spysky
ดู Blog ทั้งหมด

โชคดีที่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ

เขียนโดย spysky

 

ครั้งหนึ่งลิงมีโอกาสทำงานพิเศษเป็นครูสอนหนังสือภาษาไทยค่ะ
ตอนนั้นกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 เพื่อนของพี่สาวเป็นคนแนะนำงานนี้ให้
เอาละซิสอนหนังสือเหรอมันคงยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาผสมฝนทั่งให้เป็นเข็มแน่ๆ
"โห่....ลิง ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะเรียนเก่งไม่ใช่เหรอถึงได้ไปทำงานพิเศษเป็นครูน่ะ"
เรียนเก่งเหรอถ้าเรียนเก่งก็ดีนะซิ  สมัยมัธยมต้นลิง สอบได้ที่ 2 ของห้อง
"โอ๊ว  นั่นเรียนเก่งเลยนะ"  อย่าๆ อย่าเพิ่งชมฟังให้จบก่อนที่สองจากข้างล่างขึ้นมาข้างบนค่ะ
"อ้าว แย่กว่าเราอีกวุ้ย"
ใช่แล้วจ๊ะ แย่มากๆ เกรดในวิชาคณิตศาสตร์ขาดอีกสามคะแนนจะได้เกรด
1 ค่ะ หรือเรียกอีกอย่างก็คือ สอบตกนั่นเอง 
พี่ชายของลิงยังบ่นเลยว่า สงสัยขายควายส่งควายเรียนซะละมั้ง นี่แหละพี่ชายพูด
พี่ชายเรียนเก่งมากๆค่ะ แตกต่างจากกับลิงลิบลับ
แต่ในใบประกาศไม่มีเลขศูนย์หรอกนะเพราะ อาจารย์ช่วยค่ะด้วยการให้ผู้เขียนไปคลานรอบๆห้องคณิตศาสตร์ 3 รอบเพื่อแลกเกรด 1 ค่ะ 
"อายมั้ยนั่นที่ไปคลานๆรอบห้องน่ะ"
"อายซิ" แต่ดีกว่าติดศูนย์ล่ะน่า ว่ามั้ย
เอาล่ะ นี่คือผลการเรียนของตอนมัธยมต้น มัธยมปลายล่ะ หลายๆคนอยากรู้
มัธยมปลายผลการเรียนติดท็อปเท็นของห้องค่ะ 
"โห่...ลิง โม้เปล่ามันจะเป็นไปได้ไง ม.ต้นที่โหล่ ม.ปลายท็อปเท็น ไปกินวิตามินตับปลายี่ห้อไหนมา"
ไม่มีวิตามงวิตามินที่ไหนให้กินหรอกค่ะ  ที่เรียนดีขึ้นเพราะสาขาที่เลือกเรียน
คือ
สายศิลป์- ภาษาค่ะเมื่อไม่มีตัวเลขมาเอี่ยวผลการเรียนลิง
เลยดีขึ้นตามลำดับ

เลือกเรียนในสายที่เราถนัดค่ะแล้วเราจะมีความสุขกับการเรียน
 

 


นักเรียนของลิงเธออายุมากกว่าอยู่สองสามปีค่ะ
ก็เลยเรียกว่าพี่เค้าว่าพี่ส่วนพี่เขาเรียกผู้เขียนว่า
ครูนุชโก้แฮะ คำนี้  ชั่วโมงแรกในการเรียนลิงให้พี่เขาเขียนชื่อ-นามสกุลของตัวพี่เขาก่อนค่ะ
พี่เขาก็ได้แต่ก้มหน้าพร้อมทำหน้าเศร้าๆแล้วตอบกลับมาว่า
"พี่เขียนชื่อของตัวเองไม่ได้หรอกครูนุช"

สิ่งที่ได้ยินออกจากปากพี่เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง  เอาล่ะไม่เป็นไร ไม่มีใครแก่เกินเรียน เขียนชื่อตัวเองไม่ได้มันไม่ได้ร้ายแรงเท่ากับคนที่ไปปล้นไปฆ่าคนอื่น อย่าทำหน้าหดหู่ขนาดนั้นลูกศิษย์ฉัน
"แล้วผู้เขียนสอนพี่เค้ายังไงคะ" จับมือของพี่เขาค่ะแล้วก็เขียนไปเรื่อยๆ กว่าจะเขียนชื่อได้นานพอสมควร
"พี่เค้าดีใจไหมที่เขียนชื่อของตัวเองได้นะ บอกหน่อยๆอยากรู้"
บอกให้ก็ได้จ๊ะ.....
ถ้าลิงมีกล้องอยู่ในมือตอนนั้นนะรับรองจะกดชัตเตอร์ให้รัวเลย

