คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : กลลวง
แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปของบรรดานักข่าวผลัดกันฉายแสงวูบวาบไม่หยุดหลังจากที่ผู้ดำเนินรายการแถลงข่าว
เอ่ยเรียกบุคคลสำคัญของการแถลงข่าวครั้งนี้ สมาชิกจั๊มพ์พากันเดินเรียงขึ้นเวทีมา เสื้อผ้าหน้าผมของพวกเขา
เรียกเสียงฮือฮาของทุกคนในที่นั้นได้มากเลยทีเดียว จากภาพลักษณ์เด็กๆ ที่ร่าเริงสดใสกลับกลายเป็นหนุ่มน้อยที่มีเสน่ห์
และแฝงไปด้วยความเซ็กซี่ น่าหลงใหล เป็นภาพลักษณ์ที่ไม่สามารถพบได้ในจั๊มพ์นอกจากในคอนเสิร์ตครั้งนี้
สมาชิกจั๊มพ์นั่งลงบนเก้าอี้ที่ถูกเตรียมไว้ โดยที่ยูโตะที่เดินมาทีหลังสุดนั่งอยู่ริมสุดติดกับบันไดที่ขึ้นเวทีแถลงข่าว
“สวัสดีครับ พวกเราเฮเซย์จั๊มพ์ครับ” ทุกคนทักทายสื่อมวลชนอย่างพร้อมเพรียงตามมารยาท
ก่อนที่การแถลงข่าวอย่างจริงๆ จังๆ จะเริ่มต้นขึ้น
“คอนเสิร์ตเฮเซย์ โฮสท์ทัวร์ในครั้งนี้นั้นค่อนข้างจะแตกต่างจากคอนเสิร์ตครั้งอื่นๆ ของพวกเรา
ที่เต็มไปด้วยความน่ารักสดใสที่จะทำให้แฟนๆ ทุกคนได้อมยิ้มและสนุกไปกับพวกเรา แต่ว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้นั้น
เป็นการฉีกกรอบและภาพลักษณ์เดิมๆ ของจั๊มพ์ โดยเราจะทำให้ทุกคนรู้สึกว่ากำลังอยู่ในโฮสท์คลับของจั๊มพ์
โดยที่มีหนุ่มหล่อทั้งเก้าคนคอยปรนนิบัติสร้างความสุขให้ทุกคนครับ” ผู้นำของจั๊มพ์อย่างยาบุเปรยถึงเรื่องคอนเสิร์ตครั้งนี้
เพื่อไขข้อข้องใจถึงการที่พวกเขาสวมเสื้อผ้าแนวๆ นี้ขึ้นมาแถลงข่าวให้กับเหล่าสื่อมวลชนให้หายสงสัย
“ในคอนเสิร์ตครั้งนี้จะพิเศษกว่าครั้งไหนๆ เพราะว่าจัดขึ้นที่โตเกียวโดมเพื่อรองรับแฟนๆ ทุกคน
นอกจากนั้นยังมีโซโล่พิเศษที่รับรองว่าถ้าพลาดแล้วจะเสียใจนะครับ” ชิเนนยิ้มกว้างพลางพูดตามสคริปต์ที่เตรียมไว้
“แล้วสมาชิกจั๊มพ์แต่ละคนรู้สึกอย่างไรบ้างครับกับคอนเสิร์ตในครั้งนี้ครับ?”
