลืมเรื่องราวร้ายๆ นั่นให้ได้!!
“เอ่อ...ยามะจัง?” เสียงๆ หนึ่งขัดจังหวะการกินของผม ผมหันไปมองอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
ที่เนื้อทอดสอดไส้ชีสที่กำลังจะเข้าปากผมเป็นอันต้องชะงักไป ทำไมนะ..มีแต่คนขัดเรื่อยเลยแฮะ
“นากายามะคุง...มีอะไรหรอ?” ผมละตะเกียบอย่างเสียดายก่อนจะหันมาหาเจ้าตัวที่ยืนทำหน้าหงอยๆ ผิดปกติ
ราวกับมีเรื่องอะไรในใจ สีหน้าของเขาตอนนี้เหมือนกับสีหน้าของเขาในเรื่องแวมไพร์บอย ตอนที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตายไม่มีผิด
“คือว่าชั้นมีเรื่องจะปรึกษานายแน่ะ” ยูมะเอ่ย ริวโนะสุเกะจึงเอ่ยชวนยูมะให้นั่งลงก่อนที่จะเริ่มเป็นที่ปรึกษาให้กับยูมะ
สิ่งที่ยูมะมาปรึกษาผมก็คือเรื่องของยูริไม่ผิดแน่ผมเดิมพนันด้วยเนื้อทอดชิ้นนี้ของผมเลย ทำไมน่ะหรอ?
ก็เพราะว่ายูมะชอบชิเนนน่ะสิ!
เมื่อวันวาเลนไทน์ปีก่อนผมจำได้ว่าผมช็อกสุดขีดที่ถูกยูมะสารภาพรักและให้ช่อดอกไม้
นั่นทำให้วันนั้นทั้งวันยูโตะไม่ค่อยคุยกับผมจนผมต้องไปตามง้อ หลังจากวันนั้นยูมะเองพยายามเข้ามาตีสนิทใกล้ชิดกับผม
แต่ก็ต้องพ่ายแพ้กลับไปทุกครั้งเพราะมีสายตาจิกโหดโคตรเหี้ยมไร้พ่ายของยูโตะคอยจับจ้องทุกคนที่เข้าใกล้ผมโดยเฉพาะยูมะ
เลยทำให้เจ้าตัวรู้ว่าผมกับยูโตะคบกัน ยูมะจึงถอยห่างออกไปถึงแม้ว่าทางค่ายจะจับให้ผม ยูมะและชิเนนเข้ามารวมเป็นยูนิตเดียวกัน
ซึ่งสร้างความขุ่นเคืองให้กับยูโตะมากก็เถอะ ยูมะเองก็พยายามวางตัวเป็นแค่เพื่อนจนในที่สุดเขาก็เลิกชอบผม
แต่ดันไปชอบคนปากร้ายอย่างยูริเข้า อดีตเพื่อนอย่างผมจึงทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้ยูมะไปโดยปริยาย
ซึ่งยูริเองก็รู้ตัวว่ายูมะชอบตัวเองแต่ก็หยิ่ง เล่นตัวไม่เข้าเรื่อง คงรู้ว่าผมเป็นที่ปรึกษาให้ละมั้งถึงได้ตีตัวปฏิเสธยูมะซะขนาดนั้น
หลังที่การปรึกษาปัญาหาหัวใจจบลง ยูมะเองก็มีสีหน้าที่แจ่มใสขึ้นมากทำให้ผมรู้สึกดีไปไม่น้อยกว่าเจ้าตัวเลย
ริวโนะสุเกะเองก็ยินดีที่เห็นผมกับยูมะยิ้มได้อย่างร่าเริงแต่ผมยิ้มออกได้ไม่นานนักเมื่อเหลือบไปเห็นเนื้อทอดสอดไส้ชีสของผม
เต็มไปด้วยมดสีดำเกาะกันขยุกขยุย
“อ้ากกกกกกกกกกกก..........เนื้อทอดของช้านนนน” เสียงผมโวยวายดังไปลั่นทุ่ง
ริวโนะสุเกะกับนากายามะหน้าเหวอไปชั่วขณะ ยูมะถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อนิ้วเรียวของผมชี้ไปที่หน้าของเขา
“เพราะนาย..ยูมะ เอาเนื้อทอดของชั้นคืนม๊า~”
ผมกระชากคอเสื้อพลางเขย่าร่างโปร่งนั่นจนสั่นเป็นเจ้าเข้ายิ่งกว่าแผ่นดินไหวแปดริกเตอร์
“อะไรของนายห๊ะ? ยาม้าจัง...” เสียงทุ้มหล่อๆ ของคนถูกเขย่าร่างดังขึ้น
ทำเอาผมแทบจะร้องกร๊าซเป็นก็อดซิลล่าในอุลตร้าแมนแม็กซ์
