ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวทยาลัย ศาสตร์มนตร์ดำรงเวทยา

    ลำดับตอนที่ #42 : Chapter 29 เอาสิ มาเล่นด้วยกันเถอะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 673
      12
      30 มี.ค. 57

    Chapter 29 เอาสิ มาเล่นด้วยกันเถอะ

     

    "อย่าเอาชีวิตเด็กๆมาล้อเล่นแบบนี้นะเห้ย!!!"

    ผมตะโกนออกไปเสียงดังลั่นทันที

     

    ใครจะไปทนได้กันหละ

    เล่นใช้เด็กที่ยังไร้เดียงสา เป็นเครื่องมือเพื่อใช้สังหารคนอื่นงั้นเหรอ

     

    "ไม่จริงเสียหน่อย คนที่จะทำให้เด็กตายหรือไม่ ไม่ใช่เราสักนิด"

    อาจารย์สาวผู้สวมแว่น ไว้ผมหางม้าสีดำ เดินออกมายืนด้านหน้าของพวกผม

     

    "จะบ้าหรือไง แน่จริงก็ออกมาสู้กันตรงๆเลยสิวะ!"

    ผมโมโหจัดจนต้องพูดออกไป

    แต่ก็เป็นเพียงคำพูดของคนปากดี

    ผม .... สู้ไม่ได้ถ้าไม่มีสโรชา

     

    "ฮ่าๆๆ .... พูดเป็นเล่นไป พวกคุณรังเกียจที่จะใส่เสื้อผ้า ชุดเกราะ หรืออาวุธ ยามต้องสู้กับศัตรูเหรอ"

    อาจารย์สาวเอ่ยถามมาที่พวกเรา

     

    ผมนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไร

     

    "แต่เด็กๆไม่ใช่ชุดเกราะนะ!!"

    สโรชาโวยขึ้นมาต่อทันที

     

    "แต่สำหรับเรา ... เด็กๆพวกนี้เป็นอาวุธ และชุดเกราะที่ดีที่สุดเลยหละ"

    เธอตอบกลับมา

     

    ใช่ คำตอบนั้นก็อาจจะจริง

    เธอคำนวณเอาไว้แล้ว หรืออาจจะไม่จำเป็นต้องคำนวณก็ได้

    ถ้าข้อมูลจากการนำของไปบริจาคถูกบอก

    หรือพวกมัน สอบถามจากกลุ่มสถานสงเคราะห์ในแถบนี้ทั้งหมดหละก็

    พวกมันก็ต้องคิดว่า พวกเรามีจุดอ่อนที่เด็กๆ

    ไม่งั้นคงจะไม่มาเสียเวลา ซื้อของมาบริจาคเป็นแน่

     

    รู้สึกเหมือนโดนโกงเลยโว้ย บ้าชิบหายเลย

     

    "มนุษย์ไม่ใช่สิ่งของนะ!เห้ย! นึกจะมาใช้ก็ใช้ จะฆ่าก็ฆ่า จะทำอะไรก็ได้หน่ะ!!"

    ผมตะโกนด่าออกไปอีก

     

    "แต่สำหรับเรา มนุษย์ก็คือสิ่งของ แม้แต่ตัวเราเองก็คือสิ่งของ ก็แค่นั้นเอง"

    อาจารย์สาวแว่นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

    "กาลครั้งหนึ่ง ในวันนี้"

     

    นิทานบ้านแกสิ

    กาลครั้งหนึ่งในวันนี้ ไม่เคยได้ยินโว้ย

     

    "คุณพยายามและแฟนของเขา กำลังยืนอยู่ตรงกลางของเหล่าเด็กๆและอาจารย์"

    อาจารย์สาวยกมือกางแขนพูด ในมือซ้ายของเธอยังคงกำไวโอลินไว้

     

    ".... เลิกเล่าสักที จะพูดอะไรกันแน่!"

    ผมตะโกนโวยออกไป

     

    "เด็กคนหนึ่ง ที่อยู่ด้านหลังพวกเขา ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากระโปรง เพื่อหยิบ คัตเตอร์ออกมา"

     

    เห้ยๆ ไม่ตลกนะ

    ผมหันไปมองด้านหลัง

    เด็กสาวอายุราว 6 ขวบ หยิบมีดคัตเตอร์ออกมาจริงๆ

     

    "ไม่ตลกนะเห้ย!!"

    ผมพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง

     

    "อาจารย์สาวสวมแว่นที่ยืนด้านหน้าของเด็กๆ ก็เลยอธิบายให้พวกเขาฟังว่า ถ้าพวกคุณสองคนไม่ยอมโดนเด็กคนนั้นทำร้ายด้วยคัตเตอร์ดีๆหละก็ จะให้เด็กผู้ชายคนนี้ถูกตนเองรวมถึงเพื่อนข้างๆอีกสองคนบีบและจิกคอตนเองจนตายเลยหละ"

    อาจารย์ผู้สวมแว่นตาหนาเตอะผมทรงม้า บอกกับพวกเรา

    เด็กผู้ชายอายุราว 10 ขวบคนนั้นก็เดินออกมาด้านหน้า มือของเขายังอยู่ที่ลำคอ

    เพื่อนด้านข้างของเขาก็ตามมา พร้อมเอามือกำที่คอของเขาด้วย

     

    "แล้วเด็กผู้หญิง ก็วิ่งเข้าไปเพื่อที่จะกระหน่ำฟันและแทงพวกคุณพยายามด้วยคัตเตอร์ในมือเธอแล้วหละ"

     

    สิ้นเสียงอันแสนน่าเบื่อ ของการเล่านิทานที่เอ่ยออกมาจากอาจารย์สาวแว่น

     

    เด็กผู้หญิง ก็กำคัตเตอร์วิ่งเข้ามาหาพวกเรา

     

    "ยะ หยุดนะ อย่าทำร้ายคนอื่นนะ พวกเธอมีสติสิ!!!"

    สโรชาตะโกนบอกด้วยเสียงอันดังลั่นห้อง พร้อมทั้งหันตัวเข้าหาเด็กสาว

     

    แต่ ..... เด็กคนนั้น ไม่ได้สนใจ ในคำพูดของสโรชาเลย

    เธอวิ่งเข้ามาแล้วแทนเข้าที่ น่องขาของสโรชาทันที

     

    "อึ้ก!!!!!!!"

    สโรชาร้องสะอึกออกมา กัดฟันเอาไว้เพื่อไม่ให้ตนเองร้องเสียงดัง

     

    แรงที่ถาโถมเข้ามา ทำให้คัตเตอร์ขนาดเล็กปักเข้าไปไม่ลึก

    แต่เพราะตัวของเด็กสาวโน้มกดเข้ามาจากการวิ่ง แล้วกระแทก

    ทำให้เธอนั้นล้มลง ขณะที่คัตเตอร์ยังคามือ ใบมีดนั้น กรีดไปตามน่องขาของสโรชา

    จนเป็นแผลลากยาว

     

    "สโรชา!!!!!!"

    ผมนั้นเข้าไปโอบเธอเอาไว้แล้วดูที่น่องขาของเธอ

     

    "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร"

    สโรชาหันมาตอบผม

     

    "ว้าว สุดยอด ..... ไม่กล้าทำอะไรเด็กจริงๆด้วยหละ แสดงตามบทเป๊ะเลย สนุกจัง สนุกสุดๆเลย!!!"

    อาจารย์สาวเอ่ยด้วยใบหน้าดีใจ สนุกสุดๆ

     

    จะ บ้า เหรอวะ!!!

    คนเล่านิทานบ้านป้าที่ไหนเล่าให้ตนเองสนุกโดยคนฟังไม่สนุกวะ!!!

    "สนุกบ้านพ่อมึงเหรอวะ!!!!"

    ผมตะโกนด่าออกไปทันที

     

    "สนุกที่นี่แหละ บ้านพ่อชั้นไม่มี"

    เธอตอบผมกลับมา

    ไอ้พวกคนที่มาจากองค์กรนี้ นอกจากจะไม่สนใจคำด่าแนวนี้

    มันยังไม่มีพ่อกันสักคนหรือไงวะ.....