ผู้ดำเนินรายการเอ่ยถาม ยูโตะยิ้มก่อนจะอาสาตอบ
“พวกเราค่อนข้างจะตื่นเต้นทีเดียวที่ได้เปลี่ยนคอนเซปต์เปลี่ยนภาพลักษณ์ให้ดูโตขึ้น
เหมือนกับว่าพวกเรากำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตัวผมเองชอบคอนเสิร์ตครั้งนี้มากเพราะมันเหมือนกับว่าถึงเราจะกลายเป็นชายหนุ่ม
หรือเป็นหนุ่มน้อยที่ร่าเริงสดใส แต่เราก็ยังสามารถทำให้ทุกคนสนุกและมีความสุขไปกับพวกเราได้ครับ”
“ผมเองก็ชอบนะครับเพราะว่ามีการแสดงอะไรหลายๆ อย่างที่พวกเราไม่เคยได้ทำ
แต่เราต้องมาทำมันเพื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้ ผมเลยรู้สึกว่ามันทำให้พวกเราได้เรียนรู้และมีประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยครับ” ไดกิเสริม
“เพราะว่าพวกเราเป็นเสมือนเหล่าโฮสท์ที่หล่อ น่ารักรวมตัวกันเป็นโฮสท์คลับที่แฟนๆ ทุกคนหลงรักแล้ว
เฮเซย์โฮสท์คลับเองก็มีแขกวีไอพีขาประจำที่จะมาร่วมแจมในคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วยครับ” ฮิคารุกล่าวบ้าง
ผู้ดำเนินรายการทำหน้าเหวอเล็กน้อย (ตามสคริปต์) ก่อนจะเหลือบมองพวกนักข่าวที่รู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของยาโอโตเมะ
“จริงหรอครับ? ใครกับครับแขกวีไอพีที่ว่า...พอจะบอกผมได้มั้ย?”
“ถ้างั้นเราก็เรียกเขาออกมาเลยดีกว่าครับ....ขอเชิญเกสต์คนสำคัญของเราเลยครับ”
ฮิคารุเปรยก่อนจะส่งสัญญาณไปให้เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เวที
ร่างของนากายามะ ยูมะในชุดโฮสท์สีดำเดินมาข้างๆ เวทีพร้อมกับร่างอวบในชุดกิโมโนที่ถือพัดปิดหน้าไว้
ตามคำสั่งอันบ้าบิ่นของลุงจอห์น ยูมะค่อยๆ พยุงคนข้างๆ ให้ขึ้นบันไดราวกับชายหนุ่มที่คอยประคองหญิงสาว
อย่างทะนุถนอมจนร่างอวบนั่นนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ยูโตะก่อนที่จะยูมะจะนั่งลงข้างๆ กัน
“ยูมะคุงกับใครกันน่ะ? สวยมากเลย....หรือว่าเด็กคนนั้นจะมาจากเฮลโหลโปรเจคต์น่ะ?”
ผมบังเอิญได้ยินเสียงพี่นักข่าวคนนึงกระซิบกับคนข้างๆ ผมแทบจะอายจนมุดเวทีหนี ดีนะที่ยังเอาพัดปิดหน้าไว้
แต่ดูเหมือนนักข่าวคนอื่นๆ จะไม่รู้ว่าผมคือยามาดะ เรียวสุเกะที่กำลังตกเป็นข่าว
นี่แค่เอาพัดปิดหน้า...ก็ไม่มีใครจำผมได้แล้วหรอ?
“สวัสดีครับ ผมนากายามะ ยูมะครับ” ยูมะโปรยยิ้มอันหล่อเหลาออกไปก่อนจะหันมามองผมเป็นเชิงบังคับ
ให้ผมแนะนำตัว นิ้วเรียวของผมบรรจงหุบพัดลงอย่างช้าๆ ด้วยท่าทีราวกับคุณนาย
ผมรู้สึกได้เลยว่าใบหน้าของผมร้อนมากๆ แต่ผมก็ต้องยิ้มเอาไว้ก่อน
“ผม...ยามาดะ เรียวสุเกะครับ” ทันทีที่ผมพูดจบ ราวกับว่าคำพูดของผมนั้นไปกระทบแม่ใครเข้า
ทุกคนพากันตกใจโดยไม่ได้นัดหมาย ผมชักรู้สึกไม่ดีสักเท่าไรที่ทุกคนมองผมแบบนั้น
แต่ทว่ายูโตะก็เอาไมค์ในมือมาสะกิดผมเล็กน้อย
“อย่าทำสีหน้าตื่นแบบนั้นสิ ยิ้มเข้าไว้” ทันทีที่ฟัง ผมก็ได้สติแล้วสวมหน้ากากฉีกยิ้ม
ให้ดูสวยที่สุดตามที่ลุงจอห์นสั่งมา (อีกแล้ว)
“ผมกับยูมะจะมาร่วมเนรมิตคอนเสิร์ตครั้งนี้ไปกับสมาชิกจั๊มพ์เพื่อให้คอนเสิร์ตนี้ทำให้แฟนๆ
ทุกคนมีความสุขครับ” ผมยิ้มก่อนจะหันไปสบตากับยูโตะ เมื่อเห็นว่ามันมองมาที่ผมเป็นเชิงชื่นชม
“แล้วเรื่องภาพหลุดของนากาจิม่ากับยามาดะละคะ? พอจะบอกได้มั้ยคะว่ามันเป็นมายังไง?”
