คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความทรงจำที่แสนเศร้า
ร่างอวบสาวเท้าเดินไปตามทางเท้าริมถนนใหญ่สายหนึ่ง การจราจรวุ่นวายรถติดกันเป็นจำนวนมาก
นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาของเช้าวันจันทร์ที่ทุกคนต่างเร่งรีบไปทำงานแบบนี้ เด็กนักเรียนในชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียน
แบบเดียวกันเดินสวนทางผ่านเขาไปจำนวนมากแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกผิดแปลกแต่อย่างใดเพราะตัวเขาเองกำลังเดินไป
ทางประตูโรงเรียนตามหน้าที่ ส่วนเด็กคนอื่นที่มาร.ร.เช้าแต่ไม่ยอมเข้าโรงเรียนก็พากันแวะซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ
เพื่อซื้อขนมกินกันเป็นเรื่องปกติ
ทันทีที่ผมเดินก้าวเข้ามาในโรงเรียน ก็พบกับร่างของอาจารย์วัยกลางคนตัดผมสั้นทรงบ๊อบเทจ้องมองผม
ด้วยสายตานิ่งเฉยก่อนจะหลุดยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
“อรุณสวัสดิ์ยามาดะคุง มาเช้าตามเคยนะ” เสียงแหบๆ ของเซนเซกล่าวทักทาย
ผมจำใจหันไปทักทายกลับเป็นมารยาท
“แต่เซนเซก็มาเช้ากว่าผมนะ ผมไปละครับ ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย” ผมรีบตัดบทก่อนจะตรงดื่งไปยังโรงอาหาร
อากาศเย็นๆ ยามเช้าทำให้ผมรู้สึกดีกับการมาโรงเรียนตอนเช้ามาก แต่มันแย่ตรงที่ตึกเรียนจะเปิดตอนเจ็ดโมงเช้า
เพราะฉะนั้นผมก็ต้องกินข้าวเช้ารอจนกว่าตึกจะเปิด
ทุกฝีก้าวระหว่างที่ผมเดินไปซื้อข้าวในโรงอาหารในช่วงเช้าที่คนน้อยนั้นเป็นที่สะดุดตาอย่างมาก
อาจเป็นเพราะใบหน้าของผมที่ไม่ค่อยจะยิ้มแย้มนอกจากว่าจะอยู่กับเพื่อนฝูง ตอนเช้าแบบนี้อาหารในโรงอาหารมีให้เลือกไม่มากนัก
ร้านสปาเก็ตตี้ที่ผมตั้งใจว่าจะมากินสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าก็ยังไม่เปิด ทำให้ความตั้งใจของผมต้องยุติลง
ผมเลือกแฮมเบอร์เกอร์เป็นอาหารเช้าของผมแทนถึงแม้ว่าอารมณ์ของผมตอนนี้จะไม่อยากทานอะไรเลยก็ตาม
แต่ถ้าไม่กินละก็คงเรียนไม่รู้เรื่องทั้งวันแน่ๆ อ้ะ ลืมแนะนำตัวไปเลย ผมยามาดะ เรียวสุเกะ เรียนอยู่ไฮสคูลปีสอง
ที่โรงเรียนเซนต์โนบาระแห่งนี้ครับ
ระหว่างที่ผมกำลังนั่งตั้งหน้าตั้งตากัดแฮมเบอร์เกอร์ในมืออยู่นั้น ผมก็ฉุกคิดได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของผม
นี่ผมลืมวันเกิดตัวเองงั้นหรอเนี่ย? คิดได้ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาดูวันที่เพื่อความแน่ใจก่อนจะกดดูข้อความเก่าๆ
ที่มีคนส่งมาให้ตั้งแต่วันเกิดของผมปีที่แล้ว
Happy Birthday ยามะจังที่รัก
ขอให้มีความสุขมากๆ นะ และขอให้รักชั้นคนนี้มากๆ มากขึ้นไปเรื่อยๆ นะ หมูน้อย เอ้ย แมวน้อยของหมา
ยูโตะ
น้ำตาของผมกำลังจะไหลทันทีที่ได้อ่านข้อความนี้ มันเป็นข้อความของแฟนเก่าของผมเอง นากาจิม่า ยูโตะ
คนที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต ในตอนที่คบกันมันมักจะเรียกผมว่าแมวน้อยเพราะว่าผมชอบอ้อนมันมากๆ แถมเอาใจยากเหมือนแมว
ผมเองก็เรียกมันว่าหมาเพราะมันเป็นคนที่กวนเอามากๆ แต่หมอนั่นก็ซื่อสัตย์กับผมเสมอในช่วงแรกๆ ที่คบกัน
เมื่อวันเกิดปีที่แล้ว ผมยังมียูโตะที่คอยอวยพร คอยให้กำลังใจ แต่ทำไมปีนี้ผมไม่ได้รับเมสเซจเลยสักฉบับ
คนรอบข้างไม่ได้พูดถึงวันเกิดของผมเลย ระยะเวลาแค่ปีเดียวเอง ทำไมทุกอย่างถึงได้เปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้?
