ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    yaoi เมื่อความกลัวมาเยือน...

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอน 6

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 54


    ตอน 6

     

    ผมภูมิครับ................พวกคุณอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีบทของผมเลย

    นั้นก็เพราะว่า  ถ้าผมพูดเรื่องต่างๆ ในอดีตให้ฟัง.....ก็มีแต่เรื่องแย่ๆ ของครอบครัวไอสอง

     

    แต่ผมเพิ่งเริ่มจะสังเกตความเปลี่ยนแปลงของไอสองได้ไม่นานนี่เอง

    ตั้งแต่มันเอ็นติดมหาลัยที่เดียวกับผม

    ผมไม่เคยคิดว่าคนไม่มีสมองอย่างมันจะเอ็นติดคณะแพทย์ได้เลย

    เพราะชีวิตมันโง่เหมือนพี่มันนั้นแหละ  วันๆ เอาแต่แกล้งคน ยิ่งคนที่ไม่มีทางสู้ด้วยแล้ว

    เมื่อก่อนผมก็ทะเลาะกับสองคนพี่สองที่เป็นประจำ  แต่ผมสุดท้ายมีผมคนเดียวที่โดนแม่พวกมันตี

    ผมโดนตีมาก จนบางครั้งแม่  และนมต้องคอยรับความเจ็บปวดแทนผม

    และนั้นผมให้ผมสัญญากับตัวเองว่า  เมื่อผมโตผมจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอก

    ไม่เว้นแม้แต่พ่อ.....ที่ไม่เคยสนใจใยดีแม่.....สำหรับตัวผม ผมคิดว่าพ่อต้องบ้าไปแล้วแน่ๆๆ

    ที่ให้ลูกต้องเองโดนตี....และให้ลูกเมียน้อยคอยข่มผมอยู่ตลอดเวลา...

     

    พอผมโดนตีนานเข้า......และแม่กับนมก็ต้องมาคอยรับแทน   ทำให้ผมเริ่มที่จะไม่ต่อสู้หรือทะเลาะกับสองพี่น้องนั้นอีก

    แต่ยิ่งผมเงียบ หรืออยู่เฉยๆ  พวกมันก็แกล้งผม จนบางครั้งถึงกับเลือดตกยางออก...เลยก็มี

    ยิ่งยัยพี่สาวตัวดีของไอสองด้วยแล้ว....มันเหมือนเป็นโรคประสาทชอบใช้ความรุนแรง.....

    คนใช้ในบ้านทั้งหญิง ผู้ชายโดนกันเป็นแถว

     

    แต่เมื่อพวกเราโตกันมากขึ้น  และร่างกายผมที่ดูเหมือนจะสูงใหญ่ขึ้นตามอายุ   ทำให้พวกมันหยุดที่จะรังแกผม

    แต่จะไปลงกับคนในบ้านแทน.....ผมเกียจพวกมันที่ทำให้แม่   นม  และผมเจ็บ

    มากกว่าที่ต้องมาอยู่เรือนเล็กนี่........ทุกครั้งที่ผมเห็นนมกลับมาเรือนเล็ก...ด้วยรอยที่แสดงให้เห็นถึงความทารุณ

    ผมอยากจะกระชากสองพี่น้องนั้น....ลงจากบังลังก์จอมปลอมนั้นจริงๆ.....แต่อีกไม่นานผมก็จะได้เริ่มแผนการแก้แค้นแล้ว...

    พ่อเคยเรียกผมเข้าไปหาตอนที่ไม่สบาย..........เหมือนเขาจะพยายามขอโทษที่ทำกับผมไว้.......