นักข่าวคนหนึ่งโพล่งขึ้นมา นับว่าเป็นคำถามที่ทุกคนอยากรู้ เลยทำให้ประเด็นนี้กลับมาฮือฮาอีกครั้ง
“นั่นเป็นการซ้อมโซโล่ช่วงหนึ่งของผมกับยามาดะในคอนเสิร์ตครั้งนี้ครับ” นากาจิม่าตอบ
สร้างความตกใจให้ทุกคนในจั๊มพ์และนักข่าวพวกนั้นรวมทั้งยูมะด้วย
“ครับ เพราะว่าผมต้องร่วมแสดงในคอนเสิร์ตและก็ยังไม่ชินกับท่อนโซโล่นั้นที่ผมต้องโซโล่คู่กับยูโตะ
เราเลยต้องซ้อมคู่กัน แต่เนื่องจากว่าคอนเซปต์ของคอนฯคือโฮสท์คลับ การโซโล่เลยออกมาในแนวผู้ใหญ่ๆ เซ็กซี่ๆ บ้าง
เลยอาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดครับ” ผมอธิบายบ้างก่อนจะแอบส่งสายตาไปยิ้มเยาะใส่ชิเนนที่จ้องมาที่ผมกับยูโตะอย่างตกใจ
“การโซโล่ของผมกับยามาดะนั้น แม้แต่สมาชิกจั๊มพ์ก็ไม่รู้เช่นกันเพราะว่ามันจะเป็นไฮไลท์ที่จะเซอร์ไพรส์
ทั้งแฟนคลับและตัวจั๊มพ์เอง แต่เนื่องจากว่ามีข่าวเรื่องนี้ออกมา เราก็เลยต้องออกมาแถลงข่าวเพื่อให้เป็นที่แน่ชัดกับทุกคนครับ”
นากาจิม่ากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะนักข่าวจะเล็งเป้าไปทางผู้จัดการที่ยืนอยู่ข้างๆ เวที
“ผู้จัดการว่าไงบ้างคะ?”