“ชั้นชื่อยามะจัง!! ไม่ใช่ยาม้าจัง ไอ้บ้ายูมะ!!” เสียงว้ากอันเป็นมลภาวะทางเสียงของผม
ทำให้ยูมะและริวโนะสุเกะหัวเราะคิกคักราวกับกำลังดูหนังตลกยังไงยังงั้น
“ก็แรงนายเยอะยังกับกินยาม้าเข้าไปทั้งลังแน่ะ” หนุ่มน้อยผู้รับบทแวมไพร์ผู้อ่อนแอแย้งขึ้นมาอย่างกวนๆ
โดยไม่สนใจชุดยูนิฟอร์มของตัวเองว่าจะถูกผมขยำจนยับเยินขนาดไหน
“กร๊าซซซซซซซซซซซซ....” ผมเริ่มกลายร่างเป็นก็อดซิลล่าขึ้นมาจริงๆ เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายก็ดันรู้ตัว
รีบวิ่งชิ่งหนีหายไปในมุมตึกเสียแล้ว ทิ้งให้หนุ่มน้อยก็อดซิลล่า(?) อย่างผมอยู่กับนักสืบน้อยจากคิวคลาสเพียงลำพัง
“ชั้นว่านายเอาไปทิ้งเถอะยามะจัง มากินกับชั้นก็ได้” ริวโนะสุเกะปลอบใจผมพลางตบไหล่เบาๆ
ทำเอาหนุ่มน้อยที่แสนร้อนแรงไปด้วยอารมณ์โกรธอย่างผมต้องชะงักไป
“แต่ว่าริวโนะ....มันเป็นอภิมหาสุดยอดสุโค่ยของกินที่ชั้นโปรดปรานเลยนะ T^T”
ผมถือเบนโตะขึ้นมาพลางจ้องสายตาอ้อนวอนคุณมดทั้งหลายที่เกาะกินอยู่บนเนื้อทอดอย่างเอร็ดอร่อย
ได้โปรด...นั่นเนื้อทอดของผมน้า~
“เถอะนะ ยามะจัง^__^ คิดซะว่าเลี้ยงข้าวคุณมดมื้อนึงละกัน”
คำปลอบจากเพื่อนรักของผมไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย ยามาดะคนนี้จึงกล้ำกลืนฝืนใจถือเบนโตะออกมา
จากที่ตรงนั้นแล้วหาที่ทิ้ง
ผมเดินมาจนถึงห้องน้ำหลังโรงเรียนซึ่งเป็นอาคารเล็กๆ แยกออกมาจากตัวตึกอีกทีหนึ่ง
ข้างๆ ห้องน้ำนั่นมีถังขยะวางเรียงเป็นตับราวกับกำลังรอให้ผมเข้าไปเลือกทิ้งให้ถูกถัง ทิ้งไม่ถูกโดนจับ โดนปรับคุมประพฤติ
(เหมือนสโลแกนเมาแล้วขับยังไงไม่รุ้แฮะ - คนแต่ง) แต่ทว่าหูของผมก็แว่วได้ยินเสียงๆ หนึ่งดังมาจากห้องน้ำ
“อื้มมม~ ชิเนน...”
“ยูโตะ...”
เสียงหัวใจผมเต้นตึกตักอย่างระทึกด้วยความตื่นเต้น ในสมองผมคิดไปต่างๆ นานาถึงเจ้าของเสียงสองคน
ที่กำลังทำซัมติงกันอยู่ในห้องน้ำ ถึงแม้ผมจะไม่อยากเห็นภาพแต่เท้ามันก็ก้าวไปเสียแล้ว
...........................
ค้างชิมิล่ะ???
ฮ่าๆ ขอโทษที่ให้รอนานจ้ะ จริงๆ อยากอัพให้ยาวกว่านี้เพราะตอนไคลแม็กซ์อยู่ในตอนถัดไปนี่เอง
ก็เอาเท่านี้ไปก่อนละกันนะ ข้าพเจ้ายังไม่ได้อัพฟิคเกาหลีอย่างที่ได้สั่งเสียไปเลย
โฮกกกก......ชีช้ำ
ตอนที่แต่งตอนนี้รู้สึกเครียดมาก กดดันมากจากชีวิตและผู้คนรอบข้าง เลยกะว่าจะแต่งฉากบีบจิตที่เจ็บปวดสุดๆ
กลับกลายเป็นว่าได้ฉากตลกโปกฮาของยามะกับยูมะซะยังงั้น -*- อนาถจิตจริงๆ
เดี๋ยววันที่ 28 นี้จะอัพฟิค(อาจจะเป็นตอนพิเศษ)เพื่อฉลองวันเกิดให้ตัวเองนะคะ
ปีนี้ข้าพเจ้าอายุสิบแปดแล้ว แท่นแท๊นนน~ แปะๆๆๆ<<เสียงปรบมือ
รอติดตามตอนต่อไป....
... N eL’ L
ความคิดเห็น