คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ยูโตะใจร้าย..แต่ชิเนนใจร้ายกว่า
“กร๊าซซซซซซซซซซซ......” ผมเอามือทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดก่อนจะเอากำปั้นน้อยๆ ของผมทุบลงบนโต๊ะเรียน
อย่างคับแค้นใจ ริวโนะสุเกะที่กำลังนั่งแกะห่อเบนโตะเพื่อทานมื้อกลางวันอยู่หันมามองผมอย่างตกใจ
ราวกับเห็นก็อดซิลล่าแปลงร่างยังไงยังงั้น
“ยามะจัง เป็นอะไรหรือเปล่า? แล้วทำไมไม่เอาเบนโตะขึ้นมาล่ะ? ไม่กินข้าวหรอไง?” หนุ่มน้อยหน้าตาเรียบร้อย
ถามผม แววตาวิ้งวับส่องประกายราวกับเด็กอินโนเซ้นส์ของคามิกิที่จ้องมองผม ไม่ได้ทำให้ผมใจเย็นพอ
ที่จะตอบคำถามของเขาได้เลย
“ก็บอกริวโนะไปสิว่าแม่นายอ่ะ งอนที่นายไม่ยอมบอกเรื่องที่มาของข่าวนั่น แม่นายก็เลยไม่ทำเบนโตะให้วันนี้
ใช่มั้ยล่ะ?” ซานาดะ ยูมะพูดขึ้นพลางกัดไส้กรอกปลาหมึกก่อนจะทำหน้าตาเอร็ดอร่อยเพื่อหวังจะยั่วน้ำย่อยในกระเพาะของผม
“นายรู้ได้ไงว่าแม่ของยามะจังเขางอนจนไม่ทำเบนโตะให้อ่ะ?” ริวโนะสุเกะถามพลางกัดข้าวปั้นไปคำนึง
โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของทั้งริวโนะสุเกะและซานาดะนั้น ทำให้ผมน้ำลายสอมากขนาดไหน
“บ้านชั้นอยู่ข้างหลังบ้านยามะจังน่ะสิ เวลาบ้านยามะจังคุยกันนะ ชั้นได้ยินหมดแหละ” ยูมะตอบอย่างหน้าตาเฉย
โดยที่ไม่กลัวข้อหาสอดรู้สอดเห็นเรื่องของครอบครัวชาวบ้านเลยสักนิด คนฟังอย่างผมแปลกใจเล็กน้อยที่รู้ว่า
ข่าวสารภายในบ้านของตัวเองสามารถรั่วไหลไปถึงบ้านของซานาดะ ยูมะได้ แต่นั่นก็ยังไม่คับแค้นใจเท่าเรื่องเมื่อคืนหรอก....
“กลับมาแล้วคร้าบบบบบบบบ” ผมตะโกนลั่นหลังจากถอดรองเท้าเสร็จก่อนจะเดินไปยังโต๊ะอาหาร
พ่อแม่พี่น้องของผมกำลังนั่งกินหม้อไฟชุดใหญ่กันอย่างสนุกสนาน แต่ทุกคนก็ต้องชะงักทันทีที่เห็นผม
“โว้ว น่ากินจังเลยอ่ะ ขอผมกินด้วยยยยยย........” ผมละทิ้งกระเป๋านักเรียนไว้กับพื้น
ก่อนจะวิ่งเข้าหาหม้อไฟอย่างเริงร่า ทุกคนก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไร ปล่อยให้ผมโซ้ยหม้อไฟโดยไม่พูดจา
แต่แล้วน้องสาวแสนดีก็ดันกดรีโมทเพื่อเปิดทีวีซึ่งเวลานั้นกำลังมีข่าวบันเทิงฉายอยู่ แล้วก็เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน
ที่มันดันเป็นข่าวของผมกับยูโตะพร้อมกับรูปมัดตัวฉายอยู่เต็มจอ ผมพ่นน้ำซุป ผักและเห็ดออกมาอย่างตกใจ
ในขณะที่ทุกคนบนโต๊ะหันมาจับผิดผม
“นั่นมันรูปพี่กับพี่ยูโตะนี่นา หมายความว่าไงกันน่ะพี่???” น้องสาวตัวดีถามผมเสียงดังลั่น