ภาพความประทับใจแบบนี้มีให้เห็นไม่บ่อยนักหรอก
เธอยิ้มออกมาเห็นฟันขาวๆ ครบ
32 ซี่  >_______<
หน้าบานเป็นจานดาวเทียมไทคม อ้าปากหัวเราะจนเห็นไปถึงลำไส้ใหญ่ลากยาวไปท่อน้ำดีโน่นแหละ
"ผู้เขียนๆท่อน้ำดีมันต่อจากลำไส้ใหญ่เหรอ "
แฮะๆ ไม่รู้หรอกไม่ได้เรียนหมอมานะ
"อ๊าว แล้วผู้เขียนพูดแบบนี้ทำไม่ล่ะ"
จุ๊ๆเงียบๆหน่อยก็ยกตัวอย่างมั่วๆไปอย่างนั้นแหละ

"เวอร์รึเปล่าผู้เขียน......ใครจะดีใจป่านนั้น ขนาดเราเห็น ณเดชพร้อมญาญ่ามายืนอยู่ตรงหน้ายังไม่ดีใจขนาดนั้นเลยนะ "        นั่นนะเรา ไม่ใช่พี่เค้านี่
 ลิงขอถามนะว่า.....

ครั้งแรกที่เราเขียนชื่อของตัวเราเองได้เรายังจำความรู้สึกนั้นได้อยู่บ้างมั้ย?
เชื่อได้เลยคงมีน้อยคนที่จะจำความรู้สึกในตอนนั้นได้ เพราะอะไรรู้มั้ย
ก็เพราะว่ามันผ่านมานานมากๆแล้วยังไงล่ะ พวกเรานั้นเขียนชื่อของตัวเองได้ตั้งแต่สี่ส้าห้าขวบเรายังเล็กจำไม่ได้หรอกหรือจำได้ก็อาจจะไม่ดีใจมากอย่างพี่เขาหรอก
แต่สำหรับคนที่โตแล้วและเพิ่งจะมาเขียนชื่อของตัวเองได้นั้นความรู้สึกดีใจภูมิใจ เราเดาไม่ได้หรอกว่ามันมากมายขนาดไหน
"ลิงล่ะ...เขียนชื่อตัวเองได้ตอนอายุเท่าไหร่ ดีใจไหมที่เขียนชื่อตัวเองได้นะ"
ลิงเขียนชื่อเพราะๆนามสกุลไฮโซๆของตัวเองได้ตอนเจ็ดขวบค่ะ
"ฮ้า ช้ากว่าเราอีกเรานะเขียนได้ตอนสี่ขวบแหละ"
เก่งจ๊ะ ลิงไม่ได้เรียนอนุบาลค่ะ เข้าเรียนตอนอายุเจ็ดขวบก็เลยเขียนชื่อของตัวเองช้ายังไงล่ะ
"อ้าวโรงเรียนลิงไม่มีชั้นอนุบาลเหรอ บ้านนอกจัง" ฮ่าฮ่า แม่นแล้ว
  

 

 

ผ่านไปหลายวัน...
ลิงก็สอนตามปกติค่ะหลังเลิกเรียนก็มาสอนทุกวันๆละ
2 ชั่วโมงค่ะ ปกติสอนเสร็จก็จะรีบกลับบ้านทันทีอาจจะอยู่ต่อนิดหน่อยแต่ไม่นาน
"ผู้เขียนรีบกลับบ้านไปทำอะไรอ่ะ" ก็ดูหนังฟังเพลงไปตามประสานะแหละ
"ว่าแล้วไม่ผิดผู้เขียนไม่มีนัดเดทที่ไหนหรอก"
รู้ดีจริงวุ้ย  อ่อ ลืมบอกไปค่ะบ้านเราอยู่ซอยเดียวกันค่ะ วันนี้ไม่ได้รีบกลับบ้านก็เลย
เอ้อละเหยลอยลมอยู่บ้านพี่เขา ดูทีวีกินขนม
พี่เขาบ่นว่าตัวเองอ้วนก็เลยขอตัวออกกำลังกาย
"แล้วลิงไม่ออกกำลังกายกับพี่เค้าเหรอ"
ไม่ล่ะจ๊ะ ขี้เกียจขอนอนเล่นกินขนมดีกว่า พี่เขาออกกำลังกายไปก็นับเลขไปด้วย1,2,3.4……9,10 จบลง แล้วก็เริ่มใหม่ 1,2,3,4……9,10จบลงนับวนเวียนอยู่อย่างนี้หลายๆรอบ 
ลิงตาดูทีวีไปแต่หูก็ฟังตัวเลขที่พี่เค้านับไปด้วย ก็ได้แต่คิดในใจว่า
ไหง.....ตัวเลขมันไม่ไปเลข
11, 12 สักทีนะ ได้แต่สงสัยค่ะ ก็เลยถามออกไป
คำตอบที่ได้ยินก็แทบจะทำให้พี่นุชอยากจะเอาหัวฟูๆของตัวเองไปโขกกับเหลี่ยมเสาของบ้านพี่เค้าแรงๆสักสองสามที