    และสิ่งที่ผมรู้คือท่านยกมรดกซึ่งมีมากกว่าครึ่ง....เป็นมรดกให้กับผม.....และส่วนที่เหลือเป็นของครอบครัวไอสองมัน

    ผมเพียงแค่รอให้ถึงวันนั้น......พินัยกรรมจะถูกเปิดในวันครบรอบ อายุ 20 ปีของผม....  และอีกไม่นาน...บ้านที่มันอยู่ก็จะกลายมาเป็นของผมโดยถูกต้องตามกฎหมาย...นี้เป็นความลับระหว่างพ่อ และ ผม  ซึ่งมีทนายความอีกคนที่รู้เท่านั้น

    และอีกไม่กี่เดือนเท่านั้นของทุกอย่างที่มันแย้งไปก็จะถูกโอนมาเป็นของผม

    ผมรู้ว่าแม่มันติดหนี้การพนันไว้เยอะมาก.....แต่ไม่สามารถเอาเงินของพ่อออกมาใช้หนี้ได้ 

    เนื่องจากยังมีทนายความที่คอยดูแลเรื่องเงินในครอบครัวของผมอยู่..ซึ่งต้องขอบคุณทนายความที่ยังรักพวกผมอยู่

    ไม่ไปเข้าพวกกับนังแม่มดใจร้ายนั้น......

     

    +++++++++++++++

     

    “พี่หนึ่ง......แม่.......” ผมเรียกพวกเขาเมื่อเห็นว่านั่งกินกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหาร

    “แม่จ้างคนใช้ใหม่หรอ....ทำไมหละครับ...” ผมถามแม่ที่ยังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่

    “ก็บ้านหลังนี้มันใหญ่  แล้วคนใช้ที่นี้ก็เริ่มไม่มีแรงทำอะไรกันแล้ว..ฉันเลยตั้งใจจะไล่ออกแล้วเอาคนใหม่มาแทน..” เสียงแม่ที่พูดอย่างนิ่งๆ  ทำให้น้อยซึ่งคอยยืนรับใช้อยู่ทำสีหน้าตกใจ...เมื่อแม่เอ่ยถึงพวกเขา

    “ใช่...สอง....แกก็เห็นนี้ว่าพวกนี้มันหมดประโยชน์แล้ว...เอาคนใหม่ที่มีแรงเยอะว่ามาทำก็ดีออก...” เสียงพี่หนึ่งเสริม ซึ้งมักจะเป็นแบบนี้เสมอ เพื่อตามใจแม่

    “แต่...ถ้าไล่พวกเขาออกจะไปอยู่กันละครับ....ไม่สงสารบ้างหรือไง...”

    “ไม่อ่ะ...” นั้นคือเสียงพี่หนึ่งคนเดียวเลย

    “แม่ ถ้าพ่อรู้พ่อต้องไม่ยอมแน่ๆ  คนพวกนี้อยู่กับเรามาตั้งนาน...และไว้ใจได้...พวกเขารองรับมือพี่หนึ่งได้ด้วยนะ..”  นั้นเป็นความคิดของผมจริงๆ....แม้จะไม่ใช้ประโยชน์ที่พวกเขาจะได้ก็ตาม

    “ทำไมเดี๋ยวนี้นิสัยแกถึงเปลี่ยนไปจังสอง.....แกนี้กำลังคิดอะไรอยู่นะ..” เสียงพี่หนึ่ง  ที่ทำให้เราเริ่มที่จะเถียงกัน

    “ผมก็เหมือนเดิมทุกอย่าง....ไม่เหมือนพี่หรอ...นับวันยิ่งบ้า...”

    “แก....แกจะหาเรื่องฉันแต่เช้าเลยนะ...”

    “เปล่า....ผมแค่พูดความจริง.....”

    “แหม....เห็นแกเข้าวัดหน่อย..ทำมาเป็นสั่งสอน...”

    “ผมเข้าวัดก็ยังดีกว่าพี่นั้นแหละ....เลิกเหอะนิสัยเสียแบบนี้นะ...”

    “แกว่าฉันหรอไอสอง...ฉันพี่แกนะ........”

    “พวกแกสองคนจะทะเลาะกันอีกนานไหม........ถ้ายังไม่เลิก...ฉันจะจับพวกแกสองคนมัดมือมัดเท้า ให้อยู่ด้วยกันเลยวันนี้

    เป็นพี่น้องกันแต่ชอบทะเลาะกันนัก......”

