ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ] Painted Boy ฉันจะร้าย..ถ้านายไม่รัก

    ลำดับตอนที่ #10 : เกสต์คนสำคัญ

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 53


                 ... N eL’ L   


    ท้องฟ้าสีฟ้าหม่นครึ้ม เมฆหมอกสีจางล่องลอยกระจัดกระจายไร้รูปทรงคละเคล้ากันอยู่บนท้องฟ้า
    อากาศเย็นๆ ทำให้หนุ่มน้อยที่เดินมาต้องกระชับผ้าพันคอสีเขียวหม่นของตนให้กระชับยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันอากาศหนาว
    ถนนเล็กๆ ในช่วงเช้านั้นคนไม่ค่อยพลุกพล่านมากนักทำให้เขาเดินไปโรงเรียนได้อย่างสะดวก


     

                    ร้านรวงข้างทางก็ยังไม่เปิดบริการดีนัก บางร้านก็กำลังจัดข้าวของ บางร้านก็ยังคงปิดประตูอยู่
    มีเพียงร้านหนังสือร้านประจำที่แขวนป้ายเปิดให้บริการตั้งแต่เช้า รอยยิ้มดีใจผุดขึ้นบนใบหน้าของหนุ่มน้อย
    เจ้าตัวรีบก้าวเข้าไปในร้านประจำนั้นอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจว่าจะไปโรงเรียนสาย เพราะว่าวันนี้
    เขาออกจากบ้านเช้าเป็นพิเศษ และถ้ารีบไปตึกเรียนก็ยังไม่เปิดแถมยามะจังก็คงยังไม่มาเรียนแน่ๆ ไม่รู้จะรีบไปทำไมกัน

     

                    มือเรียวหยิบแม็กกาซีนบันเทิงฉบับหนึ่งขึ้นมา หน้าปกเป็นรูปของสามหนุ่มเอ็นวายซีซึ่งเป็นเพื่อนของเขา
    นิ้วเรียวพลิกหน้านิตยสารฉบับนั้นอย่างสนอกสนใจ หากว่าข้างในนั้นมีคอลัมน์หรืออะไรที่น่าสนใจก็จะซื้อเก็บไว้สักหน่อย
    แต่ทว่าหน้าแรกที่เขาเปิดเจอนั้นกลับกลายเป็นพาดหัวข่าวภาพปาปาของใครบางคนในชุดนักเรียนที่ยืนจูบกันอย่างดูดดื่ม
    ดูเผินๆ เหมือนจะเป็นแค่มุมกล้องเท่านั้น แต่ทว่าบุคคลิกของคนในรูปและชื่อที่ถูกพาดหัวข่าวอยู่นั้น
    ทำให้เขาตกใจเสียจนแทบจะลืมหายใจได้ในวินาทีนั้น


     

     

                    ร่างอวบเดินขึ้นตึกอย่างเหนื่อยหน่าวพลางหาวหวอดๆ ราวกับคนง่วงนอน เมื่อคืนเขาก็เข้านอนเร็ว
    และคิดว่าหลับอย่างเต็มที่ แต่เพราะการถ่ายทำโฆษณาตัวใหม่เมื่อวานนี้คงทำให้เขาเสียพลังงานไปมากทีเดียว
    ถึงได้รู้สึกอ่อนเพลียอยู่แบบนี้

     

                    ยามาดะ อรุณสวัสดิ์ เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งกล่าวทักทายผมอย่างร่าเริง ผมได้แต่ยิ้มกลับไป
    แต่ไม่อาจกล่าวทักทายกลับได้ เพราะผมกำลังหาวอยู่นั่นเอง

     

                    ตลอดทางที่ผมเดินไปยังห้องเรียนมันมีสายตาแปลกๆ ของนักเรียนแถวๆ นั้นจ้องตามผมตลอดเวลา
    เพียงแค่ผมหันไป พวกเขาก็ทำท่าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เพราะว่าผมกำลังง่วงเลยไม่สนใจอะไรมาก
     ผมตั้งใจว่าจะกลับไปงีบที่ห้องเรียนของตัวเองสักหน่อย


