คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอน 6
ตอน 6
ผมภูมิครับ................พวกคุณอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีบทของผมเลย
นั้นก็เพราะว่า ถ้าผมพูดเรื่องต่างๆ ในอดีตให้ฟัง.....ก็มีแต่เรื่องแย่ๆ ของครอบครัวไอสอง
แต่ผมเพิ่งเริ่มจะสังเกตความเปลี่ยนแปลงของไอสองได้ไม่นานนี่เอง
ตั้งแต่มันเอ็นติดมหาลัยที่เดียวกับผม
ผมไม่เคยคิดว่าคนไม่มีสมองอย่างมันจะเอ็นติดคณะแพทย์ได้เลย
เพราะชีวิตมันโง่เหมือนพี่มันนั้นแหละ วันๆ เอาแต่แกล้งคน ยิ่งคนที่ไม่มีทางสู้ด้วยแล้ว
เมื่อก่อนผมก็ทะเลาะกับสองคนพี่สองที่เป็นประจำ แต่ผมสุดท้ายมีผมคนเดียวที่โดนแม่พวกมันตี
ผมโดนตีมาก จนบางครั้งแม่ และนมต้องคอยรับความเจ็บปวดแทนผม
และนั้นผมให้ผมสัญญากับตัวเองว่า เมื่อผมโตผมจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอก
ไม่เว้นแม้แต่พ่อ.....ที่ไม่เคยสนใจใยดีแม่.....สำหรับตัวผม ผมคิดว่าพ่อต้องบ้าไปแล้วแน่ๆๆ
ที่ให้ลูกต้องเองโดนตี....และให้ลูกเมียน้อยคอยข่มผมอยู่ตลอดเวลา...
พอผมโดนตีนานเข้า......และแม่กับนมก็ต้องมาคอยรับแทน ทำให้ผมเริ่มที่จะไม่ต่อสู้หรือทะเลาะกับสองพี่น้องนั้นอีก
แต่ยิ่งผมเงียบ หรืออยู่เฉยๆ พวกมันก็แกล้งผม จนบางครั้งถึงกับเลือดตกยางออก...เลยก็มี
ยิ่งยัยพี่สาวตัวดีของไอสองด้วยแล้ว....มันเหมือนเป็นโรคประสาทชอบใช้ความรุนแรง.....
คนใช้ในบ้านทั้งหญิง ผู้ชายโดนกันเป็นแถว
แต่เมื่อพวกเราโตกันมากขึ้น และร่างกายผมที่ดูเหมือนจะสูงใหญ่ขึ้นตามอายุ ทำให้พวกมันหยุดที่จะรังแกผม
แต่จะไปลงกับคนในบ้านแทน.....ผมเกียจพวกมันที่ทำให้แม่ นม และผมเจ็บ
มากกว่าที่ต้องมาอยู่เรือนเล็กนี่........ทุกครั้งที่ผมเห็นนมกลับมาเรือนเล็ก...ด้วยรอยที่แสดงให้เห็นถึงความทารุณ
ผมอยากจะกระชากสองพี่น้องนั้น....ลงจากบังลังก์จอมปลอมนั้นจริงๆ.....แต่อีกไม่นานผมก็จะได้เริ่มแผนการแก้แค้นแล้ว...
พ่อเคยเรียกผมเข้าไปหาตอนที่ไม่สบาย..........เหมือนเขาจะพยายามขอโทษที่ทำกับผมไว้.......
และสิ่งที่ผมรู้คือท่านยกมรดกซึ่งมีมากกว่าครึ่ง....เป็นมรดกให้กับผม.....และส่วนที่เหลือเป็นของครอบครัวไอสองมัน
ผมเพียงแค่รอให้ถึงวันนั้น......พินัยกรรมจะถูกเปิดในวันครบรอบ อายุ 20 ปีของผม.... และอีกไม่นาน...บ้านที่มันอยู่ก็จะกลายมาเป็นของผมโดยถูกต้องตามกฎหมาย...นี้เป็นความลับระหว่างพ่อ และ ผม ซึ่งมีทนายความอีกคนที่รู้เท่านั้น
และอีกไม่กี่เดือนเท่านั้นของทุกอย่างที่มันแย้งไปก็จะถูกโอนมาเป็นของผม
ผมรู้ว่าแม่มันติดหนี้การพนันไว้เยอะมาก.....แต่ไม่สามารถเอาเงินของพ่อออกมาใช้หนี้ได้
เนื่องจากยังมีทนายความที่คอยดูแลเรื่องเงินในครอบครัวของผมอยู่..ซึ่งต้องขอบคุณทนายความที่ยังรักพวกผมอยู่
ไม่ไปเข้าพวกกับนังแม่มดใจร้ายนั้น......
