คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอน 3
จุดเริ่มต้นความหายนะของผมเริ่มตั้งแต่ตอนนั้น.....
หลังจากวันนั้น ผมกับมันก็ไม่ได้เจอหน้ากันเป็นอาทิตย์
ผมเลือกที่จะลืมไอสิ่งที่เรียกว่าการข่มขืน.....นั้นทิ้งลงขยะซะ
ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องตั้งใจจริงคือ เรียน..... ผมได้เช่าคอมโดไว้ใกล้ๆ กับ มหาลัยที่ผมไปเรียนอยู่
ปกติปีหนึ่งจะได้มีโอกาสพักที่หอใน ซึ่งเป็นสถานที่ๆ ทางมหาลัยจัดให้ แล้วแต่ความต้องการของนักศึกษา
แต่ผมไม่อยากไปสุ่มหัวอยู่ในหอแบบนั้น จึงตัดสินใจเช่าคอนโดใกล้ๆ เพื่อเป็นอีกทางในการเรียน
คอนโดที่ผมอยู่ถือว่า....เป็นคอนโดที่ดูดีที่สุดแล้ว เพราะแถวนี้มีแต่หอพักนักศึกษา ดังนั้นคอนโดเลยมีแบบใกล้เคียงกับหอพักเช่นกัน ดีตรงที่มีความสะดวกสบายไว้รองรับสำหรับลูกคุณหนูที่เกิดสนใจจะมาเช่าอยู่
ชีวิตในมหาลัยของผม เป็นอะไรที่ได้รสชาติมาก แม้ว่าจะเป็นคณะแพทย์ศาสตร์ ที่เรียกว่าเป็นคณะของผู้มีปัญญาที่เจริญแล้ว ก็ยังก็มีการรับน้องอยู่ เหมือนกับคณะอื่นๆๆ
มันน่าเศร้าใจจริงๆ ที่ต้องมาโดนรุ่นพี่แกล้ง ไหนหน้าจะต้องเปรอะเปื้อนไปด้วยสีน้ำ แป้ง และอะไรอีกมากมาย ต้องเต้นท่าตลกๆ ซึ่งผมไม่ค่อยชอบเลย ........แต่กฎ ก็ต้องเป็นกฎ รุ่นพี่สั่งก็ต้องทำ....... คณะของผม..ปีหนึ่งๆ มีคนที่สามารถเอ็นติดได้น้อย และไม่ตรงตามความต้องการที่ทางคณะต้องการเสมอ...ยิ่งทำให้รุ่นของพวกเราได้ใจกันใหญ่ที่สามารถเข้าเรียนคณะที่จัดว่าอยู่สูง ของมหาลัยได้...
แต่ปัญหาของผมก็มีเหมือนกัน คือ เพื่อนที่เรียนอยู่โรงเรียนเดิมไม่มีใครที่เข้าคณะนี้เลย ส่วนมากจะไปเรียนเอกชนมากกว่า
ดังนั้นผมก็ต้องเริ่มที่จะหาเพื่อนที่มีฐานะ และระดับใกล้เคียงกัน...
รุ่นพี่ในคณะสั่งให้เราออกมารายงานตัว และประวัติ..ซึ่งนั่นเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ผมรู้ว่าใครคือเพื่อนของผมให้อนาคต..
เพียงผมบอกชื่อ นามสกุลเท่านั้น สายตาของทุกคนก็จับต้องที่ผม แต่ภายในดวงตาของแต่ละคนให้ความหมายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง..... เมื่อถึงเวลาพัก ผมกลายเป็นคนที่น่าสนใจในสายตาของทุกคนทันที ซึ่งนั้นทำให้ผมรำคาญสุดๆ
เพราะแต่ละคนต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากผม โดยที่ผมเหมือนจะไม่ได้อะไรตอบแทน
“เธอชื่อสองหรอ..” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก ชื่อของเธอคือ อุ้ม บ้านของเธอทำธุรกิจส่งออก ผมพยายามมองภายในดวงตาของเธอ เพื่อหาอะไรบางอย่างซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่....
“อือ....ชื่ออุ้มใช่ไหม” ผมตอบกลับไป
“ทำไมถึงอยากเป็นหมอ..” นั้นเป็นคำถามที่ใจกล้ามากสำหรับคนที่ไม่รู้จักกัน..
