คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอน 3
“คุณเน็ตครับ วันนี้ตารางงานของคุณ มี............”
“โห้...อลิซ คุณกะจะฆ่าผมเลยใช่ไหม.....ผมทำทุกวันไม่มีพักเลยนะ...” ผมบ่นกับอลิซ ซึ่งยังยืนหน้าสงบนิ่งซะงั้น
“คุณคริสทำมากกว่าคุณอีก” นั้นเป็นเสียงที่เหมือนกับบ่นกับตัวเอง แต่ผมได้ยินเต็ม 2 รูหูเลย
ห้องทำงานผมเป็นเหมือนสงครามขนาดย่อม ระหว่างผมกับ อลิซเสมอ
“นั้น วันนี้ผมไปพบลูกค้า เสร็จแล้วผมของลาพักช่วงบ่ายแล้วกัน แต่ถ้าคุณอยากให้ผมทำงานก็ไปตามที่บ้าน....”
“คุณทำอย่างนั้นไม่ได้นะครับ ตอนบ่ายคุณมีประชุมกับฝ่ายการตลาดของบริษัท”
ผมพูดเสร็จพร้อมเดินออกนอกห้อง เพื่อเดินทางมาพบกับลูกค้า ซึ่งนัดไว้นอกบริษัท
โดยมีมาร์กเป็นคนติดตามมาด้วย......
การพบปะ นัดคุยกับลูกค้าเรื่องธุรกิจเป็นไปด้วยดี เนื่องจากพี่คริสได้ปูทางไว้แล้ว
เหลืออีกนิดหน่อยซึ่งผมในฐานะกรรมการคนหนึ่ง ก็สามารถทำได้เช่นกัน (แต่ไม่ทำ)
ผมเคยสงสัยว่าทำไมพี่คริสถึงไม่เคยแซ่ซี้ให้ผมเข้าบริษัท
หรือทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ซะที ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ผมก็เอาคำถามคาใจไปถามเขาตรงๆ นั้นแหละ
แต่ทำตอบที่ได้มากลับทำให้ผมอื้ง
“พี่รู้ว่า ถ้าแกอยากจะทำอะไรแล้ว จะต้องผมสำเร็จ ...แต่พี่ก็รู้ว่าตอนนี้แกยังอยากเป็นอิสระอยู่....ซึ่งพี่ก็เคยเป็นเหมือนกัน..แต่วันหนึ่งเมื่อแกโตขึ้น แกจะรู้เองว่าแกอยากทำอะไร...และพี่รู้ว่าเมื่อแกเอาจริงเมื่อไร พี่ก็สู้แกไม่ได้หรอก...พี่แค่รอวันนั้นเท่านั้นเอง...” นั้นเป็นคำพูดที่ผมได้จากคำถาม คาใจของผม ซึ่งผมให้ผมกลับมาถามตัวเองว่าต้องนี่ผมเริ่มที่จะจริงจังกับมันหรือยัง นี่เป็นโอกาสที่ทำให้ผมตัดสินใจใช่ไหม...
“มาร์ก....นายกลับไปก่อนนะ....ฉันกลับบ้านก่อน...”
“แต่คุณเน็ตครับ แล้วช่วงบ่ายอ่ะ...”
“มาร์ก......เชื่อผม ผมไม่ทำให้งานเสียแน่นๆ..........”
รถที่พวกเรานั่งมา ขับส่งผมที่คอนโดของพี่คริส ซึ่งผมได้อาศัยเป็นการชั่วคราวให้ช่วงที่อลิซกำลังหาห้องใหม่ให้
แม้คอนโดเขาจะกว้างขว้างมีหลายห้อง แต่ผมก็ไม่ชอบการตกแต่ที่ดูทุกอย่างจะเข้ากันไปไหม เหมือนออกมาจากหนังสือตกแต่งภายในซะงั้น ผมว่าห้องต้องเป็นที่ผ่อนคลาย ยามเหนื่อยและต้องเป็นสิ่งที่เรารู้สึกชอบต่างหาก
ผมถอดสูท และล้มตัวลงนอนเพื่อพักสายตา
ซึ่งผมก็รู้ว่าอีกไม่นาน จะต้องมีคนมาเยี่ยมผมแน่น
ซึ่งผมก็รอต้อนรับอยู่เช่นกัน
กริ่งก๊องๆ เสียงออดประตูหน้าห้องดัง เพื่อเตือนบุคคลภายในห้องให้รู้ถึงการมาเยี่ยมของใครบ้างคน
กริ่งก๊องๆ เสียงออดอีกครั้ง เหมือนจะบอกว่าให้มาเปิดประตู ซึ่งผมก็รอเปิดอยู่นั้นแหละ
“คุณเน็ต ผมรู้ว่าคุณอยู่หลังประตูนั้น เปิดมันซะ” นั้นเสียงผู้มาเยี่ยม ที่ใครฟังแล้วเหมือนมาทวงหนี้
“คุณเน็ต ถ้าคุณไม่เปิดผมจะเรียกให้พนักงานมาไขประตูบ้าๆๆ นี่ซะ......”
