คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอน7
ตอน7
“รู้แล้วน่า....อย่างับหัว มันเจ็บนะ...” ผมกำลังใช้มือปัดเรย์อยู่ เพราะเรย์กำลังงับเส้นผมของผม
แถมยังมาเลียที่หน้าอีก.......
เพราะอากาศหนาวๆ นี่แหละทำให้ไม่อยากตื่นเลยจริงๆ แถมเมื่อคืนเรย์ยังเล่นพิเรนทร์อีก....
ผมลุกขึ้นมานั่งขยี้ตาอยู่...ก็เห็นเลย์ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปข้างนอกแล้ว
“จะไปไหน...” ผมถามออกไปเพราะหิมะที่ตก ก่อนที่เรย์จะเดินหายออกไปจากบ้าน.....
ผมเลยลุกขึ้นเก็บที่นอน และล้างหน้าทำความสะอาดเนื้อตัวให้สดชื่น...
ส่วนอาหารผมก็เอาของเมื่อวานที่เป็นซุบมาอุ่นสำหรับอาหารเช้าวันนี้....
ผมกำลังทำความสะอาดบ้าน และเก็บเสื้อผ้าเอาไปซัก.....ซึ่งเป็นธุระส่วนตัวของผมเองที่ต้องทำเป็นประจำ
“คาโอรุ....อยู่ไหม.เปิดประตูเดี๋ยวนี้...” ผมได้ยินเสียงเรียกของชายคนหนึ่งดังอยู่ข้างนอก
ปกติบ้านหลังนี้จะรับเฉพาะคนรู้จัก..ซึ่งก็มีไม่มากนัก...
ผมละจากงานที่ทำเพื่อเดินไปเปิดประตูดูว่าใครมาหา ซึ่งเมื่อเปิดประตูไปกลับเห็นชายมากกว่า 1 ยื่นรออยู่หน้าบ้าน
“พวกนายเป็นใคร “ สีหน้าผมแสดงออกว่าแปลกใจมาก
“เราเป็นคนในหมู่บ้าน..พวกเราได้ข่าวว่าที่ปีนี้เกิดโรคระบาดเพราะหมาป่าที่อยู่กับนาย..” เสียงชายที่ตะโกนมา
“ที่นี่ไม่มีหมาป่า พวกนายเข้าใจผิดแล้ว..” ผมโล่งใจที่เรย์ไม่ได้อยู่ด้วยตอนนี้
“พวกเราไม่เชื่อ....ทุกปีโรคระบาดไม่เคยเกิดขึ้น..แต่ปีนี้เพราะมีสิ่งไม่ดีเข้ามาในหมู่บ้านเลยเกิดเรื่อง..”
“พวกนายเอาอะไรมาพูด....ที่นี้ไม่มีหมาป่า...และผมก็ไม่เคยเลี้ยงด้วย..”
“แต่มีคนเห็นนาย..อยู่กับหมาป่า..” เสียงตะโกนอีกครั้ง
ใจผมที่ตุบๆ ต่อมๆ และรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ...เพราะคำว่า ...มีคนเห็นนายอยู่กับหมาป่า..
“ถ้าพวกนายไม่เชื่อก็ค้นดูได้ ที่นี่ไม่มีหมาป่า...” ผมรีบให้พวกเขาตรวจค้นภายในบ้านและบริเวณโดยรอบ
เพื่อที่จะให้พวกเขาแน่ใจว่าไม่มี และจะได้กลับไปก่อนที่เรย์จะมา...
ชายประมาณ 5 คน เดินดุ่มๆ เข้ามาในบ้านของผม ทั้งยังค้นทุกห้อง ว่ามีหมาป่าจริงหรือไม่ และบริเวณโดยรอบ
ผมปล่อยให้พวกเข้าค้น ซึ่งใช้เวลาไม่นานเพราะบ้านหลังนี้ก็ไม่ได้ใหญ่โตเท่าไหร่
“พวกนายก็เห็นแล้วว่าที่นี้ไม่ได้เลี้ยงหมาป่า...พวกนายเชื่อข่าวลือแบบนั้นได้ไง..” ผมบอกออกไป
พี่จริงหมาป่าเป็นทั้งเทพที่นำโชคลาภมากให้ และเป็นเทพที่นำความตายมาให้ด้วยเช่นกัน..
ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่กล้าที่จะต่อกรกับหมาป่าด้วยเท่าไหร่ ยิ่งอยู่ห่างได้ยิ่งดี แต่ก็มีการเซ่นของไหว้ด้วยเช่นกัน
ชายหลายคนเดินออกมาจากห้องที่ถูกค้น.....ซึ่งทุกคนก็ส่ายหน้าว่าไม่เจอสิ่งที่หาอยู่
“ถ้าพวกนายค้นเสร็จแล้ว ก็กลับไปได้ ที่นี้ไม่ต้อนรับแขกแปลกหน้าเท่าไหร่..” ผมบอกเพราะต้องการให้พวกเขาออกไปจากบ้านผม...