+++++++++++++++
“พี่หนึ่ง......แม่.......” ผมเรียกพวกเขาเมื่อเห็นว่านั่งกินกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“แม่จ้างคนใช้ใหม่หรอ....ทำไมหละครับ...” ผมถามแม่ที่ยังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“ก็บ้านหลังนี้มันใหญ่ แล้วคนใช้ที่นี้ก็เริ่มไม่มีแรงทำอะไรกันแล้ว..ฉันเลยตั้งใจจะไล่ออกแล้วเอาคนใหม่มาแทน..” เสียงแม่ที่พูดอย่างนิ่งๆ ทำให้น้อยซึ่งคอยยืนรับใช้อยู่ทำสีหน้าตกใจ...เมื่อแม่เอ่ยถึงพวกเขา
“ใช่...สอง....แกก็เห็นนี้ว่าพวกนี้มันหมดประโยชน์แล้ว...เอาคนใหม่ที่มีแรงเยอะว่ามาทำก็ดีออก...” เสียงพี่หนึ่งเสริม ซึ้งมักจะเป็นแบบนี้เสมอ เพื่อตามใจแม่
“แต่...ถ้าไล่พวกเขาออกจะไปอยู่กันละครับ....ไม่สงสารบ้างหรือไง...”
“ไม่อ่ะ...” นั้นคือเสียงพี่หนึ่งคนเดียวเลย
“แม่ ถ้าพ่อรู้พ่อต้องไม่ยอมแน่ๆ คนพวกนี้อยู่กับเรามาตั้งนาน...และไว้ใจได้...พวกเขารองรับมือพี่หนึ่งได้ด้วยนะ..” นั้นเป็นความคิดของผมจริงๆ....แม้จะไม่ใช้ประโยชน์ที่พวกเขาจะได้ก็ตาม
“ทำไมเดี๋ยวนี้นิสัยแกถึงเปลี่ยนไปจังสอง.....แกนี้กำลังคิดอะไรอยู่นะ..” เสียงพี่หนึ่ง ที่ทำให้เราเริ่มที่จะเถียงกัน
“ผมก็เหมือนเดิมทุกอย่าง....ไม่เหมือนพี่หรอ...นับวันยิ่งบ้า...”
“แก....แกจะหาเรื่องฉันแต่เช้าเลยนะ...”
“เปล่า....ผมแค่พูดความจริง.....”
“แหม....เห็นแกเข้าวัดหน่อย..ทำมาเป็นสั่งสอน...”
“ผมเข้าวัดก็ยังดีกว่าพี่นั้นแหละ....เลิกเหอะนิสัยเสียแบบนี้นะ...”
“แกว่าฉันหรอไอสอง...ฉันพี่แกนะ........”
“พวกแกสองคนจะทะเลาะกันอีกนานไหม........ถ้ายังไม่เลิก...ฉันจะจับพวกแกสองคนมัดมือมัดเท้า ให้อยู่ด้วยกันเลยวันนี้
เป็นพี่น้องกันแต่ชอบทะเลาะกันนัก......”
สีหน้าไม่ยอมของผมกับพี่หนึ่ง เราส่งสายตาหากันอย่างดุเดือด แต่ไม่มีเสียงทะเลาะกันอีก เพราะแม่สั่งว่าจะทำอะไร
ถ้าเรายังไม่หยุดทะเลาะกัน
+++++++++++
ผมออกมาเดินเล่นนอกบ้าน ซึ่งเป็นสวนไว้สำหรับพักผ่อน กลางสวนมีเรือนไม้หลังใหญ่ไว้สำหรับนั่งพัก....
หรือเพื่อชมบรรยากาศโดยรอบสวน
“ไงมึง...เห็นว่ารับคนงานเพิ่มหรอ....” เสียงไอภูมิสอดเสียดขึ้นมา
“เออ.....” ผมตอบไป
“จะรับพวกเขามารองมือรองตีนพวกมึงหรือไง...”
มันเป็นคำพูดที่เจ็บแสบมาก......แต่คำพูดที่มันพูดถูกทุกอย่าง....
