คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : อิจฉานัก..ก็ต้องเอาคืน 100%
*กรุณาปิดเพลงที่หน้าฟิคหลักก่อนรับชมเนื้อหาของตอนนี้นะจ้ะ*
“ฮัดชิ้ววว~”
เสียงจามของผมเรียกเสียงหัวเราะของทุกคนได้เป็นอย่างดี ทำเอาบรรยากาศการถ่ายทำโฆษณาแคนดี้ตัวใหม่
ของลอตเต้ ที่มีเหล่าNYCเป็นพรีเซนเตอร์คึกคักขึ้นมาทันที ยูมะในชุดสีขาวล้วนหัวเราะ
ก่อนจะวิ่งไปหยิบทิชชู่มาให้ผม ผู้กำกับเดินมาลูบหัวผมเบาๆ พร้อมกับพี่ๆ สไตล์ลิสที่เข้ามาจัดแจงชุดของผมให้เข้าที่
“ยามาดะคุง ถ้านายจามอีกรอบชั้นจะให้นายแต่งชุดวัวแล้วให้ยูมะกับชิเนนขี่หลังนายนะ”
ผู้กำกับแหย่ ผมรีบหันไปทำหน้าเหวอใส่เจ้าตัว
“ถึงเราจะถ่ายโฆษณามิลค์แคนดี้อยู่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเอาวัวมาเป็นพรีเซนเตอร์นี่!!”
ผมรีบแย้ง ทุกคนพากันหัวเราะลั่น
“ไม่สบายแล้วเพ้อเจ้อนะ นายน่ะ!!” ยูมะแหย่ผมอีกคน
ผมรีบเอานิ้วชี้หน้าหล่อๆ ของแวมไพร์ขี้โรคอย่างยูมะอย่างแค้นเคือง
“เรื่องเนื้อทอดเมื่อวาน...มันยังไม่จบนะเฟ้ย!!”
“อะไรนะ นายพูดอะไร ชั้นไม่รู้เรื่อง...”
“ไอ้บ้า ยูมะ!!!”
ผมกับยูมะส่งเสียงโวยวายโหวกเหวกพลางวิ่งไล่กันไปทั่ว ทำเอาตากล้องที่คอยถ่ายเบื้องหลังการถ่ายทำ
วิ่งตามแทบไม่ทัน ดูเหมือนทุกคนจะสนใจเพียงแค่ผมกับยูมะ จนลืมไปว่ายังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ร่วมถ่ายโฆษณากับพวกเราด้วย
ร่างเล็กนั่งกินขนมปังกับนมอุ่นๆ อยู่ที่โต๊ะอย่างเรียบร้อย แต่ไม่วายส่งสายตามาจิกกัดผมอยู่เป็นระยะ
ถึงแม้ปากผมจะต่อล้อต่อเถียงกับยูมะ แต่ผมก็เห็นว่าชิเนน ยูริกำลังหงุดหงิดกับผมอยู่ ดวงตาคู่สวยฉายแววรำคาญผมเล็กน้อย
แต่ทว่าก็ยังทำทีนิ่งเฉย
“ไอ้แวมไพร์หมดหล่อ!! เย็นนี้นายต้องเลี้ยงชาบูชั้น!! เข้าใจมั้ย?” ผมออกคำสั่ง
“เรื่องอะไรเล่า? ตัวเองปล่อยให้มดขึ้นเบนโตะเองแล้วอย่ามาพาลหาเรื่องกินฟรีดิ”
“โหยยย.....ชั้นเรอะอุตส่าห์เป็นที่ปรึกษา เนรคุณนะนายอ่ะ” ผมตัดพ้อ
ก่อนจะแกล้งดึงผ้าพันคอสีขาวที่คอยูมะให้รัดคออีกฝ่ายจนแน่น ทำเอาแวมไพร์หนุ่มหน้าซีด หายใจติดขัด