พวกเขากำลังทยอยออกจากบ้านของผม “เดี๋ยว...นั้นอะไร...” ผมหันไปมองที่ซึ่งชายคนหนึ่งชี้ ซึ่งมันอยู่หน้ากองไฟที่ผมกับเรย์นอนด้วยกันเมื่อคืน
“ไหน...” ผมรีบเดินกลับไปมองตรงที่ชายแปลกหน้าเดินมาก่อนแล้ว
สิ่งที่เห็นคือขนสัตว์ที่ล่วงล่นออกมา ซึ่งเป็นขนที่ไม่สั้นและไม่ยาวมาก....
ผมมองขนสัตว์ที่หล่นอยู่ตรงหน้า
“นั้นมันขนกระต่ายเมื่อเย็นผมต้มเนื้อกระต่ายกิน..” ผมรีบบอกออกไปก่อนที่ชายอีกคนหนึ่งใช้ทัพพีควานหาเนื้อที่อยู่ในหม้อ เพื่อหาชิ้นส่วนกระต่ายที่ผมบอก
“นายโกหก..ในนี้ไม่มีเนื้อเลยซักอย่าง...” ชายคนที่คว้านอาหารในหม้อบอกด้วยเสียงอันดัง
“จับมัน...” เสียงตะโกนต่อมา สั่งให้คนที่เหลือจับผมเอาไว้ ซึ่งผมก็พยายามวิ่งหนีให้พ้น
“ปล่อย.....” ผมชกไปที่หน้าชายคนหนึ่ง และตามด้วยถีบ ก่อนที่จะเป็นอิสระ และวิ่งเพื่อไปยังประตูบ้าน
แต่ก็ยังมีชายอีกหลายคนที่กระโจนเข้ามาชกผม...ซึ่งผมก็ชกกลับเช่นกัน...
ผมพยายามป้องกันตัวจากคน 4 คน ที่รุมเข้ามาหวังจะให้ผมถูกคุมตัว...
ผมโดนอะไรบางอย่างทุกเข้าที่ต้นคอก่อนที่ผมจะทรุดลงไป...และหมดสติ...
+++++++++++++
“โอ๊ย ..เจ็บ..”ผมรู้สึกตัวอีกทีก็โดนมัดมือ มัดปาก และเท้า พร้อมทั้งถูกอุ้มพาดบ่า เดินทางเข้าหมู่บ้านแล้ว
ผมพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากบ่าที่ผมพาดอยู่
“นายอยู่นิ่งๆ ซะ เดี๋ยวก็เข้าหมู่บ้าน....เพราะนายพาความซวยมาที่หมู่บ้าน..เพราะงั้นนายต้องรับผิดชอบ.” เสียงชายที่อุ้มผมพาดบ่าเป็นคนพูด
สิ้นสุดเสียงพวกเขาก็เดินจ้ำอ้าวเข้าหมู่บ้านต่อโดยไม่หยุดพัก ...ซึ่งในใจผมก็รู้สึกเป็นห่วงเรย์...เพราะถ้าเขารู้คงได้ตามเข้าหมู่บ้านแน่ๆ แล้วคงจะเป็นเรื่องใหญ่จริง....
อีกใจก็โทษตัวเอง...เพราะตอนนี้ผมคงเดาได้เพียงแต่ชายที่เจอกันที่อุโมงค์ที่ผมปล่อยมันรอดชีวิตไปได้...
มือผมกำแน่น เพราะความอ่อนแอและเห็นใจคนอื่น ทำให้เอาเรื่องเดือดร้อนมาสู่ตัวเองและเรย์อีกด้วย
++++++++++++++
“คาโอ๊ย.......” ผมวิ่งเข้าป่าไปเพื่อจะจับสัตว์มาให้คาโอ๊ยทำอาหาร แต่พอเดินเข้ามาใกล้กับได้กลิ่นแปลกๆ
ที่ไม่คุ้นเคย...พร้อมกับเห็นรอยเท้าที่เปรอะเปื้อนอยู่บนพื้นห้องภายในบ้าน.....แม้ว่าของภายในบ้านจะยังดูเรียบร้อยก็ตาม
“คาโอ๊ย...” ผมตะโกนเรียกพร้อมทั้งวิ่งเปิดห้องต่างๆ เพื่อสำรวจดู และก็ไม่เห็นเขาแม้แต่นิดเดียว
และกลิ่นที่ผมได้ก็เริ่มจะเจือจางปนกับอากาศแล้วด้วย...ความกังวลยิ่งมากขึ้นเพราะกลิ่นที่เริ่มจะหมดไป
ผมเดินออกมาตามทางที่ยังมีหิมะตกอยู่....และรอยเท้าก็เริ่มจะไม่มีแล้วเพราะหิมะ.....