     

                    ผมฟุบหลับทันทีที่ถึงโต๊ะจนเพื่อนในห้องหันขวับมามองอย่างตกใจเพราะคิดว่าผมเป็นลม
    เปลือกตาของผมหนักอึ้งเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมามองคนรอบข้างได้อีก หูก็แว่วได้ยินเสียงพูดคุยของเพื่อนๆ
    ที่ดูเหมือนว่าเขากำลังคุยเรื่องของผมกันอยู่ แต่ผมไม่มีแรงลุกไปถามพวกเขาแล้วล่ะ...ผมขอนอนก่อนนะ

     

                    เรียวสุเกะ!! ยามาด๊า..........!!” เสียงๆ หนึ่งแว่วดังมาแต่ไกล พร้อมกับเจ้าของร่าง
    ที่วิ่งไปตะโกนเรียกผมไปราวกับไฟไหม้บ้าน หนุ่มน้อยแห่งคิวคลาสวิ่งตะโกนเรียกชื่อผมอย่างบ้าคลั่ง
    เหมือนกับตัวการ์ตูนต๊องๆ ในคอมมิคที่ผมอ่าน แต่ก็ขอโทษทีนะริวโนะสุเกะ ชั้นไม่มีแรงลุกไปคุยกับนายแล้วล่ะ

     

                    ตื่นเดี๋ยวนี้นะ!! ยามะ นี่นายดูสิ ริวโนะเขย่าร่างผมเสียจนใบหน้าอันงดงามของผมถูไถไปกับโต๊ะ
    จนแทบเสียโฉม ผมจำใจตื่นขึ้นมาก่อนที่หน้าของผมจะเสียดสีกับโต๊ะไปมากกว่านี้ มือนิ่มๆ ของผมขยี้ตาเล็กน้อย
    ก่อนจะหันไปมองริวโนะสุเกะที่กำลังตื่นเต้นกับการเปิดหน้านิตยสารเล่มหนึ่งอยู่

     

                    รูปนี้คือนายใช่มั้ย? ริวโนะสุเกะจิ้มรูปๆ หนึ่งที่ตีพิมพ์อยู่บนหน้ากระดาษนั้น
    มันเป็นรูปของผมที่กำลังจูบยูโตะเมื่อสองวันก่อน ดูจากภาพแล้วเหมือนว่าถ่ายจากบนอาคารเรียนแสดงว่าคนถ่าย
    ต้องเป็นนักเรียนโรงเรียนนี้ไม่ผิดแน่ แต่รูปมันดูราวกับว่าใช้มุมกล้องเอาเลยดูเหมือนจูบกันถึงแม้ว่าวันนั้น
    ผมกับยูโตะจะจูบจริงก็เถอะนะ แต่ทว่าข้างล่างรูปนั่นก็ยังมีรูปที่ถ่ายจากด้านข้าง เห็นใบหน้าของผมกับยูโตะชัดเจน
    แต่นั่นเป็นตอนที่ผมผละริมฝีปากออกมาแล้วแต่ทว่าความใกล้ชิดของใบหน้านั่นของเราทั้งคู่ก็สามารถทำให้กลายเป็นข่าวใหญ่
    ได้เลยทีเดียว แต่ว่าทำไมรูปพวกนี้ถึงได้มีลงในนิตยสารบันเทิงชื่อดังที่มีคนอ่านกันทั้งประเทศแบบนี้ล่ะ?
    ตายแน่ๆ ยามาดะเอ้ย ทั้งพ่อแม่ ผู้จัดการ เจ้าของค่ายชำแหละแกแน่ๆ ยามะจัง
    !!


