คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอน 6
ผมนั่งมองกระจกที่ใช้แทนผนังห้อง มองออกไปไกลยังตึกสูงๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่ในย่านบริษัทผม
พนักงานเดินขวักไข่ว ตามชั้นต่างๆ เพื่อที่จะทำงานให้บรรลุความต้องการ
ซึ่งผมเห็นบางคนสีหน้าสดใส บางคนเคร่งเครียด แตกต่างกันไป
ตึกต่างๆ พยายามตกแต่งแข่งขันกัน เหมือนเป็นแฟชั่นใช้เดินแบบ
เป็นภาพที่ทำผมรู้สึกอยากทำงานมากยิ่งขึ้น.....
ยิ่งคนที่อยู่ให้ห้องผมด้วยแล้ว เขายิ่งพยายามมาเป็น 2 เท่า
เพื่อทดแทนในส่วนที่ต้องลาป่วย....
ผมกับอลิซเราสามารถปรับตัวเข้าหากันในเวลางานได้มากขึ้น
และเขาให้ความเคารพผมให้ฐานะเจ้านายมากขึ้นด้วยเช่นกัน
อาจเป็นเพราะเขาได้ติดตามผมในการประชุมหรือดูงานต่างๆ มากขึ้น
เขาสอนให้ผมรู้จักรับผิดชอบงานในหน้าที่ ...และสอนให้เข้าใจถึงภาระหน้าที่ของผู้บริหาร
ซึ่งโดยส่วนตัวผมชอบที่จะ แชร์ประสบการณ์มากกว่า ซึ่งเราก็ได้แชร์กันในฐานะเจ้านายลูกน้อง
ผมได้สัญญากับอลิซซึ่งร้อนแรงและมีเสน่ห์อีกแบบว่า ผมจะไม่ล้วนเกินเขาให้เวลาทำงาน
ผมจะให้เกียรติเขาให้ฐานะคนทำงานคนหนึ่งด้วยเช่นกัน....ซึ่งเป็นศักดิ์ศรีสำหรับคนทำงาน
ตอนนี้ผมนั่งทำงานอยู่ในห้อง....ซึ่งอลิซก็กำลังขะมักเขม้นตรวจเอกสารอยู่เช่นกัน....
ผมพยายามละสายตาในการจ้องมองเขา ในเวลาทำงาน....แต่พอรู้ตัวอีกทีสายตาผมต้องจับจ้องอยู่ที่เขา
เมื่อไหร่กันนะที่ผมเริ่มจ้องมองอลิซ ที่กำลังทำงานอยู่
ผมว่า....เขาคงไม่รู้ตัว.....ว่าเสน่ห์ที่เขากำลังเก็บซ่อน.....ได้หลุดลอดออกมาให้ผมได้หลงไหล
“คุณเน็ตครับ...เอกสารเบิกจ่ายประจำเดือน..ผมตรวจสอบแล้ว...ผมอยากให้คุณตรวจและเซ็นเอกสารด้วยครับ..”
ผมใจลอยมองเขา จนไม่รู้ตัวว่า.....เขาเดินมาใกล้และยื่นเอกสารบนโต๊ะ
“โอ๊ะ..โทษทีผมใจลอยไปหน่อย....”
ผมรับเอกสารแฟ้มหนาๆ มาดูรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อผลประโยชน์ของบริษัท......
++++++++++++++
“อลิซผมอยากทำโครงการหนึ่ง ผมสามารถปรึกษาคุณได้ไหม” ผมพูดขึ้นหลังจากดูรายงานเสร็จ
“ครับ...ถ้าคุณต้องการ”
“อลิซ ทำอยากทำโครงการเกี่ยวกับการช่วยเหลือคนพิการทางสายตานะ ....” ดูเหมือนอลิซจะทำหน้าแปลกใจ
“ก็พี่คริสที่ไม่สบายอยู่นะ พอผมเห็นแล้ว ผมคิดว่าในเมื่อเราเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยี ...เราน่าจะทำส่งนี้เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยประเภทนี้บ้าง แล้วจากที่ผมดูโครงการที่ผ่านๆ มายังไม่มีงานประเภทนี้เลย...”
“คุณแน่ใจนะครับว่าต้องการทำ.....แต่ถ้าคุณคิดจะทำแล้วหยุด ผมว่าคุณลองพิจารณาดูอีกทีไหมครับ...”
“อือ....ผมอยากทำจริงๆ ....ผมคิดดูมาสักพักแหละ ผมรู้ว่ามันคงยากเพราะงบประมาณในการพัฒนา และศึกษาคงมากพอควร...แต่มันสามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมได้นะ...”
