ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวทยาลัย ศาสตร์มนตร์ดำรงเวทยา

    ลำดับตอนที่ #50 : Chapter 34 มีสองเรื่องที่ต้องแจ้งให้ทราบค่ะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 668
      11
      2 เม.ย. 57

    Chapter 34 มีสองเรื่องที่ต้องแจ้งให้ทราบค่ะ

     

    วันที่ 30 พฤศจิกายน เวทศักราช 212

    เวลา 13.13 น.

     

    ณ ห้างสรรพสินค้า แห่งหนึ่ง

     

    หลังจากที่ผมและสโรชาได้ทานอาหารภายใน อุไมแกรน เสร็จสิ้นแล้ว

    ศัตรู....ไม่สิ น่าจะเรียกว่าหัวหน้าของศัตรู

    ได้พาเราไปซื้อข้าวของเพื่อตุนไว้ในบ้านเสร็จสรรพ

     

    จะว่าน่ายินดีก็น่ายินดีอยู่หรอกนะ

    เล่นออกเงินซื้อของให้หมดเลย

    จะบอกว่าเป็นค่าชดเชยหรือไง

    ไม่สิ ยัยนี่คงไม่ได้คิดแบบนั้น

    แต่น่าจะอยู่ในจุดที่คิดว่า ตนเองเป็นผู้ใหญ่กว่าแหง

    แล้วเธอก็ขับรถพาพวกเรามาส่งถึงหน้าบ้าน

    โดยแทบไม่ได้พูดเรื่องเครียดกันเลย

    หลังจากขนของลงจากรถ

    เสร็จแล้วนั้น

    ผมก็

     

    เหลือบสายตาไปมองที่เสาไฟฟ้า

    นั่นสิ ไอ้ตรงนั้นมันมีกล้องนี่นะ

    "..... แล้วไอ้เรื่องตรวจทุกฝีก้าวเนี่ย .... คงจะไม่ใช่เรื่องส่งคนมาฆ่าถึงบ้านด้วยหรอกใช่มั้ย"

     

    "เห้อ .... ชั้นไม่รู้วิธีการของนักฆ่าของชั้นหรอกนะ ก็บอกแล้วไง .... พวกเขาจะฆ่านายแบบไหน มันไม่ใช่แบบแผนที่ชั้นจะต้องกำหนดเสียหน่อย แต่ข้อมูลตำแหน่งของนาย ก็เป็นตัวช่วยพวกเขา และก็เป็นส่วนในการช่วยตัดสินใจกับการเลือกคนในพื้นที่นั้นๆ"

    เด็กสาววัย 39 ปี ที่นั่งบนรถถอนหายใจแล้วเอ่ยตอบผม

     

    ก็พอเข้าใจหรอกนะ ว่ามันช่วยไม่ได้

    เพราะไม่งั้นสารบ้าบออะไรนั่นจะทำให้หล่อนตาย

    "เห้.... ไม่มีแบบแผนเลยหรือไง แล้วพวกเก้าคน ที่ส่งมาฆ่าชั้นรอบที่แล้วจะว่ายังไงหน่ะ!"

     

    "ไอ้เรื่องแบบแผนนั่น ก็คือ การกำหนดจำนวน จากความเก่ง นายก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าหมายเลขคืออะไร เริ่มแรก ส่งอันดับเก่งไปคนเดียวไม่สำเร็จ ก็ใช้วิธีส่งอันดับต่ำไปเยอะๆ พอพลาดอีก ชั้นก็ส่งคนเก่งแต่ถนัดด้านฆ่าคนไปอีก สุดท้ายก็พลาดหมด .... เข้าใจหรือป่าว ว่าถึงหนึ่งชีวิตจะเท่ากัน แต่ระดับความสามารถและมูลค่า ในการผลิต มันไม่เท่ากันหรอกนะ .... เหมือนอุปกรณ์ เวทย์ที่ส่งมาจากแผ่นดินใหญ่ กับของที่ผลิตจากผลึกเวทย์ที่มีวิญญาณนั่นแหละ"

    เด็กสาวที่ยังคงนั่งบนรถไม่ลงมาเอ่ยบอกอธิบาย

     

    เห้ยๆ แต่คนเรามันไม่ใช่สิ่งของนะเห้ย

    หล่อนจะพูดยังงั้นมันก็ไม่ใช่

    "คนมันไม่ใช่สิ่งของนะ"