     

    "เออ ไม่สนหรอกโว้ย ว่าบ้านพ่อมีไม่มี แต่แบบนี้ใครจะไปสนุกกับมึงด้วยวะ"

    ผมตะโกนด่าออกไปทันที

     

    "พยายาม.... อย่าพูดหยาบ เดี๋ยวเด็กจำ"

    สโรชาเอ่ยเพื่อให้ผมสงบใจลง

     

    จะบ้าเหรอฟระ สโรชา

    โดนเข้าไปขนาดนี้ เด็กมันไม่รู้ตัวแล้วหละว่ามันทำอะไร

    ดูเด็กผู้หญิงที่เข้ามาแทงเราสิ

    ยัยเด็กนั่น ยังพยายามวิ่ง แล้วเอามือแทงๆ พวกเรา ทั้งๆที่นอนอยู่ที่พื้นอยู่เลย

    มันตอบโจทย์ได้ดีเลยว่า ตอนนี้เด็กๆพวกนี้ กลายเป็นตุ๊กตาที่โดนเชิดตามคำพูดของอาจารย์คนนั้นจริงๆแล้ว

     

    "คิก ... ใช่ใช่ คุณแฟนนี่ ต้องสอนคุณพยายามเยอะๆหน่อยนะ ..."

    อาจารย์สาวหัวเราะออกมา พร้อมเอ่ยต่อ

     

    หัวเราะได้หน้าตาเฉยอีกโว้ย สัตว์เอ้ย!!!

    ไม่ไหว รอบนี้ หนักเกินไป ไม่มีทางชนะเลย ถ้ายังเป็นแบบนี้แย่แน่

    อย่างน้อยๆ .... ถ้าให้ปล่อยสโรชาไปก็น่าจะได้

    ยังไงเจ้าพวกนี้ก็ตามเราอยู่แล้ว

    ชีวิตเราคนเดียว .... ดีกว่าเด็กๆทั้ง 42 คน กับอาจารย์อีก 6 ..... หรือ 7

     

    ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ค่อยๆพาสโรชานั่งลงบนเก้าอี้

     

    "จะทำอะไร มาลงที่ชั้น แล้วปล่อยสโรชาไปเถอะ!!"

    ผมเอ่ยบอกด้วยคำพูดไม่หยาบ

    แล้วลุกขึ้นยืนมองหน้าตรงๆกับอาจารย์สาวแว่นคนนั้น

     

    "ไม่ได้นะ พยายาม!!! ชีวิตของพยายามสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้นนะ"

    สโรชาหันมาเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง ใบหน้าและสายตาเธอไม่ต้องการแบบนั้น

     

    "สุดยอดเลยสุดยอดเลย ... ทั้งสองกำลังร่วมแสดงนิทานด้วย ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีใครยอมแสดงนิทานในระหว่างความรู้สึกแบบนี้สักครั้ง ยังงี้เราก็เป็นตัวร้ายหน่ะสิ สุดยอดเลย!!"

    อาจารย์สาวเอ่ยด้วยใบหน้าพึงพอใจ

     

    มันพูดบ้าอะไรของมันเนี่ย

    แย่ที่สุด .... ถ้าจะต้องสู้ในสถานการณ์ นี้หละก็

    มีแต่จะต้อง บุกเดี่ยวเข้าไปจัดการอาจารย์คนนั้นเท่านั้น

    แต่ว่า ... สโรชาบอกว่า มีคนที่ 50 อยู่ในห้อง

    แล้วมันใครกันหละ..... ใครกันคนที่ 50

    คิดสิ .... อะไรกัน

    อะไรกัน ......

    เดี๋ยวก่อนนะ ....

    ถ้าในห้องนี้ มี 50 คนจริงๆ โดยไม่นับพวกเราแล้ว

    มันก็ต้องใช้เสียงร้องพวกนั้นในการชักใยสโรชา

    เพลงนั้นมีเนื้อหาอะไรซุกซ่อนงั้นเหรอ ....

    ไม่มี .... ไม่มีแน่ๆ มีแค่อย่างเดียว ที่ซ่อนอยู่ในบทเพลงนั้น

    ใช่แล้ว ไอ้นั่นแน่ๆ

    ถึงก่อนหน้านี้ จะไม่ได้ถือไว้ก็เถอะ.....