แกร็ก.....งงเสียงปลดล็อคที่ผมปลดมันออก ................ “เมื่อเช้าเราคุยกันแล้วแต่คุณก็ยังทำแบบนี้อีก...” คนพูดเดินผ่านผมเข้ามายื่นกลางห้องและหันมาประจัญหน้าผม พร้อมด้วยสายตาที่แสดงว่ากำลังเก็บอารมร์อย่างแรง
มือทั้งสองข้างของผม ยกขึ้นพร้อมทั้งปล่อยลงมากเหมือนคนหมดเรี่ยวแรง “ก็คุณใช่งานผมหนักนิ...ผมก็หมดแรงเหมือนกันนะ”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง......คุณลองบอกมาซิ” เหมือนเป็นข้อเสนอที่ยืนให้ผม เหมือนผมเป็นเด็กๆ ที่อยากได้ลูกอมกินจากผู้ใหญ่ ซึ่งผมก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน
“นั้นวันเสาร์นี้ คุณพาผมไปเที่ยวหน่อยซิ ตั้งแต่กลับมาผมยังไม่ได้ไปสำรวจเมืองนี้เลย...ไปศูนย์การค้าก็ได้..ใกล้ๆ นี่เอง...”
“คุณจะให้ผมพาไป เหมือนคุณเป็นเด็กๆ เนี้ยนะ...”
“ใช่...เหมือนเด็ก ไปกินไอติม ดูหนัง เดินเล่น และซื้อของด้วย คุณจะทำมันไหมหละ”
สีหน้าของอลิซที่ฟัง แล้วดูเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระขนานแท้
ซึ่งทำให้ผมคิดว่าเขามีความคิดเรื่องพักผ่อนประเภทนี้บ้างไหม หรือชีวิตเขามีแต่งานๆๆๆๆ
“เอาไง ...ตอบหน่อยซิ....”
“ก็ได้....จะทำตามที่คุณข้อร้อง....แต่ผมขอบอกว่าผม ไม่เต็มใจ....”
“5555555 ต้องอย่างงี้....ซิ......ปะ ตอนนี้คุณจะพาผมไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็ได้ ผมพร้อมแหละ....”
เหมือนข้อตกลงของเราจะสำเร็จ ซึ่งผมก็กะไว้แล้วว่าถ้าไม่สำเร็จ
ผมก็ต้องไปประชุมอยู่ดี....ก็มันเป็นหน้าที่รับผิดชอบของผมนี้ครับ
แต่ลองเชิงดูก่อน............เหอะๆๆ แต่ดันสำเร็จ.............
การประชุมกับฝ่ายการตลาดถึงการโปรโมทสินค้าตัวใหม่ที่ทางบริษัทได้ผลิตขึ้นเพื่อใช้งานกับธุรกิจขนาดกลาง
และลดความสิ้นเปลืองของเอกสารให้สำนักงานต่างๆ ผ่านไปได้ด้วยดี
โดยที่มีอลิซนั่งฟังการประชุมและคอยจดสรุปการประชุมในครั้งนี้
“อลิซ ผมของบันทึกการประชุม เมื่อกี้หน่อยนะ”
“คุณเน็ต ผมเคยบอกแล้วว่า อย่าเรียกผมว่าอลิซ ผมอยากให้คุณเรียกว่า อลิซันส์ มากกว่า”
“ทำไม มาร์ก พี่คริส ยังเรียกคุณว่าอลิซเลย......แต่.......”