     

    สีหน้าไม่ยอมของผมกับพี่หนึ่ง เราส่งสายตาหากันอย่างดุเดือด  แต่ไม่มีเสียงทะเลาะกันอีก  เพราะแม่สั่งว่าจะทำอะไร

    ถ้าเรายังไม่หยุดทะเลาะกัน

     

    +++++++++++

    ผมออกมาเดินเล่นนอกบ้าน ซึ่งเป็นสวนไว้สำหรับพักผ่อน  กลางสวนมีเรือนไม้หลังใหญ่ไว้สำหรับนั่งพัก....

    หรือเพื่อชมบรรยากาศโดยรอบสวน

    “ไงมึง...เห็นว่ารับคนงานเพิ่มหรอ....” เสียงไอภูมิสอดเสียดขึ้นมา

    “เออ.....”  ผมตอบไป

    “จะรับพวกเขามารองมือรองตีนพวกมึงหรือไง...”

    มันเป็นคำพูดที่เจ็บแสบมาก......แต่คำพูดที่มันพูดถูกทุกอย่าง....

    “ไม่ดีหรือไง...พอมีคนใหม่มา....น้อย นมและคนอื่นๆ จะได้ไม่ต้องโดนไง..”

    “พวกมือนี่ชัง...ชอบสร้างเวรสร้างกรรมกันจังนะ........”

    ผมเลิกที่จะเถียงแล้วเดินเข้าบ้านแทน...ซึ่งนั้นทำให้มันจะไม่ต้องตามมาราวีผมในวันนี้ได้

    ผมเดินเข้าบ้านพร้อมกับเห็นแฟนพี่หนึ่ง ซึ่งขับรถมาจอดหน้าบ้าน.....พี่หนึ่งไม่เคยพาแฟนเข้าบ้านเลยซักครั้ง

    มีแต่จะออกไปหาเอง....ซึ่งเป็นเรื่องแปลกที่วันนี้มีแขกของพี่หนึ่งมาที่บ้าน

     

    หน้าตาของแฟนพี่หนึ่งเป็นที่รู้จักของวัยรุ่น ซึ่งผมก็เคยเห็นเขาลงปกนิตยสารเช่นกัน

    hi..........ที่รัก...วันนี้ลมอะไรพัดคุณมาหาฉันได้เนี้ย..”  เสียงหยอกเย้าที่พี่หนึ่งพูดคุยกับแฟน

    ผมพยายามหลบหลีกให้พวกเขาได้คุยกัน    ผมเดินขึ้นบันได เพื่อเข้าตัวบ้าน

    “สอง....มานี้สิ....”  แต่ก็ไม่วายที่พี่หนึ่งจะเห็น  เธอกวักมือเรียกผม

    “สองนี่คุณ ภพ...”

    “คุณภพ นี่น้องชายหนึ่งอีกค่ะ  ชื่อสอง..”   ผมยิ้มให้เล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย....ก่อนที่จะขอตัว..พวกเขาขึ้นบ้าน

    “น้อย..เรียกนมให้หน่อย...” ผมสั่งน้อยก่อนที่จะขึ้นไปบนห้อง

     

    ก๊อกๆๆ  เสียงเคาะประตู  “นมมานั่งนี้ก่อน....”  ผมยืนขึ้นจะเรียนนมเข้ามาให้ห้อง

    “คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าค่ะ.....”

    “เปล่า...ไม่มีอะไรมากหรอ...พอดีเมื่อวันก่อนแวะซื้อของเยี่ยม  มาให้น้าเพ็ญนะ....แต่ยังไม่ทันได้ให้เลย...”  ผมยื่นถุงกระดาษส่งให้นม  

    “ผ้าลายสวยจังค่ะคุณสอง...”    “ถ้านมชอบเดี๋ยวว่างๆ ผมซื้อมาให้.....”  ผมตอบกลับไป

    “นม  น้าเพ็ญเย็บผ้าเป็นไหม...ผมซื้อมาก็ไม่รู้หรอกว่าน้าเขาเย็บเป็นหรือเปล่า แต่เห็นสวยดีเหมาะกับน้าเพ็ญนะ..”

