ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวทยาลัย ศาสตร์มนตร์ดำรงเวทยา

    ลำดับตอนที่ #46 : Chapter 32 เดี๋ยวมื้อนี้ ชั้นจะเลี้ยงข้าวเอง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 678
      10
      1 เม.ย. 57

    Chapter 32 เดี๋ยวมื้อนี้ ชั้นจะเลี้ยงข้าวเอง

     

    --------------------------------------

    ----------------------------

    ------------------

     

    "เด็กคนนี้ ได้รับ .............. เข้าไปมากค่ะ!!"

    เสียงของหญิงสาวเอ่ยดังขึ้น

     

    "มีทางรักษาไหมครับคุณหมอ!!!"

     

    "จะลองดูค่ะ!!"

     

    อะไรหน่ะ .......

    ทำไมต้องเอาตัวของผมไปนอนบนเตียงแบบนั้น

    .......

     

    --------------------------------------

    ----------------------------

    ------------------

     

    "เน่ๆ เหงาเหรอ ไปเล่นกันมั้ย!"

     

    "อื้อ เหงาใช่มั้ยหละ ไปเล่นกันๆ!"

     

    "จะไปเล่นไหนหน่ะ!!"

     

    "ตามมาเถอะน่า!!"

     

    "คิก ตามมาเร็วๆ"

     

    เสียงของเด็กๆงั้นเหรอ? ...

    เสียงของใครบ้างกันหน่ะ ....

    จำไมได้เลยแฮะ....

     

    "เฮ้ รอด้วยสิ!!"

     

    "ไปตรงนั้นกันเถอะ!! ฮิๆ... "

     

    "ตรงนั้นมันทำไมเหรอ"

     

    "ตรงนั้นๆ!"

     

    "ใช่เลย ... ตรงนั้นไงหละ!"

     

    "มาเร็วๆสิ .... ตรงนั้น .... ตรงนั้น"

     

    "ตรงไหนกันหน่ะ เห้!!"

     

    แซ่ก ... แซ่กๆๆ

    เสียงการผ่านพงหญ้าดังขึ้น

    ก่อนจะ ...... โผล่พ้นออกไป .......

     

    --------------------------------------

    ----------------------------

    ------------------

    "นี่ๆ พยาจาม"

     

    "? อะไรหรอ"

     

    "โตขึ้นหน่ะนะ ..... เค้าอยากจะให้พยายามปกป้องหละ"

     

    ..........

    "พยายาม .... ชั้นก็ ... อยากจะมีชีวิตรอดต่อไป"

     

    "มะม่วง .... ขอโทษ ...."

     

    "ไม่เป็นไรหรอก .... มันจำเป็นไม่ใช่เหรอ .... ก็มันจำเป็นนี่นา"

     

    "..... อืม....."

     

    "ถ้าทำได้หละก็ หวังว่าชั้นจะได้อยู่กับพยายามอีกนะ"

     

    "มะม่วง ...."

     

    "ขอบคุณสำหรับชีวิต .... ที่เธอให้กับชั้นนะ"

     

    --------------------------------------

    ----------------------------

    ------------------

     

    "พยายาม ชั้นจดโน้ตไว้ให้พยายามด้วยนะ นี่จ้ะ..."

     

    "มายด์!"

     

    "ไม่เป็นไรหรอก ชั้นยินดีจดให้"

     

    "ไม่ใช่แบบนั้น ... เธอหน่ะ เธอเป็นยังไงบ้าง .... มายด์ เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป!!"

     

    "พยายาม.... อย่าลืมให้ความสำคัญกับชีวิตตนเองนะ"

    --------------------------------------

    ----------------------------

    ------------------

    "คะ เค้าชื่อ ........ "

     

    "ส่วนชั้นหน่ะ ชื่อ ......... ยินดีที่ได้รู้จักนะ"

     

    "เอ่อ ... เรา ............. ยินดี ... ที่ได้รู้จักทั้งสองคน"

     

    --------------------------------------

    ----------------------------

    ------------------

    "ทวิงเคิล ทวิงเคิล ลิทเทิลสตาร์

    ฮาว ไอวานเดอร์ วอทช์ ยูอาร์

    อัพ อะบัฟ เดอะ เวิลด์ โซ ไฮฮ์

    ไลค์อะ ไดมัน อิน เดอะ สกาย"

     

    เสียงนี้มัน ..... เพลงของ

    ".... .... เธอคือ ....... "

    ผมหันไปมองทางต้นเสียงของคนร้อง

     

    แล้วก็ได้เห็น .... เด็กผู้หญิงผมทองอ่อน ก้มหน้าอยู่

     

    "บะ ... เบลลิก้า .... ชั้นขอโทษนะ"

     

    "....... เวน เดอะ เบรซิ่งซัน อิส กอน

    เวน เดอะ นอททิ่ง ไชซัพพอน"

     

    "ขอโทษนะ ชั้นไม่ได้อยากจะฆ่าเด็กแบบเธอเลย"

     

    .........

