ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวทยาลัย ศาสตร์มนตร์ดำรงเวทยา

    ลำดับตอนที่ #48 : Chapter 33 .......มนุษย์.........ทุกๆคน .......ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ........

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 685
      10
      3 เม.ย. 57

    Chapter 33 .......มนุษย์.........ทุกๆคน .......ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ........

     

    วันที่ 30 พฤศจิกายน เวทศักราช 212

     

    ณ บริเวณคนพลุกพล่าน จากทางผ่านเพื่อไปย่านการค้า และห้างที่ใกล้จะเปิด

     

    พวกเรา ก็ได้พบกับบุคคลสูงราวๆ 130 เซนในชุดฮู๊ดสีดำ

    ที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับเอ่ยชักชวนไปกินข้าว ด้วยประโยคสั้นๆ เสียงเล็กๆน่ารักแต่ฟังแล้วจริงจัง

    "เดี๋ยวมื้อนี้ ชั้นจะเลี้ยงข้าวเอง"

     

    เออ ... ผมเดาว่าน่าจะเป็นชวนไปคุยและทานอะไรด้วยกัน

    แต่ผมไม่ฮาด้วยหรอกนะ

    และมันก็เป็นกับดักชัดๆ

    "....ยังจะส่งเด็กมาอีกหรือไง"

    ผมเอ่ยถามกลับไปสั้นๆ ทันที

     

    สโรชานั้นตั้งท่าเตรียมรับมือ

     

    ผู้คนนั้นเริ่มหันมามองกันเล็กน้อย

     

    "ไปคุยกัน ในชุดที่ได้ยินเสียงยากดีกว่านะ"

     

    ไปกับหล่อนก็โง่สิวะ!

    "ไม่มีทาง อย่ามาหลอกกันซะให้ยากเลย"

    ผมเอ่ยตอกหน้าเธอกลับไปทันที

     

    "โฮ่ยๆ เดี๋ยวก่อนๆ"

    เด็กสาวในชุดฮู๊ดสีดำที่ผมคุ้นเคยดี ยกมือขึ้นมาโบกปฏิเสธไปมา

    "ชั้นมาคุยดีๆนะ ... ปกติ ถ้าจะมาลอบฆ่าพวกเธอสองคนหละก็ คงต้องเนียนมาเป็นเด็กธรรมดาแล้วใช่ไหมหละ ...... "

    เธอเอ่ยบอกพวกเราเสียงเบาๆ

     

    มันว่างั้นแหละ

    ขอโทษเถอะครับ .... จะคุยงั้นเหรอ

    ทำไมมึงไม่คุยแต่แรกวะ มีคนตายไปเท่าไหร่เมิงไม่รู้หรือไง

    แล้วถ้าจะคุย ทำไมไอ้พวกหัวหน้าทั้งหลายไม่มาคุยเองวะ

    จะส่งเด็กตัวเล็กๆยังงี้มาทำไม

    "แล้วทำไมไม่คุยกันตั้งแต่แรก จะส่งคนมาเก็บชั้นทำไม"

     

    "ก็บอกแล้วไงว่าจะไปอธิบายให้ฟังหน่ะ ไปไม่ไกลจากคนหรอก ... เอาแค่คนไม่พลุกพล่านและไม่ได้ยินที่พวกเราคุยกันก็พอ"

    เด็กสาวเอ่ยบอกอย่างใจเย็น

     

    "... อืม"

    ผมนั้นก็คิดว่า ถ้าจะคุย ถึงจะจำเป็นต้องใช้คนเป็นพยาน แต่ถ้าได้ยินเรื่องที่คุย

    อาจจะไม่ดีกับพวกเราด้วยก็ได้

    เลยจำเป็นต้องตกลง และเดินตามเธอไปจนถึงลานจอดรถที่มีค่าที่แพงใช้ได้

    และห่างจากจุดแรก ไปไม่ถึง 100 เมตร

     

    เธอพาเราเดินมาเมื่อเห็นว่าไม่ค่อยมีใครแล้ว ก็หยุดยืนหันมา

    ก่อนจะเหล่ตามองสโรชา

    "เธอเคยเป็นพวกเดียวกับเราสินะ .... "

     

    สโรชานั้น เพ่งสายตามองตอบ

    แต่ไม่ตอบอะไรเธอกลับไป

     