    ผมคุยกับนมนาน จนลืมไปแล้วว่าเวลาเท่าไหร่.......ผมชอบที่จะนั่งคุยกันนม

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดด  เสียงผู้หญิงร้อง ที่ผ่านเข้ามาทางหน้าตาห้องผม  ทำให้ผมต้องวิ่งไปที่หน้าต่างพร้อมกับนม

    ที่นั่งอยู่ด้วยกัน...........สิ่งที่ผมเห็นคือ พี่หนึ่ง   คุณภพ  และภูมิ.......... มันเกิดอะไรขึ้น

     

    ผมกับนมวิ่งลงไปที่เกิดเหตุ  เมื่อผมวิ่งไปถึงก็เห็น คุณภพกับภูมิต่อยกันแล้ว......

    “หยุด.........” เสียงตะโกนของผมไม่ได้ทำให้ทั้งสองหยุดเลย....

    “นมไปเอาน้ำมาเร็ว..” ผมสั่งให้นมวิ่งไปเอาน้ำมา

    ก่อนที่ผมจะสาดไปยังชายทั้งสองที่ต้องกำลังเมามันในการใช้กำลัง......

    เมื่อน้ำถูกสาดไปยังคนทั้ง 2 ทั้งทำให้เขาผละออกจากกัน  และนั้นทำให้พี่หนึ่งเดินอาดๆๆ เข้าไปตบภูมิ

    ซึ่งยืนหอบหายใจอยู่....  “แกทำอย่างนี้ได้ไง...”  

     

    แต่ตอนนี้ภูมิก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนเช่นกัน....  เขาตบพี่หนึ่งกลับซึ่งแรงกว่าด้วยซ้ำ.......... เพี้ยะ........

    และนั้นทำให้ผมเดินเข้าไป พร้อมกับตบลงไปที่หน้าภูมิอีกเช่นกัน.....

    “นายทำผู้หญิงได้ไง...นายมันยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า...”  ผมยืนสงบนิ่งอยู่ต่อหน้าภูมิที่ถลึงตามองผม

    ในใจผมก็คิดว่าคงโดนตบกลับเหมือนพี่หนึ่งเช่นกัน...   แต่ไม่มีเหตุการณ์อย่างว่าเกิดขึ้น

    “นมพา....ภูมิกลับบ้านไป........”  ผมสั่งนมที่ยังยืนอยู่ใกล้...

     

    “พี่หนึ่งเกิดอะไรขึ้น...” ผมหันหน้าไปปะทะกับพี่หนึ่งซึ่งยืนกุมมืออยู่ที่แก้ม พร้อมกับประคองคุณภพด้วยเช่นเดียวกัน

    “สอง...มันหาเรื่องพวกพี่ก่อน...” พี่หนึ่งแย้ง....

    “คุณภพ  คุณอยากทำให้หน้าตัวเองเสียโฉมหรือไง ถึงไปต่อยกันนะ..”

    เมื่อพี่หนึ่งไม่ยอมพูด ผมเลยต้องลองถามคุณภพเอา

    “เปล่า...พวกเราเดินเล่นที่สวนกันอยู่ดีๆ  พอดีหนึ่งเขาเรียกใช้ไอหมอนั่น แต่มันไม่ยอมทำ แถมยังด่าพี่หนึ่งของคุณด้วย

    ผมซึ่งเป็นผู้ชายคงไม่ยอมให้ใครมาว่าแฟนตัวเองหรอก แล้วเราก็เป็นอย่างที่คุณเห็น.....”

     

    หลังจากที่ผมฟังความเรียบร้อยแล้ว  ผมจึงผยุงคุณภพที่สะบักสะบอมขึ้นบ้านใหญ่...และหาเสื้อผ้าเปลี่ยนให้....