“แล้วทำไมเธออยากเป็นหมอ.” ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงความไม่พอใจอยู่
“เราอยากไปอยู่ชนบทนะ...ไปดูแลคนป่วย...” เธอยิ้มกับเป้าหมายที่เธอตั้งไว้
“อือ..ก็ดี..” ผมตอบกลับบ้าน
“เราบอกแล้ว เธอก็บอกบ้างซิ..”
“ผมไม่บอก...มันเป็นเรื่องส่วนตัว หนะ...” ผมเดินออกไปพร้อมกับถือขวดน้ำติดมาด้วย เพื่อหาที่ว่างสำหรับนั่งพักบ้าง
ผมมองไปรอบๆ บริเวณที่ตั้งของคณะ ซึ่งเป็นอาณาเขตของคณะแพทย์ก็ว่าได้....
แต่ยิ่งผมมองมากเท่าไหร่ ผมยิ่งต้องเกลียดที่ตั้งคณะของตัวเองเท่านั้น เพราะฝั่งตรงข้ามถนน เป็นคณะบริหารธุรกิจ
มีเพียงถนน 2 เล่นสวนกัน (ถนนสายสำคัญของประเทศสายหนึ่ง) เป็นที่กั้นบอกเขตแดนระหว่างคณะเท่านั้น แต่ก็ยังดีที่มีรั่วสีขาวกั้นไว้
การรับน้องมีอยู่ถึงเย็น....กว่ารุ่นพี่จะปล่อยให้แต่ละคนกลับบ้านได้....ก็เล่นซะค่ำ......
ผมพาตัวเองกลับบ้าน พร้อมกับสภาพเป็นลูกหมาตกน้ำ เพราะสีและแป้งที่ใช้รับน้อง
ผมรถขับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย และรถถูกเก็บที่โรงรถด้วยตัวผมเอง
“อะไรอีกเนี้ยพี่หนึ่ง....” สภาพที่เห็นคือ พี่หนึ่งกำลังตบน้อยคนใช้อยู่ ซึ่งน้อยยืนตัวสั่นอยู่หน้าบ้าน
ผมเดินเข้าไปถาม... “ก็นางน้อยนี่สิ มันรับโทรศัพท์แล้วบอกว่าฉันหลับ....โชคเลยไม่มารับฉันไปเที่ยว”
“นั้นพี่ก็โทรไปบอกโชคเองสิ...ให้มารับ” ผมบอกออกไป
“จริงด้วย...ฉันลืมไปได้ไง...” พี่หนึ่งหันหลังเดินออกไปพร้อมกดเบอร์ที่โทรศัพท์
“เหนื่อย ก็เหนื่อยยังต้องมาคอยแก้ปัญหาอีก...”
“ขอบคุณค่ะ คุณสอง...”
“ไปๆๆ ฉันอยากพัก...” ผมไล่น้อยไปให้พ้นหน้า เพราะเบื่อที่จะต้องเห็นอะไรแบบนี้แล้ว
ไอพี่หนึ่งก็ไร้ความคิด เจ้าอารมณ์ จนบางครั้งผมก็เบื่อหน่ายที่ต้องคอยเป็นไม้กันหมาให้พวกคนใช้บ้านนี้จริงๆ
อย่างที่ผมบอกว่า ไอนิสัยเสียของผมคือชอบเห็นใจคนสูงอายุ (ย้ำอีกครั้ง..ผมแพ้ทางคนแก่...)
ผมยังไม่ทันจะได้ขึ้นบันได “คุณสองๆ ...” ผมหันไปทางเสียงที่เรียกอยู่หน้าบ้าน
“มีอะไรอีกหละนม ผมเหนื่อยมากวันนี้.” อารมณ์หงุดหงิดเกิดเมื่อเห็นนมวิ่งเข้ามา
ตอนนี้เหมือนชีวิตผมจะกลายเป็นคนจัดการเรื่องในบ้าน แทนแม่ไปซะแล้ว...สงสัยผมต้องหาวัดที่เหมือนถ้ำกระบอกให้แม่เลิกการพนันจริงๆ
“นมจะมาขออนุญาตคุณสอนใช้รถบ้านใหญ่ พาคุณนายไปหาหมอนะคะ...”
“อ้าว...แล้วไอภูมิไม่อยู่หรอ....” ผมถามไป.....เพราะถ้ามันอยู่มันคงพาแม่ไปเอง ไม่ต้องให้นมมาขอหรอก
“คุณภูมิยังไม่กลับเลยค่ะ...นมเห็นว่าคุณนายท่าจะไม่ดี...พอดีเห็นคุณสองเลยรีบวิ่งมาขอก่อน..”