“ก็อย่างที่ทั้งสองคนพูดน่ะครับ เราเองก็ปรึกษาทางผู้ใหญ่แล้วว่าควรจะออกมาแถลงในแน่ชัดเพื่อพิสูจน์ว่ามันไม่ได้มีเจตนาอื่น
แต่อย่างใด ทั้งสองคนเองก็ไม่ได้อยากให้มีข่าวประเภทนี้เกิดขึ้นเพราะมันกระทบกับครอบครับ โรงเรียนแล้วก็งาน
ยังไงก็ฝากสื่อมวลชนทุกท่านช่วยแก้ข่าวในเรื่องนี้ด้วยนะครับ” ผู้จัดการโค้งคำนับก่อนจะเหลือบมองคุณจอห์น
ที่แอบปลอมตัวเนียนอยู่ในกลุ่มนักข่าวซึ่งกำลังมองมาทางเขาและยกนิ้วโป้งให้เป็นเชิงชมเชย
“คูลมาก เด็กๆ แถลงข่าววันนี้เยี่ยมจริงๆ เลย” เสียงชื่นชมของลุงจอห์นดังขึ้นภายในห้องแต่งตัว
หลังจากเสร็จสิ้นการแถลงข่าวเรียบร้อย บรรดาสมาชิกจั๊มพ์ทุกคนพากันเหล่มองเจ้าของค่ายอย่างเอือมระอาโดยไม่มีความเกรงใจ
“นี่คุณจอห์นครับ จู่ๆ ก็เพิ่มเกสต์กับเปลี่ยนแผนคอนเสิร์ตเราแบบนี้ ไม่มีบอกล่วงหน้ากันเลยนะครับ”
ชิเนนยืนเท้าสะเอวพลางตัดพ้ออย่างน้อยใจก่อนจะชายตามามองผมที่กำลังพยายามแกะโอบิที่รัดพุงออก
แต่ยูมะก็กำลังขัดขวางผมอย่างสุดชีวิตด้วยเหตุผลที่ว่า ‘นายสวยอยู่แล้ว..จะเอาออกทำไม’
“นี่มันเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของค่ายเราที่ดีเลิศและเนียนที่สุดเท่าที่เคยมีมาเชียวนะ
แล้วสองคนนี้ก็เคลียร์กันดีเรียบร้อยแล้วด้วย แพลนคอนเสิร์ตของพวกนายนั้นเหมือนเดิมทุกประการ
ยกเว้นตอนที่ยามาดะโซโล่คู่กับยูโตะและเพลงmayonakano shadow boyก็แค่นั้นเอง”
ลุงจอห์นอธิบายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่สำหรับทุกคนในจั๊มพ์ถือเป็นรายละเอียดสำคัญ
ที่ต้องเอาใจใส่เพื่อคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดสำหรับแฟนๆ ทุกคน
“แต่ว่าก็สมเป็นคุณจอห์นดีออกนะ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ฉับไว ไม่เสียผลประโยชน์
แถมไม่ต้องเสียค่าโปรโมทคอนเสิร์ตอีกด้วย” ยาบุเสริมโดยมียาโอโตเมะคอยพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย
“เอาละ พวกเธอกลับบ้านกันไปได้แล้ว ใครมีหน้าที่ไปจัดรายการวิทยุหรือถ่ายละครก็ไปซะ
พรุ่งนี้เธอสองคนมาให้เร็วกว่าคนอื่นๆ หน่อยเพราะว่าต้องมาซ้อมท่อนโซโล่ของเธอสองคน เข้าใจ๊?”
คุณจอห์นสั่งก่อนจะหันมาทางผมกับยูโตะ เราสองคนพยักหน้ารับก่อนจะหันมานัดแนะเวลาที่จะมาซ้อมในวันพรุ่งนี้
ในขณะที่คนอื่นก็พากันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะกลับบ้านโดยที่ผมไม่รู้สึกเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่ง
มองมาที่ผมกับยูโตะอย่างสงสัยอยู่ตลอดเวลา...
ร่างสูงเดินมาหยิบกระเป๋าของตัวเองหลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ มือแกร่งหยิบมือถือของตน
ที่เก็บอยู่ในกระเป๋าออกมาก็พบว่ามีคนส่งเมล์มาให้เขาจึงกดเปิดอ่านอย่างตั้งใจโดยไม่ทันสังเกตเห็นเพื่อนสนิท
ที่เพิ่งเดินมาใกล้ๆ ก่อนจะจ้องหน้าเขาอย่างสงสัย
“เป็นอะไรไป ยูมะ?” ผมถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่นานเกินสิบวิ เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อย
ก่อนจะบอกปัด “ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้ก็ทุ่มครึ่งแล้วให้ชั้นส่งที่บ้านละกันนะ”
“อยากหาเพื่อนเดินกลับบ้านด้วยก็บอกเถอะ” ผมแหย่อย่างรู้ทัน
ร้อยวันพันปีไม่เคยจะชวนกลับบ้านด้วยกันหรอก มีแต่จะไปตามติดชิเนนเพื่อทำคะแนนซะมากกว่า
“เออน่า...แต่ชั้นต้องแวะไปธุระสักแปบนึงก่อนนะ แม่นายคงไม่ว่าใช่มั้ย?”
ผมพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับก่อนจะที่ยูมะจะลากผมออกไป แต่สายตาผมเหลือบไปเห็นริวทาโร่
ที่กำลังเก็บของเหลือบมองผมอยู่ด้วยสีหน้านิ่งๆ
“ริวทาโร่....กลับบ้านดีๆ นะ” ผมกล่าวก่อนจะเดินไปกับเพื่อนซี้ข้างๆ วันนี้ผมรู้สึกแปลกๆ กับริวทาโร่
ตั้งแต่ตอนอยู่ที่โรงเรียนแล้ว มันมองหน้าผมแบบไร้อารมณ์ พูดจาก็ห้วนสั้นลง แถมยังมีสายตาแปลกๆ
ที่มองอย่างกับกำลังตัดพ้อผมนั่นอีก
บนถนนสายเล็กๆ ที่ไร้ผู้คนยามค่ำคืน แสงไฟจากถนนและรวงร้านข้างทางคอยส่องแสงออกมาพอให้มองเห็นทาง
ซอกซอยนั้นเป็นเพียงซอยเล็กๆ ที่มีร้านอาหารเล็กๆ ร้านหนังสือ ร้านซีดีและอีกมากมายหลายร้านซึ่งคนไม่พลุกพล่านเท่าไร
ผมกับยูมะเดินมาตามเส้นทางเล็กๆ นี่พลางคุยกันเรื่องสัพเพเหระมากมายตามประสาเพื่อนร่วมห้องที่สนิทกันคนหนึ่ง
เจ้ายูมะเดินนำผมเข้าไปในร้านๆ นึงที่ผมไม่ชอบใจที่จะเข้าไปนัก
“ร้านดอกไม้ซูนะ สวัสดีค่ะ....” หญิงสาวเจ้าของร้านโผล่หน้าออกมาจากหลังร้านหลังจากได้ยินเสียงกระดิ่ง
ที่ถูกแขวนตรงประตูดังขึ้น ภายในร้านเต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายชนิดส่งกลิ่นหอมอบอวลไปหมด
แต่สำหรับคนแพ้เกสรดอกไม้อย่างผมแล้ว มันคือนรกชัดๆ เลย!!
“โอ๊ะ ยามะจัง เดี๋ยวชั้นมาแป๊บนึงนะ เผอิญนึกได้ว่ามีธุระด่วนแถวนี้ รออยู่ที่นี่นะ”
นากายามะพูดพลางคว้ามือถือของตนขึ้นมาก่อนจะรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ผมได้แต่มองตามมันตาปริบๆ ไหงมันทิ้งกันยังงี้ล่ะ?
