คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ต อ น ที่ 2 [2/3]
หลังเลิกเรียน มิรันดาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เวสป้าของภาคภูมิ มายังเลาจน์ของพี่ชายฝาแฝด…เลาจน์ขนาดใหญ่ ที่บัดนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดทำการ จะเงียบเหงากว่าปกติ
เด็กหนุ่มจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ข้างอาคารที่แบ่งเป็นลานจอดรถสองล้อ เมื่อเขาล็อกรถ ก็พามิรันดาเข้าไปในอาคารทรงกลม ซึ่งแยกไว้เป็นสองโซน
โซนแรก คือห้องคาราโอเกะจอยักษ์ หรูหราสำหรับแขกที่ชอบความเป็นส่วนตัว ส่วนที่สองสำหรับแขกที่ชอบนั่งฟังเพลง พร้อมพูดคุยกับสาวๆ หน้าตาดี ส่วนนี้จะมีดีเจกับดนตรีสด สลับมาเล่นในร้านเวียนกันไป
เห็นแค่ภายนอกอาคาร มิรันดาก็พอจะรู้ว่าที่นี่คงรองรับแต่คนมีฐานะ ยิ่งเข้ามาด้านในเลานจ์ สิ่งที่เห็น ก็ยิ่งตอกย้ำความจริงข้อนั้น
ภาคภูมิอธิบาย ว่าราคาเปิดเมมเบอร์ของที่นี่แพงมาก ตัวเลขไม่ธรรมดา เลาจน์นี้มีห้องคาราโอเกะขนาดใหญ่หลายห้องด้วยกัน
ส่วนราคาสาวนั่งดริงค์ คิดเป็นสามสิบนาทีต่อสามร้อย ไปจนถึงหลักพันต่อหนึ่งคน คนสวยระดับพริตตี้จะมีราคาแพง
ผ่านกลางเลาจน์ที่มีโต๊ะทรงกลมเรียงรายอยู่หน้าเวทีขนาดใหญ่ ก็เป็นโซฟาหรูหรา สำหรับลูกค้าวีไอพีที่เปิดเมมเบอร์ราคาสูงสุด มิรันดาไม่อยากเชื่อ ว่าสถานที่อโคจรแห่งนี้จะอลังการกว่าคฤหาสน์ซอมซ่อของแม่ผกามารินเสียอีก
พอเข้ามาถึงโซนนี้ ภาคภูมิก็หยุดเดิน เพื่อบอกกับเธอก่อน
“คนที่ฉันจะพาแกไปฝากงาน ชื่อพี่นัทนะ ความจริงที่นี่มีเซลล์หลายคน แต่คนนี้ตาต่ำที่สุดละ”
“ไอ้พอร์ช!”
สาวน้อยไม่ยอมถูกหลอกด่าฟรีๆ เธอยกเท้าขึ้น หวังเตะก้นคนพูด ภาคภูมิจึงหลบบาทาเธอ ด้วยการวิ่งปรู๊ดเดียวมาถึงตัวนัทที่เขาแนะนำ
จากนั้น เป็นช่วงเวลาที่มิรันดาเกร็งสุดตัว เจ้าของร่างเล็กลุ้นตัวโก่งกับคำตอบหลังนัทสำรวจรูปร่างเธอ
“แหม พูดยากนะฮะ พี่ก็อยากรับหรอก แต่อายุน้องหมิวยังไม่ถึงยี่สิบนี่สิ”
“พี่จะกลัวอาไร้ เลาจน์นี้ชาตินึงตำรวจเข้ามาตรวจสักที” ภาคภูมิยกมือเท้าสะเอว “บอกเลยดีกว่า ว่าพี่เอาหรือไม่เอา เพราะถ้าไม่เอา ผมจะได้พาหมิวไปหาเซลล์คนอื่น”
“แหม…แต่ว่า…” นัทลังเล
“ผมจะบอกให้พี่พีชกับพี่ภีม เพิ่มค่าหัวคิวคูณสองให้พี่ด้วย เอาเปล่า”
“เอาสิฮะ เอา รับเลยๆ!”