“ไม่ดีหรือไง...พอมีคนใหม่มา....น้อย นมและคนอื่นๆ จะได้ไม่ต้องโดนไง..”
“พวกมือนี่ชัง...ชอบสร้างเวรสร้างกรรมกันจังนะ........”
ผมเลิกที่จะเถียงแล้วเดินเข้าบ้านแทน...ซึ่งนั้นทำให้มันจะไม่ต้องตามมาราวีผมในวันนี้ได้
ผมเดินเข้าบ้านพร้อมกับเห็นแฟนพี่หนึ่ง ซึ่งขับรถมาจอดหน้าบ้าน.....พี่หนึ่งไม่เคยพาแฟนเข้าบ้านเลยซักครั้ง
มีแต่จะออกไปหาเอง....ซึ่งเป็นเรื่องแปลกที่วันนี้มีแขกของพี่หนึ่งมาที่บ้าน
หน้าตาของแฟนพี่หนึ่งเป็นที่รู้จักของวัยรุ่น ซึ่งผมก็เคยเห็นเขาลงปกนิตยสารเช่นกัน
“hi..........ที่รัก...วันนี้ลมอะไรพัดคุณมาหาฉันได้เนี้ย..” เสียงหยอกเย้าที่พี่หนึ่งพูดคุยกับแฟน
ผมพยายามหลบหลีกให้พวกเขาได้คุยกัน ผมเดินขึ้นบันได เพื่อเข้าตัวบ้าน
“สอง....มานี้สิ....” แต่ก็ไม่วายที่พี่หนึ่งจะเห็น เธอกวักมือเรียกผม
“สองนี่คุณ ภพ...”
“คุณภพ นี่น้องชายหนึ่งอีกค่ะ ชื่อสอง..” ผมยิ้มให้เล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย....ก่อนที่จะขอตัว..พวกเขาขึ้นบ้าน
“น้อย..เรียกนมให้หน่อย...” ผมสั่งน้อยก่อนที่จะขึ้นไปบนห้อง
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตู “นมมานั่งนี้ก่อน....” ผมยืนขึ้นจะเรียนนมเข้ามาให้ห้อง
“คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าค่ะ.....”
“เปล่า...ไม่มีอะไรมากหรอ...พอดีเมื่อวันก่อนแวะซื้อของเยี่ยม มาให้น้าเพ็ญนะ....แต่ยังไม่ทันได้ให้เลย...” ผมยื่นถุงกระดาษส่งให้นม
“ผ้าลายสวยจังค่ะคุณสอง...” “ถ้านมชอบเดี๋ยวว่างๆ ผมซื้อมาให้.....” ผมตอบกลับไป
“นม น้าเพ็ญเย็บผ้าเป็นไหม...ผมซื้อมาก็ไม่รู้หรอกว่าน้าเขาเย็บเป็นหรือเปล่า แต่เห็นสวยดีเหมาะกับน้าเพ็ญนะ..”
ผมคุยกับนมนาน จนลืมไปแล้วว่าเวลาเท่าไหร่.......ผมชอบที่จะนั่งคุยกันนม
กรี๊ดดดดดดดดดดด เสียงผู้หญิงร้อง ที่ผ่านเข้ามาทางหน้าตาห้องผม ทำให้ผมต้องวิ่งไปที่หน้าต่างพร้อมกับนม
ที่นั่งอยู่ด้วยกัน...........สิ่งที่ผมเห็นคือ พี่หนึ่ง คุณภพ และภูมิ.......... มันเกิดอะไรขึ้น
ผมกับนมวิ่งลงไปที่เกิดเหตุ เมื่อผมวิ่งไปถึงก็เห็น คุณภพกับภูมิต่อยกันแล้ว......
“หยุด.........” เสียงตะโกนของผมไม่ได้ทำให้ทั้งสองหยุดเลย....
“นมไปเอาน้ำมาเร็ว..” ผมสั่งให้นมวิ่งไปเอาน้ำมา
ก่อนที่ผมจะสาดไปยังชายทั้งสองที่ต้องกำลังเมามันในการใช้กำลัง......
เมื่อน้ำถูกสาดไปยังคนทั้ง 2 ทั้งทำให้เขาผละออกจากกัน และนั้นทำให้พี่หนึ่งเดินอาดๆๆ เข้าไปตบภูมิ
ซึ่งยืนหอบหายใจอยู่.... “แกทำอย่างนี้ได้ไง...”