“ยามะจัง!!” เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความแปลกใจของทุกคน แต่เสียงนั้นก็ช่วยชีวิตยูมะเอาไว้
ผมหันไปส่งยิ้มให้กับคนที่เรียกชื่อผมอย่างดีใจ ไม่ใช่อะไรหรอก ตอนนี้ผมกำลังหิวมากๆ
และผู้มาใหม่คนนี้ต้องมาพร้อมกับของกินอย่างแน่นอน
“ริวทาโร่!?” ชิเนนอุทานเบาๆ ริวทาโร่วิ่งเข้ามาในสตูดิโอก่อนจะกอดผมแน่น
“นายมาได้ไงเนี่ย?” ยูมะเอ่ยถาม ริวทาโร่ยิ้มพลางยื่นเบนโตะห่อสีแดงสดให้ผม
“ก็แค่แวะมาเฉยๆ น่ะ เดี๋ยวเย็นนี้มีซ้อมคอนเสิร์ตที่กำลังจะจัดขึ้นที่ค่าย ก็เลยแวะมาดูพวกนายทำงานกันหน่อยน่ะ”
เจ้าหนูริวอธิบาย โดยที่ผมไม่ได้สนใจฟังเพราะมัวแต่สนอกสนใจเบนโตะที่อีกฝ่ายส่งให้ ภายในมีข้าวปั้น ข้าวผัด
เนื้อทอด ไส้กรอกปลาหมึกและมากมายหลายอย่าง
“โว้ว น่ากินจังเลยอ่ะ ชั้นชักหิวนะเนี่ย แบ่งชั้นด้วยนะ” นากายามะอุทานทันทีที่เห็นมัน
“แม่นายเค้าฝากให้ชั้นเอาเบนโตะมาให้ แล้วก็ยาด้วย กินข้าวซะจะได้กินยา” ริวทาโร่อธิบาย
ผู้กำกับจึงสั่งพักกองก่อนที่ทีมงานจะแยกย้ายกันกินข้าวกลางวันกัน
สายตาของยูริจับจ้องไปที่ริวทาโร่ ยูมะและยามาดะที่กำลังคุยกันอย่างออกรสพร้อมทานเบนโตะด้วยกัน
มือเล็กกำหมัดไว้แน่นอย่างโมโห ก็ในเมื่อภาพตรงหน้ามันบาดตาบาดใจเสียขนาดนี้เป็นใครก็ต้องโมโหกันบ้างล่ะ
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคนอย่างริวทาโร่เอาแต่ใจมากแค่ไหนและไม่ชอบเอาอกเอาใจใคร แต่กับยามาดะ...ทำไม?
ถึงขนาดลงทุนบุกถึงบ้านแล้วเอาเบนโตะมาให้ขนาดนี้ นี่นายชอบยามาดะขนาดนั้นเลยหรอ?
ภาพของริวที่ส่งยิ้มให้กับยามะ พูดคุยอย่างสนิทสนม โอบกอดกันอย่างแนบแน่น
แววตาที่อบอุ่นที่ส่งให้หมอนั่น....เขาไม่เคยได้รับมันเลยแม้แต่น้อย
ยามาดะ...ก็แค่คนอ่อนแอที่หนีปัญหาโดยการออกจากวง หมอนี่น่าสมเพชเกินกว่าที่คนในจั๊มพ์จะคลุกคลีด้วย
นายมันอ่อนแอ.... แต่ทำไม....ทุกคนที่ชั้นรักถึงได้รักคนอ่อนแอและน่าสมเพชอย่างนาย...ยามาดะ
ชิเนนผู้เพียบพร้อมคนนี้ทำไมถึงไม่เคยได้รับความรักจากพวกเขา มีเพียงนายที่ได้มันไป
ทั้งๆ ที่มันไม่คู่ควรกับนายแม้แต่นิดเดียว ยังไงก็ช่าง...ชั้นคนนี้จะทำให้นายได้รู้ว่า ที่นี่ไม่ใช่ที่ของคนอ่อนแออย่างนาย...