    แต่ต้องเสี่ยงเท่านั้น

     

    "ตอนจบใครจะตายนะ ... หรือจะตายทั้งหมด เอาหละ ติดตามต่อเลย"

    อาจารย์สาวนั้น เอ่ยแล้วยกแขนขึ้น

    "เด็กๆ ทุกคน เตรียมคัตเตอร์!!"

    เธอเอ่ยคำสั่งนั้นแล้ว เด็กทุกๆคน แม้แต่เด็กที่กำลังบีบคอกันก็ปล่อยมือแล้วเตรียมหยิบคัตเตอร์ขึ้นมา

     

    "จังหวะนี้แหละ สโรชา!!! โจมตีที่ไวโอลินเลย!!!"

    ผมตะโกนเอ่ยบอกกับ สโรชาแล้ววิ่งตรงเข้าไปหาอาจารย์แว่นคนนั้นทันที

     

    "อื้อ!"

    สโรชานั้นพยักหน้ารับ แล้วใช้พลังของตนหายตัวไปด้านบนของอาจารย์

     

    "วะ ว่าไงนะ!!! หะ หายตัว เป็นไป ...."

    อาจารย์สาวตกใจแล้วรีบเอาไวโอลิน ซ่อนไว้ด้านหลัง

    แต่ไม่ทันการ สโรชาที่โผล่ไปด้านบนนั้น ม้วนตัวใช้ขาด้านที่ไม่เจ็บถีบข้อมือของอาจารย์สาวแว่นเข้าอย่างรุนแรง

    เธอที่ยังไม่ทันเอ่ยจบ อยู่ๆก็หยุดนิ่งทันที ราวกับไม่มีตัวควบคุมต่อ

    มือของเธอสะบัดเพราะแรงถีบจนล้มนอนนิ่งไป แต่ดวงตายังเบิกโพลงอยู่

     

    ".... พังไปซะ!!!!"

    ผมรีบคว้าไวโอลินนั้น แล้วฟาดลงใส่พื้นเพื่อให้มันพัง

    ปั้ก!!! ... แกรก!!!

    เสียงของแรงกระแทกไวโอลินดังสนั่น

    ฟิงเกอร์บอร์ด หรือส่วนที่เอาไว้สำหรับสีไวโอลินนั้นหักทันที

    ก่อนที่ผมจะปามันทิ้งไปยังกลางห้อง

     

    สโรชาร่วงลงมานั่งที่พื้นหายใจหอบนิดๆ

    ไม่ใช่จากอาการเหนื่อย แต่น่าจะกำลังทนพิษบาดแผลอยู่

     

    ยังดีนะที่เธอเป็นพวกรักษาแผลไว แต่อย่างน้อยๆก็ต้องถามอาการนั่นแหละ

    ไม่ใช่ว่าผมไม่ห่วงเธอ....

    "ไม่เป็นไรนะ สโรชา "

     

    "อื้ม"

    สโรชาตอบรับ

    แล้วหันมองทุกๆคนภายในห้องที่หยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อน

    ก่อนที่พวกเขาจะค่อยๆสลบล้มลงกันหมด

    รวมถึงพวกอาจารย์ด้วย

     

    "... รอดไปที่"

    ผมถอนหายใจโล่ง

    ค่อยยังชั่ว ที่สิ่งที่ผมเดามันถูก

     

    "... พยายามรู้ได้ยังไงหน่ะ ว่าเป็นที่ไวโอลิน..."

    สโรชานั้นถามผมทันที ที่ทุกๆคนในห้องสลบกันหมดแล้ว

     

    ".... ไม่ใช่ว่ารู้หรอก.... เดาหน่ะ ... ไม่เสี่ยงก็ไม่ได้"

    ผมเอ่ยตอบก่อนจะหันไปมองที่อาจารย์สาวแว่นที่สลบไปแล้ว

    "....เธอเป็นคนเดียวที่สั่งการ แถมยังเป็นคนเดียวที่ถือไวโอลินด้วย ...."

     

    "แต่ก่อนหน้านั้น ... .เธอไม่ได้ถือนะ พยายาม!"