พ่อแม่จ้องผมเขม็ง ความกดดันจากบุคคลรอบข้าง ทำให้ผมไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน ได้แต่ก้มหน้าก้มตา
“เรียวสุเกะ ตามแม่มาซิ...” แม่พูดก่อนจะเดินเข้าไปในครัว ผมจึงค่อยๆ ลุกแล้วเดินตามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
สายตาของแม่จ้องหน้าผมอย่างจับผิด ผมเองก็ได้แต่ก้มหน้าอยู่อย่างนั้น
“ข่าวพวกนั้นมันมาได้ยังไง?” คำถามแรกของแม่เหมือนกับลูกศรที่ยิงใส่กลางหน้าผากของผม
“เอ่อ..มันก็แค่...ภาพมุมกล้องน่ะม๊า พวกปาปาเขาคิดกันไปเอง” ผมตอบตะกุกตะกักอย่างมีพิรุธ
และแน่นอนว่าแม่เองก็ดูออกในท่าทีของผม
“บอกแม่มาซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” แม่ยิงคำถามต่อมา ผมมองหน้าแม่ราวกับจะร้องไห้
น้ำเสียงที่แม่ถามนั้นเหมือนกับว่ากำลังโกรธมากๆ จนผมไม่กล้าพูดอะไรออกไปเลย
“คือ...พรุ่งนี้มีแถลงข่าวของจั๊มพ์และก็จะแถลงเรื่องนี้ด้วย คุณจอห์นบอกว่าอย่าเพิ่งบอกใคร...
ถ้าเสร็จจากงานแถลงข่าวนั่นแล้ว ผมจะบอกแม่เองนะ...” คำพูดที่หยิบยกคุณจอห์นมาอ้างและแฝงไปด้วยความอ้อนวอน
ของผม ดูเหมือนจะทำให้แม่ใจอ่อนลง ร่างของผู้เป็นแม่เดินออกไปหยุดยืนหน้าประตูครัวก่อนจะเหลียวหลังกลับมา
“เรื่องที่ลูกคบกับยูโตะน่ะ แม่รู้แล้วล่ะ...คาเมะนาชิคุงโทรมาเล่าให้แม่ฟังทุกอย่างแล้ว
แต่ถ้าลูกไม่บอกด้วยปากของลูกเองก็ไม่เป็นไร....พรุ่งนี้ทำเบนโตะกินเองก็แล้วกัน”
ยิ่งนึกยิ่งแค้นใจในความปากมากของรุ่นพี่ที่แสนดีคนนี้จริงๆ เล่าให้ทั้งคุณจอห์นและแม่ฟังอีก
โฮ้ยยย ไม่น่าหลวมตัวเล่าให้ฟังเลย ยามะจังเอ้ยยยย
“ถ้างั้นนายมากินกับชั้นก็ได้นะยามะจัง ชั้นเอาข้าวปั้นมาเยอะเลย” ริวโนะสุเกะเอ่ยชวน แต่ผมส่ายหน้า
ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะหิวมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีอารมณ์กินอะไรทั้งนั้นหรอก ไม่ใช่เพราะเคืองรุ่นพี่คาเมะ
เพราะหิวมากจนเกินไปหรือเพราะว่ามีซานาดะ ยูมะมาคอยพูดจาแทงใจดำแบบนี้หรอก แต่มันเป็นเพราะยูโตะต่างหาก...
“เรากลับมา...เป็นเพื่อนกันเถอะนะ”
“ห๊ะ?” ผมอุทานอย่างแปลกใจในคำพูดประโยคนั้น มันหันกลับมามองหน้าผม
ด้วยสายตาและท่าทีจริงจังกว่าที่เคย จนผมชักเสียวสันหลังวาบ
“หนึ่งปีที่ผ่านมา...ชั้นบอกนายแล้วนะว่าขอให้เราเป็นเพื่อนกัน ชั้นไม่รู้หรอกว่าตอนนี้นายคิดยังไงกับชั้น
แต่ว่าเรื่องจูบนั่นกับความสัมพันธ์ที่เราเคยมี..ทิ้งมันไปให้หมดเถอะนะ ยังไงเราก็ต้องร่วมงานกัน
ชั้นไม่อยากให้มีอะไรคลุมเครือระหว่างเรานะ เรียวสุเกะ...”
