คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่3 งานใหม่
ตอนที่ 3 งานใหม่
ผมมีข่าวร้ายอยากจะมาบอกคับ จำได้ไหมคับว่าช่วงกลางวันผมเป็นเด็กเสริฟ์ที่ร้านอาหารอิตาเลียน แต่เนื่องจากเศรษฐกิจย่ำแย่และเจ้าของร้าน รับภาระในการเช่าร้านไม่ไหว เลยต้องปิดกิจการร้านอาหารไปโดยปริยาย แต่ร้านกาแฟยังอยู่คับเพราะว่าช่วงเย็นจะมีคนเข้าร้านคอฟฟี่ร่วมถึงทานอาหารเย็นไปเลย ดังนั้นเจ้าของเลยปิดร้านอาหารคับ ที่จริงผมก็ได้ข่าวมาเหมือนกันคับว่าร้านอาหารขาดทุน แต่เนื่องจากเจ้าของแกเห็นใจ พวกลูกจ้างอย่างเรา เลยพยายามประคับประคองร้านไว้ แต่สุดท้ายก็ต้องปิดตัวลงเพราะรายจ่ายเยอะว่ารายรับ
วันนี้ผมมาสัมภาษณ์งาน เป็นงานที่ผมจบมาโดยตรง ถึงแม้ว่าผมจะเคยทำงานประเภทนี้มาแล้ว แต่ก็มีความประมาทอยู่ถ้าคนที่สัมภาษณ์ถามคำถามที่ต้องใช้ การวิเคราะห์และหาเหตุผลเป็นหลักในการตัดสินใจ
ผมเดินเข้ามาในตึกสูง 12 ชั้น ตั้งอยู่ในตัวเมืองครับ ตอนที่ผมเดินเข้ามาส่งใบสมัคร ผมยังเกร็งๆ เลย ถึงแม้บริษัทแห่งนี้จะไม่ใหญ่นักแต่ก็เป็นที่รู้จักของคนในแวดวงธุรกิจ
“เชิญคุณทิวานนท์ ค่ะ” เสียงพนักงานเรียกผมให้เข้าไปข้างใน เมื่อผมเดินเข้าไปในห้อง ผมเห็นชายคนหนึ่งกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่คับ ผมยืนรออยู่สักพัก ชายคนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นผู้จัดการฝ่าย ก็หันมามองผม เขาเชิญผมเข้าไปนั่งและสัมภาษณ์ ............ในระหว่างที่ผมกำลังตอบคำถามอยู่นั้น
ผลั่ก!!........ประตูก็เปิดออก “คุณสักกะ ยอดการตลาดเดือนนี้ทำไมไม่ถึงเป้าที่กำหนดไว้” ชายที่เดินเข้ามา โหวกเหวกโดยไม่มองว่าพวกเรากำลังทำอะไรอยู่ ......ดีนะคับที่ผมตอบคำถามเสร็จพอดี ผมหันไปมองเจ้าของเสียงที่ดังเข้ามา สายตาผมไปหยุดอยู่ตรงหน้าของชายคนนั้น “เอ้ย!” ............ผมร้องออกมาด้วยความตกใจนิดหน่อย” แต่คนที่ผมเห็นนี้สิคับ กลับทำหน้าเหมือนไม่เห็นผม เขามองผมแว่บเดียว......แล้วเดินตรงมาที่คุณสักกะ ผมจึงหันไปมองคุณสักกะ..........เขาพยักหน้าให้กับผมและบอกว่าจะติดต่อกลับครับ ผมพยักหน้ารับและเดินออกไปจากห้อง ในใจก็คิดว่าถ้าผมไม่ได้ส่วนหนึ่งต้องมาจากไอตือคับ เพราะไอคนที่ผมเห็นนั้นคือ ไอตือที่ผมช่วยไว้นะคับ “ทำมาเป็นเมิน ฉิ ฉะ” ผมคิดในใจ ...........