"ทำไมล่ะลิงเกิดอะไรขึ้นเหรอ"
 
พี่เขานับเลขได้แค่เลขสิบค่ะ ต่อจากเลขสิบไปไม่รู้ว่าเป็นเลขอะไร
พี่เขาไม่ผิดเลย เรานี่แหละผิดเต็มๆไม่เอะใจสักนิดเดียวที่จะถามเรื่องเลข
 รู้แค่ว่าต้องสอนภาษาไทยก็เลยมุ่งสอนแต่ภาษาไทยให้โดยลืมนึกถึงวิชาเลขที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน
สรุปวิชาที่สอนก็เลยต้องเพิ่มมาอีกหนึ่งวิชาค่ะ
ถึงลิงจะไม่เก่งเลขแต่แค่บวกลบคูณหารก็พอจะสอนได้ค่ะ

"สรุปผู้เขียนเอาหัวฟูๆของตัวเองไปโขกกับเหลี่ยมเสามั้ยอ่ะ"
ไม่หรอกจ๊ะลิงไม่อยากให้พี่เขาต้องมาเสียเงินจ่ายค่าทำเสาบ้านใหม่นะจ๊ะ เกรงใจ  หัวผู้เขียนมันแข็งมากๆถ้าเอาไปโขกเหลี่ยมเสาถึงแม้จะไม่แรงแต่ก็อาจจะทำให้เสานั้นหักได้ พี่ก็เลยไม่ทำจ๊ะ
"แก้ตัวนะซิกลัวเจ็บก็บอกว่าเหอะน่า "
"รู้ด้วยกันมาหลายตอนชักจะรู้ทัน"   
ฮ่าฮ่า
  

 

 

 

หลายคนสงสัยใช่ไหมคะว่า.....
ถ้าพี่เค้าไม่รู้หนังสือไม่รู้ตัวเลขแบบนี้แล้วเข้ามาทำงานในเมืองหลวงที่ศิวิไลแห่งนี้ได้อย่างไร ในเวลาทำงานพี่เขาให้เพื่อนลงชื่อให้ค่ะเพื่อนก็ดีคอยช่วยเหลือตลอด
แต่ในบางครั้งโดนเพื่อนว่ามาเหมือนกันเรื่องที่ไม่รู้หนังสือ
พี่เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีนะ ไม่คิดมาก ไม่ว่าคนอื่นยิ้มสู้อย่างเดียว

"พี่เค้าเป็นคนไทยรึเปล่าคะ" เป็นคนไทยหมื่นเปอร์เซนต์ทั้งกายและใจค่ะ
เพียงแต่ว่าเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือเท่านั้นเอง

 

 

ถึงพี่ๆเพื่อนๆน้องๆได้เข้ามาอ่านบล็อกตรงนี้
ได้เข้ามาในเด็กดี ได้ตามอ่านนิยายที่เราชื่นชอบเราโชคดีกว่าหลายๆคนแล้ว
ที่มีโอกาสได้ทำหลายๆอย่างที่นุชกล่าวมา  เพราะยังมีอีกหลายๆคนค่ะที่ไม่เคยมีโอกาสได้เรียนได้รู้หนังสืออย่างเรา ไม่มีโอกาสจะเรียกคนบางคนว่าครู,อาจารย์
ไม่มีโอกาสได้ร้องเพลงชาติไทยในตอนเช้าๆ ที่บางครั้งเป็นเรื่องที่น่าเบือสำหรับเรา

แค่เรารู้หนังสืออ่านได้เขียนชื่อเพราะๆของตัวเองได้ เขียนนามสกุลโก้ๅของตัวเองได้
เรานั้นโชคดีเหลือเกินที่ได้เรียนหนังสื