“เรียกอลิซนั้นแหละ ดีแล้ว เราจะได้สนิทกันไวๆ ไง “
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
วันเสาร์ กับ นัดของบางคน
เสียงนาฬิกาปลุก บนหัวนอนทำให้ผมต้องตื่นขึ้นเหมือนวันทำงานปกติ
ซึ่งมันคือวันพักผ่อนของผม แต่ผมก็ต้องรีบตื่น และทำเรื่องส่วนตัวให้เรียบร้อย
พร้อมทั้งต้องนั่งรถไปบ้านเจ้านาย อีก เพื่อปลุกเขา ซึ่งคล้ายเป็นกิจวัตรไปแล้ว
เพราะคุณคริสไม่เคยต้องให้ผมปลุก เขารู้หน้าที่ และเวลาเป็นอย่างดี
แต่หมอนี้ไม่ ...ยังคงใช่ชีวิตแบบสบายๆ เช่นเดิม
ผมได้มีโอกาสเข้าประชุมร่วมกันคุณเน็ต ซึ่งทำให้ผมเห็นถึงศักยภาพการชักจูงใจคน
รวมทั้งความเป็นผู้นำที่แผงอยู่ในตัวเขา....แต่นอกเวลางาน นิสัยเขาก็ยังเหมือนเด็กเช่นเดิม
แกร็ก เสียงไขกุญแจที่ผมพึ่งได้มาเมื่อวานนี้เอง..........แม้ผมจะต้องมาปลุกเขาบ้าง แต่ผมจะปฏิเสธที่จะถือกุญแจห้องไว้
แต่วันนี้ผมกลับต้องมานั่งถือกุญแจห้องของเจ้านาย เพราะเขาจะไม่ยอมมาเปิดเด็ดขาด แต่ถ้าผมไม่เปิดเข้ามา
วันจันทร์เขาจะลาพักผ่อนชั่วคราว เขาบอกผมว่า เขาจะอาสาไปรับพี่คริสมาทำงานแทน
ซึ่งผมต้องยอมแบบไม่ลังเล เพราะผมไม่สามารถให้คนที่ไม่สบายต้องมาทำงานได้ แถมยังต้องพบปะผู้คน
ซึ่งผมเขาเข้าใจ ว่าต้องทำให้คุณคริสลำบากใจแน่นอน
ผมโมโหมากกับเรื่องนี้ และเป็นครั้งแรกที่ทำให้อารมณ์ผมหลุดแบบไร้การควบคุม
ผมกระชากกุญแจในมือเขา ซึ่งห้อยอยู่ตรงหน้า พร้อมสบถคำหยาบออกไป
แต่ต้องขอบคุณที่เขาไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้นัก...............
“คุณเน็ต ตื่น.........” ผมเดินเข้ามาที่ห้องเขาพร้อมทั้งยืนเรียกพร้อมทั้งกระตุกผ้าห่มที่พันตัวอยู่
“ขอ อีก 5 นาที” เสียงคนขี้เซาที่ขอเวลาเพิ่ม
“คุณเน็ต ตื่น ..ไม่งั้นวันนี้ผมจะไม่ไปกับคุณนะ เพราะคุณไม่ตื่นซึ่งไม่ใช่ความผิดผม...”
ไม่มีเสียงตอบกลับ มีแต่มือที่กวักเรียกผม
ผมโน้มตัวไปข้างหน้า เพื่อจะถามว่าต้องการอะไร
แต่เขากลับคว้าคอผมลง ทำให้หน้าทิ่มอยู่บนผ้าห่มที่เขาห่มอยู่ซะงั้น
“คุณเน็ตเล่นอะไรเป็นเด็กๆ ปล่อยผมนะ...” ผมพยายามดิ้นจากอ้อมแขนนั้น
ทันใดผ้าห่มก็ถูกเปิดออกมา ทำให้เห็นใบหน้าขี้เล่นที่โผล่ออกมานอกผ้าห่ม
และโขมยหอมแก้มผม ไปฟอดหนึ่ง
“คุณเน็ต ปล่อยๆๆ” นั้นเป็นเสียงเมื่อผมหายตกใจ ผมใช้มือดันหน้าเขาเพื่อให้ปล่อยซะที
ซึ่งก็ได้ผล เขาปล่อยผมพร้อมทั้งกระโดดลุกขึ้น เดินเข้าห้องน้ำหัวเราะสบายใจเชิบ
เหมือนกับว่าเล่นเกมชนะ อะไรประมาณนี้ ...........
ซึ้งผมก็ได้แต่ทำให้หมั่นไส้ตามหลัง............
ความคิดเห็น