“ยามะจัง? มานานแล้วหรอ?” เสียงๆ หนึ่งทำให้ผมรู้สึกตัว
ผมรีบเก็บมือถือก่อนจะเงยหน้ามองอีกคนที่มายืนตรงหน้าผมเมื่อไรก็ไม่รู้
“ริวโนะสุเกะ? เอ่อ...นายกินอะไรมาหรือยัง?” ผมกลืนน้ำลายอย่างกล้ำกลืนก่อนจะถามอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง
ตามประสาเพื่อนสนิท ริวโนะสุเกะคนนี้ล่ะ เพื่อนสนิทในชั้นเรียนของผม
“ชั้นห่อเบนโตะมาด้วยล่ะ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างพลางชู่ห่อเบนโตะสีเขียวสดใสให้ผมดู
“ขึ้นห้องกันเถอะยามะจัง ตึกเปิดแล้วนะ”
ผมพยักหน้าแล้วหิ้วกระเป๋านักเรียนตามริวโนะสุเกะไปอย่างว่าง่าย ห้องเรียนของเราอยู่ที่ชั้นสามกว่าจะเดินขึ้นไปถึง
แฮมเบอร์เกอร์ในพุงคงจะย่อยหมดพอดี ผมกับเรียวโนะสุเกะนั่งโต๊ะติดกัน เราสองคนจัดแจงวางกระเป๋าก่อนที่ผม
จะเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมเย็นๆ ให้หายเหนื่อย
“ยามะจัง...” เสียงเรียกของเพื่อนรักทำให้ผมหันขวับ ผมเห็นริวโนะสุเกะยิ้มให้ผม
ในขณะที่มือก็แกะห่อผ้าที่คลุมเบนโตะออก
“สุขสันต์วันเกิดนะ...” คำพูดของเขาทำให้ผมยิ้มออก ดีจังที่เขาจำวันเกิดผมได้
“โทษทีนะ ชั้นไม่รู้จะซื้ออะไรให้นายดีน่ะ”
“ไม่ต้องมาอ้างเลย ชั้นรู้หรอกน่ะว่านายน่ะ..งกขนาดไหน” ผมพูดไปหัวเราะไป
มีใครบ้างที่ไม่รู้กิตติศัพท์ของความงกของริวโนะสุเกะผู้นี้ เจ้าตัวก็รู้ดีแถมไม่ชอบให้ใครมาหาว่าตัวเองงกอีกด้วย
“ชั้นเปล่านะ...เขาเรียกว่ารู้จักใช้เงินต่างหากล่ะ” ริวโนะสุเกะเถียงหัวชนฝา ผมได้แต่ยืนหัวเราะก่อนจะแหย่
หมอนั่นด้วยคำพูดต่างๆ นานา เพื่อนในห้องก็ทยอยมาถึงแล้วก็นั่งกินเบนโตะกันอย่างสบายอารมณ์ บางคนก็นั่งลอกการบ้านกันอย่างเมามัน
จู่ๆ มือถือของผมก็สั่นตอนที่ผมกำลังจะลงไปเตรียมเข้าแถวเพื่อเข้าร่วมการปฐมนิเทศน์
ผมค่อนข้างแปลกใจที่เห็นชื่อของคนที่โทรมา
“ริวทาโร่?”
“ยามาดะ นายอยู่บนห้องเรียนหรือเปล่า?” เสียงอีกฝ่ายถามผม
“อื้ม ทำไมหรอ?”