    "เห้อ ....ค่อยว่ากันแล้วกัน ตกลงไปนั่งทานข้าวด้วยกัน แล้วคุยกันนะ"

    เด็กสาวเอ่ยชวนพวกเราทันที

     

    แม่มเอ้ย ... ยังไม่เลิกชวนอีกแฮะ จะคุยไม่คุยตรงนี้วะ

    แล้วไอ้การเอาเด็กมาคุยอีกรอบนี้ ไม่ไหวแล้วนะ

    "แล้วทำไมไม่ส่งพวกระดับสูงๆมาเลยหละ! จะส่งเด็กมาคุยทำไม กลับไปถามผู้ใหญ่ของเธอด้วยนะ!! ว่าถ้าอยากคุยจริงๆหละก็ .... ส่งตัวหัวหน้ามาคุยเลยสิ!"

    ผมโวยใส่เธอ

     

    "..... ก็ชั้นนี่แหละ ..... หัวหน้าสาขาของประเทศนี้"

    เด็กสาวเอ่ยบอกด้วยเสียงจริงจัง

     

    ว่าไงนะ .... นี่คิดจะ....

    "เห้ย คิดจะโกหกก็ให้มันน้อยๆหน่อยนะ"

    ผมสวนกลับ

    แม่มบ้าไปแล้วหรือไง เอาเด็กมาเป็นหัวหน้าเนี่ยนะ

     

    "อืม.... จำไม่ได้เลยว่าเคยเจอ หัวหน้าสาขาที่เด็กแบบนี้"

    สโรชาเอ่ยด้วยดวงตาจริงจัง

     

    "ขอร้องหละ ... ฟังกันหน่อยสิ เชื่อชั้นด้วยสิ ว่าชั้นไม่ทำร้ายพวกเธอแน่ๆ แต่เรื่องที่ชั้นทำ ก็ไม่ได้หักหลังองค์กรเหมือนกัน อีกอย่าง ... ไปกินร้านอาหารดังๆ ที่มีคนเยอะ แต่เสียงไม่รบกวนกันก็ได้ จริงมั้ย...."

    เด็กสาวในชุดฮ๊ดดำเสนอ

    "จะอธิบายเท่าที่ทำได้เลยอะ ... แลกกับที่ ฟังข้อเสนอชั้น และเก็บไปคิดด้วย"

     

    พวกเรานิ่งค้าง

    แน่นอน โดยเฉพาะผม ที่รู้สึกหงุดหงิดที่สุด

    ".... ไม่ว่ายังไงก็เถอะ .... ชั้นก็ยังเชื่อถือคนอย่างเธอไม่ได้ กลับไปบอกหัวหน้าว่าอย่าส่งเด็ก ......"

     

    "เห้อ ... ชั้นก็บอกไปแล้วไง! ว่าชั้นเป็นหัวหน้า และชั้นก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ... ชั้นอายุ สามสิบเก้าปีแล้วนะ!"

    เด็กสาวโวยหน้าหงุดหงิดขึ้นชัดเจน

     

    "......"

    พวกเรามองหน้ากัน

     

    "จะเชื่อดีไหมหน่ะ"

    สโรชาเอ่ยก่อน

     

    พูดตรงๆว่า ถ้าส่วนสูง เสียง และโครงหน้าส่วนคางแบบนี้แล้วอายุ 39 ปี

    โลกนี้คงจบสิ้นแล้ว

    แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี ถ้าดูจากมะม่วงหน่ะนะ

    แต่...

     

    ".... บอกตรงๆว่านี่เป็นรูปแบบใหม่ ที่เคยเจอเลยนะ ..."

    ผมเอ่ยกลับไปหาเด็กคนนั้น

     

    "หา? รูปแบบใหม่"

    เด็กสาวที่บอกว่าตนเอง 39 ปีเอ่ยเสียงหลง

     

    "ก็รูปแบบหลอกลวงพาไปฆ่าไง"

    ผมเอ่ยต่อ

     

    "ก็บอกว่าชั้นไม่ได้มา .... ไม่สิ ต้องพูดให้ครบ ... โอเค วันหน้าไม่แน่ แต่ขอสาบานจากใจ วันนี้ไม่ได้มาฆ่าจริงๆเอ้า! ไม่ได้มีแผนอะไรจะมาคุยเรื่องสำคัญจริงๆ"

    เธอเอ่ยบอกแล้วเกาหัวแกรกๆ อารมณ์ดูฉุนลดลงแล้ว

     

    "โอเค งั้นเอางี้ .... เปิดฮู๊ดออกให้เห็นหน้าซะสิ .... แล้วจะยอมไปทานข้าวด้วย"

    ผมเสนอไป ....