     

                    นั่นสิยามาดะ นั่นรูปนายกับยูโตะชัดๆ เลยอ่ะ ซานาดะ ยูมะเสนอขึ้นบ้าง
    ผมทำสีหน้าไม่ถูกเมื่อทุกคนในห้องจับจ้องมาที่ผมราวกับรอคำตอบ ผมอยากจะหายตัวไป ณ วินาทีนี้เลยจริงๆ เชียว

     

                   

     

                    ปัง!!! นิตยสารเล่มนั้นถูกเขวี้ยงลงบนโต๊ะเต็มแรง ผมกับยูโตะสะดุ้งเฮือก ผู้จัดการที่เป็นคนเขวี้ยง
    จ้องผมกับยูโตะอย่างโมโหผิดกับคุณลุงจอห์นที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานอย่างไม่สะทกสะท้าน หลังจากที่รูปภาพของผมกับยูโตะ
    ลงนิตยสารเล่มดัง สื่อโทรทัศน์ก็เริ่มเสนอข่าวนี้ขึ้น เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างแพร่หลาย
    จนเย็นวันนี้ผู้จัดการเรียกผมกับยูโตะมาพบคุณลุงจอห์นเพื่อหารือและสืบสวนเกี่ยวกับที่มาของภาพเหล่านั้น


     

                    พวกนาย....ทำไมถึงได้มีรูปพวกนี้ออกมาได้ห๊ะ? รู้มั้ยว่ามันเสื่อมเสียแค่ไหน?
    คุณผู้จัดการตวาด ผมได้แต่มองหน้าผู้จัดการอย่างหวาดๆ ในขณะที่ยูโตะเอาแต่ก้มมองพื้น

     

                    คือผม..... ผมอยากจะพูดอะไรออกไปบ้าง แต่ดูเหมือนว่าความโกรธจะเข้าครอบงำ
    ผู้จัดการจ้องเขาเขม็งเป็นเชิงให้เงียบปาก ผมได้แต่ทำหน้าสลดที่พูดอะไรออกไปไม่ได้

     

                    รูปนี้มันดูหลอกตาไปนิดนะ ถ้าเราอ้างว่าเป็นมุมกล้องละก็..คงจะพอแถไปได้
    เสียงเนิบๆ ของคุณจอห์นเปรยขึ้น

     

                    อะไรกันครับ? นี่คุณจอห์นยังใจเย็นอยู่ได้ยังไงกัน? เด็กพวกนี้กำลังทำลายชื่อเสียงของเรานะครับ
    ผู้จัดการแย้ง

     

                    ใจเย็นๆ น่า นายออกไปสงบสติอารมณ์ข้างนอกก่อนไป ชั้นจะคุยกับสองคนนี้เอง
    ทันทีที่คุณจอห์นเอ่ยปาก ผู้จัดการก็รีบเดินฟึดฟัดออกไปทันที

     

                    ร่างของชายวัยกลางคนในชุดสูทนั่งลงที่โซฟาหนังสีดำตรงข้ามโซฟาสีขาวที่เราสองคนนั่งอยู่
    แววตานิ่งเฉยที่เดาอารมณ์ได้ยากนั้นทำเอาผมหายใจไม่ทั่วท้อง ผมว่ายูโตะเองก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน
    มันกำมือแน่นเพราะความเครียด สายตาของคุณจอห์นจ้องมองเราสองคนตั้งแต่หัวจรดเท้า

     

                    บอกชั้นมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นในเหตุการณ์แบบในรูปถ่ายนี่น่ะ ผมกับยูโตะเหลือบมองกันเอง
    เพื่อดูว่าฝ่ายไหนจะเป็นคนตอบคำถามที่อีกฝ่ายถามมา ผมเองก็ไม่กล้าพูดเพราะมันเป็นเรื่องที่ผมรู้สึกเสียหายมากเกินกว่า
    จะพูดได้ ยูโตะเองก็นิ่งไม่ยอมปริปากใดๆ

     

