ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวทยาลัย ศาสตร์มนตร์ดำรงเวทยา

    ลำดับตอนที่ #175 : Chap.3 ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 293
      2
      1 พ.ค. 57

    Chap.3 ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว

    .............................................................

    .........................................

     

    หลังจากเหตุการณ์ไปโวยวายกับอาจารย์นั้น พวกผมก็มานั่งคุยกันกับตุ้มติ้ม และหนิงสมาชิกอีกคนในทีม

    แน่นอนว่าเราก็คุยกันเรื่องเหตุผลที่อาจารย์อธิบายได้สักพัก ก็ต้องโยนเรื่องนั้นทิ้งไปก่อน

    และคุยกันอีกเรื่อง ....

    ว่าด้วยจะไปหาเช่าโรงฝึกแทน แต่คิดไปคิดมา มันก็ราคาแพงใช้ได้

     

    ห้องซ้อมสำหรับ 1 ธาตุ ชั่วโมงละ 500 นี่ไม่ไหว .....

    ห้องซ้อมเล็กๆ ยัง 500 พวกเราก็ดันคนละธาตุกันหมด แยกกันซ้อมก็ไม่ได้

    ห้องซ้อม 5 ธาตุ สำหรับทีม 4 คน ก็ราคา 2000

    แถม จะไปซ้อมตามที่ต่างๆ ก็โดนเทศกิจหรือผู้ดูแลความสงบ มาไล่อีกหละ .....

    เวทยาลัยก็ไม่ออกเงินค่าอะไรให้เลย

    จะขอเงินอาจารย์ธิดาก็เกรงใจ ฝึกกัน 2 ชั่วโมง ก็ 4000 แล้ว

    ลำพังเงินเดือนอาจารย์ คงจะกรอบแน่ๆ .....

     

    ดังนั้นแล้ว .... พวกเราจึง ....

    แยกย้ายกันกลับบ้าน

     

    ..............................

    .........

     

    "สุดท้ายก็โดนอาจารย์ไล่กลับมาเฉยๆเลยนี่นะ"

    ก้าวเดินเอ่ยขึ้น ระหว่างพวกเรากำลังเดินกลับบ้าน

     

    ที่เดินกลับบ้านกันได้ เพราะบ้านเรา ห่างจากป้ายรถเมล์ แค่ 4 ป้ายเท่านั้นเอง

    ถ้าวันไหนขี้เกียจก็นั่งรถกลับนั่นแหละ

    แต่วันนี้อยากปล่อยอารมณ์เล่นกันด้วยแหละนะ

     

    "เออ ..... ช่วยไม่ได้นี่หว่า ....."

    ผมตอบออกไป

     

    "ชั้นไม่มั่นใจเลย ฝ่าฟัน ...."

     

    "หา? ไม่มั่นใจไรหรอ เรื่องฆาตกรอะนะ"

     

    "ป่าวหรอก ......"

    ก้าวเดินเอ่ยก้มหน้า ไม่มองหน้าผม

     

    จะให้เดาอะไรต่อดีหละ ....

    "..... เรื่องแม่หรือไง ..... กลัวไม่มีงานดีๆทำแล้วหาเงินมาเลี้ยงแม่ได้เหรอ?"

     

    "ไม่ใช่เฟ้ย .....ก็เดาได้ไม่ใช่เหรอ .... เรื่องแข่งหน่ะสิ ......ชั้นอ่อนสุดเลยนะฝ่าฟัน ในกลุ่มหน่ะ หลังจากแข่งเสร็จ ถ้าพวกเราไม่สามารถชนะระดับเขตได้ขึ้นมา ..... มันคงจะแย่น่าดู"

    ก้าวเดินตอบผมมา

     

    ก็เข้าใจความรู้สึกก้าวเดินอยู่หรอกนะ .....