“สนใจดอกไม้แบบไหนเป็นพิเศษมั้ยคะ?” เจ้าของร้านถาม ผมได้แต่ส่ายหน้า
“รบกวนรอเพื่อนผมสักครู่นะฮะ หมอนั่นต่างหากที่จะมาสั่งดอกไม้น่ะครับ”
“ถ้างั้นก็ลองดูดอกไม้พวกนี้ไปเพลินๆ ก่อนละกันนะคะ ทางขวามือนี่เพิ่งนำเข้ามาจากต่างประเทศ
เห็นว่าคนที่แพ้เกสรดอกไม้ก็จะไม่รู้สึกแพ้น่ะค่ะ มันเป็นดอกไม้ที่ถูกตัดต่อพันธุกรรมมา
เพื่อคนที่แพ้เกสรดอกไม้โดยเฉพาะน่ะค่ะ” หญิงสาวแนะนำ แววตาสีน้ำตาลของหล่อนเปล่งประกาย
รอยยิ้มอันงดงามที่มีให้กับเหล่าดอกไม้นั่นทำให้ผมชักสงสัยในคำพูดและท่าทีของเจ้าหล่อน
ผมก็ไม่รู้ว่าดอกไม้พวกนั้นจะทำให้ผมไม่แพ้จริงหรือไม่ แต่เธอคนนั้นดูมีความสุขกับดอกไม้นั่นมาก
แสดงว่ามันก็คงไม่ได้เลวร้ายกว่าที่คิดละมั้ง
ผมเดินตรงมาที่แจกันทรงสูงที่อยู่บนโต๊ะหินอ่อนเตี้ยๆ บริเวณนั้น ภายในแจกันมีดอกไม้รูปร่างเหมือนดอกไม้ไฟ
สีชมพูสดมากมายหลายดอกแต่ว่าจมูกของผมไม่รับรู้ถึงกลิ่นของดอกไม้ชนิดนี้เลย
“นี่ดอกอะไรหรอครับ?” ผมถามไปด้วยความแปลกใจ ดอกไม้รูปทรงแปลกตานี่
ไม่น่าจะมีอยู่ในร้านดอกไม้ประเภทนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ไม่ทันที่ผมจะได้คำตอบ ภาพที่กำลังมองเห็นตอนนี้ก็พร่าเลือน
ทุกสิ่งรอบตัวหมุนเร็วราวกับลูกข่างก่อนที่สติสัมปชัญญะจะดับวูบลงไป
ร่างสูงเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ ตามถนนเส้นเดิม แต่ว่าเขาไม่ได้เดินไปทางร้านดอกไม้ที่เขาจากมา
กลับเดินสวนทางออกไปเพื่อที่จะกลับบ้าน ยูมะยิ้มหน้าบ้านตลอดทางที่เดินพลางนึกถึงเมล์ในโทรศัพท์
ที่เขาได้รับเมื่อก่อนหน้านี้อย่างดีใจ
‘ช่วยพายามาดะไปที่ร้านดอกไม้ซูนะหลังจากเสร็จแถลงข่าวทุกอย่างให้ที
ชั้นอยากจะเคลียร์เรื่องของเราที่นั่นสองต่อสอง ขอบใจนายมากนะ ยูมะ
ยูโตะ’
“ชั้นหวังว่านายคงจะได้กลับมารีเทิร์นกับยูโตะอีกรอบนะยามะจัง”
นากายามะเปรยก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไปอย่างภาคภูมิใจที่ได้ช่วยให้เพื่อนได้มีความสุข
“ยูโตะ เอาอันนี้ดีกว่านะซื้อหนึ่งแถมหนึ่งด้วย แต่อันนั้นแถมแค่แม็กเน็ตอย่างเดียวไม่คุ้มหรอก”
เสียงคุ้นหูดังขึ้นแว่วๆ ทำให้แวมไพร์หนุ่มต้องหยุดชะงักก่อนจะหันมองเข้าไปในร้านขายซีดีที่เพิ่งเดินผ่านมา
เขาเห็นยูโตะ เคย์โตะและริวทาโร่กำลังสุมหัวเลือกซีดีเพลงอยู่ในร้าน
“ก็ชั้นอยากได้แม็กเน็ตอันนี้อ่ะ มันเป็นlimited editionเชียวนะ” ร่างสูงโปร่งเถียง
“ถ้านายจะซื้อเพราะจะฟังจังหวะกลองของคนอื่นเขาก็เอาแผ่นนี้ไป วงนี้เน้นเสียงกลองชัดดี
เอาไปฝึกน่าจะเหมาะกว่านะ” ริวทาโร่ดึงแผ่นที่ยูโตะถือออกจากมือแล้วยัดแผ่นที่ตัวเองเลือกให้แทน
“พูดกับชั้นให้มันมีสัมมาคารวะหน่อยสิ ทีเคย์โตะนายยังเรียกว่าพี่เลย ทำไมไม่เห็นเรียกชั้นว่าพี่บ้าง?”