“อยู่บนห้องนะ อย่าเพิ่งไปไหนนะ” ทันทีที่พูดจบหมอนั่นก็วางสายไป ผมเกาหัวแกรกๆ อย่างงงๆ
ก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนคนอื่นๆ
“ยามาดะ....” เสียงๆ หนึ่งทำให้ผมและเพื่อนๆ ในห้องหันขวับไปที่ประตูห้อง ผมเห็นริวทาโร่กับชินทาโร่
ยืนอยู่ตรงนั้น ในมือของริวทาโร่ถือเค้กช็อกโกแลตขนาดพอดีมือที่จุดเทียนสว่างไสวอยู่ ชินทาโร่เองก็ถือกล่องช็อกโกแลตยี่ห้อโปรดของผมอยู่ด้วย
“Happy Birthday to you
.” ริวทาโร่และชินทาโร่ร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ผม
เพื่อนๆ ในห้องจึงร่วมร้องด้วย ผมรู้สึกตื่นเต้นและค่อนข้างเขิน ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเจอเซอร์ไพรส์วันเกิดแบบนี้แล้ว
ยิ่งเป็นริวทาโร่ที่เป็นคนเซอร์ไพรส์แล้ว ยิ่งตอกย้ำคำร่ำลือของเพื่อนร่วมห้องของผม ที่คิดว่าผมกับริวทาโร่คบกัน
นั่นเป็นเพราะผมกับหมอนี่สนิทกันมากในช่วงหลังๆ และหมอนั่นมักจะมากินข้าวเช้ากับผมที่โรงอาหารและมารับผมที่ห้องตอนเย็นทุกวัน ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
ผมเป่าเทียนนั่นท่ามกลางเสียงเฮของทุกคน ชินทาโร่ยื่นช็อกโกแลตนั่นให้ผม ผมรับมันมาพร้อมกับเค้กช็อกโกแลตจากริวทาโร่
“นึกว่ามีอะไร ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง” ผมพูดไปขำไป
“โห ยามะเซมไป กว่าจะประคองเค้กขึ้นมาชั้นสามได้มันเหนื่อยนะครับ” ชินทาโร่ รุ่นน้องที่อยู่ชั้นม.ต้น
น้องชายของริวทาโร่ที่อยู่ไฮสคูลปีหนึ่งบ่นขึ้น
“ขอบคุณมาก เดี๋ยวชั้นต้องรีบเข้าห้องปฐมนิเทศน์แล้ว พวกนายก็ได้เวลาเรียนแล้วนะ”
“อื้ม ไปล่ะ เย็นนี้จะรอที่เดิมนะ” ริวทาโร่ทิ้งท้ายก่อนจะลากชินทาโร่วิ่งออกไป ผมรีบหันกลับมายัดเค้กในมือใส่ลิ้นชักใต้โต๊ะไว้
กะว่าจะเก็บไว้กินระหว่างคาบ โชคดีที่ขนาดเค้กมันพอดีกับขนาดลิ้นชักของผม
ระหว่างการปฐมนิเทศน์นั้น ผมเหม่อลอยนึกถึงไดกิ รุ่นพี่ที่ผมสนิทมากๆ เสมือนเพื่อนคนนึง
ฉับพลันมันก็ทำให้ผมนึกถึงยูโตะด้วยเพราะว่าสองคนนี้อยู่ในวงจั๊มพ์เหมือนกัน ความรู้สึกคิดถึง โหยหาและเจ็บปวดถาโถมเข้ามาทันทีที่ผมนึกถึงยูโตะ
เพราะอดีตของผมกับยูโตะนั้นมีเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์มากมายที่ผมไม่อาจลืมได้เลย
“ชั้นคิดว่านายทำตัวเรียกร้องความสนใจมากเกินไปนะ ยามะจัง” เสียงแหลมเล็กของยูริดังขึ้น
ระหว่างการประชุมวงหลังจากขึ้นไลฟ์ที่รายการโชเนนคลับ ผมมองหน้ายูริอย่างประหลาดใจ
“ชั้นรู้หรอกว่านายน่ะเลิกกับยูโตะแล้ว แต่ว่าอย่ามาทำซึมเศร้าตอนที่อยู่กับวงได้มั้ย?
โดยเฉพาะเวลาที่ยูโตะอยู่ด้วย ตอนที่ยูโตะไม่อยู่ นายก็ร่าเริงดีนี่ แล้วพอยูโตะมาทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ?”
คนตัวเล็กยังพูดไม่จบ ร่ายยาวเสียจนผมพูดอะไรไม่ออก สายตาทุกคนจับจ้องมาที่ผมกับยูริ
ผมรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก ผมรู้ดีว่าผมทำตัวซึมเศร้าลงไปมาก ไม่สมกับที่ต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้า
ในการคุมวงเรื่องการเต้น ที่ผ่านมาผมไม่ได้ทำหน้าที่นี้เลยตั้งแต่เลิกกับยูโตะ ผมรู้สึกเจ็บที่ต้องเห็นหน้าหมอนั่นทุกวัน
จนผมเลือกที่จะอยู่เงียบๆ แต่นี่ทุกคนคิดว่าผมเรียกร้องความสนใจงั้นหรอกหรอ?