ผมพยายามดมกลิ่นที่ยังพอจะมีเหลืออยู่...และตามกลิ่นนั้นไป......จนผมรู้ว่าเส้นทางที่พวกนั้นเดินคือเส้นทางที่ใช้เข้าหมู่บ้านนั้นเอง......
ผมวิ่งตรงเข้ายังหมู่บ้านที่คิดว่าคาโอ๊ยต้องไปแน่นอน ความสงสัยเกิดขึ้นว่าทำไมเขาต้องรีบเข้าหมู่บ้าน....
หรือทำไมถึงมีกลิ่นคนมากมายอยู่ภายในบ้าน
ใจที่กังวลและกลัวพร้อมทั้งสงสัยเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ก่อนที่ขาจะวิ่ง และวิ่ง และวิ่งไปยังหมู่บ้านที่ผมเคยเข้าไปครั้งหนึ่ง....
ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากไปนักหรอ เพราะการพบปะกับคนมากๆ ไม่เป็นผลดีในทุกทาง....
“ช่วยด้วยค่ะ....ช่วยด้วย ฮืออ....” ผมได้ยินเสียงของเด็กร้องไห้ ซึ่งร้องขอความช่วยเหลืออยู่
นั้นทำให้ผมต้องหยุดวิ่งและเดินเข้าไปหาตามเสียงที่เรียกขอความช่วยเหลือนั้น.....ที่จริงผมอยากจะปล่อยไว้แล้วรีบเข้าหมู่บ้านมากกว่า...แต่เพราะคาโอ๊ยเคยบอกไว้ว่า เมื่อเห็นคนตกทุกข์ก็ต้องเข้าไปช่วยอย่าปล่อยไว้เด็ดขาด
ผมเดินเข้าไปจนเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจับกิ่งไม้ที่ขึ้นตามซอกหินบนหน้าผา แต่ตัวของเด็กน้อยนั้นห้อยอยู่
ซึ่งดูแล้วเหมือนเด็กหญิงคนนี้จะเลื่อนซะมากกว่าที่จะกระโดนลงไปจับกิ่งไม้เล่น...
เธอมองเข้าผมที่เดินเข้ามา พร้อมด้วยสีหน้าตกใจยิ่งกว่าเดิม....เพราะผมอยู่ในสภาพของหมาป่า....ที่พร้อมจะทำร้ายเธอก็ว่าได้....ซึ่งนั้นทำให้เด็กหญิงดิ้นเพื่อจะขึ้นมาบนหน้าบนและหนีผม..แต่เพราะเธอดิ้นทำให้กิ่งไม้นั้นเริ่มฉีกออก
“ช่วยด้วย..ฮือๆๆ ช่วยด้วย..” เธอพยายามเอารอดจากผมและจากหน้าผา..
เปอะ.! เสียงกิ่งไม้ที่เด็กหญิงคนนั้นจับอยู่หักออกเพราะแรงดิ้น ผมรีบวิ่งเข้าไปหาและคว้ามือจับแขนเธอไว้ก่อนที่เธอจะตกลงไปด้านล่างนั้นจริงๆ....
“ช่วยหนูด้วย...” เสียงของเด็กหญิงที่มองผม ก่อนที่จะร้องไห้ขอความช่วยเหลือ ซึ่งดูเธอจะตกใจน้อยลงเหมือนเห็นผมในร่างของมนุษย์
ผมฉุดเด็กน้อยขึ้นมานั่งบนหน้าผาที่เธอตกลงไป
“หนูน้อย ลงไปเล่นอะไรตรงนั้น..” ผมถามออกไป
“หนูวิ่งมาเก็บดอกไม้ และเพราะหิมะมันเลื่อน หนูเลยตก ฮือๆๆๆ” เสียงสะอื้นทำให้ผมต้องกอดเธอไว้เพื่อปลอบขวัญ
ผมกอดเธอจนเธอหยุดร้องไห้....... “พี่มีธุระต้องไปทำให้หมู่บ้าน...หนูกลับบ้านคนเดียวได้ไหม..” ผมถามออกไปเพราะคิดว่าเด็กน่าจะพักอยู่ละแวกนี้
“พี่เขาไปไม่ได้นะ..ที่หมู่บ้านกำลังรวมพลจะฆ่าหมาป่า...พี่เป็นหมาป่าแต่พี่ใจดี...” เธอบอกมาจากข่าวที่ได้ยิน
“พี่เป็นหมาป่าใจดี..แล้วจะมีคนมาฆ่าอีกหรอ..” ผมถามพร้อมกับยิ้มให้
“หนูไม่รู้...” เด็กหญิงบอกด้วยความไม่แน่นใจ....