    "คุณพยายามฆ่าเรา"

    เด็กสาวเอ่ยแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม

     

    "เปล่านะ!!!"

     

    ดาบเล่มหนึ่ง พุ่งลงมาจากด้านบน หล่นลงสู่ร่างของเธอ ในแนวดิ่ง

    ฉวก!!!

    ตัวเธอกระตุก เลือดจากศีรษะเริ่มเยิ้มออกมาไหลลงสู่ร่างกาย

    เธอยังคงจ้องมองผมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดไม่หันไปไหน

    ดวงตาเธอลอยเบิกโพลง อ้าปากค้าง

    ...

    เด็กสาวเบื้องหน้า

    ศีรษะของเธอ .... มีดาบเสียบลงไป ตั้งแต่ กลางหัว จนทะลุออกจากทวารด้านล่าง

    เลือดด้านล่าง ก็ไหลทะลักเยิ้มออกมา

     

    "ไม่นะ !!! ชะ ชั้นขอโทษ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

     

    ----------------------

    --------------------------------------

    ------------------------------------------------------

     

    "ขอโทษ!!"

    ผมตะโกนผลักผ้าห่มดันตัวลุกขึ้นมานั่ง

     

    "พะ พยายาม ...."

    สโรชานั้นสะดุ้งลุกขึ้นมานั่งตาม

    คืนนี้ เธอก็ยังคงแอบมานอนข้างผม ... แต่ตอนนี้ ผมไม่มีอารมณ์จะสนใจว่าเธอ

     

    "แฮ่ก..... แฮ่ก ....... แฮ่ก........ปะ เปล่า ... ไม่มีอะไร"

    ผมเอ่ยบอกเธอไป ด้วยเสียงหอบเหนื่อย

     

    "....คิดถึง ... เรื่องเมื่อวานเหรอ ....."

    สโรชาเอ่ยถามผม

     

    ".... อืม .... นิดหน่อยหน่ะ ... ฝันมั่วซั่วไปหมด ..... แต่จำรายละเอียดไม่ได้ นอกจากคำพูดบางคำ"

    ผมนั้นสะบัดหัวตอบแล้วค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้น

     

    "จะตื่นแล้วเหรอพยายาม นี่เพิ่ง ตีห้า เองนะ"

    สโรชาถามผมแล้วดันตัวลุกขึ้นตามผม

     

    "ว่าจะไปนั่งเล่นเกม สักหน่อยหน่ะ ไม่ได้เล่นมานาน"

    ผมตอบสโรชากลับไป

     

    "อ๋อ .... อะ จริงสิ ... วันนี้เราจะออกไปไหนกันมั้ย"

     

    "ไม่หละ.... ไปข้างนอก ก็มีแต่ตายเท่านั้นแหละ ชั้นโดนตามล่าตลอด ...."

    ผมเอ่ยกำมือแน่น

    "ไม่งั้น ก็ต้องฆ่าคนอื่นตายอีก"

     

    "พยายาม ..... อย่าเครียดไปสิ ....จะไม่ออกบ้านบ้างมันก็ไม่ได้หรอกนะ .... ยิ่งเราอยู่ในบ้าน ถ้าพวกนั้น เล่นล้อมอาณาเขต ดักเรา มากๆ ไม่ยิ่งแย่เหรอ"

    สโรชาเอ่ยแนะนำผม

     

    มันก็จริงอยู่หรอก

    ถ้าบอกว่า อาณาเขต ที่พวกมันสร้าง

    แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน

    ถ้าจะเอามาอ้อมภายในบ้าน ก็คงยาก เพราะคงไม่สามารถบุกเข้ามาได้ง่ายๆ

    แต่ถ้าเอามาอ้อมรอบๆ บ้านก็อีกเรื่อง

     

    "เห้อ ..... ไว้คิดอีกทีแล้วกัน .... ตอนนี้ขอไปเล่นเกมก่อน"

    ผมเอ่ยบอกสโรชาแล้วเดินตรงไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์ ภายในห้องนอน

    เปิดเครื่องขึ้นมา รอจนเครื่องรันเข้าสู่ระบบหน้าต่างปฏิบัติการ

    ผมก็จัดการกดเข้าเกม แล้วเล่นทันที

     

    "เล่นเกมอะไรหรอ"

    สโรชาเอ่ย ก็เดินอุ้มหมอนมานั่งกอดข้างๆผม มองผมเล่นเกมส์

     

    อยากจะพักผ่อนอยู่แบบนี้ ตลอดทั้งช่วงปิดเทอมจริงๆ

    ถ้าสิ่งที่สโรชาพูด มันถูก ก็คงจะแย่เอา ....