                    เรื่องที่นายสองคนคบกันน่ะ คิดว่าชั้นไม่รู้หรอกหรอ? จู่ๆ คุณจอห์นก็เปรยประโยคที่ไม่คาดคิดขึ้น
    ผมกับยูโตะเงยหน้ามองอีกฝ่ายพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหนาย

     

                    คุณจอห์น!!” เราสองคนอุทานพร้อมกันเมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าของผู้อาวุโส
    ที่เขาเคารพรักตรงหน้า

     

                    ฮ่าๆ จริงๆ ด้วยสินะ นายสองคนคบกันงั้นหรอกหรอ? ชายตรงหน้าหัวเราะอย่างเอ็นดู
    ในขณะที่เด็กที่โดนผู้ใหญ่หลอกอย่างผมได้แต่นั่งหน้าจ๋อย

     

                    เมื่อกี้นี่แกล้งพูดให้พวกผมเผยพิรุธสินะครับ ร้ายจริงๆ เลยนะเนี่ย ผมแหย่ก่อนจะยิ้มออกมา
    มือแกร่งของชายวัยกลางคนนั้นเอื้อมมือมาลูบหัวผมอย่างเอ็นดู

     

                    ชั้นไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะที่นายจะคบกัน ดีซะอีก ชั้นจะได้จับนายออกงานคู่กันบ่อยๆ เหมือนตอนเด็กๆ ไงล่ะ
    คำพูดของทางผู้ใหญ่ทำให้ยูโตะกับผมต้องนั่งเงียบอีกครั้ง ความอึดอัดเข้ามาแทนที่ความเงียบนั้น
    สำหรับยูโตะ ผมคิดว่าการที่จะได้ร่วมงานกับผมบ่อยๆ อย่างที่ลุงจอห์นบอกคงจะน่ารำคาญและอึดอัดน่าดู

     

                    คือว่าเรา.....


     
    เราเลิกกันแล้วครับ ไม่ต้องห่วงหรอกฮะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้มีข่าวเสียหายทำให้บริษัทเสียชื่อเสียงครับ
    ผมรีบพูดกลบเสียงยูโตะก่อนจะโค้งคำนับเป็นเชิงขอโทษ ยูโตะหันมามองผมอย่างไม่พอใจเล็กน้อย

     

                    ว้า...งั้นก็เสียดายแย่เลยนะ ว่าแต่จะเอายังไงกับข่าวที่ออกไปแล้วดีล่ะ? คุณจอห์นถามต่อ
    เราสองคนได้แต่เงียบเพราะไม่มีความเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้นอกจากรู้สึกผิดและจดจำเหตุการณ์ในตอนนั้นเอาไว้
    ในความทรงจำ เพราะนั่นเป็นจูบสุดท้ายของผมกับยูโตะ เป็นการจูบในสถานที่โล่งแจ้งเปิดเผยโดยไม่ได้คำนึง
    ถึงผลที่ตามมาเลยแม้แต่น้อย

     

                    ถ้างั้น..คอนเสิร์ตจั๊มพ์คราวนี้ เห็นทีจะต้องให้นายมาเป็นเกสต์คนสำคัญซะแล้วล่ะ ยามาดะ
    คำพูดของอีกฝ่าย ทำให้ผมแทบจะอ้าปากค้าง อยากจะโวยวายเต็มสตรีมแต่ว่าคนตรงหน้าคือเจ้าของค่าย
    ขืนโวยวายมากไปจะตกงานตั้งแต่ยังเด็กก็เป็นได้

     

                อื้ม อุซามิหรอ? ช่วยเอาแผนลำดับและแผนผังคอนเสิร์ตหน้าของจั๊มพ์มาให้ชั้นที่ห้องทำงานด่วนเลยนะ
    คุณจอห์นกดมือถือขึ้นมาโทรศัพท์ก่อนจะสั่งงานอย่างที่ว่านั่น สร้างความงุนงงให้แก่เด็กหนุ่มทั้งสองคนเป็นอย่างมาก