    เอาเถอะ ก็อย่างว่านั่นแหละ

    ถ้าจะเสี่ยง ก็คงต้องประมาณนี้หละนะ

    ว่าแต่ยัยนี่ มาดักเหมือนรู้เลยนะ ว่าเราจะออกมา

    ถ้าไม่หลอกกัน คงได้ไปนั่งถามด้วย

     

    "เอางั้นเหรอพยายาม"

    สโรชาถามผม

    ผมก็แค่พยักหน้าตอบ

     

    "แค่ฮู๊ดสินะ"

    สาวฮู๊ดดำถามกลับมา

     

    "อืม..."

    ผมตอบรับ

     

    สาวเตี้ยในชุดฮู๊ดดำนั้นพยักหน้า

    ก่อนจะเปิดหมวกฮู๊ดออก

    เผยให้เห็น ผมของเธอที่ปล่อยยาวตรงสีชมพู

    และที่ใบหน้า

    เราก็พบกับหน้ากากผีเสื้อที่ปกปิดตั้งแต่ดั้งจมูกขึ้นมาถึงดวงตา

    มันเป็นหน้ากากสีชมพูที่ติดกากเพชรสีชมพู และมีกระจกมองผ่านสีชมพู

     

    "โฮ่... หน้ากากสวยแฮะ"

    สโรชาเอ่ยดวงตาเป็นประกายปิ้งๆ

     

    คุณสโรชาครับคุณจะไปประทับใจกับหน้ากากทำไมครับ

    อย่างอื่นสิเฟ้ย

    อย่างอื่นที่มันต้องตกใจหน่ะ!!!

     

    "คิดจะเล่นลิ้นหรือไงฟระ!!!"

    ผมตะโกนโวยใส่เด็กสาวที่บอกว่าตนเองอายุ 39 แถมยังใส่ไอ้หน้ากากผีเสื้อสีชมพูอยู่ทันทีอย่างโมโห

     

    "เปล่านะ นายบอกเองว่าให้ถอดแต่ฮู๊ดไม่ใช่เรอะ!!!"

    เด็กสาวโวยขึ้นมา

     

    "โอเค ... ถ้าไม่เห็นหน้ากันคุยกันตรงๆ ชั้นคงไม่คิดจะไปกับเธอแน่"

     

    "โอเคๆๆๆ"

    เด็กสาวเหงื่อตก ยอมๆแต่โดยดี ก่อนจะถอดหน้ากากผีเสื้อออก และปลดชุดคลุม

    แล้วเราก็ได้เห็น ใบหน้าของเธอที่ดูไร้เดียงสา ดวงตาสีชมพู กลมตูปากนิด จมูกหน่อย

    ดูน่ารักสุดๆ แถมไอ้การแต่งกายที่ใส่เสื้อ ยืดแขนยาว กับกระโปรง สีชมพูนั่นอีก

    แถมยัง ... ค่อยๆถอดรองเท้าบู๊ตสีดำสูงออก เผยให้เห็นว่าภายในเธอใสรองเท้าผ้าใบสีชมพูและถุงน่องสีชมพูซ้อนกันไว้

    "พอใจหรือยัง! นะ นี่ชั้นถอดหมดแล้วนะ"

    เด็กสาวเอ่ยด้วยใบหน้าแดงเขินอายนิดๆ

    ไม่ๆๆๆ .... อายุ 39 ไม่ใช่เด็กสาวแล้ว

    แต่เสียง ใบหน้า พร้อมรูปร่างและผิวของเธอ มันเหมือนเด็กแน่ๆหละ

    รวมถึงไอ้การแต่งกายแบบเด็กอนุบาลค่อนไปทางประถมของหล่อนนี่มันอะไรวะ

     

    "ว้าว ยอดเลยแฮะ ชุดเหมือนเด็กอนุบาลเลย"

    สโรชาเอ่ยด้วยดวงตาปิ้งๆเป็นประกาย

    นี่คุณหล่อนปรับอารมณ์ง่ายนะ จากตะกี้ระแวงกลายเป็นปราบปลื้มไปซะแล้ว

     

    บอกตรงๆนะ

    ไม่ได้บอกให้ถอดให้หมดอย่างนี้นะเว้ย

    แต่... เล่นกล้าถึงขนาดถอดมาจนเหลือให้เห็นตรงๆนี้ก็โอเค....