แต่ตอนนี้ภูมิก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนเช่นกัน.... เขาตบพี่หนึ่งกลับซึ่งแรงกว่าด้วยซ้ำ.......... เพี้ยะ........
และนั้นทำให้ผมเดินเข้าไป พร้อมกับตบลงไปที่หน้าภูมิอีกเช่นกัน.....
“นายทำผู้หญิงได้ไง...นายมันยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า...” ผมยืนสงบนิ่งอยู่ต่อหน้าภูมิที่ถลึงตามองผม
ในใจผมก็คิดว่าคงโดนตบกลับเหมือนพี่หนึ่งเช่นกัน... แต่ไม่มีเหตุการณ์อย่างว่าเกิดขึ้น
“นมพา....ภูมิกลับบ้านไป........” ผมสั่งนมที่ยังยืนอยู่ใกล้...
“พี่หนึ่งเกิดอะไรขึ้น...” ผมหันหน้าไปปะทะกับพี่หนึ่งซึ่งยืนกุมมืออยู่ที่แก้ม พร้อมกับประคองคุณภพด้วยเช่นเดียวกัน
“สอง...มันหาเรื่องพวกพี่ก่อน...” พี่หนึ่งแย้ง....
“คุณภพ คุณอยากทำให้หน้าตัวเองเสียโฉมหรือไง ถึงไปต่อยกันนะ..”
เมื่อพี่หนึ่งไม่ยอมพูด ผมเลยต้องลองถามคุณภพเอา
“เปล่า...พวกเราเดินเล่นที่สวนกันอยู่ดีๆ พอดีหนึ่งเขาเรียกใช้ไอหมอนั่น แต่มันไม่ยอมทำ แถมยังด่าพี่หนึ่งของคุณด้วย
ผมซึ่งเป็นผู้ชายคงไม่ยอมให้ใครมาว่าแฟนตัวเองหรอก แล้วเราก็เป็นอย่างที่คุณเห็น.....”
หลังจากที่ผมฟังความเรียบร้อยแล้ว ผมจึงผยุงคุณภพที่สะบักสะบอมขึ้นบ้านใหญ่...และหาเสื้อผ้าเปลี่ยนให้....
ก่อนที่ผมจะขอให้คุณภพกลับไปก่อน..........
“พี่หนึ่งเล่ามา พี่ไปว่าอะไรภูมิ.......” นิสัยของพี่หนึ่งต้องเป็นคงเริ่มก่อนอยู่แล้ว...
“แกจะอะไรนักหนา...แกเห็นไหมมันตบฉันเนี้ยะ..” พี่หนึ่งใช้มือชี้มาที่ใบหน้าของตัวเองที่แดงกำเพราะฝีมือภูมิ
“เดี๋ยวนี้มันกล้านัก....อย่างนี้ต้องจ้างคนรุมมัน..มั่งแหละอวดดีนัก....” คำอุทานของพี่หนึ่งทำให้ผมรู้สึกไม่ดี
“พี่อย่าทำเลย...เลิกเหอะๆ ความคิดแบบนี้...” ก่อนที่จะเดินขึ้นห้องไป
แล้วผมจะแก้ยังไงดีเนี้ย หรือปล่อยเลยตามเลยดี........ปัญหาของผมคือไม่รู้ว่าพี่หนึ่งคิดจริงๆ หรือว่าพูดเพราะโมโห
คืนนั้นผมเลยต้องปิดประตู ล็อคกลอน เพราะในใจก็กลัวอยู่ว่ามันจะมาแก้แค้นที่ผมทำกับมันไว้
++++++++++++
ช่วงปิดเทอมนี้เป็นอะไรที่วุ่นวายมากสำหรับที่บ้านผม เพราะพี่หนึ่งอยู่บ้านบ่อยขึ้น
ทำให้เธอมักมีอารมณ์กับคนใช้ที่เข้ามาใหม่....แม้พวกเขาจะเป็นคนไร้สัญชาติก็ตาม.....ก็เขาก็เป็นมนุษย์เช่นกัน
ผมจะคอยสังเกต ......ถ้าไม่รุนแรงนักผมก็จะบ่อยไป แม้ว่าพวกเธอต้องเจ็บตัวกันบ้างก็ตาม
วันนี้ผมตั้งใจจะไปร้านหนังสือ......เพื่อหาซื้อหนังสือที่ต้องการมาอ่านฆ่าเวลาในช่วงปิดเทอม
ผมนัดอุ้มเอาไว้....เรานัดเจอกันที่ร้านก่อนที่จะแวะหาอะไรกิน
วันนี้ผมถือว่าได้พักผ่อนจริงๆ เพราะว่าหลังจากที่เราทำธุระเสร็จ
อุ้มชวนผมเป็นบ้านเด็กพิการ.......ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก...