    ก่อนที่ผมจะขอให้คุณภพกลับไปก่อน..........

    “พี่หนึ่งเล่ามา  พี่ไปว่าอะไรภูมิ.......”  นิสัยของพี่หนึ่งต้องเป็นคงเริ่มก่อนอยู่แล้ว...

    “แกจะอะไรนักหนา...แกเห็นไหมมันตบฉันเนี้ยะ..”  พี่หนึ่งใช้มือชี้มาที่ใบหน้าของตัวเองที่แดงกำเพราะฝีมือภูมิ

    “เดี๋ยวนี้มันกล้านัก....อย่างนี้ต้องจ้างคนรุมมัน..มั่งแหละอวดดีนัก....”  คำอุทานของพี่หนึ่งทำให้ผมรู้สึกไม่ดี

    “พี่อย่าทำเลย...เลิกเหอะๆ ความคิดแบบนี้...”   ก่อนที่จะเดินขึ้นห้องไป

     

    แล้วผมจะแก้ยังไงดีเนี้ย  หรือปล่อยเลยตามเลยดี........ปัญหาของผมคือไม่รู้ว่าพี่หนึ่งคิดจริงๆ หรือว่าพูดเพราะโมโห

    คืนนั้นผมเลยต้องปิดประตู  ล็อคกลอน เพราะในใจก็กลัวอยู่ว่ามันจะมาแก้แค้นที่ผมทำกับมันไว้

     

    ++++++++++++

    ช่วงปิดเทอมนี้เป็นอะไรที่วุ่นวายมากสำหรับที่บ้านผม  เพราะพี่หนึ่งอยู่บ้านบ่อยขึ้น 

    ทำให้เธอมักมีอารมณ์กับคนใช้ที่เข้ามาใหม่....แม้พวกเขาจะเป็นคนไร้สัญชาติก็ตาม.....ก็เขาก็เป็นมนุษย์เช่นกัน

    ผมจะคอยสังเกต ......ถ้าไม่รุนแรงนักผมก็จะบ่อยไป   แม้ว่าพวกเธอต้องเจ็บตัวกันบ้างก็ตาม

     

    วันนี้ผมตั้งใจจะไปร้านหนังสือ......เพื่อหาซื้อหนังสือที่ต้องการมาอ่านฆ่าเวลาในช่วงปิดเทอม

    ผมนัดอุ้มเอาไว้....เรานัดเจอกันที่ร้านก่อนที่จะแวะหาอะไรกิน

    วันนี้ผมถือว่าได้พักผ่อนจริงๆ  เพราะว่าหลังจากที่เราทำธุระเสร็จ

    อุ้มชวนผมเป็นบ้านเด็กพิการ.......ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก...

    ผมอยากจะเรียกเธอว่าแม่พระจริงๆ  เพราะนิสัยของเธอทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้น...ด้วยเช่นกัน

    ความรู้สึกผมเหมือนว่า....อุ้มมีแรงดึงดูดให้ผมทำในสิ่งที่เธอเรียกร้อง  และผมก็อยากทำตามใจเธอเหมือนกัน

    เราไปบ้านเด็กก็ช่วงบ่ายๆ แล้ว  ผมเห็นเด็กมากมายที่ไม่มีพ่อแม่ และบกพร่องอยู่ในสังคมนี้จริง

    จะถือว่าผมโชคดีก็ได้ที่ไม่ได้เกิดมาพิการ....แถมยังได้อะไรที่ไม่สมควรได้อีกมากมายด้วย

    “สอง....เป็นไงบ้าง  ชอบไหม...”  เธอพูดพร้อมกับยิ้มมาที่ผม

    ผมเพียงพยักหน้าตอบกลับไปเท่านั้น  ก่อนที่พวกเราจะมอบเงินเล็กน้อยให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ  สำหรับเด็กเหล่านั้น

    พวกเราแยกย้ายกันหลังจากที่ออกจากบ้านเด็กเหล่านั้นแล้ว

     

    +++++++++++++++

     

    ผมขับรถกลับเข้ามาซึ่งเห็นว่าภูมิรออยู่หน้าปากซอย 

    ผมจำเป็นต้องจอดรถ.......เพราะโทรศัพท์ที่มีข้อความถึงผมบอกว่าจะรออยู่.......