“ถ้าคุณคิดอย่างนั้นจริงๆ ผมจะช่วยคุณอีกแรงครับ......”
“อืม...ขอบใจนะอลิซ...ผมอยากให้คุณช่วยจริงๆ..”
“ครับ....ผมจะรวบรวมเอกสารที่จำเป็นในการทำโครงการนี้ครับ..”
+++++++++++++++
ป้าแอนโทรมาหาผมให้กลับไปเยี่ยมพี่คริสบ้าง ซึ่งผมตั้งใจจะไปเยี่ยมและคุยเรื่องโครงการนี้พอดี
ผมบอกอลิซว่าจะเคลีย์งานให้เสร็จก่อนที่จะลาพัก ซึ่งเขาก็ไม่ว่าอะไร
และยังฝากความห่วงใยมายังพี่ชายผมด้วย
ผมนั่งเคลีย์งานต่างๆ ให้เสร็จก่อนที่จะลา ซึ่งอลิซก็อยู่ช่วยจนค่ำทุกวัน
ดังนั้น ผมจึงมักจะชวนเขาไปทานข้าวเย็นเพื่อเป็นการขอบคุณ แม้วันแรกจะปฏิเสธบ้าง
แต่สุดท้ายเขาก็ยอมรับน้ำใจจากผม...ซึ่งผมถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี
ผมไม่เคยเจอลิซอีกคนที่เร่าร้อน มีเสน่ห์และเปิดเผย เพราะผมไม่อยากทำลายความเชื่อใจ
ที่อลิซในบุคลิกตอนทำงานมีให้ แต่ใจจริงผมก็อยากเจอทั้งสองพร้อมๆ กันมากกว่า
“อลิซวันนี้คุณเลือกร้านแล้วกัน....”
“อ้อ....นั้นร้านไทยเหมือนเดิมดีไหมครับ..” รอยยิ้มที่เหมือนจะแกล้งหยอกผม
“หือ.......” “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมล้อเล่นนะครับ...” ผมเหมือนจะเริ่มเล่นบุคลิกที่ขี้เล่นฉายออกมาหน่อยๆ
“นั้นกินร้านเมื่อวานก็ได้ครับ อาหารอร่อยดี...”
“อืม...”
หลังจากเราทานอาหารเสร็จ ผมก็จะขันอาสาขับรถไปส่งที่บ้านของเขาให้.....
เสียงโทรศัพท์ ของผมเอง......เบอร์ใครอ่ะ ไม่คุ้นเลย
“สวัสดีครับ......แม็ก.......เป็นไงมาไงโทรมาได้......อ้อตอนนี้อยู่ที่นี่แหละ....อือ แล้วเจอกัน...” ผมวางสายพร้อมกับขับมุ่งไปยังเป้าหมายโดยที่เจ้าตัวยังนั่งอยู่
รถมาจอดหน้าบ้านไม้ที่ชั้นเดียว ที่อยู่ออกไปนอกเมืองนิดหน่อย....ในระแวกนี้บ้านของอลิซเป็นแบบที่เห็นได้ทั่วไป
แต่แตกต่างกันตรงสีของบ้านแต่ละหลังที่จะทากันตามสไตร์ของใครของมัน ซึ่งบ้านของเขาเป็นสีขาว ประตูรั่วสีน้ำตาล
มีกระดิ่งเล็กๆ แขวนหน้าบ้านแทนกริ่งไฟฟ้า ที่ทุกบ้านใช้ หน้าบ้านมีต้นไม้เล็กๆ ปลูกไว้สำหรับตกแต่งเพื่อความสบายตาของผู้พักอาศัย
หลังๆ ผมมาส่งเขาเกือบทุกวัน แต่ก็ไม่ได้รับคำเชิญให้เข้าบ้านเขาเลย.....
“อลิซ............” ผมเรียกเขาพร้อมทั้งดึงแขนเขาไว้หน่อยๆ
พร้อมทั้งโน้มตัวจุ๊บที่แก้มเขาเบาๆ “ราตรีสวัสดิ์ครับ..”
เขาหันมามอง แล้วสายตาพลันผลุบต่ำ
“ครับ..ราตรีสวัสดิ์..” ก่อนที่จะลุกออกไปเพื่อเข้าไปยังตัวบ้าน
!!!!!!!!!!
คุณเน็ตส่งผมถึงหน้าบ้าน..และขับรถออกไป.....