ผมอยากจะเรียกเธอว่าแม่พระจริงๆ เพราะนิสัยของเธอทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้น...ด้วยเช่นกัน
ความรู้สึกผมเหมือนว่า....อุ้มมีแรงดึงดูดให้ผมทำในสิ่งที่เธอเรียกร้อง และผมก็อยากทำตามใจเธอเหมือนกัน
เราไปบ้านเด็กก็ช่วงบ่ายๆ แล้ว ผมเห็นเด็กมากมายที่ไม่มีพ่อแม่ และบกพร่องอยู่ในสังคมนี้จริง
จะถือว่าผมโชคดีก็ได้ที่ไม่ได้เกิดมาพิการ....แถมยังได้อะไรที่ไม่สมควรได้อีกมากมายด้วย
“สอง....เป็นไงบ้าง ชอบไหม...” เธอพูดพร้อมกับยิ้มมาที่ผม
ผมเพียงพยักหน้าตอบกลับไปเท่านั้น ก่อนที่พวกเราจะมอบเงินเล็กน้อยให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ สำหรับเด็กเหล่านั้น
พวกเราแยกย้ายกันหลังจากที่ออกจากบ้านเด็กเหล่านั้นแล้ว
+++++++++++++++
ผมขับรถกลับเข้ามาซึ่งเห็นว่าภูมิรออยู่หน้าปากซอย
ผมจำเป็นต้องจอดรถ.......เพราะโทรศัพท์ที่มีข้อความถึงผมบอกว่าจะรออยู่.......
“นายมีอะไรว่ามาภูมิ....” ผมลงจากรถเพื่อเดินไปหา ใช่ว่าผมไม่กลัว แต่ผมต้องยอมรับว่า
ถ้าไม่เคลีย์ปัญหามันคงไม่ดีกับพี่ผม และตัวผมแน่
ภูมิเดินวนรอบๆ ตัวผม ก่อนที่จะยืนหยุดอยู่ด้านหลัง.....
“เปล่าฉันแค่อยากเห็นนายออกกำลังกายเท่านั้นอ่ะ....เลยกะว่าจะขับรถกลับให้....”
“อะไรนะ........” ผมเอะใจกับคำพูดนั้น แต่มันเป็นอย่างที่เขาพูดทุกตัวอักษร จริงๆ
มันเดินขึ้นรถและให้ผมเดินเข้าบ้าน...มีเพียงเท่านั้น แล้วเขาก็ขับรถออกไป
“5555555555” เสียงหัวเราะของผมเอง...สงสัยวันนี้ เพราะผมไปทำความดีมามั่ง...
เพราะคำพูดที่ภูมิพูดมันตลกยิ่งกว่าเล่นตลกเสียอีก.....มายืนรอแล้วขับรถผมกลับ...
ซึ่งแค่เดินหนะ...ผมสบายมาก.....แล้วมันก็ไม่ได้ไกลมากนักหรอ แม้ผมจะไม่เคยเดินเข้าบ้านเลยก็ตาม...
ผมเดินเข้ามาในซอยบ้าน ตอนแรก็คิดว่าไม่ไกลเพราะผมขับรถแป๊ปเดียวก็ถึงบ้านแล้ว
แต่พอมาเดินจริงๆ นี่ไปไปสิบกว่านาทีแล้วยังไม่ถึงซักที
แต่ก็ยังดีกว่าให้ภูมิมาข่มเหงแหละครับ........ผมฮัมเพลงไปเรื่อยๆ..เพื่อให้ไม่คิดถึงความเหนื่อย
ทางเดินเข้าบ้านมีเสาไฟติดตลอดเส้นทางเพื่อความปลอดภัยของคนในบริเวณนี้ และยังมีต้นตีนเป็ด หรือเรียกอีกอย่างว่าต้นพระยาสัญจาบรรณ ที่ส่งกลิ่นอบอวนทั้งบริเวณเลยครับ....อันที่จริงผมว่ากลิ่นนี้หอมนะ ถ้าเอาไปทำเป็นน้ำมันระเหยคงดี
แต่พอมีอยู่ใกล้ๆๆ แล้ว กลิ่นของต้นไม้นี้ถือว่าแรงใช้ได้เลย...จากหอมทำให้รู้สึกเหม็นได้เหมือนกัน.....