     

                    มาแล้วคร้าบบบบบ จอห์นซามะ!!!” ประตูห้องเปิดพรวดโดยชายหนุ่มร่างสูงใส่แว่น
    เข้ามาพร้อมกับหอบแผนงานต่างๆ มากมายจนล้นมือ ทันทีที่มาถึงเขาก็กางแผนผังคอนเสิร์ตและลำดับคอนเสิร์ต
    บนโต๊ะกาแฟที่ตั้งอยู่ระหว่างผมกับคุณจอห์น สายตาอันแสนอบอุ่นจ้องมองแผนผังเหล่านั้นอย่างพึงพอใจ

     

                    เอานะ ชั้นจะเพิ่มแผนงานให้กับคอนเสิร์ตครั้งนี้ ฟังนะอุซามิ ยามาดะและยูโตะ ในช่วงโซโล่ของยูโตะ
    เพลง
    Uruwashi no Bad girl ชั้นจะให้เพิ่มโซโล่ Asia no yoru เข้าไป จัดทำเป็นสองสเตจย่อย
    ที่สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ ฝั่งซ้ายเป็นสเตจของยูโตะ ฝั่งขวาเป็นของยามาดะ ผลัดกันโซโล่ ต่อด้วยเพลงคู่
    ชั้นคิดว่าน่าจะให้เป็นเพลง
    Wonder ของอาคานิชิ มาร้องเป็นเวอร์ชั่นของเธอสองคน
    แล้วให้ทั้งสองคนทำท่าเหมือนว่าจะจูบกัน ก่อนจะเริ่มด้วยเพลง
    Mayonaka no shadow boy…”

     

                    ห๊ะ!!! อะไรนะฮะ??? ยูโตะอุทานอย่างหัวเสียหลังจากที่เงียบมานาน ผมเองได้แต่นิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก
    ทำแบบนี้มันไม่เร็วไปหน่อยหรอฮะ? คิวคอนเสิร์ตเราก็ซ้อมกันพร้อมดีแล้วนะครับ

     

                    ไม่งั้นชั้นจะหาข้ออ้างอะไรที่จะไปบอกสื่อมวลชนได้ว่าพวกนายไม่ได้จูบกันน่ะ?
    ชั้นตั้งใจจะให้พวกเธออ้างว่ามันเป็นแค่การซ้อมสคริปต์คอนเสิร์ตที่กำลังจะมีขึ้นก็เท่านั้น
    !!”
    ลุงจอห์นตวาดหลังจากที่ยูโตะบังอาจไปขัดใจเข้า

     

                    แต่มันจะดีหรอครับ? ตอนนี้ทุกๆ คนต่างก็รู้ว่าผมกับจั๊มพ์ตีตัวห่างกันมากแค่ไหน
    ถึงขนาดงานยังไม่ทำร่วมกันเลย
    ผมถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ผมรู้สึกตกใจมากกับการที่ได้ขึ้นเหยียบเวทีเดียวกับจั๊มพ์
    นั่นหมายถึงการที่ต้องกลับไปซ้อมกับพวกนั้น ผมเองไม่กล้าสู้หน้าทุกคนหรอกนะ

     

                    การหนีปัญหาของนายมันสิ้นสุดลงแล้วนะ คาเมะนาชิเล่าให้ชั้นฟังหมดทุกอย่างแล้ว
    จริงๆ ชั้นว่ามันไม่มีประโยชน์ที่นายจะเป็นศิลปินเดี่ยวเพราะเหตุผลแบบนั้น
    นายเคยถามแฟนๆ ของจั๊มพ์บ้างหรือเปล่าว่า....จั๊มพ์ที่ไม่มีนายน่ะ มันขาดความสุขไปมากแค่ไหน?