มิรันดาพอเข้าใจธาตุแท้ของนัทแล้ว…เอาเถอะ ใครๆ ก็ต้องการเงินแหละนะ
ขั้นตอนนี้จบลง ภาคภูมิก็ส่งเธอให้นัทดูแล ส่วนเขาขอแยกไปต่อยังเส้นทางของตัวเอง
นัท ทอมหน้าตาดี จึงพาเธอมาที่ห้องแต่งตัว ก่อนส่งไม้ต่อให้บีบี…สาวนั่งดริงค์รุ่นเก๋าของร้าน เพื่อจะให้สอนงาน
สิ่งแรกที่เด็กสาวคิดคือบีบีอึ๋มมาก…เธอไม่อยากเปรียบเทียบ แต่ก็อดจะก้มมองหน้าอกตัวเองไม่ได้
บีบีแนะนำเธอยิ้มๆ ว่า
“วันหลังอย่าลืมพกฟองน้ำมาด้วยนะจ๊ะ”
มิรันดายิ้มแห้ง ก่อนบีบีจะหยิบเสื้อผ้า ซึ่งเป็นธีมเฉพาะวันนี้ให้
“ในหนึ่งอาทิตย์ จะมีหนึ่งวัน ที่ต้องแต่งตัวตามธีมของเลาจน์ และนี่ ก็คือธีมของวันนี้นะจ๊ะ”
สาวน้อยรับชุดนั้นมาจากบีบี เป็นชุดนอนลายเสือ…เนื้อผ้าบางเบา ตาเธอเบิกกว้าง หน้าเหยเก ถามติดๆ ขัดๆ หลังเห็นชุดในมือ
“อะ อันนี้…ต้องใส่อันนี้เหรอคะ”
“จ้ะ ไปแต่งตัวนะ แล้วเดี๋ยวมาแต่งหน้ากับพี่ พี่จะแต่งหน้าให้”
เธอกลอกตาขึ้นบนก่อนระบายลมหายใจ ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าถอยหลังกลับ คนๆ นั้นก็ไม่ใช่มิรันดา
เด็กสาวแต่งตัวนาน เพราะเวลาส่วนใหญ่ หมดไปกับการทำใจ ผิดกับบีบี ที่แต่งหน้าเธอรวดเร็วไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เธอส่องดูเงาในกระจก ก็ร้องอุทานด้วยความตะลึงพรึงเพริศ อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่งจริงๆ!
“ไปหัดแต่งหน้ามานะจ๊ะ วันหลังหมิวต้องแต่งเองแล้ว”
บีบีแนะนำ ก่อนจูงมือเธอออกจากห้องแต่งตัว จากนี้ไป จะเป็นเวลาทำงานของจริง
งานวันแรกไม่ยุ่งยาก แต่อึดอัดพอสมควร เพราะต้องรับลูกค้าประจำของบีบีที่แก่คราวพ่อ เสี่ยคนนี้มีนามว่า ‘เสี่ยหมู’ เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนบ่อนการพนัน ทั้งที่มาเก๊า และชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
บีบีแนะนำเธอให้เสี่ยหมูรู้จัก มิรันดาคิดว่าสายตาเสี่ยจะน่าขยะแขยงเหมือนในละครแต่ก็เปล่า สงสัยเธอจะไม่ใช่เสปคของเสี่ย
ฉะนั้นยามอยู่ในโต๊ะ เด็กสาวจึงมีหน้าที่ชงเครื่องดื่ม บีบีสอนให้ครั้งเดียว แต่เพราะไม่ยาก เธอจึงจำได้รวดเร็ว แค่ชงเหล้ากับมิกเซอร์ตามลูกค้าขอมาให้เข้ากัน
ยังไม่ดึกเท่าไหร่ การแสดงจึงเป็นแค่การเล่นดนตรีสด สิ่งที่ทำให้เธอคอยมองไปยังเวที คือภาคภูมิที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับกีต้าร์ตัวโปรด
รอบๆ ตัวเขาคือเพื่อนสมาชิกในวง ซึ่งเธอยังไม่เคยทำความรู้จักกัน การทำงานวันนี้ ทำให้เธอได้เห็นเขาในมุมอื่น…มุมของการเป็นนักดนตรี
เสียงกีตาร์เริ่มโซโล่ขึ้น และจะเห็นว่ามีสาวๆ กรี๊ดกร๊าดให้ภาคภูมิเต็มหน้าเวที สิ่งที่ขัดใจเธอที่สุด คงจะเป็นการที่เขา…ก้มลงหอมแก้มสาวๆ พวกนั้นอย่างไม่ถือตัว
อย่าบอกนะ ว่าเป็นเรื่องปกติ ของคนทำอาชีพกลางคืน!