ผมเดินมาจนเห็นโคมไฟหน้าบ้านที่จะเปิดอยู่ตรงประตูรั่ว.........
“อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว......” ผมพยายามเดินจ่ำๆๆ........เพื่อให้ถึงบ้านเร็วขึ้น
“ไอภูมิ........”
ผมหันไปมองต้นเสียงที่เรียกภูมิ เพราะนึกว่าเขาอยู่แถวนี้จริงๆ....
ไม้ท่อนหนึ่งฟาดลงมาที่หน้าท้องผม.....ทำให้ผมต้องย่อตัวเองเพราะแรงตีนั้น ก่อนที่เข่าผมจะทรุดลง..อยู่กับพื้น
ตามด้วยตีนที่รุมกระทืบผมอยู่.......ผมไม่มีทางสู้....ได้เลย เพราะจอดตั้งแต่ไม้ที่ตีมาครั้งแรกแล้วด้วยซ้ำ
“มึง...โชคไม่ดีเองนะไอภูมิ......” นั้นเป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่ผมจะโดนกระทืบแบบไม่ยั้งจนผมนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น
กลิ่นของต้นไม้ทำให้ผมไม่อยากตื่นจริงๆ......
ผมตื่นมามองบริเวณรอบ....ที่ไม่มีใครเดินผ่านไปมาเลย
เหมือนผมโคตรซวยเลยก็ว่าได้......โดนรุมกระทืบผิดตัว แถมยังไม่มีใครเห็นอีก....
ผมยันตัวเองขึ้นนั่ง ผมนั่งจุกอยู่นานก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและเดินสะโหล่สะเหล่ มาถึงหน้าบ้าน
ที่มีรถของตัวเองจอดแอบอยู่หน้าบ้าน........ก่อนที่จะขับรถตัวเองเข้าบ้าน
“ว้ายคุณสอง เป็นอะไรค่ะ” น้อยเป็นเด็กอีกคนที่นั่งอยู่ละแวกนั้นเห็นสภาพของผม
“เบาๆๆ อย่างเสียงดังได้ไหม ฉันปวดหัว..”ผมบอกน้อยออกไป
สภาพหน้าตาผมดูไม่จืด เพราะทั้งเตะ ทั้งต่อย ทั้งกระทืบ.......ผมจะหมดหล่อก็งานนี้แหละครับ
“น้อย..พี่หนึ่งอยู่เปล่า....” ผมถามน้อย....เพราะเหมือนผมจะรู้ว่าเป็นฝีมือใคร
“คุณหนึ่งไม่อยู่ เมื่อเช้าเห็นบอกว่าจะไปต่างจังหวัดนะคะ.....”
ผมนึกในใจ พี่หนึ่งแมร่งโครตเจ๋งเลย แอบหนีเอาตัวรอดใช่ไหม.....
“แล้วแม่แหละ......คุณนายยังไม่กลับค่ะ...”
“น้อย...ไม่ต้องบอกใครแหละ..ฉันไม่อยากให้ใครเป็นห่วงนะ...” คำพูดของผมเหมือนด่าตัวเองว่า...แล้วใครมันจะห่วงมึง
“ไปเอายามาปะ...แล้วตามฉันไปบนห้องด้วย....” ผมเดินพาตัวเองขึ้นไปบนห้อง พร้อมน้อยที่ช่วยพยุงและกล่องยาอีกกล่องไว้สำหรับทำแผล.....
ผมถูกจัดการเปลี่ยนเสื้อและผ้าทำแผล เหมือนสมัยผมยังเป็นเด็ก พร้อมทั้งยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวดอีกหลายเม็ด
ก่อนที่ผมจะให้น้อยออกไปจากห้อง.......
ผมนอนหลับไปจนรู้สึกตัวก็เที่ยงคืนแล้ว......หิวอ่ะ..ข้าวก็ยังไม่ได้กินเลย.....