     

                    คำพูดของคุณจอห์นทำให้ผมกับยูโตะถึงกับสะอึก ผมไม่เคยนึกถึงแฟนๆ ของจั๊มพ์ แฟนๆ ของผมเลย
    ทำไมผมถึงได้เลวขนาดนี้? ที่ผ่านมาผมคิดถึงแต่ตัวผม แต่ไม่ได้คิดถึงแฟนๆ ที่รอคอยผม พวกเขาต้องทรมานแค่ไหน
    ที่รู้ว่าผมออกจากจั๊มพ์ไป ผมคงเห็นแก่ตัวเกินไปที่มองข้ามพวกเขา นี่คงจะเป็นเพียงโอกาสเดียวที่ผมจะทำให้พวกเขาได้สินะ
    หยาดน้ำใสๆ คลอที่เบ้าตา ผมรีบหลบสายตาของยูโตะที่มองมา ผมไม่อยากให้มันคิดว่าผมสำออยร้องไห้
    เพียงเพราะคำพูดของคุณจอห์น แต่ผมรู้สึกผิดจากใจจริงๆ ต่างหาก

     

                    พรุ่งนี้ชั้นจะมีแถลงข่าวคอนเสิร์ตใหม่ของจั๊มพ์แล้วชั้นจะให้นายเข้าร่วมแถลงในฐานะเกสต์พร้อมกับยูมะคุง
    แล้วจะแก้ข่าวให้นาย
    อีกฝ่ายสั่งเมื่อเห็นว่าไม่มีปฏิกิริยาจากผมและยูโตะตอบกลับ ทันทีที่คุณจอห์นพูดจบ
    ผมรีบขอตัวกลับโดยที่มียูโตะตามมาด้วย

     

    ผมได้แต่ยืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่หน้าประตูห้องทำงานของคุณจอห์น
    ภายนอกตอนนี้ก็มืดแล้ว มีแสงสีจากรถราวิ่งไปมาจนดูวุ่นวาย แต่ถึงยังไงก็ไม่วุ่นวายเท่ากับตัวผมอีกแล้ว
    ทั้งหัวใจที่รู้สึกปั่นป่วนที่รู้ว่าตัวเองต้องกลับไปเผชิญหน้ากับทุกคนในจั๊มพ์ ถึงแม้ว่าผมจะตั้งใจจะไม่กลับไปเป็นคนอ่อนแอ
    แบบที่เคยเป็น แต่คนเราก็ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนกันได้เลยภายในวันสองวัน ผมเริ่มหายใจไม่ออกเมื่อความทรงจำ
    เมื่อหนึ่งปีก่อนย้อนกลับมา

    มือผมกำเสื้อบริเวณหน้าอกไว้แน่น หายใจหอบถี่รั่วทั้งๆ ที่น้ำตายังไหลพรากไม่หยุด
    จู่ๆ ผมก็รู้สึกไม่กล้าที่จะเผชิญหน้าในก้าวต่อไปของผม แต่ทว่าแฟนๆ ของผมล่ะ? พวกเขาคงจะทรมานเช่นกัน
    ที่ไม่เห็นผมอยู่ในจั๊มพ์ ผมจะทำยังไงต่อไปในเมื่อตัวผมเองไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อนไปไหน

    แผ่นไหล่ของผมสั่นสะเทือนจากการสะอื้น ผมไม่อาจเก็บความรู้สึกเหล่านี้ไว้ในใจได้อีกแล้ว
    หากผมไม่ได้ร้องไห้ตอนนี้ ผมต้องอกแตกตายแน่ๆ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนผมไม่ทันตั้งตัว
    ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไร ไม่รู้ว่าผมควรเลือกทางไหน ไม่รู้อะไรอีกแล้ว....