    แต่คิดอีกที .... โดนล้อมทั้งหมดเลย ก็ดีกว่าออกจากบ้านไป แล้วกลับมามีคนนั่งรออยู่

    ฉะนั้น ... อย่าออกไปไหนเลยดีกว่า

     

    "ฮีโร่ ออฟ โอลเอิร์ท หน่ะ"

    ผมตอบเธอกลับไป

     

    ผมตัดสินใจแล้วหละ ว่าจะอยู่แต่บ้านเล่นแต่เกมไปแบบนั้น

    จนกว่าจะเปิดเทอมเลยแล้วกัน

     

    "ชั้นว่านะสโรชา"

     

    "หืม?"

     

    "พวกเราไม่ต้องออกจากบ้านหรอก โดนล้อม ยังดีกว่ากลับมาแล้ว โดนดักนี่"

     

    .....................

    8.34 .

    30 พฤศจิกายน เวทศักราช 212

     

    พวกเราเดินลงมาจากชั้นบนไปห้องครัวหลังจากเล่นเกมยาว

    เพื่อทำกับข้าวทานกัน

    ขอเมนูง่ายๆอย่างข้าวผัดใส่ซอสมะเขือโรยต้นหอมก็โอละ...

    เปิดถังเก็บข้าววิทย์แล้วก็....

     

    ข้าวหมด

    ขอโทษเถอะครับ

    นี่มันจงใจจะทำลายความตั้งใจตรูชัดๆเลยนี่หว่า....

    ไม่หละ .... บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็พอ

     

    "พยายาม บะหมี่ก็ไม่มีแล้ว"

    สโรชาหันมาบอกผมด้วยใบหน้าแบบพึงพอใจที่จะได้ออกนอกบ้าน

     

    "ตั้งใจเหรอ"

    ผมถามกลับทันที

     

    "เปล่านะ มันหมดมานานแล้ว"

    สโรชาเอ่ยส่ายหัวตอบผม

     

    "เห้อ.... ไม่อยากจะออกเลยจริงๆ"

    ผมบ่นออกมา

    หรือดวงของผมจะต้องเจอกับมันกันนะ

    "ถ้าอย่างงั้นก็กินข้าวแกงร้านป้าทุกวันละกัน"

     

    "อืม"

    สโรชาพยักหน้าให้ผม

     

    พวกเราตัดสินใจเดินออกมาหน้าบ้านกัน

    แล้วก็พบว่า ร้านข้าวแกงป้า....

    ปิด

    บ้าไปแล้ว!!! ไปเที่ยวกับหลาน ในช่วงวันนี้ ถึงวันที่ 10 งั้นเหรอ

    ป้าครับ ... ป้าเป็นพวกฮู๊ดดำใช่มั้ยครับ!!

    อย่างกับรู้เลย ว่าข้าวต้องหมด แล้วจะส่งให้ผมไปข้างนอก

     

    "เห้อ!!!"

    ผมถอนหายใจยาวทีเดียว

     

    "ไม่เอาน่าพยายามร้านสะดวกซื้อแทนไหม"

    สโรชาแนะนำผม

     

    "ต้องออกไปแถวร้านสะดวกซื้อเลยสินะ ..... อยู่แถวห้างนั้นอีก..... บ้าจริง"

    เออ ใช่ ไอ้ห้างบ้าๆ ที่เป็นจุดที่มายด์.... นั่นแหละ

     

    "ห้างนั้นมันทำไมเหรอ"

    สโรชาเอ่ยถาม

     

    "จำไม่ได้หรือไงหละนั่น เธอกินดวงใจเข้าไปเองนะ"

    ผมหันมาโวยใส่

     

    "อะ จริงด้วยสิ"

     

    และแล้ว

    พวกเราก็รอจนเวลาประมาณ 10.00 น.