ผมจับเธอยืนขึ้นก่อนก็เห็นหัวเข่าที่ถลอกเพราะหินที่หน้าผาทำให้เกิดแผลเหล่านั้น
ผมจับเข่าที่เป็นแผลขึ้นละเลียเพื่อรักษาแผลให้ ก่อนที่แผลเหล่านั้นจะหายในชั่ววินาที
“โห้...พี่เป็นหมาป่าวิเศษ..รักษาแผลได้ด้วย..” เสียงตื่นเต้นดีใจที่เด็กหญิงร้องบอกผม
ทำให้ผมยิ้มได้ “พี่ต้องไปแล้ว....กลับบ้านดีๆ แล้วอย่าทำอะไรที่อันตรายอีกนะ..” พร้อมทั้งเดินจากเด็กหญิงนั้นมาและวิ่งตรงเข้าหมู่บ้านด้วยร่างของหมาป่า หมายจะไปให้ถึงก่อนค่ำ.....
ตอนนี้ร่างกายของผมเป็นร่างของมนุษย์ก่อนที่จะเดินเข้าหมู่บ้านแล้ว สายตาผมก็สอดส่องดูรอบข้างที่ดูแปลกๆ
ในหมู่บ้านแห่งนี้ผมไม่รู้จักใครเลยนอกจากคาโอ๊ย และผมก็เคยมาหาหมอยาของหมู่บ้าน
ดังนั้นเป้าหมายของผมคือ ไปหาหมอยาและถามหาคาโอ๊ย
ผมมองดูซ้ายขวาก่อนที่จะกระโดดข้ามกำแพงเข้าไปยังบ้านของหมอยา แต่ที่นั้นผมกับไม่ได้กลิ่นของคาโอ๊ยแต่อย่างใด
ผมเดินเข้าไปยังห้องที่มีเสียงไฟอยู่ ซึ่งมีเงาของคนๆ หนึ่งอยู่ในนั้น
ผมเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับหมอยาที่ต้องการหา เขานั้นเขียนอะไรบางอย่างอยู่...
“เธอเองซินะ” ไม่มีความตกใจอยู่ในน้ำเสียงนั้น
“อะไร....คาโอ๊ยอยู่ไหน..” ผมถามออกไปเพราะคิดว่าเขาต้องรู้ไม่มาก็น้อยเพราะเขาก็ถือว่าเป็นคนสำคัญของหมู่บ้านเช่นกัน
“คาโอรุ ไม่ได้อยู่ที่นี่...เขาถูกจับอยู่ที่คุกของหมู่บ้าน....ฉันพยายามพูดแล้วว่าเธอไม่ใช่คนนำโชคร้ายมาให้หมู่บ้าน..แต่เพราะความเชื่อผิดๆ ของคนในหมู่บ้านทำให้คาโอรุต้องรับผิดชอบโทษฐานนำความเดือดร้อนมาให้..” เสียงที่สงบนิ่งพยายามอธิบายให้ผมฟัง
“แล้วทำไมไม่ยอมช่วยคาโอ๊ย เพียงแค่พูดมันไม่พอหรอกต้องทำด้วย” ผมบอกออกไปด้วยเสียงที่สงบนิ่งเช่นกัน
“เพราะคนในหมู่บ้านรู้ว่าเธอจะมานะซิ...พวกเขาจะฆ่าเธอด้วยซ้ำ..”
“ข้าจะฆ่าพวกมันก่อนนะซิ..” ผมตะเบ่งด้วยความโกรธ
“ฉันคิดอยู่แล้วว่าเธอคงไม่ใช่มนุษย์ ตอนที่เห็นครั้งแรก แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นหมาป่าเช่นกัน..” เสียงหมอยาพูด
“ข้าจะเป็นอะไรก็ช่าง บอกมาเอาคาโอ๊ยไปไว้ไหน..” ผมเค้นถามชายที่นั่งอยู่
“เจ้าจะยอมแลกชีวิตของเจ้ากับมนุษย์ธรรมดางั้นหรอ..”
“ช่างข้า บอกมาคาโอ๊ยอยู่ไหน..”
“พรุ่งนี้คาโอรุจะถูกนำมาเพื่อไต่สวนความผิดที่ทำให้เกิดโรคระบาดขึ้นที่นี้....และผู้ใหญ่ลงความเห็นว่าคาโอรุผิด เขาก็ต้องรับผิดชอบ และถ้าเห็นว่าไปผิด เขาจะได้รับการปล่อยตัว..” เสียงหมอยาที่บอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“แล้วข้าต้องทำไง ถึงจะช่วยเขาได้..” ผมถามออกไป
“เจ้าเพียงแต่รอให้ถึงพรุ่งนี้เท่านั้น ถ้าคาโอรุไม่ผิด เขาก็กลับไปได้ เพราะยังไม่มีใครเห็นเจ้าจริงๆ...มันเป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น..เพียงแต่เจ้าต้องทนเท่านั้น...” หมอยาบอกอีกครั้ง
แต่ถ้าผมเข้าไปช่วยตอนนี้ คาโอรุได้ผิดอย่างไม่ต้องสงสัย...แถมเขาอาจจะเป็นอันตรายยิ่งขึ้น..