    ผมโวยไประหว่างหันไปมองสโรชา

    ถึงเธอจะเหมือนสัตว์ประหลาด

    แต่ยังไงเธอก็มีความเป็นมนุษย์อยู่ดี

    หล่อนก็ด้วยนั่นแหละ ยัยเด็กอายุ 39 ปี

     

    "นายคิดยังงั้นได้ก็ดีแล้วหละ .... ชั้นไม่รู้หรอกนะว่านายเก่งขนาดไหน และมองว่าสโรชา เป็นอะไร แต่ที่ชั้นบอกได้ก็คือ องค์กรของเรา มองเห็นว่าพวกเราเป็นเครื่องมือ ก็แค่นั้น พวกเราผ่านการฝึกฝนด้านจิตใจมาไม่น้อย ถึงจะไม่ได้เข้มข้นขนาดที่จะกลายเป็นเครื่องมือไร้จิตใจ แต่พวกเราก็รู้ความร้ายกาจของสารภายในร่างกายดี อะไรที่ไม่ขัดกับกฎที่โดนสั่งมาก็จะทำ และถ้าองค์กรสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ"

    เด็กสาวยิ้มแต่คิ้วตก เธอดูเศร้านิดๆ กับคำพูดที่อธิบายมา

     

    เห็นใบหน้าแล้วพูดยากแฮะ แต่ถ้าเป็นแบบนั้น

    "จะบอกว่าองค์กรสั่งให้ไปตาย หรือฆ่าตัวตายก็ต้องไปงั้นสิ"

    ผมยังคงยืนอยู่หน้าบ้านและคุยกับเธอต่อ

     

    "พยายาม....กับคุณ.... เข้าไปคุยในบ้านมั้ย น่าจะดีกว่านะคะ"

    สโรชาเดินเข้ามาเรียกผมกับ M10TH

    "เดี๋ยวจะเตรียมน้ำให้ดื่ม"

     

    เธอนี่มันขัดได้ถูกเวลาจริงๆ แถมตอนนี้ก็อิ่มจนท้องตื้อไปหมด ไม่หิวน้ำสักนิด

    แต่ก็พอเข้าใจหละนะ ว่าหวังดี

    เธอเป็นผู้ฟังที่ดีในหลายๆเวลาจริงๆนั่นแหละสโรชา

    แต่จะดีกว่านี้ ถ้าไม่มาแทรกตอนคำถามที่อยากได้คำตอบพอดีแบบนี้หน่ะนะ

     

    "ไม่เป็นไร ไม่น่าจะมีเรื่องคุยเยอะมากอะไรแล้วหละมั้งนะ .... "

    เด็กสาวเอ่ยบอกปัดสโรชาไป

     

    -เมี้ยว! เมี้ยว! เมี้ยว! เมี้ยว!-

     

    เสียงไรฟระ ....

     

    -เมี้ยว! เมี้ยว! เมี้ยว! เมี้ยว!-

     

    "อะ ... โทรศัพท์ชั้นเองหน่ะ ..."

    เด็กสาวเอ่ยบอกขึ้นมา

     

    -เมี้ยว! เมี้ยว! เมี้ยว! เมี้ยว!-

     

    ขอโทษเหอะ หล่อนเป็นผู้ใหญ่ใช่มั้ยฟระ!!!

    หัวหน้าองค์กรที่ส่งคนมาฆ่าคนอื่นอย่างเลือดเย็นใช่มั้ยฟระ

    หล่อนมันดูเกินจินตนาการไปแล้วโว้ย

    ตั้งแต่โทนสีของเครื่องแต่งกาย ไปจนของใช้

    แม้กระทั่งโทรศัพท์ก็เหอะ

     

    -เมี้ยว! เมี้ยว! เมี้ยว! เมี้ยว!-

     

    "เห้อ"

    เด็กสาวเอาเบอร์มาดูแล้วถอนหายใจไม่รับสายก่อนจะหันมาทางผม

    "ชั้นต้องไปแล้วหน่ะ ...."

    ก่อนจะสตาร์ทรถอีกรอบ

    แล้วขับเคลื่อนที่ช้าๆแกมบังคับให้ผมปิดประตูให้เธอ

     

    -เมี้ยว! เมี้ยว! เมี้ยว! เมี้ยว!-

     

    ปึ้ก...