ร่างเล็กลุกขึ้นพลางเก็บซองขนมปังของตนไปทิ้งที่ถังขยะ ดวงตาเรียวเหลือบมองซ้ายมองขวา
ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องแต่งตัว ทีมงานหลายๆ คนออกไปกินข้าวบริเวณชั้นสองของสตูดิโอ
เพราะฉะนั้นตอนนี้ในห้องแต่งตัวจึงไม่มีใครอยู่ นับว่าเป็นทางสะดวกสำหรับเขา
กระเป๋าหนังสีดำใบใหญ่วางอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งตรงมุมห้อง คนตัวเล็กรีบพุ่งตรงเข้าไปหามันก่อนจะเปิดมันออก
โดยไม่สนว่าเจ้าของกระเป๋าจะอนุญาตหรือไม่ มือบางหยิบขวดนมที่วางอยู่แถวนั้นมาก่อนจะเปิดฝาแล้วเทนมลงไป
ในกระเป๋าใบนั้นจนหมด ชิเนนเหลือบไปเห็นกระป๋องกาวของฝ่ายฉากกระป๋องใหญ่พร้อมถังน้ำมันเครื่องขนามย่อมวางอยู่คู่กัน
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าสวย ยูริรีบเปิดกระป๋องกาวออกช้าๆ สีหน้าสะใจของเจ้าตัวที่ปิดไม่มิดนั้น
ปรากฎขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบปีหลังจากที่ยามาดะออกจากวงไป เขาก็ไม่เคยได้ชักสีหน้าแบบนี้อีกเลยนับจากนั้น
ของเหลวเหนียวหนืดที่ส่งกลิ่นแอลกอฮอลชวนให้รู้สึกเหม็นไหลลงไปในกระเป๋าใบนั้นอย่างช้าๆ
ตามด้วยของเหลวข้นหนืดสีดำสนิทไหลตามลงไป
หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ร่างเล็กก็จัดแจงเก็บกระป๋องกาวและถังน้ำมันเครื่องไว้ในตู้อย่างมิดชิด
ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำไปล้างคราบน้ำมันเครื่องที่ติดอยู่ที่มือออกเพื่อไม่ให้หลงเหลือไว้เป็นหลักฐานมัดตัว
ทันทีที่เขาเดินออกมาจากห้องน้ำ ทีมงานทุกคนก็เข้ามาแสตนบายพร้อมถ่ายทำต่อ
ชั้นว่าแค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับนายนะ ยามาดะ....
ผมสั่งให้ริวทาโร่เอาเบนโตะไปล้างก่อนจะสั่งยูมะให้ดึงผมให้ลุกขึ้น พี่สไตล์ลิสตรงมาทางผมเพื่อจัดชุดสีขาวล้วนของผมให้เรียบร้อย ผม ยูมะและยูริที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำก็เข้ามาแสตนบายที่หน้ากล้องเช่นเดียวกัน การถ่ายทำจึงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะใช้เวลาไม่นานนักแต่พวกเราก็ได้กินมิลค์แคนดี้นี่เสียจนเอียนเลยทีเดียว ผมสังเกตเห็นในจอมอนิเตอร์หลังถ่ายทำเสร็จ ชิเนนยิ้มได้ร่าเริงสดใสมากกว่าตอนก่อนที่ริวทาโร่จะมาเสียอีก นั่นทำให้ผมแปลกใจมากพอควร