     

    "ชั้นจะลองเชื่อเธอดู ถ้าแค่คุยละก็นะ"

    ผมตอบกลับไป

     

    "เห้อ ... ขอบใจพวกเธอมาก"

    เด็กสาวถอนหายใจเอ่ยออกมา

     

    ไม่ต้องมาขอบใจหรอก

    พวกแกต้องขอโทษมากกว่า

    ผมบ่นในใจอย่างโมโห

    แต่ก็นะ ทำไงได้ มันได้แค่นี้ ก็แค่นี้

     

    "เอาหละ.... งั้นไปขึ้นรถของชั้นเถอะ จอดอยู่ตรงนั้นแหน่ะ"

    เด็กสาวเอ่ยบอกแล้วเดินหันหลังนำหน้าไป

     

    ".... คงไม่ได้มีอะไรซ่อนหรอกนะ"

    ผมยังไม่หยุดระแวง

     

    "ไม่มีก็ไม่มีสิ .... ชั้นไม่ค่อยเอาของส่วนตัวมายุ่งกับงานหรอกนะ"

    เด็กสาวผมชมพูเอ่ยบอก

     

    พวกเราออกเดินตามทันที

    รถส่วนตัวงั้นเหรอ.... สภาพมันจะ

    เห้ย....

     

    ผมต้องตกใจทันที

    รถนั้น เป็นรถมินิแวน คันขนาดเล็กมากทีเดียว

    และสีของรถ ก็โดนทาสีชมพูทั้งคัน

    ขอโทษเหอะ ชมพูสินะ ยัยนี่หน่ะ ขอแค่ชมพูสินะ

     

    เธอดูภาคภูมิใจในรถของเธอมาก

    ก่อนจะ ให้เราขึ้นและพาขับออกไป

    เบาะของเธอโดนปรับปิดพิเสา ดูสูงใช้ได้

    รวมถึง คันเร่งและเบรค ที่ใช้เหยียบ ก็สูงกว่าปกติ

     

    โอเคๆ เชื่อแล้วว่าอย่างน้อยๆ เธอต้องอายุ 20 ขึ้น

    และมีเงินด้วย

    รวมถึง รถคันนี้ก็ต้องเป็นของเธอด้วยสินะ...

     

    ..........................

     

    เด็กสาวพาขับรถมาจนถึง ห้างสรรพสินค้า อีกแห่งซึ่งต้องขับเลยออกไปทางโรงเรียน

    และพาพวกเราไปนั่งทานร้านที่มีบรรยากาศน่านั่งทานอาหารเป็นที่สุด

    อุไมแกรน ซึ่งเป็น บุฟเฟ่ ราคาหัวละ 699 ซึ่งก็ถือว่าสูงมากหละนะ

    โอเค... ย้ำอีกที .... ก็ถือว่าโอเค.... อืม... ปกติไม่คิดจะมากินแน่ๆ

    ผมพยักหน้าเข้าใจ

    แต่....

    เธอบอกให้ผม แกล้งทำว่าตัวเธอเป็นเด็กด้วย

    เพื่อจะได้ลดราคา .... ตกลงรวยจริง หรือแค่อยากจะทำให้ตัวเองดูดีมีระดับกันแน่

    และขอโทษเถอะ พนักงานก็เชื่อด้วย

    ไม่สิ ไม่ว่าใครก็เชื่อทั้งนั้นนั่นแหละ.....

     

    ..................

    พวกเรานั้น นั่งที่มุมโต๊ะ หนึ่งของร้าน ซึ่งชิดใน ห่างจากคน

    ตักอาหารมาวางรวมกันเอาไว้มากมาย

     

    "...... โอเคหละนะ ..... จะกินก่อนเลยไหม แล้วค่อยคุย หรือจะคุยก่อนแล้วค่อยกิน"

    เด็กสาวเอ่ยถามพวกเรา

     

    "กินไปคุยไปแล้วกัน...."

