คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ความทรงจำกับวันวาเลนไทน์
ผมมองริวทาโร่อย่างตกตะลึง นั่นเป็นครั้งแรกที่ริวทาโร่เรียกผมว่ายามะจังเหมือนที่คนอื่นๆ เขาเรียกกัน
มันเขยิบใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ จมูกโด่งๆ ของริวทาโร่ชนกับจมูกของผมโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
ริมฝีปากของริวทาโร่กำลังจะสัมผัสกับริมฝีปากของผม ผมกำเสื้อของเจ้าริวไว้แน่น ความอบอุ่นจากเจ้าตัว
ทำให้ผมอ่อนลงจนไม่อาจจะปฏิเสธมันได้....
วืดดด..... ร่างของริวทาโร่โดนกระชากออกไปด้วยฝีมือของใครบางคน คนโดนกระชากลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น
ส่วนบุคคลที่สามที่เพิ่งเข้ามาขัดมองหน้าริวทาโร่อย่างไม่พอใจ
“ยูโตะ! !” ริวทาโร่อุทานดังลั่นพลางดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน
ร่างสูงโปร่งที่เพิ่งเข้ามาขัดจังหวะยืนกั้นกลางระหว่างผมและริวทาโร่อย่างเอาเรื่อง
“ยาบุให้ชั้นมาตามนายกลับไปซ้อม รีบไปได้แล้ว” เสียงดุๆ ของยูโตะทำให้ผมรู้สึกกลัวขึ้นมา
ผมเห็นเจ้าหนูริวแอบค้อนใส่ยูโตะอย่างไม่พอใจ
“นายไปก่อน ชั้นมีเรื่องจะต้องทำแถวนี้” ยูโตะย้ำเมื่อเห็นริวทาโร่ยังไม่ยอมไปไหน
เจ้าหนูริวเหลือบมองผมที่ส่งสายตาเป็นเชิงให้ทำตามสิ่งที่ยูโตะสั่ง ริวทาโร่จึงยอมกลับไปแต่โดยดี
ร่างสูงหันกลับมามองผมด้วยสายตาเย็นชา ผมไม่อาจทนมองหน้ายูโตะได้นานนัก
เนื่องจากก้อนเนื้อตรงอกซ้ายมันเต้นไม่เป็นจังหวะ ผมรีบหันกลับเตรียมจะไปซื้อตั๋วรถไฟ แต่ยูโตะก็รั้งผมเอาไว้
คนจะกลับบ้านก็ไม่ได้กลับ ทำไมวันนี้มันมีแต่คนรั้งผมไว้นะเนี่ย?
“ออกจากวงไปแล้วก็อย่ามาสร้างปัญหาให้จั๊มพ์อีก...ถ้านายอยากนักละก็..ชั้นจะสนองให้ก็ได้นะ”
ยูโตะกระซิบข้างหูผม ผมรีบผลักมันออกไปให้ไกลสุดแรง
“ต่ำ! ! วันๆ คิดได้แค่นี้ละสิ แล้วจำไว้ด้วยนะว่า..ยามาดะ เรียวสุเกะคนนี้ไม่ได้อยากจะเกี่ยวข้องใดกับคนในจั๊มพ์
นักหรอกนะ โดยเฉพาะนาย...อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย” ผมตะคอกใส่มันก่อนจะรีบชิ่งหนี
ผมเหลือบมองสีหน้ามันผ่านกระจกแถวที่ซื้อตั๋ว สีหน้ามันดูเหมือนรำคาญผมมาก
ผมรู้สึกแย่และอยากจะร้องไห้มากกว่าเก่า นี่หรือคนที่เคยรักกัน? ผมมันก็แค่คนรู้จักที่โดนเขาเขี่ยทิ้งยังงั้นใช่มั้ย?
ใช่สิ..ตอนนี้ผมไม่เหลือใครแล้วมีแค่ไดกิ อิโนะ ริวทาโร่ที่ยังเห็นหัวผมอยู่ นอกนั้นล่ะ?
ผมคงเป็นส่วนเกินสำหรับทุกคนมาตลอดสินะ...