“นายไปคุยกับยูโตะให้เคลียร์เถอะ ไปเดี๋ยวนี้เลย” ยูริบงการ ยูโตะจึงเดินมาลากข้อมือผมไปที่มุมห้อง
ท่ามกลางสายตาจั๊มพ์ทุกคน ผมรู้สึกอึดอัดมากจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว
“ยามะจัง...ชั้นว่าเราก็คุยกันเข้าใจแล้วนะ ทุกอย่างมันจบไปแล้ว” ยูโตะเปิดประเด็น ผมนึกเถียงในใจ
แต่ไม่กล้าพูดออกไป ผมจำได้ว่าวันที่มันบอกเลิกผมนั้น มันโทรมาหาผมแล้วพูดเชิงประมาณว่าเราเป็นเพื่อนกันได้มั้ย?
แต่น้ำเสียงมันดูเหมือนพูดเล่นเสียจนผมไม่รู้ตัวว่ามันบอกเลิกผมตอนไหน มารู้อีกทีก็ตอนที่ผมโทรหามัน
แล้วมันทำเสียงรำคาญใส่ผมแล้วสั่งไม่ให้ผมโทรไปหามันอีก แถมมันไม่ได้บอกเหตุผลใดๆ ให้ผมเข้าใจเลยสักนิด
“เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นี่ ไม่เห็นจะต้องทำแบบนี้เลยนี่นา ยังไงเราก็วงเดียวกันนะ” ยูโตะพูดพลางโอบไหล่ผม
ผมดูท่าทางมันก็พอรู้ว่ามันไม่เต็มใจจะทำแบบนี้แต่เพื่อกลบเกลื่อนสายตาของคนในวงมันคงจำเป็นต้องทำ
ผมเองพูดไม่ออกจริงๆ นะ ผมเจ็บปวดที่เลิกกับยูโตะแล้วมาเจอยูริกับคนในวงทำแบบนี้กับผมอีก
วันนี้ผมไม่ได้ออกร้องในท่อนตัวเองตั้งหลายท่อนเนื่องจากว่าทุกคนคิดว่าผมเต้นแย่ลงเพราะยูโตะเลยยกท่อนร้องของผมให้อิโนะคุง
โดยที่ไม่บอกผมสักคำ มาบอกตอนอีกห้านาทีกำลังจะขึ้นแสดง ผมก็เสียความรู้สึกมาพอแล้ว
ถึงแม้ว่าอิโนะจะมาก้มหัวขอโทษขอโพยผมอยู่ยกใหญ่แถมยูโตะยังมาทำตัวสร้างภาพเหมือนตัวเองไม่ผิด
มันทำให้ผมอยากจะร้องไห้เป็นที่สุด
“โอเค....ชั้นเข้าใจแล้วยูโตะ มันจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก” ผมรับคำทั้งๆ ที่ผมไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง
แล้วเดินออกมาทำเป็นเหมือนว่าเราเคลียร์ทุกอย่างเข้าใจกันดีแล้ว การประชุมวงก็ดำเนินต่อโดยที่คนในวงมองผมด้วยสายตาที่แปลกไป
พอจบการประชุมทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ไดกิชวนให้ผมกลับบ้านด้วยกันเพราะว่าบ้านเราสองคนไปทางเดียวกัน
แต่ยาบุบอกว่าให้ขึ้นรถตู้ของวงไป โดยจะแบ่งออกเป็นสองคัน แยกกันตามเส้นทางบ้านของสมาชิกในวง
โชคดีที่ผมกับยูโตะได้ไปคนละคันกันไม่งั้นผมคงรู้สึกอึดอัดน่าดู
ด้วยความที่ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลยมาตั้งแต่กลางวันจึงขออนุญาตยาบุคุงที่เตรียมขึ้นโชว์
ร่วมกับเด็กจอห์นนี่ในช่วงปิดรายการไปทานราเมนแถวๆ สตูดิโอ เพราะผมกับไดกิต้องกลับรถตู้คันเดียวกับยาบุคุง
ทันทีที่ได้รับอนุญาตผมรีบลากไดกิไปกินราเมนเป็นเพื่อนผม ไดกิซักถามผมเรื่องยูโตะมากพอควร
เพราะไดกิเป็นคนกลางที่ทำให้ผมกับยูโตะได้เจอกัน ไดกิเองสนิทกับผมมากและเชื่อมั่นในตัวผม