    “นายมีอะไรว่ามาภูมิ....”  ผมลงจากรถเพื่อเดินไปหา  ใช่ว่าผมไม่กลัว  แต่ผมต้องยอมรับว่า

    ถ้าไม่เคลีย์ปัญหามันคงไม่ดีกับพี่ผม  และตัวผมแน่

    ภูมิเดินวนรอบๆ ตัวผม  ก่อนที่จะยืนหยุดอยู่ด้านหลัง.....

    “เปล่าฉันแค่อยากเห็นนายออกกำลังกายเท่านั้นอ่ะ....เลยกะว่าจะขับรถกลับให้....”

    “อะไรนะ........”  ผมเอะใจกับคำพูดนั้น  แต่มันเป็นอย่างที่เขาพูดทุกตัวอักษร  จริงๆ

    มันเดินขึ้นรถและให้ผมเดินเข้าบ้าน...มีเพียงเท่านั้น  แล้วเขาก็ขับรถออกไป

     

    “5555555555”  เสียงหัวเราะของผมเอง...สงสัยวันนี้ เพราะผมไปทำความดีมามั่ง...

    เพราะคำพูดที่ภูมิพูดมันตลกยิ่งกว่าเล่นตลกเสียอีก.....มายืนรอแล้วขับรถผมกลับ...

    ซึ่งแค่เดินหนะ...ผมสบายมาก.....แล้วมันก็ไม่ได้ไกลมากนักหรอ  แม้ผมจะไม่เคยเดินเข้าบ้านเลยก็ตาม...

     

    ผมเดินเข้ามาในซอยบ้าน  ตอนแรก็คิดว่าไม่ไกลเพราะผมขับรถแป๊ปเดียวก็ถึงบ้านแล้ว

    แต่พอมาเดินจริงๆ  นี่ไปไปสิบกว่านาทีแล้วยังไม่ถึงซักที

    แต่ก็ยังดีกว่าให้ภูมิมาข่มเหงแหละครับ........ผมฮัมเพลงไปเรื่อยๆ..เพื่อให้ไม่คิดถึงความเหนื่อย

    ทางเดินเข้าบ้านมีเสาไฟติดตลอดเส้นทางเพื่อความปลอดภัยของคนในบริเวณนี้  และยังมีต้นตีนเป็ด หรือเรียกอีกอย่างว่าต้นพระยาสัญจาบรรณ  ที่ส่งกลิ่นอบอวนทั้งบริเวณเลยครับ....อันที่จริงผมว่ากลิ่นนี้หอมนะ ถ้าเอาไปทำเป็นน้ำมันระเหยคงดี

    แต่พอมีอยู่ใกล้ๆๆ แล้ว กลิ่นของต้นไม้นี้ถือว่าแรงใช้ได้เลย...จากหอมทำให้รู้สึกเหม็นได้เหมือนกัน.....

    ผมเดินมาจนเห็นโคมไฟหน้าบ้านที่จะเปิดอยู่ตรงประตูรั่ว.........

    “อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว......” ผมพยายามเดินจ่ำๆๆ........เพื่อให้ถึงบ้านเร็วขึ้น

     

    “ไอภูมิ........”

    ผมหันไปมองต้นเสียงที่เรียกภูมิ   เพราะนึกว่าเขาอยู่แถวนี้จริงๆ....