    สโรชาเสนอก่อนผมเสียอีก

     

    ".... เออ เห็นด้วยเลย"

    ผมเห็นด้วยกับสโรชา

     

    "โอเค ... งั้นพูดเลยละกันนะ ทานๆไปเลยละกัน ... คือยังงี้นะ ... อืม ไม่อ้อมค้อมหละนะ"

    เด็กสาวเอ่ยกอดอก แล้วมองหน้าผมอย่างจริงจัง แววตาเธอดูเปลี่ยนไป

    "จริงๆแล้ว .... ภารกิจหลักของชั้นคือ... การส่งคนให้มาฆ่านายหน่ะ"

     

    "....ตรงดีแฮะ .... เยี่ยมไปเลย"

    ใช่ คำตอบยัยนี่ตรงสุดๆ

    ตรงจนผม ไม่ต้องถามว่าหล่อนจะส่งคนมาฆ่า ตรูทำไมฟระเลย ให้ตายสิ

    "ว่าแต่ มาบอกชั้นแบบนี้ เธอไม่กลายเป็นคนหักหลังองค์กรหรือไง"

     

    "ไม่หรอก ... มันไม่ได้ขัดกับภารกิจของชั้น ... และที่มาบอกก็ไม่ได้เพื่อจะช่วยให้นายรอดเสียด้วยสิ หรือต่อให้นายรอด แต่หน้าที่ชั้น คือ ส่งคนให้ไปฆ่านาย ดังนั้น นายจะรอดหรือตายไม่เกี่ยวกับผลว่า ภารกิจสำเร็จหรือไม่ และทำหรือไม่ทำภารกิจ เพราะการฆ่านายให้ตาย ไม่ใช่งานของชั้น"

    เธอตอบตรงๆ

    อืม จะว่าไป ภารกิจของเธอและคำสั่งตามภารกิจ ไม่รัดกุมสุดๆ

    แต่ที่แน่ๆ ยัยนี่หัวแหลม และไม่ธรรมดา ในเชิงการคิดวิเคราะห์คำ

    แต่ไหวพริบนี่ ให้เท่ากับเด็กประถมละกัน

     

    "ยังงี้เองสินะ พูดก็พูดเหอะ ช่องว่างขององค์กรเธอนี่เยอะจังนะ"

    ผมเอ่ยแล้วหยิบเอาไส้กรอกแฮมเข้าปาก

    .... อร่อยโคตรเลยแฮะ

     

    "งั่มๆๆ...."

    สโรชานั้นนั่งทานเคี้ยวตุ้ยๆไม่ได้สนใจเราคุยกันเลยสินะ

    หรือสนใจประเภท หูฟัง ปากกิน กันแน่นะ

     

    "เอาหละ เรื่องต่อไปที่ชั้นตั้งใจจะคุยกับนายคือ ข้อตกลงหน่ะ"

    เธอบอกกับผม

     

    "เห้ยๆ ง่ายไปมั้ย ข้อตกลงเนี่ยนะ... ส่งคนมาเอาชีวิตคนอื่น แต่จะทำข้อตกลง นี่เธอต้องการอะไรจากสังคมฟระ ถามจริงๆเหอะ!"

    ผมโวยกลับไปทันที

     

    "ชั้นเข้าใจ ... ว่ามันทำใจยาก บอกตรงๆเลยนะ ... ถึงชั้นจะใหญ่แค่ไหน ... แต่ชั้นก็เป็นแค่เครื่องมือระดับสูงขององค์กรเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าชั้นเป็นเจ้าขององค์กร เข้าใจมั้ย..... และ... ชั้นก็ไม่ได้ฟังคำสั่งจากเจ้าขององค์กรโดยตรงด้วย ได้รับคำสั่งมาอีกทอดหนึ่งเช่นกัน"

     

    ยังงี้เองสินะเธอยอมบอกตรงๆแบบนี้ก็ดี

    "ช่วยเล่าเรื่องรายละเอียดขององค์กรก่อนได้มั้ย"

     

    ".... ยังไม่ได้ในตอนนี้...... ขอโทษด้วยนะ"

    เธอเอ่ยแล้วก้มหัวให้พวกเรา

     

    "งั้นก่อนเข้าข้อตกลง ขอถามอะไรสักหน่อยได้ไหม"