ดวงตากลมของผมเบิกกว้าง ลมหายใจแทบจะดับสิ้นในวินาทีนั้น ทุกๆ เสียง ทุกๆ คำพูดของยูโตะ
เสียดแทงเข้าไปในหัวใจผมอย่างไร้ความปราณี แต่มันกลับทำหน้าตายได้อย่างเลือดเย็นจริงๆ จะให้ผมทิ้งอดีต
ทิ้งความทรงจำทั้งหมดที่เคยมี รวมทั้งความเจ็บปวดที่ผมได้รับ...ทำไมมันถึงได้พูดอะไรง่ายๆ แบบนั้นได้?
ผมได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น ไม่อาจพูดอะไรตอบกลับไปได้ถึงแม้ในอกจะเจ็บปวดรวดร้าวมากเพียงใด
ผมก็ยังต้องตีสีหน้าไว้เช่นเดิมเพื่อไม่ให้มันมองออกว่าผมรู้สึกเช่นไร ใบหน้าเคร่งขรึมของยูโตะกลับกลายเป็น
สีหน้าที่เปื้อนยิ้มสดใสร่าเริง มันมองผมด้วยประกายตาวิ้งวับเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
“นายจะไปหาพวกจั๊มพ์ด้วยกันมั้ย? พวกนั้นต้องดีใจแน่ๆ ที่นายกลับมา เรียวสุเกะ..”
ยูโตะกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงแบบที่มันชอบพูดกับเพื่อนบ่อยๆ ผมได้แต่มองตามันอย่างไม่เข้าใจก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“ถ้างั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ อย่าสายล่ะ” มันยิ้มก่อนจะเดินจากไป ผมกำหมัดแน่นอย่างเจ็บปวด
ดวงตาที่เปรอะเปื้อนน้ำตาของผมมองตามแผ่นหลังของมันอย่างทรมาน ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนเรา
จะสามารถเปลี่ยนสถานะกันได้เร็วขนาดนี้ นี่มันมาขอให้ผมเป็นเพื่อนกับมันทั้งๆ ที่ตอนแรกมันนั่นแหละ
ที่วางท่ารังเกียจผม พอพูดจบก็ทำตัวเหมือนเพื่อนกันปกติได้อย่างหน้าตาเฉย แถมยังบอกให้ผมลืมทุกอย่างอีก...
คนเรามันเปลี่ยนกันได้เร็วขนาดนี้เลยหรอ? ชั้นไม่คิดเลยว่านายจะเป็นคนแบบนี้..ยูโตะ.....
“ยามะจัง...ยามะจัง!!” เสียงของริวโนะสุเกะปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมามองเพื่อนรัก
ที่ตอนนี้ยืนสะพายกระเป๋าอยู่ข้างๆ ริวทาโร่และชินทาโร่ ผมกวาดสายตาไปรอบห้องก็พบว่าภายในห้องว่างเปล่า
ไม่มีใครอยู่เลย รวมทั้งกระเป๋าด้วย
“นายเหม่อมาตั้งแต่กลางวันจนเลิกเรียนเลยนะยามะจัง ดีที่คาบบ่ายวันนี้เซนเซย์ไม่เข้าสอน
ไม่งั้นนายโดนวิ่งรอบสนามแน่ๆ” หนุ่มน้อยยอดนักสืบเปรยด้วยความเป็นห่วง
“ขอโทษที เผอิญชั้นรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ” ผมเลี่ยงๆ ตอบไปเพราะไม่อยากให้มีใครมาถามอะไรจุกจิกมาก
โดยเฉพาะริวทาโร่ที่กำลังจ้องผมอยู่อย่างไม่วางตา
“วันนี้ชั้นจะไปแถลงข่าวที่ค่ายนะ อาจจะไม่ได้กลับด้วยเลยแวะมาบอกน่ะ” เจ้าหนูริวพูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆ
ราวกับอารมณ์ไม่ดี ชินทาโร่เองก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะหันพรวดมาจ้องหน้าริวทาโร่
“แถลงข่าวเรอะ?” ผมว่าพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเรือนงามของตัวเองก่อนจะเอามือทึ้งผมอย่างตกใจ
“สายแล้วๆ ชั้นต้องไปแถลงข่าวๆๆๆๆๆ” ผมพูดซ้ำๆ กันพลางเก็บของให้วุ่น
“เอ๊ะ? นายเกี่ยวอะไรด้วยน่ะยามาดะ? หรือว่ามันจะเกี่ยวกับยูโตะ?”