“เอาละ...พักกองได้ พรีเซนเตอร์เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยนะครับ ต่อไปเป็นซีนที่ต้องเต้นแล้วนะครับ ฝ่ายฉาก จัดเสตจด้วย!!” ผู้ช่วยผู้กำกับประกาศ ก่อนที่ทุกฝ่ายจะแยกย้ายทำหน้าที่ของตัวเอง ผม ยูมะและยูริเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว บรรดาสไตล์ลิสก็หยิบชุดใหม่มาให้เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
“เอ๊ะ นั่นกระเป๋าใครน่ะ? ทำไมมีอะไรดำๆ เยิ้มๆ ออกมาแบบนั้น?” ทีมงานคนหนึ่งถามขึ้น ทุกคนหันไปมองกระเป๋าต้นเหตุนั่นกันเป็นตาเดียว ตาผมเบิกกว้างอย่างตกใจที่เห็นกระเป๋าหนังสีดำใบโปรดฉ่ำเยิ้มไปด้วยของเหลวสีดำๆ เลื่อมๆ เหนียวๆ น่าสะอิดสะเอียนนั่น
“นั่นกระเป๋าผมนี่!!” ผมวิ่งเข้าไปดูที่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว หยาดน้ำตาไหลรินลงอาบแก้ม ข้าวของสำคัญทั้งกระเป๋าสตางค์ มือถือ หนังสืออ่านเล่นเล่มโปรด ไอพอด เกมส์กดของผม จมดิ่งไปกับไอ้น้ำดำๆ ตรงหน้านี่ไปแล้ว บรรดาผู้กำกับ ผู้ช่วย ช่างไฟ ช่างเสียงวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ตามคำบอกเล่าของทีมงานคนหนึ่ง ภาพที่พวกเขาเห็นก็คือผมทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ข้างๆ กระเป๋าใบนั้น
“เกิดอะไรขึ้นยามาดะคุง? เอ้าเฮ้ย ช่วยกันจัดการที” ผู้กำกับถามพลางสั่งทีมงานให้นำกระเป๋าของผมออกไปข้างนอกสตูดิโอ ผมรีบวิ่งตามออกไป ตามด้วยริวทาโร่ ยูมะและยูริ
ทีมงานเอาถาดแสตนเลสใหญ่ๆ ออกมาวางแล้วเทน้ำดำๆ ออกจากกระเป๋าผม แต่ด้วยความข้นเหนียวของมันทำให้ใช้เวลานานพอดู ผมได้แต่ร้องไห้...ใครกันที่ทำกับผมได้แรงขนาดนี้? ริวทาโร่ดึงผมไปกอดตามด้วยยูมะที่ลูบไหล่ผมเป็นเชิงปลอบใจ ต้องขอบคุณพี่ๆ ช่างไฟที่หยิบของในกระเป๋าของผมออกมาวางเรียงไว้จนหมด ทุกชิ้นมีสภาพดำเมี่ยม แถมเหนียวและลื่นเพราะความมันอีกต่างหาก
“นี่มันน้ำมันเครื่องผสมกาวนี่นา ใครกันที่กล้าทำได้ขนาดนี้?” ทีมงานคนหนึ่งกล่าวขึ้น
“ไม่เป็นไรนะยามาดะคุง พวกเราเข้าไปถ่ายทำกันต่อเถอะ นี่ก็ใกล้จะมืดแล้ว ยังไงเดี๋ยวชั้นให้คนมาเคลียร์ของพวกนี้ให้นะ” ผู้กำกับลูบหัวผมอย่างเอ็นดู ผมได้แต่สะอึกสะอื้นซบอกริวทาโร่ ทุกคนพาผมกลับเข้าไปในสตูดิโอเหลือเพียงชิเนนที่ยังยืนนิ่ง ไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย
การถ่ายทำในส่วนของการเต้นนั้นผ่านพ้นไปด้วยดี เพียงแค่เจ็ดเทคก็ถ่ายเสร็จแล้วซึ่งไวกว่าที่คิด อาจเป็นเพราะว่าผมปรับอารมณ์ให้เข้ากับงานได้อย่างรวดเร็วจนดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน จนทำให้โฆษณาที่เน้นความน่ารักสดใสนั้นถ่ายออกมาดีกว่าที่ผู้กำกับคาดไว้ การทำงานในวันนี้จึงจบลง ผมกับยูมะจึงไปเปลี่ยนชุดในขณะที่ริวทาโร่นั่งรออยู่
