คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ต อ น ที่ 2 [3/3]
รถยุโรปสีขาวมุกของภาคิน แล่นเข้ามาในเลาจน์ด้วยความเร็วพอประมาณ แต่ร่างหนึ่งที่ทะเล่อทะล่า เดินตัดหน้ารถ ทำให้เขาต้องหักพวงมาลัยหลบด้วยความตกใจ
เพราะเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน หัวรถเลยพุ่งไปในทางตรงข้าม กับลานจอดรถที่ตั้งใจจะขับเข้าไป รถกำลังจะชนเสาโคมไฟของเลาจน์ เขาจึงรีบเหยียบเบรกจนจม
ชายหนุ่มโล่งอกเมื่อรถจอดสนิทก่อนจะชนกับเสาโคมไฟ เขาระบายลมหายใจ เงยหน้าดูกระจกมองหลัง ถึงเห็นว่าคู่กรณี นอนคลุกฝุ่นอยู่บนพื้น
ภาคินรีบเหวี่ยงตัวลงจากรถเพื่อไปดูอาการคนเจ็บ เธอเป็นฝ่ายผิดที่วิ่งตัดหน้ารถก่อน แต่เขาจะไม่ซ้ำเติมเธอ ซึ่งเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็กๆ
เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งจนถึงร่างบางแล้วยอบตัวลงนั่ง ช่วยยกศีรษะเธอด้วยการช้อนท้ายทอยขึ้น ก่อนจะถามว่า
“เจ็บตรงไหนมั้ย”
มิรันดาที่ลุกนั่งครึ่งตัว ยกข้อศอกขึ้นดู เลือดกำลังไหลซึมจากแผลถลอก เพราะตอนล้มหงายหลัง ข้อศอกกระแทกกับพื้นโดยแรง
“เจ็บ…เจ็บข้อศอกค่ะ”
ภาคินก้มลงมองใกล้ๆ เพื่อจะได้เห็นแผลเธอชัดขึ้น เขาแนะนำว่า
“ไปหาหมอดีกว่า”
เด็กสาวไม่หวังให้เขารับผิดชอบ ขนาดพาไปหาหมอ เพราะรู้ว่าตัวเองผิด แค่เขาไม่ถอยรถมาเหยียบซ้ำ แต่กลับลงมาดูอาการ ก็นับว่าใจดีกับเธอ ที่เดินทะเล่อทะล่า ไม่ดูตาม้าตาเรือ
“ไม่เป็นไรค่ะ แผลนิดหน่อย ทายาก็หายแล้วค่ะ”
มิรันดาหยัดกายจะลุกขึ้นยืน ทว่าไม่ทันไร ก็ร่วงลงกับพื้น เมื่อความเจ็บปวดที่ข้อเท้าแสดงอาการออกมา เธอร้องโอดโอยเสียงดัง
“ฉันช่วย”
สาวน้อยจะปฏิเสธ แต่ก็ไม่ทันเพราะการกระทำเขาไวกว่า ภาคินอุ้มเธอขึ้นจากพื้น จนเหมือนตัวลอยอยู่ในอากาศ
“นี่! คุณ จะทำอะไรน่ะ” เธอร้องโวยวาย
เจ้าของใบหน้าหล่อร้ายก้มมองเธอด้วยนัยน์ตาดุ มิรันดาหลบสายตาคมกริบอย่างหวาดหวั่น ไม่กล้าทักท้วงอีก
ภาคินจึงอุ้มเธอไปยังม้านั่งที่อยู่ใกล้กับตัวอาคารของเลาจน์ มีชายคนหนึ่งนั่งสูบบุหรี่อย่างสบายใจ เขาใช้สายตาข่มขวัญ จ้องมองจนคนๆ นั้นสละม้านั่ง โดยไม่ต้องออกปากไล่
ภาคินวางสาวน้อยลงกับม้านั่งอย่างนุ่มนวล เสมือนเธอเป็นเจ้าหญิงตัวน้อย อันแสนบอบบาง
มิรันดาสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยน เธอก้มหน้า อมยิ้มประทับใจ
“ในรถผมมีอุปกรณ์ทำแผลพกมา รออยู่ตรงนี้ก่อนแล้วกัน”
เด็กสาวก้มหน้ารับอย่างไม่เกี่ยงงอน เจ้าของร่างสูงจึงกลับไปที่รถ และกลับมาอีกครั้ง พร้อมกล่องบรรจุอุปกรณ์ทำแผลขนาดกะทัดรัด
ภาคินที่พร้อมแล้วกับการปฐมพยาบาลนั่งลงข้างเธอ เขาหยิบสิ่งของที่ต้องใช้สำหรับทำแผลออกมา
เขาค่อยๆ ใส่ใจทำไปทีละขั้นตอน สาวน้อยยิ้มอย่างพึงใจขณะยกแผลให้เขาจัดการ เธอใช้โอกาสนี้สำรวจใบหน้าเขาด้วยความชื่นชม
หน้าตาชายหนุ่มชวนให้ต้องมองนานๆ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง คิ้วเข้มหนาดกดำ ตาคมโตเป็นประกายแกร่งกล้า และจมูกโด่งเป็นสัน กับหนวดที่อยู่เหนือริมฝีปากแดงๆ
เขาหล่อชนิดที่ว่าเป็นดาราได้สบาย แต่จะเหมือนตัวร้ายในละคร มากกว่าพระเอกที่แสนดี ถึงอย่างนั้น การปฏิบัติต่อเธอ กลับตรงกันข้ามบทบาทตัวร้ายสิ้นเชิง
เอาเป็นว่าเรื่องนั้นช่างมัน รู้แค่เขาหล่อก็พอ!
มิรันดาอยากกรีดร้องให้กับความหล่อตามประสาสาวๆ แต่ต้องเก็บอาการไว้ เมื่อผ้าก็อชปิดทับแล้วที่แผล
“ขอบคุณนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วย” เธอกล่าวยิ้มๆ
ภาคินชายตามองเธอนิ่งๆ โดยไม่พูดสักคำ เขาก้มหน้าลงเก็บอุปกรณ์ทำแผลลงกล่อง ก่อนจะลุกขึ้นยืน ทั้งที่หัวใจเริ่มเต้นแรงผิดปกติ กับรอยยิ้มของเธอ
มันเหมือนรอยยิ้มที่เคยเห็นสมัยวัยเยาว์ รอยยิ้มของคนที่โหยหามานาน…
มิรันดาจะลุกตามเขาบ้าง เพราะเห็นว่าทำแผลเสร็จแล้ว หากชายหนุ่มกลับกดไหล่ให้นั่งลง เธอเงยหน้ามองเขาตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ
“อย่าลืมข้อเท้าตัวเองสิ”
ภาคินเตือนเสียงเรียบ แล้วยอบตัวลงให้ต่ำกว่าเธอที่อยู่บนม้านั่ง เขาถอดรองเท้าส้นสูงออกให้ ลองใช้นิ้วโป้งกดบริเวณข้อเท้าบวมแดงเบาๆ เด็กสาวก็ร้องลั่น
“โอ้ย! คุณๆ หมิวเจ็บ…”
“นั่งรอตรงนี้ก่อน” เขาเงยหน้าบอก “คงต้องประคบเย็นสักหน่อย”
ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน เขาเดินหายเข้าไปในเลาจน์ โดยมีมิรันดามองตามอย่างงุนงง
รออยู่สักพัก ถึงเห็นเขากลับออกมา พร้อมอุ้มถังแสตนเลสใส่น้ำแข็งไว้กับมือ
ครั้นมาถึงเธอที่นั่งรอ ภาคินก็เริ่มจัดการขั้นต่อไป เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองห่อก้อนน้ำแข็งแล้วนำมาประคบข้อเท้า คลึงเบาๆ