    เพื่อจะได้ออกมาจากบ้านตรงไปที่ร้านสะดวกซื้อ

    เผื่อว่าจะได้ควบเวลา อาหารเช้าและเที่ยงไปเลย

     

    ระหว่างเดิน พวกเราก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย

    เกี่ยวกับเรื่องเรียนบ้างว่ายังจำได้ไหม เรื่องเกมเมื่อเช้าน่าสนุกดีสอนเธอเล่นบ้าง

    ไปตามถนนหนทาง ที่ถูกสร้าง อาคารต่างๆ สถานที่ทำงาน

    สองข้างฝั่ง มีคนอยู่มากมาย จนไม่ต้องกลัวว่าจะมีตัวประหลาดอะไรออกมาจับเราตอนนี้

    วันอาทิตย์ด้วยสินะ คนออกมากัน เพื่อจะเดินทางไปที่ห้าง ด้วยรถประจำทาง ไม่ก็ปั่นจักรยานไป

     

    ตั้งแต่ยุคสมัยปีเวทศักราช เริ่มต้น

    นานาประเทศ ก็ถกกันเรื่องทรัพยากรมากมาย

    แล้วสุดท้าย รถยนต์ สิ่งที่เขาว่ากันว่าในยุคสมัยนั้น มีคนใช้กันอยู่เป็นจำนวนมากก็ลดน้อยลง

    เพราะมีการเพิ่มภาษี ของมันจนแพงหูฉีก ระดับที่คนทั่วไปต้องทำงานเงินเดือนขั้นต่ำ 3 เดือนถึงจะจ่ายภาษีต่อปีไหว

    แถมครอบครัวไหนที่มีรถคันที่ 2 ก็ต้องเสียภาษี ทั้งสองคันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า นั่นก็หมายความว่า

    ใน 1 ปีคุณจะต้องจ่าย ภาษี เท่ากับ การทำงาน 12 เดือน สำหรับรถ 2 คัน

    และยิ่งจำนวนคันมากขึ้น ก็ยิ่งเสียภาษีมากขึ้น

    ทำให้แต่ละครอบครัว ถ้าไม่รวยจริงหละก็ คงจะซื้อรถคันที่ 2 ไม่ไหวแน่นอน

    ส่วนใหญ่ก็รถจักรยานหละนะ

     

    "คนเยอะเนอะวันนี้ วันอาทิตย์นี่นะ"

    สโรชาชวนผมคุยต่อแล้วมองไปมา

     

    "อย่างน้อยๆก็ค่อยยังชั่วหน่อยหละ คนพลุกพล่านขนาดนี้ คงจะไม่มีฮู๊ดดำมา ......."

    ผมยิ้มตอบเธอด้วยความรู้สึกสบายใจแต่ไม่ทันจะได้พูดจบดี

    สายตาผมก็เหลือบไปเห็น ..... คน....ยืนสวมชุดฮู๊ดดำแบบเดียวกับที่เคยเห็น

    ยืนอยู่ด้านข้างอาคาร ..... ผมหยุดเดินนิ่งแล้วหันไป

    เด็กเหรอ..... ส่วนสูงแบบนั้น .... ไม่ผิดแน่

     

    แม่งเอ้ย ... มึงยังจะส่งเด็กมาจัดการกูอีกเหรอวะ...

    ไม่ไหวแล้วนะโว้ย

    ถ้าต้องฆ่าเด็กอีกหละก็ ....

     

    "...พยายาม"

    สโรชาเดินเข้ามากุมมือผมเอาไว้

     

    พวกเรานั้นค่อยๆถอยออกมา

    ช้าๆ... ช้าๆ

    แต่เด็กสาวก็เดินตามเข้ามาหาพวกเรา

    พวกเราต้องหยุดการเคลื่อนไหวลง เพราะถ้าขยับต่อก็ไม่ได้ช่วยอะไรวิ่งหนีก็ไม่ใช่เรื่องอีก

    แล้วเธอก็มาหยุดยืนที่หน้าพวกเรา

     

    "ชั้นไม่ได้มาจัดการพวกเธอหรอก .... แค่จะขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย...."

    เด็กสาวเอ่ยโดยไม่เปิดเผยใบหน้าให้พวกเราเห็น

    พร้อมยิ้มที่มุมปากราวรอยยิ้มของเด็กสาวน่ารัก แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าของเธอก็ตาม

    "เดี๋ยวมื้อนี้ ชั้นจะเลี้ยงข้าวเอง"

     

    End Chapter 32 เดี๋ยวมื้อนี้ ชั้นจะเลี้ยงข้าวเอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×