    แล้วนายก็มาทางสายธาตุลมด้วย ..... มันก็ต้องใช้เทคนิคเยอะหน่อยหละ

    แต่ ..... ยังไงก็ไม่แย่ขนาดนั้นหรอกน่า ก้าวเดินเอ๋ย

    "ไม่แย่หรอก .... ยังไงถ้าเราตกรอบแรก อาจารย์ธิดาก็จะหาที่ฝึกงานลงให้พวกเราเองนั่นแหละ .....แล้วเทอมหน้าค่อยเอาใหม่ก็ได้ ..... แต่เชื่อมั่นสิเฟ้ย ว่าพวกเราจะทำได้"

     

    "ให้เชื่อมั่นอะไรหละ ..... กับนายรึไง คงไม่พูดคำนั้นหรอกนะ ไอ้คำเลียนแบบการ์ตูนหน่ะ"

    ก้าวเดินทำหน้าแหยๆ ใส่ผม

     

    ผมยิ้มระรื่น .... คำพูดที่มันกินใจผมแล้วหันหน้ากอดคอก้าวเดิน

    "ใช่เลยคำนั้นแหละ ถ้าไม่สามารถจะเชื่อมั่นในตนเองได้ ก็จงเชื่อมั่นในตัวชั้น ที่เชื่อมั่นในตัวนายแทน"

     

    "เออ .... ก็เพราะเชื่อนั่นแหละ ผลสอบก็ไปเข้าเวทยาลัยดังๆไม่ได้ เข้าได้แต่ ศาสตร์มนตร์ดำรงเวทยาเนี่ย"

    ก้าวเดินเหล่ตามองหน้าผม

     

    ".... ยังไงฟระ ที่นี่มันไม่ดีตรงไหน"

     

    "เวทยาลัยที่มีโรงฝึกเวทย์แค่หนึ่งโรงสนามซ้อมเดี่ยวเล็กๆสิบสนาม แบบทีมแค่สองสนาม แล้วแบ่งให้นักเรียนซ้อมกันแบบเบียดๆทีละห้องเนี่ย มันก็แย่พออยู่แล้วนะ แล้วไอ้อันดับของเวทยาลัยเราก็อีก .... ถึงจะเคยมีประวัติ ว่าติดอันดับ เก้าสิบจากร้อย .... แต่ปัจจุบันนี่ มันไม่ติด อันดับ หนึ่งในพันเลยนะ"

     

    เออ ก็จริงของเจ้าก้าวเดินมัน .... ก็คะแนนเรามีแค่นี้นี่หว่า

    แล้วบ้านก็อยู่ใกล้สุดๆ เข้าเรียนที่นี่ แบบเดินเข้าได้เลย

    เพราะรัฐบาลก็อัดฉีดเงินให้เรียนสายนี้ฟรีอยู่แล้ว

    เพื่อจะได้กลายเป็นแรงงานเวทย์ที่ดีพอ

    อย่างน้อยๆ ที่ทำกัน ก็แค่ดิ้นรน

    กับความฝันสมัยเด็กนี่นะ

     

    "เออ ... เข้าใจ .... คุยเรื่องสอบแทนละกัน"

    แล้วผมก็เปลี่ยนเรื่องคุยไป ...

     

    ..................

    พวกเราเดินคุยกันเรื่อยเปื่อย แวะร้านสะดวกซื้อ เจ็ดสิบเอ็ด ที่อยู่ใกล้ๆบ้านอย่างเคยๆ

    แล้วตรงดิ่งกลับมาบ้าน ไม่แวะที่อื่นเลยหละนะ

     

    -ครับ เรื่องข่าวการเสียชีวิต จากฆาตกร ตอนนี้มีมากขึ้นมากมายเลย ................ -

     

    "เสียงทีวีนี่ ... แม่กลับบ้านมาแล้วมั้ง ....."

    ก้าวเดินพูดขึ้น

     

    "วันนี้กลับเร็วแฮะ ..... ทำงานเสร็จเร็วหรือไงนะ"

    ผมเอ่ยต่อ

     

    แกรก .....

    "กร้าววววว!!!! กร้าวววว!!! โคร่งงงง !!! ก้า!! โอ้!!!!!!!!!!!!"

     

    .......................

    ........

     

    เสียง ..... ของสิงโตหรือเสือ ดังขึ้นเบื้องหน้าพวกเรา

    พวกเราไม่ได้ตกใจสักนิด ..... ทำไมหน่ะเหรอ ....

     

    เสียงนั้นมันไม่ได้น่าตกใจเลยหน่ะสิ ...