สาวน้อยตกใจที่เขาลงทุนทำให้ขนาดนี้เชียว เธอบอกอย่างเกรงใจ
“คุณไม่เห็นต้องทำกับคนโง่ๆ เซ่อๆ ที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือขนาดนี้เลย”
ภาคินเงยหน้าขึ้นโดยที่มือยังคงประคบเย็นให้ต่อไป เขาไม่สนใจที่เธอบอก แต่กลับย้อนถามแทน
“ดีขึ้นมั้ย”
มิรันดาถอนหายใจหลังถูกเมิน เธอตอบรับเสียงเบา
“ค่ะ ดีขึ้นแล้ว”
“กลับบ้านไปก็ประคบเรื่อยๆ จนกว่าจะหาย”
“ค่ะ” เธอยิ้มแป้น “ขอบคุณมากจริงๆ”
เมื่อไม่มีสิ่งใดให้ห่วง ภาคินก็ลุกขึ้นยืน จะเอากล่องอุปกรณ์ทำแผลไปเก็บที่รถตามเดิม ความจริงเขาไม่รีบร้อน เพราะตอนเข้าไปในเลาจน์ ได้บอกบิดา ว่าจะกลับมารับหลังทำแผลให้เด็กสาวที่ขับรถเฉี่ยวเสร็จแล้ว
น่าแปลกที่เขาอยากคุยกับเธอให้มากกว่านี้ แต่คนอย่างเขา ไม่เคยเข้าหาผู้หญิงก่อนเลยสักครั้ง
พูดให้ถูก ต้องบอกว่าไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนจนอยากเข้าหาเลยในชีวิต
คิดให้แล้ว ภาคินก็ชะงักเท้าที่เดินมาได้สองก้าว ไม่รู้จะคุยอะไร นอกจากหันกลับไปย้ำเธอ ซึ่งนั่งอยู่ที่เดิม
“อย่าลืมที่บอกนะ”
มิรันดายิ้มแฉ่ง
“ค่า ไม่ลืมค่ะ ที่จริงก็ดีขึ้นเยอะแล้วนะคะ ถ้าไม่เชื่อ หมิวพิสูจน์ให้ดูก็ได้”
ว่าพลางเด็กสาวก็ลุกพรวดขึ้นยืนอย่างมั่นใจ ความอวดเก่งทำให้เธอเซไปข้างหน้า จะล้มลงเพราะเจ็บข้อเท้าขึ้นมา
ภาคินซึ่งเห็นท่าไม่ดีแต่แรกรีบพุ่งพรวดเดียวให้ถึงตัวเธอ เขาประคองร่างบางเอาไว้ได้ทัน เธอไม่ล้มลงพื้น และได้มาอยู่ในวงแขนแกร่ง ซบอกกว้างของเขาแทน
เด็กสาวเงยหน้า ช้อนตาขึ้นมอง บอกเขาอย่างเขินอาย
“ขอบคุณค่ะ…”
กิริยานั้นทำเอาภาคินใจเต้นแรง ริมฝีปากบางน่าหลงใหล เชิญชวนให้โน้มหน้าลงหาเธอเรื่อยๆ ดั่งต้องมนตร์…
แววตาที่มักเย็นชา ดูเป็นประกายจนมิรันดาใจเต้นแรงไม่แพ้กัน ร่างกายเธอถูกสะกดไว้ด้วยดวงตาคู่นั้น ขณะในใจเริ่มคิดว่า เขาจะทำอะไรเธอ!
เด็กสาวคงลืมตัว เผลอปล่อยเลยตามเลย หากไม่ได้ยินเสียงด่าทอหยาบคาย
ภาคภูมิมาเห็นเข้าพอดี เขาเดินปรี่เข้าหาภาคิน แล้วกระชากไหล่มาสุดแรง
“มึง!”
ทุกอย่างรวดเร็วจนภาคินไม่ทันตั้งหลัก ใบหน้าเขาถูกซัดด้วยกำปั้นเด็กหนุ่ม
ผัวะ!
ภาคินล้มลงหน้าแนบกับพื้น เลือดกบปาก แต่ภาคภูมิก็ยังไม่หยุด ตามเข้าไปหมายจะเตะซ้ำกลางลำตัวอีก
“พอร์ช อย่า!”