ร่างเล็กที่เพิ่งเปลี่ยนชุดเสร็จเดินออกมาจากห้องแต่งตัว มือเล็กหยิบกระเป๋าของตนขึ้นมาหมายจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหายูโตะเรื่องที่ต้องไปซ้อมคอนเสิร์ตในเย็นวันนี้ แต่ทว่าในกระเป๋าของเขามีแต่ความว่างเปล่า ไม่เหลืออะไรเลยอยู่ในนั้น ทั้งโทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ ไดอารี่ เครื่องเล่นเอ็มพีสาม ซีดีอาราชิที่เพิ่งซื้อมาใหม่ก็หายเกลี้ยง
มือเล็กควานหาของในกระเป๋าอย่างลุกลี้ลุกลนพลางมองซ้ายมองขวาหาของๆ ตนเผื่อมันอาจไปตกหล่นอยู่ที่อื่น โดยลืมไปว่ามีอีกสองคนที่ยังอยู่ในห้องนั้น
“ยามะจัง ชั้นออกไปซื้อทาโกยากิตรงข้ามสตูดิโอกับริวทาโร่ก่อนนะ รีบตามมาล่ะ” ยูมะพูดพลางสะพายกระเป๋าแล้ววิ่งออกไป ยามาดะยิ้มรับก่อนจะไขกุญแจเปิดล็อกเกอร์ออก ภายในมีโทรศัพท์มือถือ เกมส์กด หนังสืออ่านเล่น ไอพอด กระเป๋าสตางค์ ของทุกอย่างของยามาดะยังอยู่ครบถ้วนภายในล็อกเกอร์นั้น ทำให้ชิเนน ยูริถึงขาสั่น พูดอะไรไม่ออก
ขออย่าให้เป็นอย่างที่ชั้นคิดนะ...
ชิเนนรีบวิ่งออกไปด้านนอก ตรงถาดแสตนเลสสีเงินที่ถูกวางของๆ ยามาดะที่ถูกน้ำมันเคลือบจนเยิ้ม มือเล็กปาดคราบน้ำมันบนกล่องสี่เหลี่ยมบางๆ ที่วางอยู่ออก ทำให้เอาเจ้าตัวแทบลมจับ มันคือซีดีอาราชิที่เขาเพิ่งซื้อเมื่อเช้านี้ ข้างๆ ก็เป็นผ้าพันคอที่โอโนะคุงให้เขาเป็นของขวัญวันเกิด แล้วก็มีโทรศัพท์มือถือสีชมพูของเขาที่ตอนนี้กลายเป็นสีดำ แว่นกันแดด เครื่องเล่นเอ็มพีสาม และไดอารี่ที่เขาพกติดตัว
มือของใครบางคนหยิบไดอารี่เล่มนั้นขึ้นมา ตรงหน้าปกเขียนชื่อชิเนน ยูริไว้เห็นเด่นชัด นิ้วเรียวพลิกเปิดหน้ากระดาษโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของไดอารี่แม้แต่น้อย รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าหวาน ดวงตากลมสบมองตาของเขาอย่างเย้ยหยัน
“วันที่21กุมภาพันธ์ ปี2009
ชั้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายูโตะกับยามะจังจะคบกันจริงๆ อย่างที่ข่าวลือบอก
ถึงแม้ว่าคู่นี้จะเหมาะสม แต่ยังไงชั้นก็ไม่ยอมซะหรอก
ชั้นน่ะชอบยูโตะมาก่อนยามะจังอีกนะ...ถึงแม้ว่าสองคนนี้จะรู้จักกันมานานก็ตาม
ชั้นตัดใจจากยูโตะไม่ได้!! และจะไม่มีวันตัดใจด้วย!!
ณ วินาทีนี้ชั้นอยากกำจัดยามะจังไปให้ไกลจากยูโตะ
ถ้าไม่มียามะจัง ยูโตะก็คงเลือกชั้นอย่างแน่นอน...เพราะว่าชั้นน่ะ....”
