คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บ ท น ำ
เสียงวิ่งตึงตังขึ้นบันไดเงียบลง เมื่อสองสาวมาถึงตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ในห้องนอนของมิรันดา เธอเปิดตู้ ก่อนดุนหลังผกามารินพี่สาวต่างสายเลือดเข้าไปข้างใน
“พี่ผึ้งหลบอยู่ในนี้นะคะ ส่วนไอ้พวกเจ้าหนี้อะไรนั่น หมิวจะไล่มันไปเอง” เธอบอกอย่างเด็ดเดี่ยว “หมิวจะไม่ยอมให้พวกมันเอาสัญญาจอมปลอมมาขู่เพื่อให้ได้ตัวพี่ผึ้งไปหรอก”
สีหน้าผกามารินไม่ได้คลายความกังวลลงเลย เธอถามน้องสาวถึงบิดาด้วยความห่วงใย
“แล้วพ่อล่ะหมิว”
“หมิวให้เมืองพาพ่อไปซ่อนอีกที่แล้วค่ะ” คนบอกรวบมือเรียวของพี่สาวมากุม “พี่ผึ้งอย่าห่วงไปเลยนะคะ ทุกอย่างต้องผ่านพ้นไปได้ดีแน่ หมิวสัญญา”
กำชับผกามารินแล้ว มิรันดาก็ปิดตู้เสื้อผ้า เธอซ่อนพี่สาวไว้ในนั้นตามลำพังและออกมาจากห้อง
เด็กสาวมาพบมาเมืองที่ยืนรออยู่เหนือบันได เธอหันซ้ายหันขวามองหาอาวุธก่อนคว้าไม้กวาดกับไม้ถูพื้นมาอย่างละอัน เธอยื่นไม้กวาดให้เขา น้องชายคนเล็กที่เกิดจากแม่ของเธอและพ่อของผกามาริน
ใช่แล้ว เธอเป็นลูกติดแม่ ผกามารินเป็นลูกติดพ่อ โดยมาเมืองเป็นลูกที่เกิดจากทั้งสองท่าน
ถึงผังครอบครัวจะดูสับสนวุ่นวาย แต่ทุกคนต่างก็สำคัญต่อชีวิตเธอทั้งหมด มิรันดาจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคนที่เธอรักเด็ดขาด
เด็กสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ใจฮึดสู้เท่านั้น ที่ทำให้เธอพร้อมรับในทุกสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะร้ายหรือดี
“พี่ไม่ยอมให้พวกมันเอาตัวพี่ผึ้งไปทำอะไรได้ตามใจชอบหรอก”
เมื่อเห็นพี่สาวมุ่งมั่นอย่างนั้น มาเมืองก็ฮึดสู้ตามไปด้วย เขาขานตอบพี่สาวอย่างแข็งขันว่า
“เมืองก็ไม่ยอม!”
สิ้นเสียงเด็กชายไม่ทันไร นักเลงร่างโต ก็กรูกันเข้ามาในบ้านของทั้งสองคน มิรันดาวิ่งลงบันไดไปชั้นล่างด้วยใจเต้นระรัว และแทบผงะหงายหลัง เมื่อเห็นว่าจำนวนชายฉกรรจ์มีมากกว่าห้าคน เธอบอกมาเมืองที่วิ่งตามหลังมาให้รีบกลับขึ้นไป
เด็กสาวมองสำรวจคนแปลกหน้าเพื่อจดจำรูปพรรณสัญฐานของพวกมัน ส่วนใหญ่สวมเสื้อเชิ้ตลายพร้อย ทั้งลายเสือ ลายดอกไม้ สีสันสดใสเหมือนเสื้อที่ขายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ รูปร่างของพวกมันใหญ่โต กล้ามแขนเป็นมัด อีกทั้งใบหน้าก็มีแต่หนวดเครา
มิรันดาคิดว่าพวกมันก็แค่นักเลงหัวไม้ปลายแถว แค่น่ากลัวขึ้นมาหน่อย เพราะทุกคนต่างก็พกอาวุธปืน เหน็บไว้ข้างลำตัว
สิ่งนี้ทำให้เธอมือไม้สั่นเมื่อเห็น ยอมรับว่ากลัว แต่คนอย่างเธอไม่มีวันยอมแพ้ใคร!
“ออกไปจากบ้านฉันนะ!”