กริ๊งๆๆ เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ในช่วงเย็นของวัน “สวัสดีคับ” “ดี......นายนนท์” เสียงอีกฟากตอบกลับ ผมมองเบอร์อีกครั้งและถามว่า “ใคร......อ่ะ” “ไงเราจำพี่ไม่ได้หรอ เมื่อเช้าเรายังเจอกันเลย” เสียงโทรศัพท์ตอบกลับมาอีก
เอ๋! เสียงมันคุ้นว่ะ ใครว่ะเม็งเล่นตลกแหละ ผมคิด “พี่เอง........ตือ” และแล้วมันก็เฉลยคับว่าใคร
แหมๆ แทนตัวเองว่าพี่........ตือ และเขารู้เบอร์ผมได้ไงหว่า “รู้เบอร์ผมได้ไง......” “ก็นายสมัครที่บริษัทฉันนี้............นายมาสมัครงานใช่ไหม ฉันตกลง.........พรุ่งมาพบกันที่ทำงานตอบแปดโมง.....อย่ามาสายหละ....” พูดเสร็จเขาก็วางสายไป ผมยืนอึ้งกับเสียงที่พูดผ่านโทรศัพท์มา
ผมวิ่งกระหืดกระหอบมาที่ทำงานของผม วิ่งไปก็มองนาฬิกาไป โอ้ย!! จะแปดโมงแล้ว ผมวิ่งแล้ววิ่งอีกเพื่อจะขึ้นไปแผนกที่ผมจะได้ทำเป็นวันแรก
“สวัสดีครับ คุณ......” “ดิฉันชื่อ ฉัตรทิพย์ค่ะ เรียกทิพย์ก็ได้” สาวสวยที่นั่งหน้าห้องเอ่ยทักทายผม “คุณทิวานนท์ค่ะ ฝ่ายที่คุณต้องทำไม่ใช่ฝ่ายนี้ค่ะ คุณได้ทำงานในฝ่ายบริหารบุคคลค่ะ ชั้นของคุณต้องขึ้นไปอีกชั้นค่ะ” คุณฉัตรพูดเสร็จก็ชี้นิ้วไปทางขึ้นบันไดให้กับผม ผมเลยเดินตามทางขึ้นไปอีกชั้นเพื่อจะไปพบหัวหน้าฝ่ายของผมคับ เดินไปก็คิดไปเรื่อย (มาสมัครฝ่ายการตลาดแต่กับได้ฝ่ายบุคคล แต่ไอผมจะถามซอกแซกก็ไม่เหมาะคับ เพราะงานสมัยนี้หายาก ไว้ผมค่อยเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ก็แล้วกันคับ)
ผมเดินมาที่ฝ่ายบุคคลที่มีป้ายแผนกติดไว้หน้าห้อง ฝ่ายบุคคลเป็นห้องใหญ่กว้าง...กินเนื้อที่ทั้งชั้น ..และจะมีพาทิชั่นกันไว้เหมือนคอกม้าเลยคับ แบ่งให้พนักงานแต่ละคนทำงาน และด้านหลังสุดทำเป็นห้องส่วนตัวสำหรับหัวหน้าฝ่ายบุคคลคับ ขณะผมกำลังเดินเข้าไป มีพนักงานเรียกผม และบอกว่าหัวหน้าฝ่ายต้องการพบผมครับและให้เข้าไปพบเดี๋ยวนี้เลย ผมจึงเร่งฝีเท้าเดินตรงไปยังสุดทางเดิน เคาะประตูเข้าไปในห้องนั้น
ผมพบนายตือ ยืนจ้องนาฬิกาข้อมือ และหันมาทางผม “นายช้าไป 5 นาที ฉันบอกให้นาย ตอนแปดโมงตรงนิ นายฟังไม่ได้ยินหรือนายไม่เข้าใจที่ฉันพูด” ผมยื่นจ้องนายตืออย่าง งงๆ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยแปลกใจเกี่ยวกับเขาแล้วก็ตาม แต่....มาแบบนี้ผมก็มีมึนๆ เหมือนกัน อะไรว่ะ แม่ง แม่ง “ตั้งแต่วันนี้ไป นายจะมาเป็นผู้ช่วยฉัน นายต้องค่อยจดบันทึกและดูข้อมูลที่ฉันต้องการ”นายตือพูด(สั่งจะดีกว่าคับ) ผมมองหาอะไรบางอย่าง...และในที่สุดผมก็เจอคับ มันเป็นแผ่นไม้สักที่ระบุชื่อและตำแหน่ง ไอคนที่ยืนสั่งผมอยู่ เขาคือ นายแสงตะวัน ปฐิยาวิกรณ์ ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ ผมคิดว่าชื่อของเขาช่างเหมาะสมกับบุคลิกมากไปเปล่า เพราะอารมณ์ของเขาช่างเหวียงสุดๆๆ แล้วผมจะทำได้ไหมเนี้ย เห่อ....เหนื่อยใจ