ผมนั่งลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า ตลอดทางที่ผมกลับบ้านผมได้แต่คิดอะไรหลายๆ อย่าง
เกี่ยวกับเรื่องของยูโตะและจั๊มพ์ มันทำให้ผมต้องหลั่งน้ำตาแทบตลอดทาง ถึงแม้เรื่องทุกอย่างมันจะผ่านไปเป็นปีแล้ว
แต่ก็แผลในใจของผมยังคงอยู่โดยไม่มีอะไรจะมารักษาหรือลบล้างแผลนี้ได้เลยแม้กระทั่งเวลาที่หลายๆ คนบอกผมว่า
ให้ใช้เวลาเป็นเครื่องช่วยรักษาเยียวยาบาดแผลในใจผม แต่มันไม่ได้ทำให้ผมดีขึ้นเท่าไรนัก จากเหตุการณ์ครั้งนั้น
ทำให้ผมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากที่เป็นคนยิ้มง่าย อ่อนไหว ไม่ค่อยเปิดเผย กลายเป็นคนไร้รอยยิ้ม เด็ดขาด
เปิดเผยความรู้สึกออกมามากขึ้นและรู้จักพูดแรงๆ เหมือนที่ชิเนนทำกับผม ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม...
สองกำปั้นทุบลงบนโต๊ะหนังสืออย่างแรงด้วยความเจ็บปวด ผมทุบมันเมื่อนึกถึงเรื่องราวเหล่านี้
เมื่อนึกถึงสีหน้ารำคาญของหมอนั่น ผมรู้ดีว่ายูโตะจะชอบทำสีหน้าแบบนี้กับคนที่มันเกลียดมากเท่านั้น
นั่นก็หมายความว่ามันเกลียดผม! ! ความเจ็บจากมือแล่นร้าวผ่านเส้นประสาทขึ้นมาถึงสมอง
แต่ก็ไม่ทำให้ผมเจ็บเท่าการที่ยูโตะมองผมด้วยสายตาแบบนั้นหรอก
ลิ้นชักเล็กๆ ของโต๊ะหนังสือเขยื้อนออกมาตามแรงที่ผมทุบโต๊ะ ผมเหลือบมองข้างในลิ้นชักอย่างหวั่นๆ
เพราะสิ่งที่ผมเก็บไว้ในนั้นอาจจะทำให้ผมคลั่งไปมากกว่านี้ การ์ดใบเล็กๆ จำนวนมากถูกยัดเยียดอยู่ในนั้นพร้อมกรรไกร
คัตเตอร์ ใบมีด อุปกรณ์แกะสลักและของมีคมต่างๆ ผมเป็นคนยัดเก็บเอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว
การ์ดนี้เป็นการ์ดที่ยูโตะเขียนให้ผม ผมเก็บมันเอาไว้เป็นอย่างดี ส่วนพวกกรรไกรคัตเตอร์ทั้งหลายแหล่
ผมเก็บมันไว้เพื่อไม่ให้เกิดอาการคุ้มคลั่ง เพราะหลังจากที่ผมเลิกกับยูโตะมา ผมคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง
แต่ว่าผมอ่อนแอเกินกว่าจะทำเช่นนั้น ผมจึงเลี่ยงที่จะไม่เห็นอะไรที่มันล่อตาล่อใจให้ผมทำอะไรบ้าๆ ลงไป
มือผมหยิบแหวนสีเงินจากในลิ้นชักออกมา น้ำตาผมไหลทันทีที่เห็นมัน ผมเกือบลืมไปแล้วว่ายังมีแหวนวงนี้อยู่
มันเป็นหนึ่งในสี่ของขวัญวาเลนไทน์ปีที่แล้วที่ผมได้จากยูโตะ ด้านในของแหวนสลักชื่อผมกับมันไว้ตามคำขอของผม
ในตอนนั้นผมกับยูโตะแอบคบกันโดยที่ในจั๊มพ์ไม่มีใครรู้ ผมจึงขอให้ยูโตะเลือกสลักชื่อไว้ด้านในของแหวน
เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาของหลายๆ คน
“ขอโทษทีนะยูโตะ เผอิญเซนเซเรียกใช้งานเยอะไปหน่อย” ผมวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในร้านไอติมแห่งหนึ่ง