แต่ความเจ็บทำให้ผมต้องเลิกคิดที่จะลุก..........ผมกะว่าจะทนหิวแล้วพรุ่งนี้ค่อยหาอะไรกิน
ผมพยายามข่มตาหลับ....แต่ท้องก็ยังร้องอยู่....แล้วผมจะหลับลงได้ไง....
ตืด ตืด เสียงข้อความส่งมาที่ผม หมายเลขที่โชว์อยู่ทำให้ผมรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเบอร์..
...........จะไปหา อย่าล็อคประตู ไม่งั้น............... นั้นเป็นประโยคบอกเล่าซะมากกว่าที่จะเป็นประโยคคำถาม
แต่ถึงไงผมก็ลุกไปล็อคไม่ไหวอยู่ดี
เสียงประตูเปิดเข้ามายังห้องของผม........ที่จริงผมน่าจะย้ายไปอยู่เรือนเล็กเลยเนอะ เพราะภูมิเข้ามาเหมือนเป็นผมของตัวเองก็ว่าได้ .......(นั้นผมคิดในใจนะครับ).......
ผมเหลืบเห็นมันเดินเข้ามา.... “เป็นไงเหนื่อยไหมสอง....หัดเดินซะบ้างจะได้รู้ว่ามันเหนื่อย...เหมือนที่พวกนายใช้คนที่บ้านไง..........”
ผมไม่คิดจะเถียงด้วยหรอกครับ..........เพราะลุกไม่ไหว..ผมเลยนอนอยู่แบบนั้นเหมือนเดิม
“อะไรเหนื่อยจนไม่มีแรงลุกเลยหรอ.....นายนี้อ่อนปวกเปียกเหมือนผู้หญิงเข้าไปทุกวันแล้วนะ.....” มันถากถางผมที่นอนคลุมโปรงอยู่..........
“ภูมิ....ผมเหนื่อย.....” นั้นเป็นเสียงที่เค้นออกมา
“อะไรวันนี้ยังไม่ได้ทำอะไรสนุกๆๆ เลย...” เขาเดินเข้ามายังที่ๆ ผมนอนยัง (ก็เตียงไงครับ)
ก่อนที่จะเลิกผ้าห่ม....ของผม......... “สอง............นายไปโดยอะไรมา...” ผมอยากจะขำที่เห็นสีหน้าตกใจของภูมิจริงๆ
เหมือนเด็กเจอผีก็ว่าได้..........
ไม่มีเสียงตอบของผม...........
“สอง......นายไปโดยใครกระทืบมา........” เสียงภูมิที่เหมือนจะต้องการรู้เสียให้ได้
“ภูมิ...เหนื่อย..........” ผมบอกออกไปโดยพยายามใช้คำให้น้อยที่สุด เพราะปากที่แตกอยู่นะครับ
แต่ไม่มีที่ถ้าว่าเขาจะลุกแล้วเดินออกไปจริง.........
“นายรู้เปล่าว่า...อีกเดี๋ยวนายต้องไข้ขึ้นแน่ๆ......” ผมคิดว่าวันนี้ภูมิมาแปลก ที่จริงต้องซะใจสิที่ผมโดนรุม..
โครก คราก.......เสียท้องร้องของผมเองครับ ที่ดันมาดังในเวลาที่ไม่เหมาะสมเอาเสียเลย
“หิวละซิ....”
ผมพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ....เพราะผมหิวจริงๆ นั้นแหละ
นายภูมิหายตัวไปจากห้องผม.............ก่อนที่จะกลับขึ้นมาด้วยข้าวต้ม
ที่หน้าตาดูดี จนผมคิดว่าคงเป็นของสำเร็จรูป
ภูมิพยุงผมขึ้นมานั่งพิงกับอก..... “เจ็บ”....ผมร้องบอกออกไปเมื่อต้องขยับตัว
ข้าวต้มถูกป้อนด้วยฝีมือของภูมิ ซึ่งทำให้ผมเห็นถึงน้ำใจที่ภูมิมีให้....อย่างน้อยก็ทำให้ผมคิดว่าเขาจะไม่ซ้ำเติมคนที่อ่อนแอกว่า........
ข้าวต้มถูกป้อนจนหมด ก่อนที่จะตามมาด้วยยาแก้ปวดอีกรอบ
....ก่อนที่ผมจะหลับไปอีกนั้นแหละ.......
มือเย็นๆ ของภูมิทำให้ผมคลายอาการปวดหัวได้.....
ความคิดเห็น