แม้ตอนนี้อาการจะเริ่มเย็นบ้างแล้ว แต่คงไม่ทำให้หน้าของผมแดงระเรื่อได้
แต่มันกลับแดง เพราะใครบางคน
ช่วงหลังมานี้....เขาสุภาพกับผมมากขึ้น และผมก็เริ่มที่จะเข้ากับเขาได้มากเช่นกัน
ผมยอมรับว่าผมชอบความสามารถให้การทำงานของเขา ซึ่งไม่แพ้พี่ชายเขาเลยก็ว่าได้
ผมเดินเข้าตัวบ้านพร้อมกับคิดเรื่องโครงการของคุณเน็ตที่ต้องการทำ
ซึ่งผมดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำโครงการให้กับสังคม
ผมไม่เคยนึกเลยว่าคนนิสัยขี้เล่นอย่างเขา จะคิดถึงคนอื่นได้.....แต่พอผมเริ่มช่วยเขา
ทำให้ผมเห็นทัศนคติในการดำเนินชีวิตของเขามากขึ้น......และผมก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า
ทำไมคุณคริสถึงยังปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยที่ไม่มีคุณเน็ตมาทำงาน.....
ผมรู้ว่าคนเราไม่เหมือนกัน ทั้งนิสัย และท่าทาง
แต่ถ้าเราพยายามองเขาให้เห็นถึงจิตใจ แม้จะต้องใช้เวลานาน แต่ก็คุ้มที่จะมอง
++++++++++++++++
“อลิซ นายจะทำยังไง.........” ผมพูดกับตัวเอง
ช่วงนี้ความคิดผม......มันวุ่นวายอยู่กับคุณเน็ต .....อาจเป็นเพราะนิสัยที่ไม่ดีของผมก็ได้ ที่ชอบมากวนใจ
ผมอยากเป็นคนปกติ ผมไม่ต้องการเสน่ห์บ้าบอที่ทำให้ใครต่อใครมารุมล้อม
ผมอยากมีความรัก และอยากรักเขา รักที่เป็นตัวผม ไม่ใช้เสน่ห์ที่พ่วยพุ่งออกมาก
ผมรู้ตัวดีครับว่า ฟีเรโมน* ในร่างกายผมมันเยอะ จะเรียกว่าเป็นโรคก็ได้ (ขออธิบายนิดนึง: พี โร โมน คือ สารธรรมชาติ ที่ ร่างกายมนุษย์ ผลิตขึ้นมา จากการศึกษา การใช้ชีวิตของสัตว์โลก สารฟีโรโมน ได้มีบทบาทเป็นอย่างมากต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตร่วมกันเป็นสังคม และมีบทบาทที่สำคัญต่อ การใช้ชีวิตคู่)
เพราะใครที่อยู่รอบๆ ตัวผมมักจะคิดเรื่องแบบนั้นซะมากกว่า ซึ่งผมพยายามปิดกั้นไม่ให้มันออกมา
ผมเคยไปหาหมอมาด้วย เพราะไอฟีเรโมนบ้าๆ เนี้ย แต่หมอบอกว่ามันเกิดจากสารเคมีในร่างกายผมมีมากผิดปกติ
ซึ่งผมก็งงๆ และแปลกใจว่ามันมีโรคฟีเรโมน ด้วยหรอ แต่หมอก็บอกว่ามันเป็นเสน่ห์ที่เราสามารถควบคุมได้
เพียงแต่เราต้องรู้จักควบคุมมัน
สมัยผมเด็กๆ ก็มีนะครับ.....แต่เหมือนกับว่ายิ่งโตก็ยิ่งมีมากขึ้น
ช่วงที่เรียนมหาลัยผมก็แทบแย่ เพราะไอโรคบ้านี้แหละครับ ทั้งเพื่อนหญิง เพื่อนชาย ............
แต่ไม่ถึงกับทำอะไรบ้าๆๆ จนผมเริ่มทำงานนั้นและครับ.ที่เห็นว่าจะแรงขึ้นเรื่อยๆ.......
+++++++++++++++++++++
“อลิซพรุ่งนี้ผมจะลา กลับไปเยี่ยมพี่คริสหน่อยนะ...”
“ครับ ตอนนี้คุณเคลีย์งานต่างๆ เรียบร้อยแล้วครับ...ผมฝากความคิดถึงให้คุณคริสด้วยนะครับ..”
“อือ....แล้วผมจะบอกให้...”
ตืด.......ตืด
“ว่าไงมาร์.........”
“มีแขกมาขอพบครับ....แขกไม่ได้นัดไว้ บอกว่าเป็นเพื่อนคุณนะ...”