    และ ภาพเบื้องหน้าที่พวกผมเห็น

     

    ก็คือ .... เด็กผู้หญิงตัวเล็ก สวมหน้ากากจิ้งจอก ยกแขนขึ้นยืดตัวข่มขู่พวกเรา

    แต่ดันร้องเลียนแบบเสียงของสิงโต หรือเสือซะได้

     

    "ขอโทษครับ ..... หมาป่ามันไม่ร้อง เสียงแบบนั้นนะครับ"

    ผมเอ่ยตัดพ้อออกไป

     

    "เอ๋!! แต่ แต่ ... แต่แม่ใส่หน้ากากจิ้งจอกต่างหากหละ "

    เด็กสาวคนนั้น ..... ร้องโวยวายถอดหน้ากากหมาป่าออกมา

    เธอเป็นเด็กที่มีดวงตากลมโตแก้มน้อยปากเล็กจมูกหน่อย น่ารัก ผิวขาวอมชมพูระเรื่อ ผมสีทองอ่อนสวย

    จากความสูงก็ไม่ถึง 130 เซนติเมตรด้วยซ้ำ .... เรียกได้ว่าเด็กสุดๆ .....

     

    "จิ้งจอกมันก็ไม่ร้องแบบนั้นครับ ..... เชื่อผมดิ"

    ก้าวเดินเสริมต่อแทนผม

     

    "ง่า!! อุตส่าได้หน้ากากจิ้งจอกมาฟรีเชียวนะ ....จะให้จิ้งจอกร้องแบบสิงโตบ้างไม่ได้หรือไงกันเล่า ไม่รู้จักมีความฝันอันสวยงามแบบหญิงสาวที่โตแล้วกันบ้างเลย ฝ่าฟันกับก้าวเดิน!!"

    เด็กสาวเอ่ยบ่นโวยวายกอดอกทำหน้าดุนิดๆ แต่ไม่น่ากลัวเลย...

     

    "ผมมั่นใจว่ามันไม่ใช่ความฝันของคนที่โตแล้วครับ .... "

    ผมเอ่ยบอกเด็กสาวเบื้องหน้าทันที

     

    ก้าวเดินก้มหัวให้ 1 รอบ แล้วเงยขึ้นมาเอ่ยเช่นกัน

    ".... ขอโทษด้วยนะครับ ....แต่ผมคิดแบบนั้นเหมือนกัน"

     

     

    "ฮึ่มมมม .... งอนแล้วพรุ่งนี้เช้าไม่พาไปกินข้าวข้างนอกหละ!! อุตส่าห์เห็นว่าเป็นวันสอบเสร็จวันสุดท้าย เลยขอร้องผู้จัดการแทบแย่ กว่าจะได้ตั๋วทานอาหารฟรีมาสามใบ"

    เด็กสาวงอนพวกเราเสียแล้ว ....... ต้องเข้าไปง้อ .....

     

    ไม่ให้ง้อได้ไง ไอ้ตั๋วทานฟรีที่เด็กสาวคนนี้ได้มาประจำหน่ะ

    มันร้านที่เด็กสาวไปทำงานอยู่ ซึ่งมันอร่อยสุดๆไปเลย ... แถมบรรยากาศ ก็ดีสุดๆด้วย .....แฮ่กๆๆ ...

    ดังนั้นแน่นอนอยู่แล้ว .... ผมและก้าวเดิน ก็ต้อง โค้งหัว 90 องศา พร้อมเอ่ยว่า!!!

    "ขอโทษครับ พรุ่งนี้ได้โปรดพาพวกเราไปกินด้วยครับ"

     

    "อึ .... อืมมม ... ก็ได้ ..."

    เด็กสาวใจอ่อนทันทีเมื่อพวกเราขอโทษดีๆ เธอก็ยอมให้แบบไม่มีเรื่องราวมาก

    จะเรียกว่า ไม่ใช่พวกขี้งอน ก็ว่าได้ แค่อารมณ์โกรธง่ายหายไวเหมือนเด็ก...

    สมแล้วหละนะ .... ที่เป็น แม่ของพวกเรา .....

    .......................

     

    ใช่ครับ ..... เด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ คือแม่ของผมกับก้าวเดินเอง

    .........

    ถึงแม่จะไม่ได้บอกพวกเรา แต่เพราะเราไปเซ้าซี้ถามคนข้างบ้าน

    คนข้างบ้านเลยยอมเล่าให้ฟังคร่าวๆว่าเกิดอะไรขึ้น...

    แต่ไม่ละเอียด ... พวกเราจึงไปแอบค้นหาในอินเตอร์เน็ตแทน ... และพวกเราก็ได้รู้

     ที่แม่พวกเราเป็นแบบนี้

    เพราะโดนพวกโจรที่แอบมาขโมยของกลางดึกในบ้านยัดยาที่มีส่วนประกอบของสารเวทย์เจือปนแล้วข่มขืนตั้งแต่แม่ยังเด็ก แล้วฆ่าตากับยายของพวกเราที่ต่อสู้ขัดขืน..... รวมถึงฆ่าแม่ด้วย...