มิรันดาที่ร่วงลงกับพื้นหลังไร้ซึ่งคนประคองตะโกนห้าม พร้อมพยายามลุกยืนด้วยตัวเอง เธอก้าวกะเผลกๆ เข้าไปหาภาคภูมิ
เพื่อนสนิทไม่ฟังคำเธอ เขายกเท้าจะกระทืบคนที่นอนอยู่ หากก็ถูกมิรันดากอดเอว แล้วรั้งลากตัวเขาออกห่างจากอีกฝ่ายด้วยความทุลักทุเล
ภาคภูมิยกนิ้วชี้หน้า เอาเรื่องคู่กรณี
“มึงคิดจะทำอะไรแฟนกู!”
“แกกำลังเข้าใจผิดนะพอร์ช”
มิรันดาเอ่ยเตือน แต่คนเลือดร้อนอย่างเขาหรือจะสนใจฟัง ภาคภูมิสะบัดตัวแรงจนหลุดจากวงแขนของเธอ เขาตวัดหน้าโกรธขึ้งหันกลับมามอง
“เข้าใจผิดอะไร ก็เห็นอยู่ว่ามันจะจูบแก”
เพียะ!
เด็กสาวตัดสินใจสะบัดมือหนักๆ ลงบนแก้มภาคภูมิจนเกิดเสียงสนั่น เธอทำลงไปเพื่อจะหยุดอารมณ์ร้อนของเพื่อน รวมทั้งเอาคืนการกระทำ ที่ทำให้เธอหึงก่อนหน้านี้ด้วย
ภาคินนอนมองภาพนั้นขณะใช้มือเช็ดเลือดตรงมุมปาก เขาค่อยๆ ลุกขึ้น หลังบรรยากาศกลับเข้าสู่ความสงบ
มิรันดาทำลายความเงียบโดยบอกกับเพื่อนสนิท
“แกมีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้ฉันจูบกับคนอื่น ทีแกจิ๊จ๊ะกับผู้หญิงไปทั่วผับ ฉันยังไม่ว่าอะไรแกสักคำเลยพอร์ช”
ภาคภูมิขบกรามแน่นอย่างขัดใจ เขาหึงเธอ ตั้งใจจะปกป้องจากผู้ชายที่ไม่รู้จักหน้าค่าตา แต่กลับถูกตบเต็มแรง
เพราะมัน! เพราะมันคนเดียว!
คิดอย่างเจ็บใจแล้ว เด็กหนุ่มก็สะบัดหน้าไปมองอีกฝ่ายอย่างโกรธเกรี้ยว เขากำมือแน่น อยากเสยหน้านั้นด้วยหมัดอีกรอบ แต่ก็ทำไม่ได้
ภาคภูมิขู่ออกไปว่า
“แล้วมึงจะได้รู้ ว่ามึงเล่นอยู่กับใคร”
ภาคินได้ยินเต็มสองหู แต่ไม่โต้ตอบใดๆ เขาไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดนั้นของเด็กหนุ่มเลย
เขาอาจจะหมั่นไส้ไม่น้อย แต่ด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่ จึงไม่อยากต่อล้อต่อเถียงให้เสียปากนัก ก็แค่เด็กเมื่อวานซืน เขาไม่คิดแลกน้ำลายด้วยอยู่แล้ว
ภาคินจึงทำแค่เพียงมองตอบคนหาเรื่อง ด้วยสายตานิ่งเย็นเท่านั้น
ครั้นคู่กรณีไม่ตอบโต้ ภาคภูมิก็คว้าแขนเพื่อน
“ไปหมิว กลับบ้าน”
เขาฉุดกระชากลากมิรันดาที่ตั้งใจว่าจะขอโทษภาคินก่อนแยกย้ายกันไป แต่ในเมื่อขัดขืนไม่ได้ ก็ปล่อยเลยตามเลย
เธอเหลียวหลังไปมองร่างสูง ที่ยืนนิ่งราวกับหุ่นยนต์ขณะเดินตามภาคภูมิ ตะโกนบอกภาคิน
“ขอบคุณมากนะคะ คุณ!”
ภาคินยกยิ้มมุมปากน้อยๆ ให้เธอ สาวน้อยยิ้มตอบขณะถูกลากตัวจากไป
ความคิดเห็น