“นายต้องเรียนรู้งานกับคุณหน่อย เขาจะลาคลอด ในอีก 2 อาทิตย์ และนายต้องมาทำหน้าที่แทนเขา และถ้านายไม่สามารถเรียนรู้งานได้ทัน นายจะไม่ผ่านโปร เพราะฉันจะไม่เอาคนที่ไร้ความสามารถมาทำงานแน่นอน” พูดเสร็จเขาก็โฟนเรียกคุณหน่อยที่อยู่หน้าห้องมาคับ และทำมือให้ผมออกเดินตามเธอไป
“หวัดดีจ๊ะ ฉันเรียกเธอว่านนท์ได้ไหม” “ได้คับ” “อย่าคิดมากเลยนะ.......คุณตือเขาก็เป็นแบบนี้แหละ .......เธอเป็นคนอารมณ์ร้อนแต่ว่าเธอก็บริหารงานดีทีเดียว” พี่หน่อยพูดให้กำลังใจผมคับ ไอผมก็ตอบได้แค่ว่า “ครับ ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
วันนี้ทั้งวันผมวิ่งวุ่นอยู่กับการเดินเอกสารและเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย ...แม้ว่ามันวุ่นมาก แต่ก็สนุกเช่นกันคับ และเพราะพี่หน่อยเดินไม่ค่อยจะไหวแล้ว ผมเลยเป็นคนที่ส่งแฟ้มต่างๆ เพื่อให้นายตือ หรือคุณตือ ของพี่หน่อยเซ็น
ช่วงเย็นหลังเลิกงานผมก็มาที่ร้านคอฟฟี่คับ ผมยังทำงานพิเศษเป็นเด็กเสริฟ์ที่ร้านนี้อยู่ แม้ว่าจะเป็นรายได้เล็กน้อย แต่ก็สามารถช่วยผมและครอบครัวผมได้ดีครับ “สวัสดีครับ เชิญครับ” ผมกล่าวต้อนรับลูกค้าทุกคนที่เดินเข้ามาให้ร้าน บางคนเป็นลูกค้าประจำที่ติดใจฝีมืออาหารและรสชาติกาแฟที่นี่ครับ
กริ้งๆ เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น “สวัสดีครับ” “นายอยู่ไหน....” เสียงนายตือ
ครับ ผมเริ่มจำได้แล้ว ถึงแม้จะไม่ได้เมนไว้ แต่เสียงแบบนี้และอารมณ์แบบนี้ชัวร์“ครับ...ผมทำงานอยู่ครับ” “นายเลิกงานแล้วนิ จะมาทำงานอะไรอีก” นายตือถาม “คือผมทำงานอีกทีหนึ่งนะครับและตอนนี้ผมคงไม่สะดวกคุย ต้องขอโทษนะครับ” ผมพูดเสร็จก็วางสายนายตือและเริ่มทำงานต่อ
กริ้งๆๆ “นายทำงานที่ไหนฉันมีเรื่องจะคุย อย่างวางสายเด็ดขาดไม่งั้นนายได้ออกแน่นๆๆ” เสียงนายตือพูดขู่แกมบังคับ ไอผมก็ไม่อยากจะมีเรื่องด้วยเพราะผมเพิ่งจะได้งานแถมเงินเดือนก็ดีด้วยคับ “ผมทำงานที่ร้านกาแฟ ตรงถนนสุขุมวิทซอย 2 คุณจะทำไมหรือครับ” ผมตอบออกไปอย่างช่วยไม่ได้
แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาแถมสายยังตัดไปซะงั้น โธ่!!! กูอย่างกลั้นใจตายจิงๆๆ สักพักผมก็เห็นคุณชายตือ คงต้องเรียกอย่างนั้นก็พี่แกเล่นซะเต็มที่ ตามฉบับคุณหนูเอาแต่ใจเลยครับ แต่นายตือมาแปลกมากๆๆ เขาเข้ามาสั่งอาหารและเครื่องดื่มโดยที่ไม่ถามอะไรผม ทำให้ผมทำงานได้อย่างสบายใจครับไม่ต้องมาค่อยพะวงกับนายจอมวุ่น(เรียกว่าเด็กแสบดีกว่า) ผมทำงานเสร็จจนร้านปิด และผมเห็นนายตือมายืนรอผมอยู่ ที่ลานจอดรถด้านหน้าของร้าน เขาเดินเข้ามาหาและบอกให้ผมไปเป็นเพื่อนเขาหน่อย
เขาขับรถมาที่บาร์แห่งหนึ่งในย่านสีลมครับ ผมนะไม่เคยมาหรอกคับเพราะว่ามันเสียเงินโดยใช่เหตุ และตอนเช้าผมยังเข็นรถผักด้วยคับ นายตือให้ผมตามเขาเข้ามาและให้นั่งดื่มเป็นเพื่อน ไอผมก็ไม่รู้จะทำไง ไอนี่ก็เป็นเจ้านาย ผมเลยยอมๆๆ ตามเรื่องนะคับ ที่จริงสมัยก่อนผมก็มีเพื่อนซ่าส์ๆ อยู่เหมือนกัน เลยได้ลองกินเหล้าพอเป็นความรู้ไว้บ้าง เหมือนเป็นการเข้าสังคมกับเพื่อนมากกว่าแต่นานๆ ครั้ง และส่วนมากเพื่อนมันก็เลี้ยงด้วย ผมนั่งเป็นเพื่อนนายตือ จนร้านเกือบปิดแล้วครับ และเขาก็เมาแอ้ไปแล้วด้วย ตานี้เยิ้มเชียว ....... ผมคิดในใจแล้วเช้านี้กูจะตื่นไหวไม่เนี้ย กูต้องเข็นผักนะเว้ย............
ผมขับรถเก๋งบรรทุกนายตือขี้เมาจากร้านมาที่บ้าน.....ที่ผมได้มาส่งเขาเมื่อครั้งก่อน ผมเพิ่งสังเกตได้คับ ว่า.......เวลามันเมามันขี้อ้อนมาก ผิดกะเวลาปกติเพราะเจ้าอารมณ์มากเช่นกัน 555 และผมก็รู้มาเรื่องหนึ่งตอนที่นายตือเมาคับ คือ....นายตือโดนสาวออกหัก (สมน้ำหน้า ก็นิสัยแบบนี้ใครจะอยู่ไหวล่ะคับ ....จิงไหม) ผมพยุงนายตือเข้ามาในบ้านแต่คราวนี้ผมรู้แล้วคับว่าต้องแบกนายตือไปไว้ที่ไหน บ้านหลังนี้มี 2 ชั้นคับและเขาก็อยู่คนเดียว ดังนั้นห้องนอนของเขาจึงอยู่ชั้นบนคับ ผมแบกนายตือ ขึ้นชั้นบนของตัวบ้าน และเลือกห้องแรกที่อยู่ติดกับบันไดคับ ผมวางเขาลงบนเตียงเรียบร้อยแล้วผมก็จะกลับบ้านซะที แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ปล่อยให้นายตือนอนเป็นที่เรียบร้อย .........นายตือก็ประคองหน้าผมและจูบที่ริมฝีปากผมคับ เขาเอาลิ้นเข้ามาที่ปากของผมและพันเกี่ยวกับลิ้มของผม รสชาติขมๆ ของเหล้าและกลิ่นของเหล้าผสมกันอยู่ในริมฝีปากของผม ผมเริ่มรู้สึกตัว และพยายามดันตัวเองให้หลุดจากวงแขนที่เริ่มเกาะกุมผมไว้ ผมพยายามอย่างที่สุดแต่กลับเป็นว่าไอนี่แรงมันเยอะมากๆไม่สมกับตัวเลยแท้ๆๆ