ว่าผมไม่ได้เป็นอย่างที่ยูริพูด ผมเองได้ระบายอารมณ์กับไดกิและได้ฟังความคิดของยูโตะที่เจ้าตัวเล่าให้ไดกิฟัง
ยิ่งตอกย้ำผมเข้าไปอีกว่าผมน่ะเป็นคนทำให้ยูโตะเปลี่ยนใจไปจากผมเองสินะ
หลังจากเสร็จทุกอย่างเรียบร้อย ผมก็ขึ้นรถตู้กลับบ้านกับยาบุคุง ไดกิ เคย์โตะ ฮิคารุและยูยะ
ผมนั่งอยู่เบาะท้ายเพียงคนเดียว ผมจำได้ว่าตลอดทางนั้นน้ำตาของผมไหลไม่หยุด แต่คงไม่มีใครสังเกตเห็น
คืนนั้นทั้งคืนผมนั่งร้องไห้ตลอดคืน คิดซ้ำไปซ้ำมาเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดจนผมตัดสินใจโทรไปคุยกับผู้จัดการของจั๊มพ์
ว่าผมจะทำเรื่องขอออกจากจั๊มพ์ หากทางผู้ใหญ่โกรธมากจะไล่ผมออกจากค่าย ผมก็ยินดีเพราะหากผมต้องทนกดดัน
และเจ็บปวดอยู่กับจั๊มพ์ ผมคงต้องกลายเป็นตัวปัญหาของวงอีกแน่
ทันทีที่ผู้ใหญ่อนุมัติ ผมรีบทำเรื่องขอย้ายโรงเรียนทันทีแม้ทางผู้ใหญ่จะไม่ยอมแต่ก็ไม่อาจห้ามผมได้
ลุงจอห์นยอมให้ผมออกจากจั๊มพ์แต่ยังคงอยู่ในสังกัดของค่ายต่อ ในที่สุดผมก็ได้ย้ายโรงเรียนมาอยู่ที่เซนต์โนะบาระ
ซึ่งเป็นอีกโรงเรียนหนึ่งในสังกัดค่าย ผมจึงได้มาเจอกับริวโนะสุเกะ ริวทาโร่และชินทาโร่
และทันทีที่ข่าวการลาออกจากจั๊มพ์ของผมประกาศออกมาอย่างเป็นทางการโดยที่สมาชิกจั๊มพ์
ไม่มีใครรู้มาก่อนยกเว้นไดกิที่ผมโทรบอกเขาคนแรก ต่างก็โกรธผมหัวฟัดหัวเหวี่ยงยกเว้นไดกิกับอิโนะคุง
ผมรู้สึกแย่มากๆ ที่ตัดสินใจจากมาและก็แย่มากที่อยากจะกลับไป สมาชิกจั๊มพ์ไม่ติดต่อกับผมเลย
ยกเว้นไดกิกับยูโตะ หมอนั่นเคยโทรมาครั้งนึงหลังจากที่มีข่าวการลาออกของผม หมอนั่นสนแค่ว่าผมลาออกเพราะมันหรือไม่
แต่ผมก็ไม่ตอบไปตามตรงนักหรอก ถึงแม้ผมจะรู้สึกดีที่ไม่ต้องเจอยูโตะอีก แต่ผมก็เจ็บปวดกับการตัดสินใจครั้งนี้มากจนถึงทุกวันนี้
“ยามะจัง นายโอเคมั้ย?” ริวโนะสุเกะถามผมเมื่อเห็นว่าผมหายใจไม่ออก มือกุมหน้าอกไว้แน่น
ลมหายใจถี่รัวราวกับขาดอากาศ ทุกครั้งที่ผมนึกถึงเรื่องนี้อาการนี้จะเกิดขึ้นเสมอ นั่นอาจเป็นเพราะผมเครียดมากเกินไปละมั้ง
“ชั้นโอเค....ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” ผมปฏิเสธก่อนพยายามหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ เพื่อระงับอาการ
ผมนึกเกลียดร่างกายตัวเองที่ไวต่อความทรงจำเรื่องนี้ เพียงแค่นึกถึงร่างกายก็แสดงอาการออกมาซะแล้ว
นี่ก็หนึ่งปีผ่านไปแล้ว.....มันก็ยังไม่เลือนหายไปจากความทรงจำของผมสักที
..................................
จะชอบกันมั้ยเนี่ย? แอบหวั่นๆ แฮะ
ชอบไม่ชอบตรงไหนท้วงได้เลยนะจ้ะ
มีใครงงมั้ยน่ะ????
ความคิดเห็น