ที่เงียบสงบ ยูโตะที่นั่งรออยู่ยิ้มกว้างให้ผม “รอนานมั้ย?” ผมถามมัน
“ชั้นรอยามะจังได้เสมอล่ะ” มันโปรยยิ้มให้ผม ผมรีบนั่งลงตรงข้ามมัน
สายตาผมเหลือบไปเห็นถุงสีขาวขุ่นขนาดใหญ่วางๆ อยู่ใต้โต๊ะ
“สั่งไอติมเถอะ ชั้นรอนายจนหิวแล้วนะ” ยูโตะตัดพ้อ ผมจึงละสายตาจากถุงนั่นหันมาสั่งไอติมสตอเบอร์รี่
ของโปรดที่กำลังเป็นโปรโมชั่นในเทศกาลวาเลนไทน์ ผมกับยูโตะเลือกกินสตอเบอร์รี่พาร์เฟ่ต์เหมือนกัน
“ขอโทษนะ ชั้นทำให้นายต้องรอนานอีกแล้วสิเนี่ย” ผมพูดพลางวางกระเป๋านักเรียนไว้ใต้โต๊ะ
ยูโตะเองก็เอื้อมมือไปหยิบอะไรบางอย่างจากถุงนั่นมาให้ผม
ดอกกุหลาบขาวหนึ่งดอก...ที่ค่อนข้างจะช้ำนิดหน่อย ผมรับมันมาอย่างเขินอาย
ผมแค่หลุดพูดกับมันเมื่อเช้าของวันนี้ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์ไว้ว่าอยากได้กุหลาบขาว ไม่คิดเลยว่ามันจะให้ผมจริงๆ
“ชั้นซื้อมันมาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ให้นายสักที วันนี้นายท่าทางจะยุ่งเลยไม่ได้ให้สักที
ชั้นรอจนมันจะเหี่ยวแล้วนะ” คำตัดพ้อของยูโตะทำให้ผมอมยิ้มแล้วหยิกแก้มมันเบาๆ
“ขอโทษนะ” ผมเอ่ยเบาๆ แต่มันกลับทำหน้ามุ่ยใส่ผมพลางเหลือบมองช่อกุหลาบสีชมพู
ที่ผมถือติดมือมาที่วางอยู่ข้างๆ ตัว
“อ้ะ...คือว่า....ชั้นเอาไปทิ้งก็ได้นะ” ผมพูดพลางหยิบช่อดอกไม้นั่นแล้วทำท่าจะลุกขึ้น
แต่ยูโตะเอื้อมมือมาห้ามผมไว้
“ยูมะเค้าอุตส่าห์ให้นายมานะ ถ้าหมอนั่นรู้จะเสียใจแย่นะ” คำปรามของหมอนั่นทำให้ผมรู้ได้อย่างชัดเจน
ว่ามันกำลังงอนผมอยู่ เพราะเมื่อเช้านี้ระหว่างที่ผมนั่งรอมันอยู่ที่ห้องเรียนตอนเช้าตรู่และกำลังคุยโทรศัพท์จิกมัน
ให้ออกจากบ้านมาร.ร.อย่างว่องไว แล้วยูมะก็เข้ามามอบช่อดอกไม้ให้ผมพร้อมกับสารภาพรักโดยที่หมอนั่นไม่รู้ว่า
ผมกำลังคุยอยู่กับยูโตะแถมยูโตะก็ได้ยินหมดทุกอย่าง ในตอนนั้นผมดีใจมากกับช่อดอกไม้ช่อแรกในชีวิต
ผมเผลอกอดยูมะอย่างแนบแน่นด้วยความดีใจ หลังจากนั้นยูโตะก็หงุดหงิดใส่ผมผ่านโทรศัพท์แล้วก็ตัดสายไป
“ขอโทษนะยูโตะ...” ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีพลางวางช่อดอกไม้นั่นไว้ข้างตัว พนักงานเสิร์ฟเข้ามาทำหน้าที่
เสิร์ฟไอติมทันทีที่ผมเงียบลง และทันทีที่พนักงานในร้านเดินจากไป ยูโตะรีบจับมือซ้ายของผมอย่างรวดเร็วจนผมตกใจ
มันถอดแหวนเงินที่นิ้วนางข้างซ้ายของมันออกแล้วสวมให้ที่นิ้วนางข้างซ้ายของผม ผมได้มองมันอย่างอึ้งๆ
“ต่อไปนี้นายเป็นของชั้นแล้วนะ” มันส่งยิ้มให้ผม ผมรู้สึกดีใจปนเขินที่มันยังจำได้ว่าผมเคยหลุดปากออกไปว่า
อยากได้แหวนคู่ แต่เอ๊ะ? แหวนคู่...แล้วทำไมมันต้องถอดจากมือมันมาให้ผมล่ะ?