“เชิญเข้ามาแล้วกัน.......” “ครับ.....”
มาร์กเดินเข้ามาพร้อมกับฉีกทางให้กับคนที่บอกว่าเป็นเพื่อน
“เฮ้..แม็ก...มาได้ไง......” ผมแปลกใจที่เห็นเขา เพราะเขาไม่ได้อาศัยอยู่เมืองนี้
“อือ...มาทำธุระนะ เลยแวะมาเยี่ยม...” ผมเชิญเขานั่ง
“โห้...เน็ต เดี๋ยวนี่คุณกลับตัวกลับใจมาทำงานแล้วหรอ....”
“5555 แหม ผมก็คิดได้เหมือนกันนะแม็ก”
“ก็ผมเห็นเมื่อก่อน........มานั่งโอดควญกับผมเรื่องความรับผิดชอบอยู่เลย....”
แม็กเคยเป็นเพื่อสมัยเที่ยวของผมครับ เขาเป็นเกย์ขนานแท้ แม้บุคลิกภายนอกจะดูไม่ใช่ก็ตาม
ผมเคยเพิ่มประสบการณ์ตัวเองกับเขา ครั้งหนึ่ง............... ซึ่งผมว่าเราทั้งคู่พอใจที่จะเป็นเพื่อนกันมากกว่า
ดังนี้ความสัมพันธ์ของเราเลยสนิทสนมกันครับ..........
“ห้องนายนี่กว้างนะเนี้ย.......มีเลขาส่วนตัวด้วย...” ผมเห็นเขาหลิ่วตาให้กับอลิซ ซึ่งทำท่าเหมือนไม่ได้ยิน
“อือ.....ก็นิดหน่อยนะ...แต่นั้นเลขาประธานว่ะ....”
“อ้าวแล้วนายไปเอามาได้ไง..” ดูเหมือนเขาจะงงนิดหน่อย
“อ้อ เรื่องมันยาวนะ...ไว้ค่อยเล่า....เย็นนี้นายว่างเปล่า...”
“โห้...นายจะชวนเราเที่ยวอะดิ.....หรือว่ากำลังครึมๆๆ อยู่...555” ผมมองหน้าแม๊ก ก่อนที่จะแอบมองอลิซ
ซึ่งเห็นจ้องหน้าผมก่อนจะก้มหน้าลงทำงานตามเดิน
“เปล่า ๆ ตกลงนายว่างไหม....ฉันจะไม่อยู่ซักพักอ่ะ ว่าจะพาเที่ยวนั้นแหละ.....”
“อือ....เราก็ไม่ได้อยู่นานหรอ อีก วัน 2 วันก็ต้องกลับเหมือนกัน เดี๋ยวที่รักจะบ่นนะ....”
“อือ...ดีแล้ว.....” “แต่ถ้านายว้าเหว่ เราช่วยได้นะเห่ย........” เจ้าแม็กนี่เป็นคนเสียงดังจริงๆ ครับ พูดได้ไม่เกรงใจคนในห้องเลย มันจะรู้ไหมว่าผมจะลำบากแค่ไหน
“เปลี่ยนเรื่องๆ .........” ผมจะพยายามพาไอคุณแม็กเปลี่ยนเรื่อง และถามสารทุกข์สุขดิบนะครับ แต่สายตาผมก็พยายามสังเกตอลิซ ไปด้วยเช่นกัน
ซึ่งผมเริ่มรู้สึกเป็นรางสังหรณ์ (ร้องเพลงซะเลย) ก็ไอคุณแม็กมันประสาทไวนะครับ และชอบแกล้งเป็นที่สุด
สุดท้ายก่อนกลับ ผมก็โดนกอดจูบโดยไอคุณแม็กไปรอบหนึ่ง ก่อนที่จะsay bey.
ผมอึ้ง อลิซอึ้ง.....ส่วนต้นเหตุได้แต่อมยิ้มแบบมีเลศนัย.....เห้ย..กูไม่หน้าคบมันเป็นเพื่อนเลย....
คืนนั้นผมกับมันก็ซดเหล้ากันไปตามระเบียบก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน....
และผมก็หายไปจากบริษัท เกือบอาทิตย์ เพื่อมาเยี่ยม พี่คริส ป้าแอน....กับพยาบาลทีชื่อมิคกี้ หรือก็คือมิคนั้นแหละครับ (ผมมารู้ที่หลังว่าเป็นผู้ชายครับ หลังจากแซวพี่คริสทางโทรศัพท์ไปตั้งนาน)
ความคิดเห็น