ดังนั้นผมเลยต้องรอจนถึงพรุ่งนี้เช้า ซึ่งหมอยาได้เตรียมห้องไว้ให้ด้วยเช่นกัน
++++++++++++
ความกระวนกระวายทำให้ผมไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้
ใจก็อยากแอบออกไปดูว่าคาโอ๊ยเป็นอย่างไรบ้าง....อีกใจก็กลัวว่าถ้ามีคนเห็นเข้าคาโอ๊ยจะเป็นอันตราย
ผมอยากให้ตะวันขึ้นสู่ท้องฟ้าเร็วๆ สุดท้ายคืนนั้นผมก็ไม่ได้นอนเพราะเป็นห่วงคาโอ๊ย
เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณทำให้ตัวเองดีใจเป็นอย่างยิ่งที่คืนที่ต้องเฝ้ารอ หมดไป
ผมเอาชุดที่หมอยาหามาให้ใส่ไว้และปกปิดหน้าเพื่อเดินไปที่ลานกว้างของหมู่บ้าน
ที่วันนี้ใช้สำหรับตัดสินความผิดในสิ่งที่คาโอ๊ยไม่ได้ก่อขึ้น.....
มีชาวบ้านมากหน้าหลายตาเดินเข้าล้อมวงเพื่อมาดูผลการตัดสินที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ ทั้งเด็กเล็กแดง และผู้หญิงอีกหลายคน รวมทั้งคนหนุ่มๆ หรือคนเถ่าคนแก่ก็ไม่เว้น...ต่างก็มามุ่งดูคาโอ๊ย...
นั้นยิ่งทำให้ผมรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขาทำเหมือนคาโอ๊ยผิดและเหมือนรอว่าคำตัดสินลงโทษนั้นคืออะไรมากกว่าที่จะมาลุ้นว่าเขาผิดหรือไม่...
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมหมู่บ้านนี้ถึงเชื่อเรื่องโชคลางมากนัก...ไม่มีใครจะเป็นคนนำพาโชคดีหรือโชคร้ายได้
มันอยู่ที่ตัวเองเราต่างหากที่กระทำให้มันไปในทิศทางไหน ทั้งเรื่องโรคหวัดที่ระบาดนี้ด้วย
ซึ่งคนที่ไปหาต้นยามาให้ก็ไม่ใช่คาโอ๊ยคนที่นั่งอยู่ตรงกลางลานไม่ใช่หรือที่ทำให้พวกเขาหายป่วยกัน..
คาโอ๊ยไม่ใช่หรือที่คอยเข้าป่าเพื่อเอาต้นยาชนิดต่างๆ มาให้หมอยารักษาโรคภัยไข้เจ็บของทุกคน..
ผมไม่เข้าใจจิตใจมนุษย์เลยว่าคิดอะไรกันอยู่กับคนที่ทำคุณให้หมู่บ้านแต่กับได้โทษมาแทน
“อ้าว ทุกคนเงียบ..” ผมมองชายแก่ที่คิดว่าน่าจะเป็นคนที่ดูแลหมู่บ้านแห่งนี้
ผมมองไล่ไปทีละคนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้มีทั้งหมด 5 คน ที่จะตัดสินความผิดว่าจริงหรือไม่ที่คาโอ๊ยนำโรคระบาดนี้มา
และหนึ่งในนั้นก็เป็นหมอยาซึ่งเป็นญาติของคาโอ๊ยด้วยเช่นกัน
เสียงที่ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านเงียบกริบ.....
“เจ้า...คาโอรุ..” เสียงชายคนเดิมชี้มาที่คาโอ๊ยที่นั่งคุกเข่าอยู่ถึงแม้จะไม่ได้โดนมัดก็ตาม
“เจ้าได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนนำหมาป่า ซึ่งหมายถึงความตายมายังหมู่บ้านนี้ และเป็นเหตุให้หมู่บ้านต้องประสบกับโรคระบาดที่เกิดขึ้น.........เจ้าจะยอมรับไหม.”