    ผมปิดประตูให้เธอ เพราะจำเป็นหละนะ

     

    ฟืดดดดด...

    แต่เด็กสาวในรถก็เลื่อนกระจกลงมา

    พร้อมยื่นหน้ามาจ้องตาผม ด้วยสายตาแบบเด็กๆแต่กลับแฝงความเป็นผู้ใหญ่

    และความเศร้าไว้ภายใน

    "ถ้าองค์กรจะสั่งให้ชั้นไปทำภารกิจเสี่ยงจนถึงขั้นต้องตาย ชั้นก็จะไป ...."

     

    "....."

    ผมนิ่งฟัง

    นี่เธอตอบคำถามผมสินะ

     

    "แต่...ถ้าองค์กรสั่งให้ชั้นฆ่าตัวตายในตอนนั้น ไม่แน่นะ...ชั้นอาจจะดิ้นรนหนีไป และค่อยๆตายช้าๆก็ได้...... ก็ที่ทำงานอยู่...ก็ทำงานให้มีชีวิตรอดต่อไปนานตราบเท่าที่จะเป็นไปได้นี่"

    เธอพูดต่อแล้วออกตัวรถสีชมพูหวานแหววจากไปทันที

     

    ผมนิ่งกับคำพูดของเธอ ....

    เธอพูดถูก

    ผมเองนี่หละ ที่ไปถามคำถามแปลกๆที่ควรจะรู้อยู่แล้ว

    ที่ผมเกาะสโรชาจนรอดมาทุกวันนี้

    ก็เพราะผมต้องการมีชีวิตรอดต่อไป

    เหมือนกับสิ่งที่มายด์ฝากเอาไว้ให้

     

    "พยายาม เข้าบ้านกันเถอะ"

    สโรชาอุ้มถุงข้าววิทย์หนัก 5 กิโลและข้าวของอื่นๆไว้ระหว่างเรียกผม

     

    "อืม ... ไปเดี๋ยวนี้หละ "

    ผมตอบรับกับเธอ

    แล้วหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน

     

    ............

    พวกเราเก็บของกันจนเรียบร้อยแล้ว เริ่มพักผ่อนตามสบาย

    ผมกลับขึ้นห้องไปนั่งเล่นเกม

    ส่วนสโรชาอาสาจะซักผ้า .... ด้วยใบหน้าหื่นๆ

    ขอทีเถอะ ไม่เคยเห็นใครที่อยากจะซักผ้าด้วยอารมณ์กามขนาดนี้มาก่อนเลย

     

    จะว่าไปแล้ว พอได้ฟังเรื่องวันนี้ แทนที่จะเครียดกลับมาคิดหนัก

    กับการที่จะต้องเตรียมตัวรับมือ

    กลายเป็นว่า

    ....

    ผมดันสบายใจขึ้นจนงงเลยหละ

    ไม่แน่นะ ผมอาจจะโรคจิตจริงๆก็ได้

    โรคจิต ... ที่ไม่คิดมากกับเรื่องคนที่ตาย

    หรือ โรคจิตกับเรื่องที่คนสำคัญต่างๆที่ผ่านมา

    หรือ... โรคจิตที่ได้คุยกับผู้หญิงคนนั้นแล้วสบายใจกันหละ

    อ่า ช่างมันเถอะ

    อย่างไหนก็ช่าง สุดท้าย

    ที่ทำให้ผมสบายใจสุดก็น่าจะเป็น

    สโรชา ที่คอยอยู่กับผมหละนะ

     

    "พยายาม!!! กอกอนอตัวที่ใส่อะ ถอดมาเลยจะเอาไปซัก"

    สโรชาเอ่ยดังขึ้นระหว่างผมนั่งรอคอมเปิด

     

    "อืม .... เดี๋ยวนะ"

    ผมเอ่ยตอบรับก่อนจะหันไปเจอหน้าหื่นราวหมาติดสัตว์ของเธอ

    "เห้ยไม่ใช่แล้ว หล่อนไม่ได้จะเอาไปซักสินะ!!!"

     

    "เอาไปซักจริงๆน้า แฮ่กๆๆ แต่หลังจากได้ดมก่อน!!!"