ผมชะงักทันทีที่ได้ยินชื่อมัน มือนิ่มคว้ากระเป๋ามาถือก่อนจะสบตาริวทาโร่อย่างเนียนๆ โดยที่ไม่ขอตอบคำถามของอีกฝ่าย
“เมื่อวานที่ยูโตะกับนายโดนผู้จัดการเรียกไปพบคุณจอห์นก็ไม่เห็นเล่าให้ชั้นฟัง ยูโตะก็ไม่บอกอะไรกับจั๊มพ์เลย
เมื่อวานนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ริวทาโร่จ้องเขม็งอย่างเอาเรื่อง หากผมไม่ยอมตอบอาจจะโดนบาทาลูบพักตร์
จากริวทาโร่ก็เป็นได้
“เอาไว้ไปถึงแล้วค่อยอธิบายได้มั้ย? ขอร้องล่ะ..ถ้าชั้นไปสาย คุณจอห์นเชือดชั้นแน่”
ทันทีที่พูดจบริวทาโร่ก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของผมแล้วลากผมให้วิ่งออกมาจากห้องเรียนไปยังถนนหลัก
ร่างอวบๆ ของผมเริ่มปลิวเมื่อโดนแรงมหาศาลของน้องเล็กอย่างริวทาโร่ลากให้วิ่งตามมันมา
ผมเหลือบเห็นสีหน้าของริวทาโร่ยังคงสบายดีไม่มีปัญหา ผิดกับผมที่หน้าแดงก่ำ หอบแฮ่กๆ แทบจะตลอดทาง
ก็ผมไม่ได้เป็นนักวิ่งประจำโรงเรียนเหมือนเจ้าริวมันนี่นา!!!
“แฮ่กๆๆ” ผมพิงผนังอย่างหมดแรงหลังจากโดนลากให้วิ่งมาจนถึงค่ายภายในเวลาสิบห้านาที
สายตาเหลือบมองอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า มีอาการหอบเล็กน้อย เหงื่อยังไม่มีสักหยด สมกับเป็นนักวิ่งนัมเบอร์วันจริงๆ
“อ้ะ อธิบายมา ชั้นอุตส่าห์พานายมาถึงนี่ละ” ผมตกใจกับประโยคนี้ของเจ้าหนูริวมาก
นี่อย่าบอกนะว่าที่มันพาผมวิ่งมาเพื่อจะฟังคำอธิบายของผมเนี่ย!!!
“คือว่า....”