 

 

 

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นุชสะเทือนใจมากๆถึงแม้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม

ถ้าผู้เขียนออกมาในแนวเศร้าๆหลายๆคนอาจจะรู้สึกสลดใจ

 ก็เลยแทรกความฮาเอาไว้เล็กน้อยค่ะ หรือจะมากก็ไม่รู้

 

ต้องขอขอบคุณพ่อพิมพ์- แม่พิมพ์ของชาติที่ทำให้เราได้รู้หนังสืออย่างทุกวันนี้

 

 

พี่คะเราสองคนไม่ได้เจอกันเลย เกือบสิปปีแล้ว นุชรู้แค่ว่าพี่แต่งงานและย้ายไปอยู่ต่างประเทศ พี่เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี พี่เป็นคนกตัญญูต่อพ่อแม่ สิ่งเหล่านี้จะเกื้อหนุนให้พี่ได้พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆค่ะ
หวังเอาไว้ในใจว่าสักวันเราสองคนคงได้มีโอกาสเจอกัน

 

ปล. พี่นุชไม่รู้ว่า คำว่าไหม กับ มั้ย และคำว่า พี่เค้า กับ พี่เขา ใช้แตกต่างกันยังไง ถ้าใครอ่านแล้วงงกับสี่คำนี้
พี่นุชต้องขอโทษด้วยนะคะ ใครรู้ว่าสี่คำนี้ใช้แตกต่างกันยังไงรบกวนบอกพี่นุชทีนะ ขอบคุณค่า

 

 ปล.2 ตัวหนังสือสีแดงแทนทุกๆคนที่เข้ามานั่งฟังนะ
ตัวหนังสือสีน้ำเงินแทนผู้เขียนคะ ติต่างว่าเรานั่งจิบกาแฟกันอยู่และผู้เขียนก็เล่าให้ฟัง


ปล. 3 อัพบล็อกตอนต่อไปในวันอาทิตย์นี้นะคะ วันหยุดของผู้เขียนค่ะ
ชื่อตอน สุดยอดหนังในดวงใจค่ะ หนังบางเรื่องดูมานานแล้วต้องขอเวลาค้นหาข้อมูลนิดหนึ่งค่ะ


ปล. 4 ไม่มีแล้วจร้า แค่นี้จริงๆ กรั๊กกกกๆๆๆๆๆ

 

ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆน้องๆ ทุกๆคน จ้า

 ลิงเขียว


 

  

 

 

 


ความคิดเห็น

boonraungkhaw
boonraungkhaw 6 พ.ย. 54 / 06:02
ขอบคุณพี่นุชที่ให้แง่คิดดีๆอย่างนี้นะคะ
หนูเหมือนพี่ตอนเด็กๆเลยอ่ะ ตกเกือบทุกวิชา (แย่กว่าอีกค่ะ)
เพิ่งจะมาเรียนดีได้ตอนมัธยม นึกถึงความหลังแล้วแหม...ช้ำค่ะ 555+
แล้วก็เป็นกำลังใจให้กับครูต้นแบบด้วยนะคะ หนูล่ะตื้นตันใจจริงๆค่ะ
live--evil
live--evil 6 พ.ย. 54 / 23:42
อ่านแล้วทำให้ได้คิดอะไรหลายๆอย่าง
ชอบคำถามที่พี่นุชถามว่า
จำความรู้สึกตัวเองได้มั้ยตอนที่เขียนชื่อตัวเองได้ครั้งแรก?
นั่นเนอะ มันต้องนานมาแล้ว
หลายอย่าง หลายความรู้สึก ที่วันเวลาพัดพาไปจากเรา
โดยเฉพาะช่วงเวลาของการเป็นเด็กน้อย
จะมีสักกี่คนที่...เก็บความเป็นเด็กในหัวใจ...เอา (เพลง พื้นที่เล็กๆ ก้อยชอบ ^^)

