ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจรักสลักแค้น (E-book)​

    ลำดับตอนที่ #9 : ต อ น ที่ 3 [2/3]

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ค. 63


    มิรันดาโบกมือปฏิเสธไปมากลางอากาศ แล้วก้มหน้าก้มตากินกับแกล้มบนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อย อาหารบนโต๊ะ ช่วยลดค่ากับข้าวมื้อเย็นได้หลายบาท 

    สาวน้อยเผลอตัวเอาแต่ตักกับแกล้มนั่นบ้างนี่บ้างใส่ปากไม่หยุด ภาคินเห็นแล้วก็นึกเอ็นดูมากกว่าจะรังเกียจ 

    การกระทำของเธอ ทำให้เขาเห็นภาพในอดีตของตัวเองซ้อนทับขึ้นมา เขาเคย หิวโซ เมื่อมีคนหยิบยื่นอาหารดีๆ ให้ ก็รีบกินย่างมูมมาม อาหารแทบจะติดคอตาย

    เหตุการณ์วันนั้นผ่านมานานแล้วทว่าภาคินไม่เคยลืม กว่าเขาจะมีวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายทีเดียว

    เมื่อถูกจ้องมองนานเข้า มิรันดาถึงรู้สึกตัว เธอยั้งมือที่ใช้ตักอาหาร เงยหน้าขึ้นไปมอง ก็สบสายตาเย็นชาอย่างจัง

    ตายจริง! เธอหิวจนกินเสียเพลิน

    “อิ่มไหม ถ้าไม่อิ่มก็สั่งเพิ่ม ไม่ต้องเกรงใจ”

    คำถามของเขาสร้างความประทับใจให้กับสาวน้อยมากมาย เธอยิ้มปลื้ม ปฏิเสธด้วยความเกรงใจ

    “ไม่เป็นไรค่ะ อิ่มพอดี”

    ภาคินเชื่อคำพูดนั้นเพราะความอิ่มเอมใจบนหน้าเธอ เขาพยักหน้า พลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มต่อไป

    ท่ามกลางดวงไฟหลากสีสันซึ่งมีส่วนช่วยให้ภายในร้านไม่มืดสลัว มิรันดานั่งอมยิ้ม ตั้งใจชงเหล้าให้ชายหนุ่มอย่างมีความสุข

    ภาคินชวนคุยต่อ

    “แล้วแฟนเธอไปไหนล่ะ”

    มิรันดาขมวดคิ้วนิ่วหน้า คิดไปว่าเธอมีแฟนเมื่อไหร่ ก่อนได้คำตอบว่าภาคินกำลังเข้าใจผิด แก้มของเธอร้อนผะผ่าว ทั้งแดงระเรื่อด้วยความขวยเขินขณะปฎิเสธ

    “ไม่ใช่ค่ะ” มิรันดาร้อนรน โบกมือไปมา “พอร์ชกับหมิวเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน”

    “เพื่อนรักล่ะสิ” ภาคินยื่นแก้วที่เหลือแต่ก้อนน้ำแข็งให้เธอ “ว่าแต่เพื่อนเธอไม่มาด้วยกันเหรอ”

    สาวน้อยรับแก้วมาชงเครื่องดื่มให้เขาด้วยสีหน้าที่ซึมลงไป

    “คุณคง…ไม่ได้มาวันนี้เพื่อจะเอาคืนพอร์ชหรอกนะคะ”

    “เธอเห็นฉันเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นงั้นเหรอ”

    “มะ…ไม่ใช่นะคะ หมิวไม่ได้คิดแบบนั้น คือ…ก็พอร์ชน่ะ เคยทำร้ายคุณนี่นา”

    “คนอย่างฉันไม่นิยมเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ” วินาทีหนึ่งที่แววตาเย็นชาของเขาวูบไหวไป “เว้นเสียแต่ว่าตอนนั้น เกลือจะมีค่ากับฉันขึ้นมา”

    มิรันดาพยายามทำความเข้าใจประโยคที่เขาเอ่ย เธอส่งคืนแก้วน้ำที่เติมเต็มด้วยเครื่องดื่มสีเหลืองอำพันให้แก่ชายหนุ่ม

    “หมายความ ถ้าเรื่องเล็กน้อยนั้นสำคัญกับคุณ คุณก็ยอมแลก อย่างนั้นหรือคะ”