“ยามะจัง!!” เสียงยูโตะขัดการสนทนาของเราทั้งคู่ ร่างสูงโปร่งของผู้มาทีหลังเดินมาในชุดคลุมสีขาวขลิบดำดูสง่างาม
ราวกับโฮสท์ดังๆ ในเมืองโตเกียว มีตัวอักษรสีแดงปักอยู่ที่อกซ้ายเป็นชื่อของตัวยูโตะเอง
ริวทาโร่เหลือบมองคนขัดจังหวะอย่างเสียอารมณ์ แต่ผมกลับยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก
“นายรีบไปเปลี่ยนชุดได้แล้วริวทาโร่ เดี๋ยวโดนผู้จัดการเหวี่ยงใส่หรอก....ส่วนนายต้องมากับชั้น เรียวสุเกะ”
ยูโตะหันไปสั่งน้องเล็กด้วยมาดขรึมก่อนจะเดินมาจับไหล่ผมแล้วดันหลังผมให้เดินแยกออกห่างไปทางอื่น
“นายมาสายนะ เรียวสุเกะ ดีที่วันนี้ลุงจอห์นอารมณ์ดี ไม่งั้นนายโดนเชือดแน่ๆ เลยล่ะ”
น้ำเสียงร่าเริงของคนพูดที่กำลังดันหลังผมอยู่ทำให้ผมนึกถึงประโยคเมื่อวานนี้ขึ้นมาทันที
ผมแอบเห็นริวทาโร่จ้องเราสองคนด้วยสายตาแปลกๆ แต่แฝงไปด้วยความสงสัยและความเจ็บปวดอยู่ตรงนั้น
ภายในห้องบอลรูมของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่างจอห์นนี่เอนเตอร์เทนเม้นท์เต็มไปด้วยนักข่าวและสื่อมวลชน
หลากหลายแขนงกำลังรอการแถลงข่าวที่กำลังจะมีขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ บรรดาจั๊มพ์และผู้จัดการที่กำลังรอในห้องแต่งตัวเอง
ก็เช่นกัน ทุกคนต่างก็กำลังเช็กเสื้อผ้าหน้าผมให้แลดูเรียบร้อยก่อนจะเริ่มการแถลงข่าวคอนเสิร์ตครั้งนี้ซึ่งหยิบยกเอาคอนเซปต์
ของโฮสคลับมาใช้กับคอนเสิร์ตครั้งนี้ ทำให้ชุดแถลงข่าวในวันนี้ค่อนข้างออกไปทางโฮสท์คลับเอามากๆ
สมาชิกจั๊มพ์เองก็พากันตื่นเต้นยกใหญ่ที่ได้ใส่เสื้อผ้าสไตล์นี้เป็นครั้งแรก
“ไอ้ฮิก แกอย่ามาดึงชายเสื้อชั้นสิวะ” ยูยะบ่นอย่างรำคาญหลังจากโดนเพื่อนร่วมวงที่อยู่ไม่สุข
คอยกลั่นแกล้งโดยการดึงเสื้อบ้าง เอาสติ๊กเกอร์หัวกระโหลกมาแปะตามตัวบ้าง ช่างวุ่นวายจริงๆ
“แหย่นิดแหย่หน่อยก็ไม่ได้นะ ไปแหย่ชิเนนก็ได้ฟะ ชิส์” ฮิคารุเปรยพลางทำหน้างอน
ก่อนจะสะบัดหน้าไปหาคนตัวเล็กในชุดโฮสท์สีขาวเหมือนกับคนอื่นๆ แต่น่ารักเหมือนพวกโฮสเตสมากกว่า
“ยูริจางงงงงงงงงงงงง..............” ทันทีที่ได้ยินเสียงชวนขนลุกนั่น
มือเล็กก็หยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าของตนอย่างรวดเร็ว ทำเอารุ่นพี่ฮิคารุถึงกับหลบ
เครื่องช็อตไฟฟ้าของชิเนนแทบไม่ทัน
“นี่นายพกเครื่องช็อตไฟฟ้าไว้ด้วยหรอ?” อิโนะที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เอ่ยถาม
“อื้ม ก็ไว้กันพวกโรคจิตอ่ะ เคยเจอตั้งหลายที บอกว่าเป็นผู้ชายเหมือนกันก็ไม่เชื่อ”
ชิเนนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก ในขณะที่อิโนะกับฮิคารุทำหน้าเหวออย่างประหลาดใจ
“เอ้าๆ เลิกเล่นได้แล้ว เตรียมตัวได้ละ อีกห้านาทีจะเริ่มการแถลงข่าวแล้วนะ” ผู้จัดการปรบมือสองที
เป็นสัญญาณให้เตรียมพร้อมหลังจากพูดเสร็จ ทุกคนจึงเก็บข้าวของของตัวเองแล้วลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อม
“แต่ยูโตะยังไม่มาเลย เห็นว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ไปตั้งนานแล้วนะเนี่ย” เคย์โตะเปรยขึ้น
ทุกคนจึงพยายามมองซ้ายมองขวาหายูโตะกันให้ขวั่กยกเว้นแต่ริวทาโร่ที่ยืนทำหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับอยู่คนเดียว
“อ้ะ นั่นไง” คุณอุซามิ (คนที่เป็นคนจัดแพลนคอนเสิร์ต ถ้าใครอ่านตอนที่แล้วอาจจะจำได้)
ตะโกนขึ้นอย่างตกใจ ทุกคนในห้องพากันมองตามคุณอุซามิไปที่ประตูห้อง
ร่างของยูโตะเปิดประตูเข้ามาอย่างสง่างามด้วยชุดโฮสท์แบบที่จั๊มพ์ทุกคนใส่กัน
ตามด้วยร่างของคนสองคนที่จะเข้าร่วมการแถลงข่าวในวันนี้ คนที่เดินตามยูโตะมาติดๆ สวมชุดแบบเดียวกับที่จั๊มพ์ใส่
เพียงแต่เป็นชุดสีดำ ที่หน้าอกที่ตัวอักษรสีแดงถูกปักเอาไว้ว่า “เกสต์คนสำคัญ” กับอีกคนที่สวมชุดกิโมโนสีแดงดำ
เดินตามเข้ามา โอบิสีแดงมุขช่วยขับให้ชุดที่สวมใส่อยู่ดูเด่นขึ้น ใบหน้าขาวอมชมพูที่ถูกแต่งแต้มด้วยเมคอัพสีชมพูอ่อน
ยิ่งทำให้ผู้สวมใส่ดูงดงามราวกับหญิงสูงศักดิ์ที่งดงามและอ่อนหวาน
“โอ้ มาย ก็อด!!!!” ฮิคารุอุทานออกมาอย่างลืมตัว ทุกคนได้แต่จ้องไปที่ทั้งสามอย่างไม่วางตา
โดยเฉพาะผู้ที่สวมใส่กิโมโนที่งดงามนั้น แทบจะละลายเมื่อเจอสายตาของทุกคนจ้องมองมาที่ตัวเอง
“จากที่พวกนายรู้จากแผนผังคอนเสิร์ต นากายามะ ยูมะ จะเป็นเกสต์คนสำคัญของคอนเสิร์ตครั้งนี้
แต่ทว่าได้มีมติใหม่จากคุณจอห์น ให้ ยามาดะ เรียวสุเกะ เป็นเกสต์คนสำคัญของคอนเสิร์ตเฮเซย์ โฮสท์ทัวร์ครั้งนี้”
สิ้นเสียงของผู้จัดการ ทุกคนก็รีบมองไปยังนากายามะ ยูมะ ที่สวมชุดโฮสท์สีดำก่อนจะไปมองที่อีกคน
เพื่อพิจารณาใบหน้าให้ชัดขึ้น
“ยามาดะ!! นี่นายเองหรอ...” ริวทาโร่ถามราวกับไม่เชื่อในสายตาตัวเอง ผมได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ
ให้แต่ไม่ได้พูดอะไรกลับไปเพราะว่าโอบินี่กำลังรัดพุงของผมจนแน่นแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
“นายไปนั่งรอตรงนั้นก่อนก็ได้ พอถึงเวลาที่นายสองคนต้องขึ้นไปแถลงข่าวก็อย่าลืมฟังที่พิธีกรเรียกละกัน”
ยูโตะยิ้มหลังจากพูดจบ ก่อนจะเดินไปรวมตัวกับจั๊มพ์ อิโนะ ไดกิ ริวทาโร่ ยาบุ ฮิคารุวิ่งเข้ามารุมผมราวกับ
กำลังเจอของเล่นชิ้นใหม่ยังไงยังงั้น