“หมาป่า ไม่ได้นำความโชคร้ายมาให้ แต่โรคที่ระบาดนั้นเกิดจากฤดูหนาวที่หนาวเกินกว่าปกติเท่านั้น..แล้วข้าไม่ใช่หรือที่เป็นคนนำยามารักษาพวกท่าน..”เสียงของคาโอรุตอบกลับไป
“เจ้ายอมรับว่าพาหมาป่ามาจริงๆ ใช่ไหม”
“ข้า.....ข้า..เขาเป็นเพื่อนของข้า..” เสียงคาโอรุตอบอีกครั้ง
“คน..กับหมาป่าจะเป็นเพื่อนกันได้อย่างไร...เจ้าถูกหมาป่าตนนั้นสิงอยู่หรือ ถึงพูดอะไรเช่นนี้ออกมา...”
“ทำไม..คนกับหมาป่าจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้ ในเมื่อเราทุกคนก็พึ่งพาป่าแห่งนี้เหมือนกัน และพวกสัตว์ในป่าก็พึ่งพาป่าเหมือนกับเราทุกคน...แม่น้ำที่กินทุกวันก็มาจากป่า ซึ่งสัตว์ทุกตัวก็ใช้กินเช่นกัน...”
“เจ้ามันบังอาจ มาสั่งสอนพวกเราในหมู่บ้านนี้หรอ...”
“พวกเราอยู่มาก่อนเจ้า...แม้พวกเราจะเคารพเทพที่คุ้มครองป่าหรือแม้แต่ หมาป่าที่ปกครองสัตว์ในป่าก็ตาม...แต่พวกเราก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน..”
ผมอยากจะตอบออกไปเหมือนกันว่า เพราะพวกมนุษย์มันคอยแต่ฆ่าเพื่อผลประโยชน์มากกว่าไง พวกเราถึงต้องคอยหลบซ่อนจากมนุษย์ที่เห็นแก่ตัว...
“เอาหละท่านผู้ใหญ่ทั้งหลาย ข้าของให้ท่านตัดสินสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วยความเป็นธรรม...” ชายแก่ประกาศ และเริ่มมองไปยังหญิงแก่ที่นั่งอยู่หัวแถว
“ข้าว่าเจ้าผิดคาโอรุ เพราะเจ้านำโชคร้ายมาให้หมู่บ้านซึ่งข้ายอมไม่ได้” หญิงแก่พูด
“ข้าว่าเจ้าไม่ผิดคาโอรุ...ข้าเป็นหมอยาข้ารู้ว่าโรคที่เกิดในหมู่บ้านนี้เป็นเพราะอากาศที่แปรปรวนไม่ใช่เพราะเจ้า” เสียงหมอยาตอบ
“ข้าว่าเจ้าผิดคาโอรุ...เพราะเจ้าเข้าพวกกับหมาป่าซึ่งไม่เคยมีมาก่อน..และหมาป่าหมายถึงความตาย..” เสียงชายแก่อีกคนพูดขึ้น
“ข้าว่าเจ้าไม่ผิดคาโอรุ...เพราะข้าเห็นด้วยกับหมอยาของหมู่บ้าน” เสียงชายแก่อีกคนพูด
“เอาหละ ตอนนี่คำตัดสินคือ เท่ากัน ซึ่งสิ่งที่ข้าพูดออกมาจะเป็นคำตัดสินที่ชี้ขาดของเจ้า....และข้าเห็นว่าเจ้าผิดคาโอรุ..” เสียงชายแก่ที่เป็นเหมือนผู้ใหญ่ที่ดูแลหมู่บ้านพูดขึ้น
นั้นผมให้ผมเสียใจกับหมู่บ้านแห่งนี้เป็นอย่างยิ่งที่ตัดสินจากสิ่งที่คิดเอาเอง...