    ภาคินรับแก้วเหล้ามา แล้วกระดกน้ำเมาลงคอก่อนตอบเธอ

    “ทำนองนั้น”

    “แล้วตกลงว่า คุณจะไม่ทำอะไรพอร์ชใช่มั้ยคะ”

    ดูทีมิรันดาจะเป็นห่วงเพื่อนชายคนนี้มาก ชายหนุ่มจึงแกล้งบอกไปว่า

    “ถ้าเจอหน้าก็ไม่แน่”                                                                            

    “เอ้า! ไหนว่าไม่เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือไงเล่า”

    “ก็แล้วแต่อารมณ์”

    มิรันดาหน้าหงิกงอเพราะคำพูดกลับไปกลับมาของภาคิน แต่แล้วเธอก็เชิดหน้า เผยรอยยิ้มอย่างท้าทาย

    “ช่างเถอะ ยังไงซะ วันนี้คุณก็ไม่มีทางได้เจอพอร์ชหรอก”

    “เอาไปซ่อนไว้รึไง” เขาถามติดจะหัวเราะหน่อยๆ

    “เปล่าค่ะ” เธอตอบเสียงดังฟังชัด “พอร์ชแค่ไปเล่นดนตรีที่อื่นต่างหาก”

    “ทำไมไม่เล่นที่นี่ล่ะ”

    “เล่นสิคะ แต่ที่นี่เป็นร้านของคนในครอบครัว ไม่ค่อยจะได้เงิน พอร์ชก็เลยเล่นที่อื่นบ่อยกว่า” เล่าไป มิรันดาก็หัวเราะไปอย่างนึกสนุก ลืมแล้วว่าก่อนหน้า เธอยังกลัวภาคินจะตามไปแก้แค้นเพื่อนสนิท “มันบอกว่าเล่นที่อื่นเงินเยอะกว่า แต่ที่นี่เล่นฟรี ถ้าเล่นทุกวัน รับรองกระเป๋าตังค์แฟ่บแน่นอน”

    “แล้ววันนี้เพื่อนเธอเล่นที่ไหนล่ะ”

    “เรื่องอะไรหมิวจะบอก ถ้าบอกก็เข้าทางคุณคินน่ะสิ”

    ทั้งสองคนมองหน้ากันนิ่งก่อนจะหัวเราะออกมา จากนั้นชนแก้วเครื่องดื่มเพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

    ภาคินอยู่คุยกับสาวน้อยจนกระทั่งเลาจน์ใกล้ปิด เขาอาสาขับรถไปส่ง 

    มิรันดาไม่ปฏิเสธ เขากับแท็กซี่ เธอไว้ใจเขามากกว่า ภาพที่เธอมองชายหนุ่มคือผู้ชายหน้าร้าย แต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน และเป็นสุภาพบุรุษ 

    ดูเธอจะโลกสวยไปหน่อย แต่ภาคินก็พิสูจน์ให้เห็น ด้วยการขับรถมาส่งเธอถึงบ้าน ไม่พาไปแวะที่อื่น ไม่แตะต้องตัวหรือแสดงอากัปกิริยาที่ทำให้อึดอัด

    ก่อนลงจากรถ มิรันดายกมือไหว้ พลางบอก 

    “ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”

    “จะเดินเข้าไปในหมู่บ้านเองจริงๆ น่ะเหรอ”

    “ค่ะ” เธอยิ้มอย่างมั่นใจ “ที่นี่ไม่น่ากลัวหรอก น้ายามก็อยู่”

    แม้พยักหน้ารับแต่ในใจก็แอบเป็นห่วง จนเมื่อเธอเปิดประตูรถออก ก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ ว่าเขามีเรื่องสงสัย และต้องการคำตอบ

    ภาคินคว้าแขนเธอไว้หมับ!

    มิรันดาชะงักงัน พลันข้อมือเล็กถูกกระตุกเบาๆ ก็กลับนั่งลงบนเบาะตามเดิม ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความฉงน ยามหันมองคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย

    “ฉันขอถามอะไรหน่อย”

    “คะ?” เด็กสาวเลิกคิ้วขึ้น เปิดโอกาสให้เขาถามได้

    “อายุเธอยังไม่ถึงยี่สิบใช่มั้ย”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×