    ผมเสนอไป

     

    "ได้... เอาเป็นว่า ถ้าตอบได้จะตอบ และชั้นจะไม่ช่วยแนะนำอะไรเพิ่ม คิดอะไรได้ก็ถาม และอย่าซับซ้อนเกินไป เข้าใจไหม"

    เด็กสาวผมชมพูตอบรับ

     

    โอเค ยัยเด็กนี่... ไม่สิๆ คนที่รูปร่างเหมือนเด็กคนนี้คุยง่ายแฮะ

    ถ้าเรื่องไหนตอบได้ หรือตอบไม่ได้ ก็พูดตรงๆ

    งั้นก็ขอถามต่อเลยแล้วกัน เอาจากคำถามแรกบ้าง

    "รู้สาเหตุไหมว่าทำไมเบื้องบนของเธอ ต้องฆ่าชั้น"

     

    "รู้คร่าวๆ ... แต่บอกไม่ได้ โทษด้วยนะ"

     

    "โอเค .... ต่อไปเธอรู้ได้ไงว่าชั้นออกมาจากบ้าน"

     

    "ชั้นแอบติดกล้องเอาไว้แถวเสาไฟฟ้าหน้าบ้านของนาย โอเคมั้ย"

     

    "โอเค.... "

    เออมันง่ายดีแฮะ ทำไมตรูโง่งี้ฟระ

    "แย่สุดๆ ไปเลยแฮะ"

    ผมบ่นออกมา

     

    "แล้วระยะเวลาที่ทางองค์กรจะต้องฆ่าพยายาม มีสิ้นสุดมั้ย"

    สโรชาเอ่ยถามขึ้นมาต่อทันที

     

    "สำหรับภารกิจที่ชั้นได้มาตั้งแต่กลางเดือนจะจบลงวันที่หกธันวาคม ดังนั้น.... ชั้นตอบไม่ได้ว่าจะมีภารกิจอะไรต่อจากนี้หรือป่าวและการส่งคนมาจัดการนายจะจบลงหรือไม่"

    เธอตอบอ้อมๆ แต่ก็พอเข้าใจ

    ว่ามันยังไม่จบ แต่งานเธอชิ้นนี้จะจบเมื่อผ่านไป ถึงวันที่ 6 ธันวาคมนี้

     

    "โอเค.... ก็นะ ..."

    ผมพยักหน้าเข้าใจแล้วถามต่อ

    "ทำไมส่งเด็กมาฆ่าชั้น"

     

    "เห้อ~~~~~"

    เด็กสาววัย 39 ถอนหายใจยาวเหยียด

    "ชั้นเปล่า... คนที่ชั้นส่งไปอายุ สิบแปดขึ้นหมด ส่วนรายที่แล้วหน่ะ ... ทางต่างประเทศส่งมา เพราะเขาบอกว่า เด็กคนนั้นอาสามาเอง ..... และเรื่องนี้แหละ ที่ชั้นจะมาตกลงกับนาย"

     

    ".....อืม ... ถ้าข้อตกลงคือเรื่องใกล้ๆนี้ ก็โอเค"

    ผมตอบรับ

     

    "ต่อจากนี้ ชั้นจะส่งคนมาจัดการนายอีก ... หรือไม่ ไม่รู้เหมือนกัน .... แต่ถ้าเป็นไปได้ ..... ถ้าทำให้สลบแทนฆ่า จะเป็นพระคุณมากๆเลยหละ ..... ส่วนข้อแลกเปลี่ยนก็คือ ..... ชั้นก็จะไม่ส่งคนเดิมไปฆ่านายเหมือนกัน .... ฉะนั้น ได้โปรด รับข้อเสนอด้วยเถอะ ไหว้หล่ะ"

    เด็กสาวก้มหัวลงไหว้พวกเรา

     

    ".... ขอโทษเถอะ ส่งคนมาฆ่า แต่จะให้ทำแค่สลบ แลกกับการไม่ส่งคนเดิมมาเนี่ยนะ"

    ผมเอ่ยด้วยสีหน้าแหยงๆ

    มันฟังดูไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย

    แต่.... ทำไมผมคิดว่ามันดี

     

    "... ไม่ได้ ..... "

    สโรชาเอ่ยบอกสวนขึ้นมา

    "ถ้าส่งคนมา .... ฝั่งเราจำเป็นจะต้องฆ่า...."