สาวน้อยกวัดแกว่งไม้ถูพื้นไปมาเพื่อไล่คนพวกนั้นให้ออกห่างจากตัวเธอ หากความชำนาญในเรื่องต่อยตีที่เป็นรอง หนึ่งในนั้นของพวกมันจึงคว้าเอาไม้ถูพื้น ก่อนกระชากออกจากมือเธอ
มันตวัดหลังมือฟาดลงบนแก้มเธอเต็มแรง มิรันดาล้มลงพื้น หน้าคะมำ
“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าสะเออะทำอวดเก่ง” มันชี้หน้าด่าเธอที่ตอนนี้เลือดไหลกบปาก “ไอ้พิทักษ์กับลูกสาวมันอยู่ไหน!”
“บอกก็โง่สิ!” เธอต่อว่าพวกมันอย่างแค้นเคือง
นักเลงที่ตบหน้ามิรันดาฉุนกึก มันบีบคางเธอพร้อมขู่เข็ญบังคับ
“จะบอกไม่บอก!”
“ถุ้ย!” เด็กสาวถ่มน้ำลายใส่หน้าพวกคนเลว “ต่อให้ฉันตายแล้วแกมาจุดธูปถาม ฉันก็ไม่บอก”
“อีนี่!”
นักเลงหัวร้อนตบหน้ามิรันดาอีกหนึ่งฉาด เธอลงไปนอนกับพื้น หมดแรงจะสู้รบ เกือบสิ้นฤทธิ์แล้ว ถ้าไม่ได้ยินเสียงลูกน้องของนักเลงที่ตบเธอพูดขึ้นมา
“พี่ ฉันเจอไอ้เด็กนี่แอบอยู่ข้างบนนั้นว่ะ”
ลูกน้องคนนั้นเหวี่ยงมาเมืองลงใกล้กับมิรันดาที่พยายามยกหัวหนักๆ ลุกขึ้นมานั่ง เด็กชายรีบคลานเข้าไปกอดแขนผู้เป็นพี่
เขาส่งเสียงร้องห่มร้องไห้
“พี่หมิว ฮือ ฮึก มันจะต่อยผม ฮือ…”
เพราะน้องพึ่งอายุสิบสามทำให้ไม่แกร่งพอจะสู้รบกับใครไหว เธอปลอบใจน้องด้วยการโอบไหล่เขาไว้หลวมๆ
เด็กสาวตวัดหน้ามองค้อนไอ้เลวที่ตบเธอ มันยืนกร่างได้อย่างน่ารังเกียจจริงๆ
“เป็นหนี้ก็ต้องใช้ บอกมา ไอ้พิทักษ์มันหนีไปไหน”
“ถ้าฉันรู้ ฉันก็บอกแกแล้วสิ”
“ตอแหล! จะบอกไม่บอก ห๊ะ!” มันตวาดลั่น
“ไม่!”
“ไม่บอก ได้…อย่าหาว่าใจร้ายแล้วกัน”
นักเลงหัวโจกลั่นวาจาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลากมาเมืองมากลางวงล้อมของเหล่าลูกน้อง มันสั่งให้คนของมัน รุมกระทืบ ทุบตีเด็กชายผู้แสนโชคร้ายด้วยอาวุธที่คว้าได้แถวนั้น
“โอ้ย! ยะ อย่าทำผม พี่หมิวช่วยเมืองด้วย! อั๊ก! พี่…”
ท่ามกลางเสียงตุบตับจากฝ่าเท้า เสียงร้องของมาเมืองเงียบหายไปเพราะเขาไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ หยุด! อย่าทำอะไรน้องฉัน อย่า!”
มิรันดากรีดร้องอย่างคนเสียสติ เธอถูกพวกสกปรกรวบตัวไว้จึงไม่สามารถเข้าไปปกป้องช่วยเหลือน้องชาย
เธอช็อก…ช็อกกับภาพตรงหน้าที่แสนโหดร้ายรุนแรง
เด็กสาวทิ้งตัวลงอย่างหมดกำลัง ก่อนสติจะดับวูบ ดวงตาที่ใกล้จะปิด มองเห็นร่างระหงของคนคุ้นเคยเลือนราง
ผกามาริน…พี่สาวต่างพ่อต่างแม่ได้ลงมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ
ความคิดเห็น