“หยุด....” ผมตะโกนออกไปพร้อมทั้งเดินเข้าไปกลางวงและมาหยุดยืนอยู่ที่คาโอรุ ซึ่งทำให้คนทั้งหมู่บ้านตกใจและถดถอยหนีได้เป็นอย่างดี ผมกลุ่มชายบางคนถึงกับต้องหยิบมีดและไม้ขึ้นมาเพื่อป้องกันอันตราย
“เรย์..นายมาทำไม..” เสียงคาโอ๊ยเรียกผม ก่อนที่ผมจะก้มลงไปบอก “ก็มาช่วยเจ้าไง...ข้ามองดูอยู่นานแล้ว”
“นามของข้าคือ เรย์ หมาป่าที่ปกป้องภูเขาลูกนี้และสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในภูเขาลูกนี้..” ผมประกาศก้องจนทำให้ชายหลายคนต้องผงะ แต่ก็ยังมีสายตาบางคนดูแปลกใจเหมือนกัน เพราะร่างกายผมที่เป็นมนุษย์อยู่นั้นเอง
“พวกเจ้าไม่คิดหรือไงว่าที่ข้าต้องออกมาปรากฏตัว เพราะพวกเจ้าตัดสินชายคนหนึ่งด้วยความคิดผิดๆ” ผมพยายามเกลื้อยกล่อม
“เจ้าไม่เห็นหรือว่า ถึงแม้ว่าข้ายืนอยู่ตรงนี้ แต่ก็ไม่ได้นำพาความโชคร้ายมายังพวกท่านเลย.....แต่พวกท่านตั้งหากที่คอยแต่จะแสวงหาผลประโยชน์จากภูเขาที่พวกข้าอาศัยอยู่ คอยฆ่าและทำลายผืนป่าที่พวกท่านได้อาศัยมันมาเป็นหลายร้อยปี......ที่พวกข้าไม่ยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์เพราะจิตใจของพวกท่านตกต่ำเกินกว่าจะรู้สึกถึงการอยู่ร่วมกันต่างหาก...และที่พวกข้าทำร้ายมนุษย์..ก็เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น...” ผมพยายามพูดถึงความจริงที่เกิดขึ้น
“เจ้าหมาป่า...เจ้าคิดว่ามาที่นี่แล้วจะพ้นหรือไง..” เสียงชายหนุ่มของหมู่บ้านพูดขึ้นซึ่งทำให้ชายอีกหลายคนเห็นพ้องด้วยว่าการฆ่าหมาป่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“พวกท่านจะฆ่าเรย์ไม่ได้นะ...เขาเป็นเทพที่ปกป้องภูเขานี้...” เสียงคาโอ๊ยที่ลุกขึ้นพูดเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มหลายคนสนับสนุน ซึ่งผู้ใหญ่ทั้ง 5 คนยังคงยืนดูอยู่
“ฆ่าหมาป่าซะ..” เสียงกลุ่มชายที่เริ่มเห็นพร้อง พร้อมกับก้อนหินที่ปาเข้ามากลางวง...
“แกกกกกก” ผมตะหวาดออกไปเพราะหินที่ตกลงมาโดนผม ก่อนที่ผมเป็นเปลี่ยนเป็นหมาป่าดำขนาดใหญ่ พร้อมทั้งแยกเขี้ยว และคอยตะครุบกลุ่มชายที่กำลังถือมีดเพื่อเข้ามาทำร้าย..”
“เรย์ อย่านะ ถ้านายทำอันตรายพวกเขา นายจะต้องตายแน่น...” เสียงคาโอ๊ยที่กอดรั้งผมไว้ไม่ให้วิ่ง เพื่อไปทำร้ายใครได้ นั้นยิ่งทำให้ก้อนหินที่มาจากหลายทางมากขึ้น....
ตัวผมซึ่งเริ่มหมดความอดทน..เริ่มพยายามสะบัดให้คาโอ๊ยปล่อยมือที่รั้งผมไว้...
“เรย์ บอกว่าอย่าไง....นายอยากตายหรือไง..” ยิ่งผมสะบัด คาโอ๊ยยิ่งกอดแน่นมากยิ่งขึ้น
++++++++++++++++++
“หยุด...หนูบอกให้หยุด...” อยู่ก็มีเสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามากลางวงและเอาร่างเล็กบังก้อนหินเหล่านั้น
“อาอิ.....” เสียงผู้ใหญ่บ้านที่เป็นคนตัดสินเรื่องของผมพูดขึ้น และนั้นดังพอให้คนในหมู่บ้านหยุดที่จะปาก้อนหินได้
“อาอิ..ออกมา ถ้าเจ้ายังอยู่ตรงนั้นหมาป่าจะฆ่าเจ้านะ..” เจ้าชายแก่พูดอีกครั้ง
“ไม่ หนูไม่ออก ปู่ไม่เห็นหรือว่าคุณหมาป่ายังไม่ได้ทำร้ายใครเลย มีแต่พวกเราที่เอาหินปาคุณหมาป่ากับพี่เขา” เสียงเด็กน้อยพูดด้วยใจกล้า ซึ่งจะเป็นได้น้อยมากจากหมู่บ้านแห่งนี้
“เมื่อวาน ถ้าอาอิไม่ได้คุณหมาป่า อาอิคงตายไปแล้ว..” เรื่องเล่าที่หนูน้อยพูดออกมาทำให้ผมงงได้ที่เดียว
“อะไรนะอาอิ...” อยู่ๆ กลุ่มชายที่กำลังถือมีดก็เดินออกมาจากกลุ่มทำให้ผมรู้ว่าเป็นชายคนเดียวที่ไปเอาตัวผมมาและสั่งให้จับผมกลับหมู่บ้านด้วย..”