    ไม้ท่อนหนึ่งฟาดลงมาที่หน้าท้องผม.....ทำให้ผมต้องย่อตัวเองเพราะแรงตีนั้น ก่อนที่เข่าผมจะทรุดลง..อยู่กับพื้น

    ตามด้วยตีนที่รุมกระทืบผมอยู่.......ผมไม่มีทางสู้....ได้เลย เพราะจอดตั้งแต่ไม้ที่ตีมาครั้งแรกแล้วด้วยซ้ำ

    “มึง...โชคไม่ดีเองนะไอภูมิ......”  นั้นเป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่ผมจะโดนกระทืบแบบไม่ยั้งจนผมนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น

    กลิ่นของต้นไม้ทำให้ผมไม่อยากตื่นจริงๆ......

    ผมตื่นมามองบริเวณรอบ....ที่ไม่มีใครเดินผ่านไปมาเลย

    เหมือนผมโคตรซวยเลยก็ว่าได้......โดนรุมกระทืบผิดตัว  แถมยังไม่มีใครเห็นอีก....

    ผมยันตัวเองขึ้นนั่ง   ผมนั่งจุกอยู่นานก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและเดินสะโหล่สะเหล่ มาถึงหน้าบ้าน

    ที่มีรถของตัวเองจอดแอบอยู่หน้าบ้าน........ก่อนที่จะขับรถตัวเองเข้าบ้าน

     

    “ว้ายคุณสอง เป็นอะไรค่ะ”  น้อยเป็นเด็กอีกคนที่นั่งอยู่ละแวกนั้นเห็นสภาพของผม

    “เบาๆๆ  อย่างเสียงดังได้ไหม  ฉันปวดหัว..”ผมบอกน้อยออกไป

    สภาพหน้าตาผมดูไม่จืด เพราะทั้งเตะ  ทั้งต่อย  ทั้งกระทืบ.......ผมจะหมดหล่อก็งานนี้แหละครับ

    “น้อย..พี่หนึ่งอยู่เปล่า....”  ผมถามน้อย....เพราะเหมือนผมจะรู้ว่าเป็นฝีมือใคร

    “คุณหนึ่งไม่อยู่  เมื่อเช้าเห็นบอกว่าจะไปต่างจังหวัดนะคะ.....”

     

    ผมนึกในใจ  พี่หนึ่งแมร่งโครตเจ๋งเลย  แอบหนีเอาตัวรอดใช่ไหม.....

    “แล้วแม่แหละ......คุณนายยังไม่กลับค่ะ...” 

    “น้อย...ไม่ต้องบอกใครแหละ..ฉันไม่อยากให้ใครเป็นห่วงนะ...” คำพูดของผมเหมือนด่าตัวเองว่า...แล้วใครมันจะห่วงมึง

    “ไปเอายามาปะ...แล้วตามฉันไปบนห้องด้วย....”  ผมเดินพาตัวเองขึ้นไปบนห้อง พร้อมน้อยที่ช่วยพยุงและกล่องยาอีกกล่องไว้สำหรับทำแผล.....

    ผมถูกจัดการเปลี่ยนเสื้อและผ้าทำแผล เหมือนสมัยผมยังเป็นเด็ก พร้อมทั้งยาแก้อักเสบ  ยาแก้ปวดอีกหลายเม็ด

    ก่อนที่ผมจะให้น้อยออกไปจากห้อง.......

     

    ผมนอนหลับไปจนรู้สึกตัวก็เที่ยงคืนแล้ว......หิวอ่ะ..ข้าวก็ยังไม่ได้กินเลย.....

    แต่ความเจ็บทำให้ผมต้องเลิกคิดที่จะลุก..........ผมกะว่าจะทนหิวแล้วพรุ่งนี้ค่อยหาอะไรกิน

    ผมพยายามข่มตาหลับ....แต่ท้องก็ยังร้องอยู่....แล้วผมจะหลับลงได้ไง....

     

    ตืด  ตืด  เสียงข้อความส่งมาที่ผม  หมายเลขที่โชว์อยู่ทำให้ผมรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเบอร์..