     ... ปาฏิหาริย์เธอรอดมาได้

    แต่...เพราะสารนั้นและความช็อกของแม่มาก ทำให้ร่างกายเธอไม่เจริญเติบโต

    แม้แต่พวก ความสามารถด้านเวทย์ก็คงตัวในระดับต่ำตลอด ....

    ท่านเลยโตขึ้นมา ทำงานได้เฉพาะ งานบริการร้านอาหารแบบพิเศษ ที่เงินเดือนไม่มากนัก

     

    ...................................

    ......................

     

    เย็นนี้แม่ก็ฉลองให้พวกเราพอเป็นพิธีก่อน ด้วยผัดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ราดข้าวผัดซอสมะเขือเทศ

    .... เมนูเด็ดที่ไม่มีใครคิดจะทำแบบคุณแม่จริงๆนั่นแหละนะ ....

     

    ก่อนจะเข้าห้องนอนกัน ...

    พวกเราทั้ง 3 ยังไม่เคยแยกห้องนอนกันเลยตั้งแต่เด็กจนโตหละนะ ....

     

    ผมกับน้องก็นั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์กันไป

    ส่วนแม่ก็หลับปุ๋ยไปอย่างว่องไวเสียแล้ว ....

     

    ระหว่างที่กำลังจะกดเข้าเล่นเกมออนไลน์ Heroes of Olderth ในรอบต่อไปอยู่นั้นเอง

    ผมก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ ....

    "เห้ย ..... ก้าวเดิน ..... ชั้นลืมบัตรเติมเงินเจ็ดสิบเอ็ด ไว้ที่ร้านหน่ะ เดี๋ยวขอออกไปเอาก่อนนะ ...."

     

    "..... อ้าวเวรกรรม .... ให้ออกไปเอาด้วยมั้ย"

     

    "ไม่ต้องๆ ชั้นไปคนเดียวเอง .... ใกล้แค่นี้เองด้วย"

    ผมเอ่ยบอก ก้าวเดิน แล้วลุกขึ้น

     

    "อ่า โชคดีๆ ... ระวังตัวด้วย"

     

    "อ่าๆ"

    ผมตอบรับแล้วเดินออกไป ....

     

    ...............................

    ................

     

    ให้ตายสิน้า .... ถึงมันจะเป็นร้านสะดวกซื้อที่ห่างไปไม่เกิน 300 เมตร ผ่านสวนสาธารณะขนาดเล็ก

    แต่พอต้องมาเดินกลางคืนเซ็งๆแบบนี้แย่เลยแฮะ ....

    แล้วดันแตะบัตร เสร็จแล้วลืมเก็บซะได้ ....

    พนักงานที่ร้านก็รู้จักเราอยู่ น่าจะจำหน้าเราได้หละนะ .......

     

    ผมได้แต่เดินไปช้าๆ อย่างเย็นอารมณ์ ....

    แน่หละนะ .... แถวๆนี้มันไม่ค่อยจะมีคนมาเดินตอนกลางคืน เพราะมันมืดนี่ ....

    แต่ .... อ้าวเห้ย....

    .....

    ที่มุมมืดหนึ่งตรงนั้น ในสวนสาธารณะ .... ผมก็ได้เห็น ....

    ชาย 3คน กำลัง .... ยืนรุมหญิงสาวคนเดียว...

    "น้องสาว ยืนรอใครอยู่คนเดียวจ้ะ ....ไปเที่ยวกันมั้ย ...."

    "น่านสิน้า ... ไปเที่ยวกันไหมจ้ะ ....... "

    ".... ไม่ต้องกลัวนะจ้ะ แหม่"

     

    .....

    อึก .... บ้าเอ้ย ..... ถ้าก้าวเดินมาด้วยคงจะดีกว่านี้ ..... แย่จริง ...

    ทำไมตรูรู้สึกเสียวแบบนี้ฟระ ...... หรือเจ้าพวกนั้นจะ .... เป็นกลุ่มที่อาจารย์ธิดาบอกเอาไว้....

    จะเข้าไปช่วยแบบไหนดีหละ .... เออ .... มันบอกว่าเธอรอใครอยู่สินะ....