นายตือมันเหวี่ยงผมไปบนที่นอนคับ เนื่องจากเตียงของนายตือจะมีต้นเสาเล็กอยู่ที่มุมเตียง ทำให้หัวผมไปกระแทกที่เสาต้นหนึ่งเขามันเลยมึนเลยคับ เหมือนจะเห็นดาว “พงษ์...คุณทิ้งผม ผมรักคุณนะคับ” นายตือพูดพร้อมกับถอดเสื้อ และเขากระโจนเข้ามาเกาะกุมผม เขายึดข้อมือผมทั้งสองข้างและใช้ขาของเขาทับลงบนขาของผม ทำให้ผมไม่สามารถขยับได้ บวกกับอาการปวดหัวตุ๊บๆๆ ที่โดนกระแทก “ตือ....นาย....ปล่อยฉันนะ...ฉันไม่ใช่ แฟนนาย...” ผมพยายามพูดเพื่อเรียกสติไอคนเมาให้รู้ตัวคับ แต่เหมือนมันจะไม่เข้าใจ มันก้มลงมาจูบทีซอกคอของผม ตอนแรกผมตกใจมากที่รู้ว่าแฟนของเขาเป็นผู้ชาย เขาจูบซอกไซ้ผมและเลื่อนขึ้นมาที่ติ่งหู ที่ตา ที่ปลายจมูก และที่ริมฝีปากของผม เพราะความชำนาญของนายตือบวกกับอาการปวดหัวตรงที่โดนกระแทก ทำให้ผมไม่สามารถประมวลผลหรือเหตุการณ์ต่างๆ ได้ ผมเริ่มที่จะคล้อยตามกับสิ่งที่เกิดขึ้น มือของเขาเลื่อนลงมาที่เสื้อของผมและเริ่มปลดกระดุมปลายนิ้วของเขาที่เคลื่อนผ่านผิวหนังของผมทำให้ผมขนลุกไปทั้งตัวและเคลิบเคลิ้มในสิ่งเหล่านั้น ริมฝีปากของเข้าไล้ลงมาตามซอกคอและหน้าอก วนไปเจอหัวนมที่ตั้งชูของผม เขาเม้นเหมือนกำลังดูดลูกอมและเลียบเหมือนกินไอติม “อืมมมม” เสียงร้องที่ไม่ได้ตั้งใจของผมหลุดออกมา
มือของเขาเริ่มปลดกางเกงของผมโดยที่ไม่รู้ตัว ผมเริ่มรู้สึกตัวเมื่อตอนที่เรา 2 คนไม่เหลืออะไรติดตัวแล้ว มือของเขากำลังกุมน้องชายของผมอยู่ เขาลูบไร้น้องชายของผมและเขี่ยน้องผมเล่นไปมาจนน้องของผมทนไม่ไหว น้ำตาน้องชายของผมไหล “อ๊าก อ๊า....ก” “อย่าคับ.........ได้โปรด..” ผมพยายามเค้นคำพูดเพื่อให้เขาหยุดการกระทำนั้น “...........นายก็ชอบมันนิ........จะให้หยุดทำไมหละ” นายตือพูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ขณะที่กำลังลิ้มรสชาติไอติมแท่งอยู่นั้น นิ้วของเขาก็วนอยู่ที่ประตูของผม..........และนั้นทำให้ผมเริ่มรู้ตัวว่ามันไม่สมควรเป็นแบบนี้ ผมเริ่มดิ้นอีกและพยายามแตะขาของตัวเองเพื่อป้องกันอาณาเขตไว้ สิ่งที่ผมทำ....ทำให้นายตือ ใช้ขาของเขากดขาผมไว้ และเขาก็รวบมือของผม พร้อมกับพลิกตัวผมให้คว่ำลง เมื่อคว่ำลง เขาดันขาทั้งสองข้างให้ตั้งฉากและจับมือของผมไขว่หลัง
ไม่ใช่ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร.......ผมรู้คับ ผมพยายามหยุดยั้งเขาเท่าที่ผมมีแรง แต่สิ่งเหล่านี้มันไม่ช่วยอะไรเลย กับเป็นการกระตุ้นต่อมของเขามากขึ้นเพราะผมเห็นมันชูตั้งท่าพร้อมรบอย่างดี สิ่งที่ผมได้สัมผัสก่อนที่ผมจะหมดสติ คือ น้องชายนายตือได้เข้ามาที่ตัวผม โดยที่ผมไม่ได้เชื้อเชิญ เขาทำลายกำแพงสุดท้ายของผมและรุดเดินหน้า ความเจ็บปวดที่ผมได้รับเหมือนกับผมโดนฟันแล้วมีคนเอาเหล้ามาราดเลยคับ นั้นคือสิ่งที่ผมรับรู้ก่อนที่ผมจะไร้ความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น
..............................
ความคิดเห็น