     

    เห้ย... ทำไมเธอถึง....

    เดี๋ยวก่อนนะ ....

    "เธอไม่รังเกียจการที่จะต้องฆ่าคนงั้นเหรอไงสโรชา"

     

    "... พยายามจะบอกว่าพยายามรังเกียจอาหารที่จะทานเข้าไปได้เหรอไง...."

    สโรชาสวนคำกลับมาหาผม

    "ถ้าไม่ใช่เด็ก ชั้นก็จะฆ่าทั้งหมด!"

     

    ผมสะดุ้งทันที

    ใช่สิ เธอไม่ใช่... แบบนั้นจริงๆ

    ศพคืออาหารของเธอ.... ไอ้อันนั้นก็พอเข้าใจหรอก....

     

    "ได้โปรดเถอะ ... ชั้นกราบหละ สโรชา สินะ ... เธอเคยเป็นคนขององค์กร และโดนพยายามควบคุมหรือล้างสมองไปใช่มั้ยหละ ... ขอร้องหละ พยายาม.... ไหว้หละ พวกเธอก็พยายามกันมามากพอแล้ว ... ถ้าชั้นจะช่วยลดจำนวนการตายของคนในองค์กรได้ โดยไม่ขัดกับคำสั่งของเบื้องบน ชั้นก็อยากจะทำ"

    เธอเอ่ยแล้วหันตัวไปกราบสโรชาอีก

     

    ผมพอเข้าใจดี ... ถึงจะไม่เห็นภาพโดยตรง

    แต่ถ้าที่สโรชาเล่าเป็นจริง

    การกระทำของคนในองค์กร ทั้งหมด

    ขึ้นตรงกับเบื้องบนเท่านั้น

    มันขัดไม่ได้

    เด็ก.... ผู้หญิงคนนี้ ก้ไม่ได้อยากจะทำสินะ

    ผมพอเข้าใจ

     

    "............"

    สโรชานั้นกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง

     

    ผมเข้าใจสโรชาดี

    เธอไม่ใช่คนปกติ .... และเธอก็ต้องการที่จะกิน...

    ".... สโรชา ..... ฟังเธอเถอะนะ.... แค่ช่วงนี้"

    ผมเอ่ยบอกสโรชาแล้วกุมมือเธอไว้

     

    "....แต่.... แต่ อืม...."

    สโรชาชั่งใจอยู่สักพัก แต่ก็พยักหน้าเมื่อผมกุมมือเธอ

     

    "ผมตกลงถ้าเราสู้แล้วทำให้สลบได้ .... เราจะทำ ทำไม่ได้ก็คงต้องเลยตามเลย แต่ข้อตกลงเราก็จะสิ้นสุดในวันที่หกธันวาเหมือนกัน .... โอเคมั้ย ถ้าไม่มีข้อแลกเปลี่ยนที่มันดีกว่าข้อมูลหละก็ .... ข้อตกลงครั้งต่อไป หรือจะส่งอะไรมา ผมจะขอตามใจสโรชาแน่นอน และตามใจตัวผมเองด้วย .... ไม่แน่ ... ผมอาจจะฆ่าหมด"

    ผมตอบโกหกไปในเรื่องที่ตนเองจัดการเสียเอง

    ส่วนเรื่องไปกดดันฝั่งนั้น

    มันก็ต้องลองเสี่ยงและแลกเปลี่ยนกันไป

     

    "..... อืม ... อย่างน้อยๆ จนกว่าจะได้คำสั่งใหม่หน่ะนะ .... ขอบใจ ..... ขอบใจมากๆเลย"

    หญิงสาวเอ่ยแล้วเงยหน้าขึ้นมา เธอมีรอยยิ้มที่เหมือนเด็กไร้เดียงสา

    และดูพึงพอใจมาก กับแนวทางที่เธอทำได้

     

    ไม่ไหว พอเห็นยัยคนนี้เป็นห่วงพวกพ้องขนาดนี้โกรธไม่ลงเลยแฮะ

    ทำใจปฏิเสธไมได้ ถึงจะเป็นคนที่ต้องเอาชีวิตก็เถอะ

    แต่จริงๆ ... พวกเขาไม่ได้ต้องการนี่นะ

    และเราก็ไม่ได้อยากจะฆ่าพวกเขาด้วย

     

    และบอกตรงๆอีกอย่างเลย ....