“อืม...ได้ ไปบอกชาติให้เอารถออก...เดี๋ยวผมจะไปพาน้าเพ็ญขึ้นรถ...”
เหมือนผมกับนมจะลืมเรื่องฐานะชั่วคราว เพราะเมื่อมารู้ตัว ขาก็พามาถึงบ้านน้าเพ็ญแล้ว
“กูจะมาทำไมเนี้ย..ให้ชาติมันเอาไปส่งโรงพยาบาลก็ได้แล้ว...” ผมพูดพร้อมกับนึกถึงหน้าไอภูมิ ไอเลว...
“น้าเพ็ญ ไปโรงพยาบาล ผมมาพยุง...” ใจก็คิดจะเดินกลับ แต่ปากก็เรียกน้าเพ็ญไปเรียบร้อยแล้ว
ผมเดินเข้าไปพยุงน้าเพ็ญ แล้วเดินมาขึ้นรถตู้ของที่บ้านใหญ่.....เพื่อพาน้าเพ็ญไปส่งโรงพยาบาล
มีชาติ เป็นคนขับรถให้ และมีนม มีผม รวมทั้งคนไข้ ขึ้นรถตู้ตามมาด้วย
น้าเพ็ญถูกส่งมาถึงโรงพยาบาลด้วยโรคท้องเสีย อย่างรุนแรง
หมอบอกว่าต้องให้น้ำเกลือ และฉีดยาฆ่าเชื้อแล้ว ให้น้าเพ็ญนอนดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาลก่อน
“นม.....วันนี้น้าเพ็ญต้องนอนดูอาการ....นมกลับไปกับผมก่อน” ผมบอกนม
“คือ ...นมจะเฝ้าคุณนายค่ะ คุณสองกลับก่อนก็ได้...”
“นี้มันก็ดึกแล้ว ยังไงวันนี้หมอก็ไม่ให้นมเฝ้าน้าเพ็ญ กลับเหอะน้าเพ็ญจะได้พักผ่อน...นมก็แก่แล้วมานั่งอยู่แบบนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมากหรอก...” ผมดุเสียงแข็ง
“นมของอยู่เฝ้าคุณนายเถอะค่ะ...ไม่ต้องนอนหรอก นั่งหน้าห้องก็ได้..” ผมไม่เคยเถียงนมเลย เพราะส่วนมากผมจะสั่งมากกว่า แต่นี้เป็นครั้งแรกที่นมยืนยันจะเฝ้าน้าเพ็ญ....ซึ่งอายุนมก็มากกว่าน้าเพ็ญเป็น 10 ปี
“นม นั้นเดี๋ยวผมติดต่อห้องพิเศษให้ นมจะได้เฝ้าน้าเพ็ญได้ แต่นมกลับไปเอาเสื้อผ้าและเครื่องใช้ของนมและน้าเพ็ญมา
...ตอนนี้ผมดูให้ก่อน...ถ้านมมาแล้วผมจะได้กลับบ้าน แล้วให้นมเฝ้าแทน...” นั้นเป็นข้อยุติที่ทำให้ผมสั่งนมได้อีกครั้ง
ผมนั่งหลับตาพิงผนังในห้องพักผู้ป่วย เพื่อรอให้พยาบาลย้ายน้าเพ็ญไปยังห้องพิเศษ และรอ..นมมาเพื่อเปลี่ยนเวร
เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้ผมรู้ว่าพยาบาลคงจะมาย้ายน้าเพ็ญไปห้องพิเศษ....
“ไอภูมิ...” ผมตกใจที่ไม่ได้เห็นพยาบาลอย่างที่คิด
ที่จริงขอบอกว่าผมลืมมันไปแล้วจริงๆ ว่ามันเป็นลูกน้าเพ็ญ ยังไงมันก็ต้องมาหาแม่มันอยู่ดี
มานึกขึ้นได้ก็ตอนเห็นหน้ามันนี่แหละ..... “มึงมาก็ดีแหละ หัดดูแลแม่มึงมั่ง” ผมพูดเสร็จพร้อมเดินสวนเพื่อออกจากห้องจะกลับบ้าน
แต่มันก็ฉุดผมให้เข้าไปในห้องน้ำ (ห้องน้ำอยู่ใกล้ประตูห้อง) “ไอเหี้ย...มึงจะทำอะไรกู..”ผมด่าออกไป
“เปล๊า...กูก็แค่อยากจะมองหน้า นางบำเรอ...อ้อไม่ใช่สิ มึงเป็นผู้ชายแต่ทำเหมือนเป็นผู้หญิง ต้องเรียก นายบำเรอ..”