ยูโตะถามด้วยน้ำเสียงกวนๆ
“ยูโตะ!!!!!!!!!!!!” ยูมะรีบวิ่งเข้าใส่คนทั้งสามอย่างรวดเร็วทำเอาสามคนนั้นตาเบิกกว้าง
ตกใจเมื่อเห็นผู้มาใหม่จนพูดอะไรไม่ออก
“นายไม่ไปหายามะจังหรอกหรอ?” นากายามะถาม ยูโตะเลิกคิ้วเข้มๆ นั่นอย่างงุนงง
“จะไปหาทำไม?”
“ก็นายให้ชั้นพายามะจังไปรอนายที่ร้านดอกไม้แล้วไง แล้วทำไมนายยังไม่ไปอีก?”
คำพูดของยูมะ ทำเอาริวทาโร่หันขวับมาค้อนใส่นากาจิม่าอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เจ้าตัวกำลังงงจนมีเครื่องหมายคำถามเต็มใบหน้า
“นี่ๆ นายเป็นคนส่งเมล์ให้ชั้นเองไม่ใช่หรอ?” ยูมะพูดพลางชูมือถือโชว์หลักฐานให้ดูอย่างชัดเจน
ทุกคนมองข้อความอย่างแปลกใจก่อนจะหันมาจ้องตัวต้นเหตุ แต่ยูโตะกลับเหวอยิ่งกว่าเหวอเสียอีก
“บ้าน่า!! ชั้นไม่ได้เป็นคนส่ง....” ยูโตะปฏิเสธ แต่ก็โดนฝ่ามือของแวมไพร์หนุ่มกระแทกศีรษะเข้าอย่างจัง
“อย่ามาอำ...ชั้นไม่ขำนะเว้ย” นากายามะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและสีหน้าที่เคร่งเครียด
ถ้าหากยูโตะไม่ได้ส่งมาแล้วใครกันจะส่งข้อความที่อ้างตัวว่าเป็นยูโตะมาให้เขา
แถมให้ยามะจังไปรอในที่ๆ รู้กันอยู่ว่าเจ้าตัวไม่ชอบสักเท่าไร
“เดี๋ยวนะ...ยูมะ...นายพายามะจังไปรอที่ร้านดอกไม้ไหนนะ?”
ยูโตะถามหลังจากที่นึกอะไรบางอย่างออก “ร้านดอกไม้ซูนะ ตรงสุดถนนเนี่ยเอง”
“ถ้าชั้นจำไม่ผิด เจ้าของร้านดอกไม้นั่นเป็นสโตรกเกอร์ตัวยงของยามะจังนี่นา ใช่มั้ยยูโตะ?” เคย์โตะเปรยขึ้น
ทันทีที่ได้ฟังยูโตะก็วางแผ่นซีดีแล้ววิ่งออกไปเป็นคนแรกด้วยความว่องไว ตามด้วยยูมะ ริวทาโร่และเคย์โตะที่วิ่งตามนากาจิม่าไป
ยามาดะ....หวังว่ายายผู้หญิงโรคจิตนั่นคงไม่ทำอะไรนายนะ
..........................
มาอัพอีกตอนแล้วววววว
อิมเมจของยามะจังในชุดกิโมโนมาจากนางเอกเรื่อง yamato nadeshiko henge ที่คาเมะเล่นล่ะ
วันนี้ไม่สบาย แต่ขอมาอัพสักเล็กน้อย (เผื่อจะหายป่วย)
จะเกิดอะไรขึ้นกับยามะจังกันนะ? ติดตามๆ (ตื่นเต้นว่ะ) (แต่งเองจะตื่นเต้นไมฟั?)
... N eL’ L
ความคิดเห็น