    สโรชาเถียงผมกลับมา

     

    "ก็ใช่ ... ที่เธอไม่ได้ถือในตอนแรก แต่ถ้าทุกๆอย่างที่ชั้นเดามันถูกต้องหละก็..... การโดนควบคุมครั้งแรกสุด ไม่ได้มาจากเสียงพูดหรือบทเพลงตอนร้อง"

    ผมเอ่ยตอบสโรชาไป

     

    "ไม่ได้มาจากเสียงพูด? .... แล้วจะมาจากอะไรหละ ก็ตอนนั้น .. ที่โดนควบคุมชั้นได้ฟังเพลง...."

     

    ผมเอ่ยอธิบายแทรกทันที

    "ก็เพราะเสียงเพลงตอนร้องนั่นแหละ ..... เสียงที่เข้ามาควบคุมตัวของสโรชาหน่ะ ... ไม่ใช่เสียงร้องของเด็กๆ หรือของตัวอาจารย์คนนี้...หรือแม้แต่บทเพลง แต่เป็นเสียงเสียดสีของไวโอลินต่างหาก"

    ผมตอบข้อข้องใจเรื่องเสียงแล้วหันไปมองหน้าสโรชา

    เพื่อตอบข้อข้องใจเรื่องแรก

    "ส่วนเรื่องการควบคุมตัวอาจารย์และเด็กๆ คิดว่า หลังจากพวกเขาได้ฟังเสียงของไวโอลินไปแล้วกลายเป็นตุ๊กตา การกระทำทุกอย่างน่าจะโดนสั่งการไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าทุกอย่างลงตัวพอดี คำสั่งของมันเป็นแบบ สั่งตอนไหน เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าหมดคำสั่งแล้ว จะทำอะไรไม่ได้"

     

    "แล้วมันยังไงหละ? ก็ตอนแรกทุกๆคนก็ปกติ ดูไม่ได้เหมือนโดนควบคุมเลยนะ อย่างตอนไปคุยเรื่องแฟนต้ากับพวกอาจารย์ หรือตอนของชั้นโดนควบคุม ก็ไมได้ยินเสียงอะไรที่เป็นตัวสั่งการเลยด้วย ไม่ค่อยเข้าใจ... เท่าไหร่"

    สโรชานั้น ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่

     

    แปลกแฮะ สโรชาวันนี้เข้าใจยาก เป็นพลังที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนหรือไงนะ

    เธอเอ่ยถามเรื่องที่ผมก็เดาล้วนๆเหมือนกัน แต่ผมพอจะอธิบายได้

    ".... ก็นะถึงจะไม่รู้ว่าเป็นพลังของผู้ฝ่าฝืนแบบไหน แต่ที่เดาแบบนั้นได้ ก็น่าจะราวๆว่า ....  ในตอนแรกสุดพวกเขาโดนสั่งให้ ใช้ชีวิตตามปกติ จนกว่าจะเข้ามาที่ห้องนี้ .... แล้วก็สั่งต่อว่า พอเข้ามาที่ห้องนี้ ก็เตรียมการแสดงตามนี้ จนจบบท ซึ่งต่อจากนั้น เธอก็คงคิดว่า พวกเราน่าจะต้องโดนควบคุมให้เป็นตุ๊กตาไปแล้ว แต่ดันไม่เป็นไปตามแผน .... เธอน่าจะตรวจสอบได้จากอะไรบางอย่าง เธอก็เลยใช้วิธีควบคุมมาที่ตัวของสโรชาโดยตรงแทน แล้วก็ดันไม่สำเร็จอีก เลยต้องออกมาใช้แผนสอง ที่ไม่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้าหรืออาจจะเตรียมไว้ล่วงหน้า แต่พวกเด็กๆหรืออาจารย์ ก็ไม่ได้โดนสั่งการเอาไว้เลยทำได้แค่ยืนนิ่งๆ เหมือนตุ๊กตา ซึ่งทั้งหมดนี้ เดาจากอาการของ เด็กผู้หญิงคนนั้น ที่โดนสั่งให้วิ่งมากระหน่ำแทงพวกเรา แต่พอวิ่งแล้วล้มเท่านั้น จากคำสั่งที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้เธอทำท่าวิ่งในขณะนอนกับพื้น ไม่ยอมลุกขึ้นมานั่นแหละ"