“พ่อ เมื่อวานอาอิเกือบตกหน้าผาตาย..หิมะมันเลื่อนและอาอิก็ตกลงไป ดีที่คุณหมาป่ามาช่วยไว้.....แถมคุณหมาป่ายังเป็นคุณหมาป่าวิเศษอีก หัวเข่าอาอีมีเลือดออกและเจ็บมาก แต่คุณมาป่าเลียแป๊ปเดียวหัวเข่าอาอิก็หายเลย..”เสียงของเด็กที่ชื่ออาอิเล่าให้คนในหมู่บ้านฟัง..ด้วยเสียงอันดัง
“แล้วอย่างนี้คุณหมาป่าจะทำร้ายคนได้ไง..ในเมื่อคุณหมาป่าช่วยอาอิไว้ไม่ให้ตกหน้าผาตาย..” ถามหันมาถามคนที่เป็นปู่และหันไปมองหน้าพ่อของเธออีกครั้งเพื่อถามหาคำตอบ
“อาอิ เดินมาหาปู่ก่อนมะ..” เสียงของปู่ที่เป็นผู้ใหญ่บ้านเรียกมาอาอิและกวักมือให้ไปหา
“ปู่ต้องไม่ให้ใครทำร้ายคุณหมาป่าและเพื่อนของคุณหมาป่านะ” เสียงของอาอิที่ร้องออกไป...ก่อนที่อาอิจะไปหาปู่ที่ยืนอยู่กับพวกผู้ใหญ่ของหมู่บ้าน
ตอนนี้ผมยังกอดคอเรย์อยู่เพื่อกลัวว่าเขาจะไปทำร้ายใครเข้า...
“เรย์ เมื่อวานนายช่วยหนูอาอิใช่ไหม...” ผมกระซิบถามเรย์ออกไป ซึ่งมีแค่สายตาที่ส่งมาเท่านั้น เพราะเรย์ไม่ยอมที่จะกลับร่างมาเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ
“เอาหละทุกคน...พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหมว่าหมาป่าตัวนี้ไม่ได้ทำร้ายใคร แถมยังช่วยคนในหมู่บ้านแห่งนี้อีก..”
เสียงปู่ของหนูอาอิพูดขึ้น
“แล้วพวกเจ้าแหละ เจ้าอยากจะทำร้ายหมาป่าและเพื่อนของเขาอีกไหมทั้งๆ ที่รู้แล้วว่าเขาช่วยคนในหมู่บ้านแห่งนี้”
ผมหันไปมองกลุ่มชายที่ตอนแรกคิดจะทำร้ายเรย์ ผมเห็นพวกเขาซุบซิบกันก่อนที่จะถอยหลังกลับเข้าไปยังที่ๆ ออกมา
“ส่วนตัวข้าซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ดูแลหมู่บ้านนี้ ข้าคิดว่าการที่หมาป่าช่วยคนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้..แต่เมื่อมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นข้าคิดว่าคงต้องพิจารณาใหม่อีกครั้งสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น...และหมาป่าที่ช่วยชีวิตคนนั้น คงไม่ใช่หมาป่าที่นำความตายหรือโชคร้ายมาสู่หมู่บ้านอย่างแน่นอน.....” เสียงปู่ของหนูอาอิประกาศถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
และผลที่ออกมาใหม่คือพวกเราทั้งคู่ไม่มีความผิดและไม่ต้องรับโทษแต่อย่างไรแต่ก็ห้ามให้เรย์เข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้อีกเพราะเป็นการป้องกันไม่ให้หมาป่าตัวอื่นลุกลานด้วยเช่นกัน ซึ่งเรย์ก็รับปากว่าจะไม่เข้ามาหมู่บ้านนี้อีกเช่นกัน
ซึ่งเป็นเรื่องน่าดีใจมากที่พวกเราทุกคนปลอดภัย แม้จะได้แผลช้ำๆ จากหินที่ปามาก็เถอะแต่ก็ไม่ถึงกับเลือดตกยางออกเท่าไร....
ซึ่งเมื่อทุกคนกระจายหายไปจากลานหมู่บ้านแล้ว ผมจะพาเรย์ออกจากหมู่บ้านทันทีพร้อมทั้งตัวเองที่ต้องการออกจากหมู่บ้านในตอนนี้ให้เร็วที่สุดด้วยเช่นกัน...เพราะความกลัวที่คนในหมู่บ้านจะเปลี่ยนใจก็มีมาก...
พวกเรากลับมาถึงบ้านของผมอย่างปลอดภัยโดยมีเรย์เดินนำหน้าในการเดินทางกลับ....เขาดูจะโกรธคนในหมู่บ้านเสียด้วยซ้ำ...แต่ผมก็ต้องขอบคุณที่เขาไม่ใจร้อนจนไปทำร้ายคนอื่นเข้า..เพราะไม่งั้นคงต้องมีการหลั่งเลือดกันจริงๆ
ซึ่งผมคงต้องอยู่ฝั่งเรย์แน่นอน..และผมก็พร้อมที่จะช่วยเขาเสมอ..
+++++++++++++++ปล. ขอลาพักรัก ไปเทียวค่ะ เจอกันวันอังคารนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ฝากคอมเม้นท์ด้วยนะคะ
ความคิดเห็น