    ...........จะไปหา  อย่าล็อคประตู   ไม่งั้น...............  นั้นเป็นประโยคบอกเล่าซะมากกว่าที่จะเป็นประโยคคำถาม

    แต่ถึงไงผมก็ลุกไปล็อคไม่ไหวอยู่ดี 

    เสียงประตูเปิดเข้ามายังห้องของผม........ที่จริงผมน่าจะย้ายไปอยู่เรือนเล็กเลยเนอะ เพราะภูมิเข้ามาเหมือนเป็นผมของตัวเองก็ว่าได้ .......(นั้นผมคิดในใจนะครับ).......

    ผมเหลืบเห็นมันเดินเข้ามา....  “เป็นไงเหนื่อยไหมสอง....หัดเดินซะบ้างจะได้รู้ว่ามันเหนื่อย...เหมือนที่พวกนายใช้คนที่บ้านไง..........”

    ผมไม่คิดจะเถียงด้วยหรอกครับ..........เพราะลุกไม่ไหว..ผมเลยนอนอยู่แบบนั้นเหมือนเดิม

    “อะไรเหนื่อยจนไม่มีแรงลุกเลยหรอ.....นายนี้อ่อนปวกเปียกเหมือนผู้หญิงเข้าไปทุกวันแล้วนะ.....” มันถากถางผมที่นอนคลุมโปรงอยู่..........

    “ภูมิ....ผมเหนื่อย.....”  นั้นเป็นเสียงที่เค้นออกมา

    “อะไรวันนี้ยังไม่ได้ทำอะไรสนุกๆๆ เลย...” เขาเดินเข้ามายังที่ๆ ผมนอนยัง (ก็เตียงไงครับ)

    ก่อนที่จะเลิกผ้าห่ม....ของผม.........    “สอง............นายไปโดยอะไรมา...”  ผมอยากจะขำที่เห็นสีหน้าตกใจของภูมิจริงๆ

    เหมือนเด็กเจอผีก็ว่าได้..........

    ไม่มีเสียงตอบของผม...........

    “สอง......นายไปโดยใครกระทืบมา........”   เสียงภูมิที่เหมือนจะต้องการรู้เสียให้ได้

    “ภูมิ...เหนื่อย..........”  ผมบอกออกไปโดยพยายามใช้คำให้น้อยที่สุด เพราะปากที่แตกอยู่นะครับ

    แต่ไม่มีที่ถ้าว่าเขาจะลุกแล้วเดินออกไปจริง.........

    “นายรู้เปล่าว่า...อีกเดี๋ยวนายต้องไข้ขึ้นแน่ๆ......” ผมคิดว่าวันนี้ภูมิมาแปลก  ที่จริงต้องซะใจสิที่ผมโดนรุม..

    โครก  คราก.......เสียท้องร้องของผมเองครับ ที่ดันมาดังในเวลาที่ไม่เหมาะสมเอาเสียเลย

    “หิวละซิ....”    

    ผมพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ....เพราะผมหิวจริงๆ นั้นแหละ

     

    นายภูมิหายตัวไปจากห้องผม.............ก่อนที่จะกลับขึ้นมาด้วยข้าวต้ม

    ที่หน้าตาดูดี จนผมคิดว่าคงเป็นของสำเร็จรูป

    ภูมิพยุงผมขึ้นมานั่งพิงกับอก.....  “เจ็บ”....ผมร้องบอกออกไปเมื่อต้องขยับตัว

    ข้าวต้มถูกป้อนด้วยฝีมือของภูมิ  ซึ่งทำให้ผมเห็นถึงน้ำใจที่ภูมิมีให้....อย่างน้อยก็ทำให้ผมคิดว่าเขาจะไม่ซ้ำเติมคนที่อ่อนแอกว่า........

    ข้าวต้มถูกป้อนจนหมด  ก่อนที่จะตามมาด้วยยาแก้ปวดอีกรอบ

    ....ก่อนที่ผมจะหลับไปอีกนั้นแหละ.......

    มือเย็นๆ  ของภูมิทำให้ผมคลายอาการปวดหัวได้.....

     

    +++++++++++++ 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×