    ผมตอบก่อนจะถอนหายใจ เพราะพูดยาวเหยียดแถม เดาซะเยอะ แต่มีหลักการ

     

    "ยะ ยังงี้เอง สุดยอดไปเลย พยายามเก่งมากๆเลยหละ"

    สโรชาเอ่ยชมผม

     

    ไม่ๆสโรชา เธอเก่งกว่าชั้นเยอะ ... เชื่อดิ

    ผมนั้นเหลียวมองไวโอลินแล้วเอ่ยต่อ

    "ซึ่งนอกจากนี้ ถ้าชั้นเดาต่อนะ มันก็ไม่มีหลักการแล้วหละ ที่มันควบคุมเธอได้ ก็คงต้องใช้ประจุเวทย์จากตัวของอาจารย์ เพื่อสร้างการควบคุมโดยไม่ต้องใช้การพูด แถมพอส่งการควบคุมมาแล้ว ตัวของเธอยังนิ่งขยับไม่ได้อีก ... สังเกตได้เลยว่าตอนแรกนั่นหน่ะ คนในห้องหรือแม้แต่ตัวอาจารย์แว่นคนนั้นยังไม่เอ่ยหรือขยับสักนิด"

    ผมตอบสโรชาที่ฟังผมอย่างตั้งใจ

    ท่ามกลางเหล่าคนที่นอนสลบกันหมด

     

    แล้วจู่ๆ ....

    "Wow!!! Wonderful .... How can you know everything about this power just like you use it by youself!!"

    เสียงของเด็กผู้หญิงเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษเสียงดังฟังชัดดังขึ้นมาจากไวโอลิน

     

    พวกเราชะงักทันทีก่อนที่สโรชาจะรีบคว้าเก้าอี้เกร็งแขนอย่างรุนแรงแล้วขว้างใส่ไวโอลิน

    ตู้ม!!!!

    เก้าอี้ที่พุ่งเข้าไป กลับโดนม่านบางอย่างปกป้องเอาไว้ ก่อนที่จะค่อยๆ มีร่างกายของเด็กสาวดวงตาสีเขียวผมสีทองอ่อนสวยพริ้วสะบัดสูงราวๆ 142 เซนติเมตร โผล่ขึ้นมาจากไวโอลิน ตัวนั้นในชุดโกธิค สีดำคล้ายใส่ไปงานราตรี กระโปรงพริ้วสวยเป็นลอนสีดำ และหมวกบานผูกโบสีดำ

    พูดได้เต็มๆปากเลยว่าผิวที่ขาวละเอียดราวหิมะนั้นที่ตัดกับชุด ทำให้เธอดูดีมาก

    และใบหน้าเธอก็ดูน่ารักสุดๆไปเลย....

     

    แม่ง!!!!

    ออกมาจากไวโอลิน

    ออกมาได้ไงวะสัตว์ เข้าไปอยู่ในนั้นได้ยังไง

    วิชาอะไรวะเนี่ย!!! หรือมึงจะเป็นนินจาจากฝรั่ง!!!

    เออ ผมอึ้งพักใหญ่เลยหละ

     

    เธอจ้องมองมาที่พวกเราด้วยรอยยิ้มแล้วก้มลงหยิบไวโอลินที่หักขึ้นมาแล้วสะบัดมัน

    ทันใดนั้น ไวโอลินตัวเก่าที่หัก ก็กระเด็นหลุดลงไป ราวกับมันลอกคราบได้

    ที่ยังอยู่ในมือคือ ไวโอลินอีกตัว ที่มีสีดำสนิท มีลูกแก้วเวทย์สีดำติดที่บริเวณด้านล่างของโวโอลิน

    ด้านของของมัน สลักสัญลักษณ์หมายเลข 150

     

    "หนึ่ง...ห้า...ศูนย์"

    สโรชานิ่งไม่เข้าไปโจมตีต่อ เธอจ้องมองเลขนั้นแล้วเอ่ยออกมา

    เดาได้ว่าน่าจะเป็นม่านที่เข้าไปไม่ได้แน่ๆและคงจะไม่เคยเจอมาก่อน

    แน่หละ เธอเป็นอันดับ 1 ของประเทศเรา แต่มีหมายเลข 174 แปลว่านั่นเป็นเด็กต่างประเทศชัดเจน