    สโรชาเอ่ยน้ำลายยืดกระโดดเข้ามา

     

    "หยุดเลย ยัยบ้ากามเอ้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

    ผมตะโกนโวยวายหนีความหื่นของเธอ

     

    ให้ตายเถอะน้า .... อยากจะ .... ให้ถึงวันที่ผมจะพามายด์กับมะม่วง กลับมาจริงๆ

     

    ..........................................................................

    ...........................................

    .................

    หลังจากนั้น 25 นาที

     

    บรื้นนนน ..

    เสียงของรถยนต์สีชมพูกำลังวิ่งอยู่บนถนนใหญ่ ผ่านป้ายที่เขียนว่า ทางออกนอกเมือง

    ภายในรถยนต์สีชมพูมินิแวนคันเล็กกระทัดรัด

     

    -เมี้ยว! เมี้ยว! เมี้ยว! เมี้ยว!-

     

    เสียงโทรศัพท์นั้นดังขึ้นมาอีกรอบ

     

    -เมี้ยว! เมี้ยว! เมี้ยว! .....-

    ติ้ด

     

    "ว่าไง...."

    เด็กสาวผู้รับโทรศัพท์เอ่ยขึ้น

    แล้วค่อยๆเลื่อนมือไปกดเป็นปุ่มลำโพง ก่อนจะวางเอาไว้ที่หน้ารถ

    สายตาเธอมองตรงไปข้างหน้าไม่มีวอกแวก

     

    "นี่ หนึ่งหนึ่งหนึ่งสี่เจ็ดเจ็ด มีสองเรื่องที่ต้องแจ้งให้ทราบค่ะ"

    เสียงจากโทรศัพท์ ของคู่สนทนาเอ่ยขึ้น

     

    "โห... นึกว่าจะมีเรื่องเดียวเสียอีก ....."

    เด็กสาวนั้นคิ้วกระตุก

    "เรื่องอะไรหละ หวังว่าคงไม่ใช่ข่าวร้ายนะ"

    เธอเอ่ยด้วยเสียงขำเล็กๆ

     

    "เรื่องแรก ..... ท่านเอ็มเจ็ดยูเอสเอ ติดต่อเข้ามาแล้วค่ะ .... กรุณารีบกลับมาคุยด้วย"

    หญิงสาวที่เรียกตนเองว่า 111477 เอ่ยตอบกลับไป

     

    "อ่า.... เรื่องนั้นเดาได้อยู่แล้วหละ .... บอกทางนั้นไปด้วยว่า จริงๆมีธุระต้องออกไปทำนอกเมืองก่อนกลับที่ทำงาน แต่ไม่นาน คงจะราวๆ บ่ายสี่โมงเย็นถึงจะกลับ"

    เด็กสาวเอ่ยตอบรับไป

    "แล้ว .... ไอ้อีกเรื่องที่จะบอกหละ"

    เธอเอ่ยถามระหว่างหักรถเลี้ยวออกไปทางถนนนอกเมือง ที่เริ่มห่างความเจริญขึ้นเรื่อยๆ

    เธอเหยียบรถวิ่งด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตร

    ไม่ทันไรก็เริ่มเข้าสู่เขตนอกเมือง ที่มีแต่ป่าและทุ่งหญ้าสองข้างทางแล้ว

     

    111477 นั้นกลืนน้ำลายเล็กน้อย

    "เราได้รับแจ้งมาจากทางรหัสเดนตายค่ะ"

     

    "ว่าไงนะ .... จะแจ้งกันมาทำไมหน่ะ .... พวกนั้นไม่จัดการกันเองหละ แค่จ่ายงบก็พอแล้วนี่"

    เด็กสาวคิ้วขมวดเกร็งทันที

    ดูเธอจะรู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นทันที ที่ได้ยินคำว่า รหัสเดนตาย

     

    111477 นั้นชะงักไปนิด

    "คือ .... ห่าฝนกำลังจะมาแล้วค่ะ"

     

    "วะ ว่าไงนะ!...."

    เด็กสาวนั้นตะโกนขึ้น เสียสมาธิทันที

     

    ปี๊น ปี๊นนนนนนนนนนนน!!!

     

    เด็กสาวนั้นตกใจได้ยินเสียงบีบแตรก่อนจะหันไปมองก็พบรถสิบล้อขนาดใหญ่วิ่งตัดหน้า

    "อ้ะ ... "

    เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!