     

    ร่างสูงโปร่งได้แต่ยืนมองผมร้องไห้อยู่แบบนั้น สีหน้าที่นิ่งเฉย แววตาที่เย็นชาจ้องมองผม
    ที่กำลังอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช แต่ผมก็ไม่อาจห้ามตัวเองให้หยุดร้องไห้ได้อีกแล้ว มือแกร่งของยูโตะบีบไหล่ผมแน่น
    พลางจ้องมองผมเขม็ง

     

    นายจะร้องไห้ทำไม? นายน่าจะดีใจนี่ที่ได้ร่วมงานกับจั๊มพ์น่ะ
    น้ำเสียงแข็งทื่อของหมอนั่นทำให้ผมเดาได้ไม่ยากเลยว่ายูโตะไม่เต็มใจที่จะพูดแบบนั้นนัก

    นายคงรอเวลานี้มานานแล้วละสิ..สมใจนายแล้วสิ ยินดีด้วย ยามาดะคุง

     

    ผลั่วะ.......มือนิ่มๆ ที่กำหมัดไว้แน่น เสยหมัดออกไปใส่ใบหน้าหล่อๆ เต็มแรง
    จนเจ้าตัวเซไปกระแทกกับกำแพงดังผลั่ก มือแกร่งรีบกระชากเสื้อยูนิฟอร์มสีกรมท่าของผมอย่างแรง
    พลางดึงร่างของผมให้เข้ามาใกล้ ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของผมแทบจะแนบติดกับหน้าเรียวๆ ของยูโตะที่กำลังจ้องผมอย่างโมโห

     

    ทำบ้าอะไรของนาย!!! ชั้นพูดแทงใจดำหรอไง!!” ยูโตะตะคอกใส่หน้าผมโดยลืมไปว่า
    ตัวเองอยู่หน้าห้องเจ้าของค่าย เสียงของมันดังลั่นจนสามารถทำให้คนที่อยู่ห่างไปสามร้อยเมตรได้ยินเต็มรูหูเลยทีเดียว

     

    นายเคยถามชั้นสักคำมั้ยว่าชั้นรู้สึกยังไง? นายก็พูดเองเออเองตลอด นายไม่เคยมองชั้นในแง่ดีหรอก ยูโตะ...
    ถ้อยคำตัดพ้อของผมดูเหมือนว่าจะช่วยชโลมจิตใจของอีกฝ่ายให้เย็นลงได้ มันค่อยๆ ปล่อยมือออกช้าๆ
    แววตาที่แข็งกร้าวก็เอนอ่อนลง

     

    ยูโตะทำหน้านิ่งเมื่อได้สบตาผม มันรีบหันหลังเดินไปได้สามก้าวก่อนจะหยุดเดินแล้วเอี้ยวหน้ามาทางผมเล็กน้อย
    ราวกับเป็นพระเอกในละคร ผมมองแผ่นหลังและเสี้ยวหน้าของมันอย่างไม่เข้าใจ

     

    เรากลับมา...เป็นเพื่อนกันเถอะนะ

    ..........................

    ตอนนี้ค่อนข้างยาวเนอะ
    เพราะอาจจะดองนาน เลยเอามายาวเลย
    เนื้อเรื่องมันตัดไม่ได้ด้วย เลยได้ตอนยาวๆ ออกมา
    ในที่สุดยามะก็ได้ใกล้ชิดโตะกะจั๊มพ์แล้ว
    คุณหนูโออิชี่จะวีนแตกมั้ยนะ? แต่งเองเครียดเองฟ่ะ -*-
    ชอบคุณลุงจอห์นมากๆ กวนได้โล่ คาเมะก็ปากสว่าง
    เล่าให้ลุงจอห์นฟังอย่างไม่กลัวว่าน้องนุ่งจะตกงาน
    ตอนหน้าจะเป็นเยี่ยงไร รอชมจ้า

    ปล.เมื่อไรจะขอวีซ่าเสร็จนะ
    ไรท์เตอร์เปิดเทอมวันที่ 30 สิงหาแน่ะค่า
    อีกนานเลยทีเดียว

    .................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×