“แหวนของนายล่ะ?” ผมถาม มันทำหน้างง
“ห๊ะ? แหวนอะไร?”
“ก็แหวนคู่ไงเล่า! ที่นายให้มามันเป็นของชั้น แล้วของนายล่ะ?” ผมอธิบายอีกที มันทำหน้าเหวอเข้าไปใหญ่
“ต้องมีอีกอันด้วยหรอ?” คำตอบของยูโตะทำเอาผมกุมขมับอย่างปวดหัว
“ถ้ามีอันเดียวแล้วจะเรียกว่าแหวนคู่เรอะ? ตกภาษาญี่ปุ่นหรอไง” ผมโวยวาย
“อ่า ยามะจังก็ซื้อให้ชั้นสิ” มันโวยวายบ้าง ผมทำแก้มป่องอย่างขัดใจ
ยูโตะจึงรีบหยิบถุงสีขาวใต้โต๊ะนั่นขึ้นมา ในนั้นมีกล่องช็อกโกแลตยี่ห้อโปรดกับตุ๊กตาหมาอยู่ตัวนึง
“น่ารักจังเลย! หน้าเหมือนนายเลยยูโตะ!” ผมหัวเราะลั่น มันยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ
“ตอนที่ชั้นเห็นแว้บแรกชั้นคิดว่านายต้องชอบมันแน่ ชั้นก็เลยซื้อมาเมื่อกี้นี่เอง”
“ขอบคุณนะ อ้ะนี่...” ผมหยิบกล่องช็อกโกแลตยี่ห้อที่ผมโปรดปรานที่ผมกัดฟันซื้อให้มันด้วราคาแพงลิบลิ่ว
มันรับพลางยิ้มแก้มปริหุบไม่ลงเลยทีเดียว ในกล่องนั่นแนบการ์ดที่ผมเขียนไว้ด้วย
“กลับไปอ่านที่บ้านนะ! ไม่งั้นจะไม่เขียนให้อ่านอีก!” ผมสั่งเด็ดขาด มันจึงยอมทำตามอย่างว่าง่าย
หลังจากนั้นผมกับยูโตะจึงลงมือกินไอติมกันอย่างมีความสุข...
ภาพแห่งความสุขนั่นไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวสมอง ผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวพลางเหลือบมอง
เจ้าตุ๊กตาหมาตัวนั้นที่ยูโตะให้มาซึ่งวางอยู่ที่หัวเตียง มันยังคงความน่ารักไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันแรกที่ได้มา
ผมเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมากอดไว้แนบออก
มันจะมีช่วงเวลาแบบนี้อีกมั้ย? ที่ชั้นจะได้กอดนายแบบนี้บ้าง....
.............................
ขออภัยที่ให้ค้างนาน ฮ่าๆ มาอัพเพราะกลัวโดนเอ็ม79จากคนอ่าน ฮ่าๆ
ตอนนี้เศร้ามั้ย? ถ้าคิดว่าเศร้า คุณคิดผิดล่ะ!!
เพราะตอนล่าสุดที่กำลังแต่งอยู่นั้น ทำให้ไรท์เตอร์น้ำตาไหลพรากมากกว่าตอนนี้อีก ฮ่าๆ
คาดว่าอีกสองสามตอนเนื้อเรื่องก็จะเริ่มเปลี่ยนละนะ ออกแนวหักมุมหน่อยๆ
ดูจากชื่อเรื่อง ยามะต้องร้ายชิมิ? นั่นละ ใกล้ถึงช่วงนั้นแล้วล่ะ
หลังจากตอนนี้อาจจะหายไปพักนึงเพราะขอไปอัพฟิคเกาหลีก่อนนะ
เดี๋ยวโดนคนอ่านตื้บเอาบวกกำลังจะพิมพ์ฟิคขายก็เลยวุ่นๆ เล็กน้อย
ขออภัยสำหรับเม้นในไอดีด้วยจ้ะ ของโซลและของคนอื่นๆ ไม่มีเวลาตอบเลยล่ะ T^T แอดเอ็มดีกว่านะ
แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ^___^ เจอกันตอนหน้า
... N eL’ L
ความคิดเห็น