รู้มั้ยว่าเรื่องราวในบล็อคของพี่วันนี้ทำให้ก้อยคิดถึงหนังแล้วก็นิยายเรื่องนึงที่ก้อยประทับใจมาก
THE READER จ้ะ เป็นนิยายที่นิวยอร์ก ไทม์แนะนำให้เป็นหนังสือแห่งปีเลย แต่ก็หลายปีแล้วแหละ ทำออกมาเป็นหนังก็ได้รับรางวัลเยอะแยะ
พี่นุชอาจจะเคยดูแล้ว แต่ถ้ายังเรื่องนี้ก้อยแนะนำเลย
ปกติถ้าชอบนิยายเรื่องไหน ก้อยแทบจะไม่ดูเลย ถ้าเขาเอามาทำเป็นหนัง
เพราะส่วนมากก้อยมักจะผิดหวัง หนังที่สร้างจากนิยายดีๆ
น้อยนักน้อยหนาที่จะทำให้เราประทับใจได้เหมือนต้นฉบับ
แต่เรื่องนี้ไม่รู้คิดยังไง ก้อยถึงดู แต่แล้วก็ไม่ผิดหวัง
หนังสื่อสารอารมณ์ได้ไม่น้อยไปกว่าที่เราเสพเองจกนิยายเลย
ตอนอ่าน ร้องไห้ยังไง ตอนดู ร้องไห้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
เรื่องราวมันมีแค่เส้นกั้นบางๆระหว่างจะขายเซกส์หรืองานศิลป์
หนังเลือกที่จะสื่อสารศิลปะผ่านเรือนร่างได้อย่างงดงาม
ข้อนี้น่าชื่นชมมาก ฉากเลิฟซีนสวยจริงๆ
สำหรับก้อยนะ...สิ่งที่รู้สึกได้จากหนังแล้วก็นิยายเรื่องนี้ก็คือ
ไม่ได้มีแค่ตัวหนังสือที่ถ้าได้เขียนออกไปแล้วจะไม่มีวันตาย
แต่ยังมีความรัก...ความรักของผู้หญิงคนหนึ่งที่เมื่อมอบให้กับคนที่เธอรักไปแล้ว มันจะยังอยู่แม้ตัวเธอตาย

ขอให้พี่นุชได้เจอกับพี่เค้าอีกสักครั้งนะจ้ะ
ขอบคุณที่แชร์เรื่องราวดีๆแบบนี้ มันทำให้ก้อยได้ดึงความรู้สึกดีๆที่เก่าแล้วออกมาปัดฝุ่นใหม่ มันอิ่มจ้ะ ^^

อ้อ!
ไหมกับมั้ย พี่เขากับพี่เค้า ต่างกันยังไง?

ไหม กับ เขา เป็นภาษาเขียนจ้าพี่ เวลาออกเสียง ถ้าเราอ่านตามตัวตรงๆ มันจะฟังแล้วแข็งๆ
เพราะเวลาออกเสียง เวลาเราพูด เราจะพูดว่า มั้ย พูดว่า เค้า ฉะนั้น มั้ย กับ เค้า จึงเป็นภาษาพูดจ้า จะเลือกใช้แบบไหนก็แล้วแต่กรณี
555 ก้อยกลายเป็นครูก้อยที่สอนภาษาไทยอดีตครูนุชไปซะแล้ว ^^
modtanoy-noinoi
modtanoy-noinoi 11 พ.ย. 54 / 04:13
@ กิ๊บ ขอบคุณค่า พี่นุชผลการเรียนแย่มากๆ ป่านนั้นก้ไม่อายที่จะเล่าให้เพื่อนๆฟัง ฮ่าฮ่า ภูมิใจนำเสนอผลการเรียนของตัวเองมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

@ก้อย หนังที่บอกเอาไว้เอาไว้พี่นุชว่างๆจะเข้าไปดูในยูทูบแน่ๆ ไม่รู้จะมีรึเปล่านี่ซิ
ขอบคุณที่อวยพรให้เจอกับพี่เค้านะคะ หวังอย่างนั้นเช่นกันจ๊ะ
ขอบคุณอีกรอบที่สอนภาษาไทยพี่นุชนะจ๊ะ
พี่เคนล์ โกอินเตอร์
กำลังจะอ่าน แต่พอดีดันเลื่อนลงมาอ่านเม้นต์เสียนี่
โอ้ย! ทำไมเม้นต์น่ารักอย่างนี้><!

                ต่อไปผมไ่่ม่ให้คนข้างบนมาเม้นต์ก่อนแล้ว ทำให้ผมชอบเลื่อนมาอ่านก่อนเรื่อย
จะหลงตายแล้วเนี่ย พี่นุชไปบอกเขาหน่อยดิว่า อย่าเม้นต์น่ารักให้มากนัก ผมอ่านไปหลงไปไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว
            ผมขอตัวไปทำสมาธิก่อนครับ เดี๋ยวมาเม้นต์