     

    หลังจากนั้นเธอก็หมุนตัวพริ้ว 1 รอบ แล้วจับกระโปรงยก ก้มหัวให้ราวทักทาย

     

    อะไรอีกวะเนี่ย เด็กอีกคน ....ถึงจะน่ารักโคตรๆเลยก็เหอะ แต่รอบนี้ของจริงเลยสินะ

    เล่นป้องกันด้วยม่านอะไรสักอย่างแบบนั้น

    แถม ไอ้หมายเลข นั้นอีก... หนึ่งห้าศูนย์

    แบบนี้มันก็เก่งกว่าสโรชาหน่ะสิ

     

    "OK, let's play with us!"

    เธอเอ่ยแล้วยิ้มหวานส่งมาให้

    มันเป็นรอยยิ้มแห่งมิตรภาพและไมตรี ต่างจากยัยพวกที่ผ่านๆมา

     

    บอกตรงๆเลยนะ ว่าเป็นศัตรูที่พูดแล้วยิ้มหวานโดยไม่เห็นรอยแสยะหลอนๆที่สุด

    ตั้งแต่เจอมา

     

    ยังดีนะ ที่พอฟังภาษาอังกฤษออก ถึงสำเดียงจะดีโคตรๆ จนเกือบฟังเพี้ยนก็เหอะ

    "ใครจะไปเล่นกับหล่อนวะ!!!"

    ผมเอ่ยย้อนกลับไป

     

    ".... What ? ... oh wait i'm forgot to use it"

    เด็กสาวเอ่ยด้วยสีหน้างงว่าผมพูดอะไร ก่อนที่เธอจะเอามือล้วงทะลุเข้าไปในไวโอลิน

    แล้วหยิบเอาหูฟังที่มีลำโพงกับไมโครโฟนขนาดเล็ก มาติดไว้ที่หูตนเอง

    ก่อนจะเอ่ยเสียงน่ารักหวานฟังชัดเจนว่า

    "งั้นขอเริ่มใหม่แต่ต้นนะคะ .... อืม .. เมื่อกี้ ... อ๋อ ว้าว!!!!!!! สุดยอด ทำไมเดาถูกหมดทุกอย่างจนนึกว่าใช้พลังเองเลยหละเนี่ย .... โอเค มาเล่นด้วยกันกับเราเถอะ"

     

    ไม่ต้องพูดย้อนอีกรอบก็ได้โว้ย ตรูฟังออก ไม่ได้โง่ภาษาอังกฤษขนาดนั้น

    แล้วก็ไม่ได้อยากเล่นอะไรทั้งนั้นเลย สราดดดดดดดดดดด!!!

    งานเข้าแล้วไงเล่า ... สโรชา

    ผมนั้นคิดแล้วหันไปมองสโรชา

     

    จู่ๆ...

    "อ่า..... ฮึๆ ... หึๆ ...คิกๆๆๆๆ ... ฮ่าๆๆๆๆ ... ฮะๆๆ ฮึๆ หึๆๆๆ"

    สโรชาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาทันที

    ท่ามกลางเหล่าเด็กๆและอาจารย์ที่ยังนอนสลบไม่ได้สติ

    ต่อหน้าผม และ เด็กผู้หญิงหมายเลข 150

     

    แล้วหล่อนเป็นบ้าอะไรอีกคนวะครับเนี่ย

    จะหัวเราะหาพระเจ้าโคล่อนหรือไงวะ!!!

    ไม่ไหว อยากแทรกแต่ไม่อยากขัด ... อย่าเลยดีกว่า

     

    เด็กคนนั้นก็จ้องมองสโรชาด้วยความสนใจ

     

    สโรชาหัวเราะจนเหนื่อย ก่อนจะจ้องมองไปที่เด็กสาว พร้อมรอยยิ้มแสยะอันน่าสยดสยอง หิวกระหาย

    ราวกับเธอนั่นแหละคือปีศาจร้ายที่สิงสู่ร่างมนุษย์เสียเอง

    "เอาสิ มาเล่นด้วยกันเถอะ"

     

     

    End Chapter 29 เอาสิ มาเล่นด้วยกันเถอะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×