“นายน่ารักจังอ่ะ ยามะจัง...ไม่นึกเลยว่านายจะสวยขนาดนี้” อิโนะพูดพลางดึงแก้มผมเต็มแรง
“นั่นสิๆ สวยขนาดนี้ ใครทิ้งนายนะ..มันโคตรตาถั่วเลยว่ะ” ไดกิแกล้งพูดเสียงดังเพื่อให้ยูโตะได้ยิน
ผมเห็นยูโตะแอบชะงักเล็กน้อยก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“พอๆ เลิกแหย่ยามาดะได้แล้ว!! ถึงเวลาแถลงข่าวแล้ว” ผู้จัดการโวย
ทุกคนจึงสลายวงออกไปยินแสตนด์บายที่หน้าห้องรวมทั้งผู้จัดการด้วย เหลือเพียงคนตัวเล็ก
ที่เดินมาหยุดยืนใกล้ๆ ผมพลางมองผมด้วยสายตาประหลาดใจปนเย้ยหยัน
“นายมาเกี่ยวอะไรในงานนี้ด้วย? ไม่หัดเจียมตัวซะบ้าง” เสียงแหลมเปรยเบาๆ ราวกับกระซิบ
โชคดีที่ในห้องตอนนี้มีแค่ผม ยูมะและชิเนนเท่านั้น จึงไม่มีใครสังเกตเห็นท่าทีแปลกๆ ของเราสองคน
ยูมะเองก็คงคิดว่าผมคุยเรื่องสำคัญกับชิเนนอยู่ เลยเดินหลบไปมุมอื่น
“ชั้นก็ไม่อยากจะเกี่ยวหรอกนะ...ถ้าลุงจอห์นไม่ลากชั้นเข้ามา” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
แต่แอบกระแทกแดกดันเล็กๆ เป็นการเน้นย้ำให้รู้ว่าผมมีลุงจอห์นเป็นแบ็กให้ผมอยู่
“หึ....ถ้างั้น....ก็ยินดีต้อนรับกลับมานะ คราวนี้ชั้นจะไม่ปล่อยให้นายรอดไปได้อีกเป็นครั้งที่สองหรอก”
ชิเนนประกาศกร้าวด้วยแววตาและน้ำเสียงดุดัน ผมได้แต่หัวเราะเบาๆ กลับไปเป็นเชิงเยาะเย้ยอีกฝ่าย
“ขนาดของรักของตัวเองยังปกป้องไว้ไม่ได้เลย....ทั้งซีดีอาราชิ ทั้งยูโตะ ทั้งริวทาโร่.....
คิดดีแล้วหรอที่จะมาเอาคืนน่ะ เอาเวลาไปตามหาผู้ชายที่เขาอยากจะเอานายดีกว่ามั้ง”
ทันทีที่พูดจบคนฟังถึงกับมีน้ำโหแต่ดูเหมือนว่าจะทำอะไรผมไม่ได้ ผมจึงได้แต่ส่งรอยยิ้มหวานๆ
ให้กับยูริ ชิเนนที่เดินฟึดฟัดออกไปนอกห้องอย่างสะใจ
ชั้นก็จะไม่ปล่อยให้นาย...เล่นงานชั้นอีกเหมือนกัน ชิเนน
.............................
โฮ่ๆ ขอโทษที่ดองนาน
ช่วงนี้มึนๆ กับหลายๆ อย่างจนไม่มีอารมณ์แต่งเลยละ
จากคำถามของน้อง "แฟนคยู" นะ ไรท์เตอร์ได้ทุนไปแคนาดาจ้ะ
เดือนหน้าถึงจะได้ไปแน่ะ ต้องรีบปั่นฟิคซะแล้ว
เอาละ พูดถึงตอนนี้สักหน่อยเนอะ....ได้อิมเมจยามะจังตอนนี้จาก
ซีรี่ย์ของคาเมะล่ะ เลยลองๆ ดู ตอนนี้รู้สึกว่าโตะใจร้ายอ่ะ มากมายที่สุด
แต่งสดด้วยล่ะตอนนี้ เสร็จปุ๊บ ลงปั๊บเลย ฟู่ววว
ตอนหน้าอาจจะเป็นอะไรที่หลายๆ คนกรี๊ด (ไม่รุ้คนอ่านจะกรี๊ดป่าว แต่ไรท์เตอร์กรี๊ดอะ)
ใครที่สงสัยระหว่างคู่ริวทาโร่กับยามะมานาน ว่าคู่นี้จะลงเอยยังไง
ยามะจะคิดยังไงกะริวๆ ตอนหน้ารู้แน่เน้อ
ไม่แน่ตอนหน้าชี่อาจจะกลับมาแก้แค้นยามะก็ได้เน้อ ติดตามมมม
... N eL’ L
ความคิดเห็น