“หยุดนะ!! มาอ่านไดอารี่ของคนอื่นตามใจชอบได้ยังไงกัน!!” ชิเนนตวาดเสียงดังลั่น ผมปิดหน้าไดอารี่ลงก่อนวางมันไว้ที่เดิม ผมโปรยยิ้มไปให้เจ้าตัวอย่างไม่ถือสา
“ทีนายยังมาเปิดกระเป๋าชั้นโดยไม่ได้ขออนุญาตเลยนี่นา...” น้ำเสียงเชิงพูดเล่นของผม เรียกน้ำโหให้ชิเนนได้มากเลยทีเดียว
“นายพูดอะไร? ชั้นไปเปิดกระเป๋านายตั้งแต่เมื่อไร?” หน้าของยูริซีดลงไปถนัดตาเมื่อเจ้าตัวรู้ตัวว่าผมจับผิดเขาได้
“ก็ตอนที่ชั้นทานมื้อกลางวันอยู่กับริวทาโร่ สุดที่รักของนายไง แต่ก็นะ....ขอโทษที เผอิญว่าชั้นไม่โง่!!” ผมกระแทกเสียงในคำหลัง ขณะที่ตีใบหน้ายิ้มแย้ม
“นายเป็นคนเอาของๆ ชั้นไปใส่ไว้ในกระเป๋านายใช่มั้ย?” น้ำเสียงของชิเนนเริ่มสั่น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรือกำลังจะร้องไห้ ผมได้แต่ยิ้มและส่ายหน้า
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ชั้นเห็นว่ากระเป๋าของนายมันใหม่เกินไป มันดูล่อตาล่อใจพวกขโมย ชั้นก็เลยเอาของๆ นายมาเก็บไว้ในกระเป๋าของชั้นก่อนก็แค่นั้นเอง ชั้นไม่ได้ตั้งใจนะชิเนน” ผมพูดด้วยความหวังดี แต่คนฟังโมโหจนควันแทบจะออกหู ทำเอาผมแทบจะเผลอยิ้มอย่างสะใจออกมา แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการจะทำ มือของผมหยิบยื่นอะไรบางอย่างให้อีกฝ่าย
“นายวิ่งออกมาไม่ได้ใส่รองเท้า ชั้นก็เลยหยิบมาให้^^” ชิเนนรับมันมาอย่างหวาดระแวง แต่เมื่อเห็นว่ารองเท้าผ้าใบสีดำมันเงาของตนดูปกติดีจึงสวมไปโดยไม่ทันคิดอะไร
ทันทีที่สวมเข้าไป คนตัวเล็กก็ต้องรีบถอดออกมาอย่างรวดเร็ว ถุงเท้าลายแพนด้าของเขากำลังฉ่ำเยิ้มไปด้วยกาวและน้ำมันเครื่องที่ถูกทาอยู่ภายใน ดวงตาคู่สวยจ้องยามาดะราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่คนถูกมองกลับยิ้มกว้างอย่างร่าเริง
“ทำไมไม่ใส่เข้าไปล่ะชิเนน?”
“นายทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?” ชิเนนถามเสียงแข็ง ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ ก็ในเมื่อรองเท้าคู่นี้เป็นคู่ที่สำคัญมากๆ มันเป็นคู่ที่โอโนะคุงเคยใส่สมัยเด็กแล้วยกให้เขาในฐานะแฟนคลับ ไม่โกรธก็แปลกล่ะ
“นายไม่ใช่เป้าหมายของชั้น....เพราะฉะนั้นอย่ามายุ่งกับชั้นอีก!!” ผมเปรยก่อนจะหันหลังเดินกลับออกมาแต่ต้องชะงักกับคำถามของอีกฝ่าย
“.....เมื่อวานนี้นายคุยอะไรกับยูโตะ?”