สาวน้อยหน้าเง้างอเป็นจวักตักแกง เสี่ยหมูซึ่งนั่งตรงกันข้ามสังเกตเห็น ก็คิดว่าเธอไม่สนุกรึเปล่า จึงถามออกไป
“ไม่เอนจอยเหรอ หนูหมิว”
มิรันดารู้สึกตัวจากเสียงเรียก ก็ละสายตาจากเวทีมาปฏิเสธ
“เปล่าค่ะเปล่า เอนจอยค่ะ เอนจอย…”
“เสี่ยเห็นหนูทำหน้าเครียดๆ เลยคิดว่าหนูไม่โอเคกับลูกค้าคนแรก” เสี่ยพูดยิ้มๆ ก่อนกระดกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“โอเคค่ะ หมิวโอเค” เธอยิ้มตอบ
“เสี่ยหมูเป็นลูกค้าที่ดีแบบนี้แหละจ้ะ” บีบีพูดแทรกขึ้นเป็นนัยๆ “เป็นห่วงเป็นใยเด็กในร้านทุกคน บางคน เสี่ยหมูนี่ห่วงถึงนอกร้านเลยนา”
“หนูบีก็พูดเกินไป” เสี่ยหมูหัวเราะร่วน “ตอนนี้ลูกชายเสี่ยโตแล้ว เสี่ยไม่มานั่งห่วงเด็กพร่ำเพรื่อหรอก อายลูกน่ะ”
“ค่า ไม่ห่วงพร่ำเพรื่อในนี้ แต่ที่อื่น ใครจะไปรู้ จริงมั้ยคะ” บีบีแซวพร้อมกลั้วหัวเราะ
“ฮ่ะๆๆ รู้ดีไปหมดนะเรา”
“บีรู้จักกับเสี่ยมาตั้งนาน รู้ถึงขนาดที่ว่า อีกเดี๋ยว ลูกชายสุดหล่อของเสี่ย ก็จะมารับกลับ เพราะกลัวเสี่ยจะไปนอนกกสาวไม่ยอมกลับบ้านอีก”
“แหม…เผากันขนาดนี้ เสี่ยยอม ฮ่ะๆๆ”
คนทั้งสองที่ไม่ใช่มิรันดา หัวเราะผสานเสียงเข้าด้วยกัน เธอแกล้งยิ้มส่งให้ ทั้งที่ในใจไม่ยิ้มเพราะกำลังหงุดหงิดคนบนเวที
เป็นเพื่อนกันไม่มีสิทธิ์หึงกันก็จริง เพียงแต่…ถ้าไม่ได้แอบรักเขา เธอคงไม่เต้นเร่าๆ ในใจ
เด็กสาวเกลียดความมีเสน่ห์ของภาคภูมิ เขาทั้งหล่อ นัยน์ตาร้อนแรง ตามนิสัยร้อนๆ ของเจ้าตัว ในโรงเรียนเขาป๊อบปูล่าจริงๆ แทบไม่ต้องขายขนมจีบ ผู้หญิงก็ชอบมาตอแย
ยิ่งรู้ว่าเขาเล่นดนตรีได้ ก็ยิ่งมีคนให้ความสนใจ
เขาเข้ากับคนง่าย เพื่อนเลยเยอะ แต่ส่วนใหญ่ก็คบไว้เสริมบารมีเท่านั้น หลายคนเข้าหาเพราะเขาเป็นลูกคนใหญ่คนโต เว้นแต่เธอ ที่ไม่สนใจว่าจะเป็นลูกของใคร
มิรันดาหลงรักเขาตั้งแต่คุยกันครั้งแรก เขากวนส้นเท้านิดๆ ชอบแกล้งเธอเล่น เธออาจจะโรคจิตก็ได้ ถึงยอมให้แกล้ง แล้วยังชอบเสียด้วย
แต่ความรักต่อเพื่อนสนิท ก็เหมือนหนามยอกอก สถานะเพื่อน ทำให้เธอไม่กล้าแสดงออก เกินกว่าฐานะที่เป็นอยู่
ฉะนั้นแล้ว เวลาเขาจิ๊จ๊ะผู้หญิงอื่น มิรันดาจึงได้แต่มองค้อน มากสุดก็ทำหน้าบึ้งบูด ดั่งเช่นตอนนี้…
เมื่อเห็นภาคภูมิลงจากเวที มาหยอกเย้าผู้หญิงในร้าน
สาวน้อยหึงเขาจนเลือดขึ้นหน้าเสียแล้ว!
เธอไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกจริงๆ มิรันดาบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าจะไม่สนใจเขาอีกต่อไป!
พอเลิกงาน เธอก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินตัวปลิวออกไปจากร้าน ไม่รอให้เขาไปส่งบ้านตามที่สัญญากัน
ความคิดเห็น