“ไอเหี้ย..มึง..จะเอาอะไรกับกู..” ผมด่ารอดไล้ฟัน เพราะห้องพักฟื้นไม่ต้องการเสียงรบกวน
“เปล่า....” พูดเพียงเท่านั้น ก่อนที่มันจะงับต้นคอผม “ไปเลว ปล่อยกูนะ...” ผมพยายามดันตัวมันให้ออกห่าง
เพี้ยะ!!! นั้นแหละคือเสียงที่ผมต้องการ ฝ่ามือของผมเน้นๆ ตรงใบหน้าผมพอดี เมื่อผมดันมันออกมาแล้ว
“ไอเลว กูไม่หน้าพาแม่มึงมาเลย..ปล่อยให้ตายได้ก็ดี...” นั้นเป็นคำพูดที่ผมไม่ได้คิดแบบนั้นจริง แต่ก็เหมือนจะคิดผิดที่พูดมันออกไป
เพราะมันพาลโกรธจริง ........มือที่ผมตบถูกบิดอย่างแรง ทำให้ผมต้องหันตัวตามเพื่อลดแรงบิดนั้น
กลายเป็นตัวผมตอนนี้ต้องยืนหันหลังให้มันแทน มืออีกข้างของมันถึงยัดเข้ามาอยู่ให้ปากของผมให้อ้ากว้าง...จนไม่สามารถจะกัดมือที่เข้ามาได้เลย ส่วนมือผมที่เหลือต้องใช้ยันอ่านล้างหน้าไว้...... เพื่อให้ตัวเองไม่เจ็บมากขึ้นไป
กระจกบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าผม เหมือนเป็นคำสาปแช่งมาสู่ร่างกายของผม
ผมมองเห็นตัวเองยืนเงยหน้า.....พร้อมทั้งมีมือของไอภูมิอุดปากไว้ ด้านหลังผมคือไอเลวภูมิที่ยืนอยู่
มันส่งสายตาเหี้ยมโหด อย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย มันส่งยิ้มเหี้ยมๆๆ มายังผมซึ่งเห็นได้ผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ
ฟันของมันกัดเข้าไปที่รอยเดิมที่มันทำไว้เมื่อกี้.. “เมื่อกี้มึงบอกว่าอยากให้แม่กูตาย...งั้นกูฝากรอยนี้ไว้ดูต่างหน้ากูแล้วกัน...มึงจะได้นึกได้ว่า อะไรที่สมควรพูด...” มันกัดผมเหมือนผมเป็นเนื้อไก่ก็ว่าได้....รอยฟันที่จมลึกเข้าไปที่ต้นคอผม พร้อมทั้งฟันเคี้ยวของมันที่กดเข้ามา ทำให้เห็นเลือดไหลออกมาตรงรอยฟันเคี้ยวของมัน ก่อนที่มันจะดูดเอาเลือดที่ไหลซึมออกมา
มันปล่อยผมที่ช็อค....กับทุกกริยาท่าทางที่มันทำ.... เพราะทุกอย่างถูกฉายด้วยกระจกบานใหญ่...รอยฟันที่เห็นเด่นชัย รวมทั้งเนื้อต้นคอที่ดูเหมือนถูกจ่อด้วยของมีคม ลอยเด่นตรงหน้ากระจก
มันปล่อยมือผม พร้อมทั้งเอามือที่ยัดปากออก มีน้ำลายที่ไหลยอยู่ที่มุมปากเป็นทางมาถึงต้นคอ
เพราะไม่สามารถกลืนน้ำลายได้
“ไอเหี้ยภูมิ ไอเลว...” ผมด่าพร้อมทั้งเปิดประตูห้องน้ำ เปิดประตูห้องพักฟื้น เดินออกไปจากห้องน้าเพ็ญ
ผมไม่คิดจะวิ่งหนี คอผมตั้งตรง เชิด ให้มันได้รู้ว่า.....ผมไม่ได้กลัวมัน
ขาของผมพาตัวเองก้าวเดินมายังหน้าโรงพยาบาลพร้อมทั้งเรียกแท็กซี่กลับบ้าน
+++++++++++++++++++
ความคิดเห็น