    ไม่มีใครจะจินตนาการได้หรอก

    ว่าฝั่งที่เป็นต่อขนาดนี้ จะเป็นฝ่ายมาก้มหน้าเสียเอง

    อะเดี๋ยวสิ

    ....

    จะว่าไป ยังไม่ได้ถามเรื่องที่ยัยนี่เป็นระดับสูงจริงๆเลย

     

    "... ลืมไปเลย เธอเป็น.... คนระดับสูงขององค์กรจริงเหรอ"

    ผมถามกลับไป เมื่อนึกได้

     

    "..... อืม ..... นี่ไงหละ...."

    เธอเอ่ยตอบรับแล้วค่อยๆ แหวกคอเสื้อของเธอลง จนลงมาถึงบริเวณ หน้าอกด้านซ้าย

     

    "เห้ย ... ทำอะไรหน่ะ!"

    ผมตกใจทันที

     

    "ไม่ใช่อย่างที่นายคิด!! ดะ ดูสิ... ให้สโรชาดูก็ได้ .... เธอเคยเป็นคนขององค์กรนี่นะ.... ถึงตอนนี้จะย้ายข้างเพราะโดนล้างสมองก็เถอะ"

    เด็กสาววัย 39 โวยแล้วหันไปพูดกับสโรชาแทน

     

    ไม่ต้องย้ำเรื่องย้ายข้าง และล้างสมองได้มั้ย

    พวกหล่อนนี่ เอะอะอะไร ตรูเป็นมนุษย์ล้างสมองอย่างเดียวเลย

     

    "เอ็ม ... หนึ่งศูนย์ทีเอช"

    ผมนั้นเมื่อสังเกตก็เห็นว่าจุดนั้น

    คือรอยแผลเป็นที่แห้งและตกสะเก็ดเป็นผลึกเวทย์ ตัวเลข M10TH

     

    "อืม .... เป็นของหัวหน้าองค์กรของประเทศเราจริงๆ"

    สโรชาหันมาบอกผม

    แสดงว่าเธอน่าจะเคยเห็นสัญลักษณ์นี้

     

    ขอโทษเถอะครับ บทจะบอก เล่นบอกหมดแบบนี้

    ในฐานะ ที่ผมเป็นคนระดับธรรมดาเลยนะ

    ยัยคนนี้ เป็นหัวหน้าภาษาอะไรฟระ

    คายความลับเยอะไปแล้ว ..... หรือเธอจะมีแผนอย่างอื่นกันแน่

     

    "เอาหละๆ กินกันเถอะนะ ... คุยนานเกิน อาหารจืดชืดหมดแล้ว"

    เด็กสาวปรบมือยิ้มๆ

    ดูเธอพึงพอใจกับเรื่องของวันนี้มาก

     

    รอยยิ้มของเธอ ดูมีความสุขจริงๆ

    ให้ตายเหอะ นี่ตรูเป็นโลลิค่อนหรือไงนะ ไปใจอ่อนกับคนอายุ 39 ปีได้เนี่ย

     

    พวกเราทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยเลยหละ....

    สโรชาก็เปลี่ยนบทมาหื่นกับผมอย่างออกรสออกชาติ

    อารมณ์เปลี่ยนไวจริงๆนะเธอ

     

    วันนี้ จะบอกว่าเป็นวันแห่งเสรีภาพ ระหว่างฝั่งคนมาฆ่ากับฝั่งโดนฆ่า

    และวันเปิดใจก็ได้ ... ถึงฝั่งนั้นจะเปิดใจมามากกว่า

    แต่ผมก็มองได้เลยว่า คนที่โดนเรียกว่าเครื่องมือหน่ะ

    ต่างก็ .... เป็นมนุษย์....

    อ่า...ใช่แล้วหละ

    ไม่ว่าจะผม .... สโรชา หรือใครที่จะมาฆ่าผมก็ตาม

    ต่างก็เป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น

    เพราะทุกๆคน มีจิตใจ และดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ยังไงหละ

     

     

    End Chapter 33 ต่างก็เป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น เพราะทุกๆคน มีจิตใจ และดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ยังไงหละ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×