ผมยืนนิ่งเงียบเพราะไม่รู้จะตอบอะไร ภาพแห่งความทรงจำที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวสมอง ภาพของผมกับยูโตะที่จูบกันอยู่กลางสายฝน คำมั่นของผมที่ให้ไว้กำลังตอกย้ำผมอีกครั้ง สิ่งที่ผมทำในวันนี้..ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายชิเนนแต่อย่างใด เพียงแต่มันเป็นการระแวดระวังตัวของผมเองที่เก็บของมีค่าไว้ในล็อกเกอร์แล้วเหลือกระเป๋าเปล่าๆ เอาไว้ แล้วชิเนนก็มาทำกับผมแบบนี้อีก มันมีเพียงสองหนทางให้ผมเลือกเดิน นั่นก็คือ ยอมกับสู้ ผมเลือกที่จะสู้กลับไปเพราะหากผมยอมชิเนนอีก หมอนี่ก็จะได้ใจอีกเป็นครั้งที่สองหลังจากสามารถแย่งยูโตะไปจากผมได้ ผมก็เป็นคนๆ นึงที่มีสองขาสองแขนมีหัวใจไม่ต่างอะไรจากชิเนน แต่ผมจะไม่ยอมทนเป็นคนดีให้ถูกหักหลังอีกต่อไปแล้ว...ผมจึงเอาของในกระเป๋าของชิเนนไปใส่ไว้ในกระเป๋าน้ำมัวท่วมของผม ชิเนนเป็นฝ่ายเริ่มก่อนนะ...เพราะฉะนั้นผมไม่ผิด
“ยามะจัง...” ริวทาโร่กับยูมะวิ่งตรงเข้ามาหาผม ริวทาโร่เมินหน้าหนียูริทันทีที่ได้สบตากัน มือแกร่งของยูมะยื่นบางอย่างมาให้ผม
“มาเล่นดอกไม้ไฟกันไหม? ชั้นซื้อมาเมื่อกี้ ลองหน่อยนะ ชิเนนก็ด้วย” ยูมะพูดพลางยัดแท่งดอกไม้ไฟในมือเล็กก่อนจะหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดดอกไม้ไฟให้ริว ผมและยูริ ประกายไฟที่ส่องสว่างหลากสีทำให้เราสามคนตื่นเต้นมาก แต่ยูริกลับยืนถือมันนิ่งๆ ใบหน้าบึ้งตึงไม่พูดไม่จา
“ชิเนน นายยิ้มแย้มหน่อยสิ” ผมเอื้อมมือไปหยิกแก้มคนตัวเล็กเบาๆ พลางใช้แขนกระแทกข้อมือบางที่ถือดอกไม้ไฟอยู่จนดอกไม้ไฟในมือหล่นไปอยู่บนรองเท้า ประกายไฟกับน้ำมันก่อให้เปลวไฟเล็กๆ ลุกโชนอยู่ในรองเท้าโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ชิเนนหน้าเหวอที่เห็นรองเท้าแสนรักกำลังถูกไฟไหม้ไปต่อหน้าต่อตา
“ยูมะ ริวทาโร่ ชั้นอยากกินราเมนอ่ะ นายพอมีเวลาไปกินก่อนจะไปซ้อมมั้ย?” ผมหันไปถามอีกสองคนโดยไม่มีท่าทีผิดปกติใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งสองคนยิ้มรับก่อนจะลากผมวิ่งออกไปโดยไม่ได้สนใจยูริเลยแม้แต่น้อย ดวงตาคู่สวยปริ่มไปด้วยน้ำตา ความเจ็บปวดราวกับถูกมีดปักฝังอยู่ในอก ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นอย่างโกรธแค้น ไม่เคยมีใครที่ทำให้ชิเนน ยูริคนนี้ต้องเสียท่า เสียหน้ามากขนาดนี้มาก่อน
นายแน่มาก.....ยามาดะ เรียวสุเกะ อย่าให้ถึงทีของชั้นบ้างก็แล้วกัน
..
.... N eL’ L....
Create a playlist at MixPod.com
มาอัพแล้วตามสัญญา
วันนี้ไรท์เตอร์อายุสิบแปดแล้ว โฮกกกกกกกกกกกกกกกก
ขอโทษที่ให้รอนาน แต่ว่าอยากจะอัพฉลองวันเกิดตัวเอง
ก็เลยปล่อยให้ทุกคนรอมาจนถึงวันนี้
ขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านและคอยติดตามเรื่องนี้ตลอดนะคะ
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเพิ่งลงในเด็กดี แต่ทุกคนก็เม้นให้กำลังใจมาโดยตลอด
ありがとう みんなさん!
ความคิดเห็น