     

    เอาไงก็เอาวะ!!!

     

    ".......... ขอโทษครับ ....."

    ผมเดินเข้าไปแทรกพวกเขาทันที .....

     

    "หา ...."

    พวกผู้ชายกลุ่มนั้นหันมามองหน้าผมเหมือนไม่พอใจ

    หน้าพวกมันแต่ละคน ..... เช็ดหม้อข้าว ....

     

    นักเลงสวมหน้ากากขาว ปกปิดใบหน้า เห็นทีแรกนึกว่าผี....

     

    ".... คือแบบว่า ..... เธอรอผมอยู่หน่ะ .... ยังไงขอตัว ....เธอไปกับผมเถอะนะครับ .... ผมไม่อยากจะมีปัญหากับพวกคุณทีหลัง ....."

     

    .......

    และสิ้นคำพูดนั้นของผมพวกเขาก็หันมาหาผม พร้อมใบหน้าที่ไม่พอใจ

    ".... หา ...... "

    ".. พูดแบบนี้อยากมีเรื่องเรอะ"

    "คนเขาชวนกันดีๆ พูดแบบนี้ อยากมีปัญหาสินะเห้ย"

    .....

     

    ชิบ ...... งานงอกแล้วไง .... มันไม่ใช่นักเลงนี่หว่า

    .... แค่อยากจะหาคนไปปลดปล่อยอารมณ์เปลี่ยวสินะ ....

    บ้าชิบ แล้วตรูพูดอะไรออกไปฟระเนี่ย

     

    ผม .... ได้แต่รู้ว่า .... จะต้องวิ่งเข้าไปช่วยเธอ... ไม่ได้เจ้าพวกนี้ยืนบังทางเอาไว้

    เธอควรจะขยับหนี .... แต่เธอ .... ดันยืนนิ่งไม่ไหวติงใดๆ

    บ้าเอ้ย!! ... คุณผู้หญิงครับ .... วิ่งหนีไปสิครับ ผมจะได้วิ่งไปด้วย ...

     

    "เห้ย .... ถ้าอยากจะช่วยยัยนี่ ... ก็มาไฟว์ กันดีๆเป็นไง ..... "

    "ทำตัวเหมือนคนร้ายไปแล้วม้าง ....."

    "ช่วยไม่ได้นี่หว่า .... ฮ่าๆๆๆ .... ก็มันขัดอารมณ์"

    "เออๆ ... ได้ต่อยคนสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน ยืดเส้นยืดสาย"

     

    เช็ดจานเช็ดถ้วย .....

    มีเรื่องทะเลาะวิวาท เพราะช่วยคนไม่ผิดใช่ไหมฟระ ...

    เออ .... ไม่ผิด .... แถมได้ฝึกเวทย์ไปในตัวด้วย ...

    เจ้าพวกนี้จากหน้าตา น่าจะไม่ใช่พวกนักเรียนเวทย์แน่ๆ .... ค่อยข้างมั่นใจ

    และก็ไม่น่าใช่ พวกนักเลงที่เรียนเวทย์มาด้วย ..... เพราะในกระเป๋ากางเกงพวกมันพกมีดธรรมดา

    ไม่ใช่มีดที่มีผลึกเวทย์ หรือลูกแก้วเวทย์ติด .....

    ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว.... ผู้หญิงคนนั้น จะคิดมากไหมนะ ...

    เธอเราเอาคุณเธอมาเป็นข้อเสนอ .....

    แต่ ..... เล่นไม่วิ่งก้มหน้าสั่นแบบนั้น คงจะกำลังกลัวหละสิ

    ถ้าไม่หนี .... ยังไงก็มีแต่.... ต้องช่วยด้วยวิธีนี้นี่แหละ

    "..... เออ .....  มาจัดกันแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ดีกว่า... ถ้าชั้นล้มก็แพ้เลย ถ้าฝั่งพวกนายล้ม ก็เปลี่ยนคนจนครบ 3 หวังว่าคงเป็นลูกผู้ชายพอนะ"

     

    "เออ...... จัดมา"

    พวกผู้ชายสวมหน้ากาก เอ่ย ....

     

    ผมก็ตั้งท่า ต่อสู้ทันที ....

    ขอโทษด้วยนะ ... สวนสาธารณะนี้ มันเป็นใจ กับธาตุเวทย์ของชั้นฟร่ะ....

     

    End Chap.3 ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×