    รถคันสีชมพูนั้นหักเลี้ยวหลบรถสิบล้อได้

    แต่ก็พลาดท่า พุ่งตกลงสู่ทุ่งหญ้าข้างทางทันที

    .............

    โคร้ม!!!!!

    ..........................................

    ........................

    ........

     

    รถยนต์มินิแวนสีชมพูนั้นชนเข้ากับต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่เรียงรายตามทุ่งหญ้า

    มันไม่เหลือสภาพความสวยแล้ว

    เป็นเพียงซากเหล็กสีชมพูเละๆเท่านั้น

     

    หน้ารถนั้นบุบเข้ามาเบียดพวงมาลัยให้กดทับเข้ามาตรงที่นั่งด้านหน้า

    ติ๋ง.... ติ๋ง.....

    เลือดของผู้ขับรถไหลเป็นทางยาว

    ออกมาจากเศษกระจกที่บาดเข้าที่แก้มเล็กน้อย

    แต่.... ร่างกายที่แสนเล็กและบอบบางของเธอ

    กลับไม่โดนพวงมาลัย กดทับจนเละ ... ซ้ำแล้ว พวงมาลัยนั้นยังหักเละแทนอีกต่างหาก

     

    "ท่านคะ....!! เกิดอะไรขึ้นคะ ท่านเอ็มหนึ่งศูนย์ทีเอชคะ!!! โปรดตอบด้วยค่ะ"

    เสียงจากโทรศัพท์เอ่ยดังขึ้นมาจากเบาะหลัง

     

    เด็กสาวค่อยๆลืมตาขึ้นมา แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาใกล้ๆ

    "ไม่เป็นไร..... แค่ขับรถพลาด แล้วไปชนกับต้นไม้หน่ะ ... เดี๋ยวเรียกทีมเก็บกวาดมาให้ด้วย จะส่งสัญญาณที่อยู่ไปให้......."

    เธอตอบรับโทรศัพท์นั้นออกไปเสียงปกติ แต่ออกเหนื่อยเล็กน้อย

     

    ".....ค่ะ! จะรีบเรียกให้เดี๋ยวนี้"

    111477 เอ่ยตอบรับทันควัน

     

    "อืม .... ไว้นอกนั้น ชั้นจะไปคุยรายละเอียดอีกทีที่ทำงานละกัน"

    เด็กสาวเอ่ยแล้วกดวางไป

    ก่อนที่เธอจะมองสภาพรถที่บู้บี้กดทับร่างกายและล๊อคตัวเธอเอาไว้จนหมด

    เธอค่อยๆ ใช้มือข้างขวากระแทกทุบเข้าที่ประตูรถฝั่งคนขับ

    คึก... กึ้ง!!!!!!!

    ประตูรถนั้นกระเด็นหลุดออกไป ราวกับมันเป็นกล่องกระดาษ

     

    ครึ้งงงงงง ครึงๆๆๆ.... กึ้ง!

    ก่อนที่เธอจะค่อยๆใช้แรงอันมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ

    ดันเอาส่วนแผงหน้ารถ ที่ทับร่างกายเธออยู่ออก

    หยิบโทรศัพท์มือถือ

    แล้วค่อยๆก้าวเดินลงมาจากรถ

    ชุดของเธอนั้นขาดรุ่งริ่งเละจนแทบจะเปลือย

    แต่ร่างกายเธอ ถ้าไม่นับรอยบาดที่ใบหน้าแล้วก็ไม่มีส่วนใดบาดเจ็บเลย

     

    เด็กสาวมองสภาพรถแล้วส่ายหัวก่อนจะเอามือถือขึ้นมากดปุ่ม ส่งตำแหน่งสัญญาณ

    แล้วนั่งลงข้างๆรถของเธอ มองออกไปทางถนน ที่ไม่มีใครมาช่วยสักคน

    เพราะอยู่นอกเมืองแล้ว รถก็ไม่มากด้วยหละนะ

     

    เธอเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่มีแสงแดดยามเย็นสาดส่องลงสู่ใบหน้าของเธอ

    "ห่าฝน ....มาอีกแล้วเหรอ"

     

    End Chapter 34 มีสองเรื่องที่ต้องแจ้งให้ทราบค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×