คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ตอนพิเศษ โจ้ แอน ควัน
“ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งคะ” เสียงผู้หญิงคนนี้ผมฟังที่ไรมันช่างน่ารำคาญยิ่งนัก...เธอไม่เคยแสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น..แล้วสายก็ตัดไป....ผมพยายามโทรหาควันมาหลายวันแล้ว ตั้งแต่ที่รู้ข่าวเรื่องยาเสพติด...แม้ควันจะดูนิสัยนักเลง...แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะยุ่งกับยาเสพติดได้....ตั้งแต่วันที่ไอ้ชินเพื่อนผมแพ้การแข่ง....
ด้วยความอยากจะแก้มือแทนเพื่อน...ผมก็นัดไอ้ควันมาเพื่อจะลงแข่งอีกรอบ.....และรอบนี้ผมเองก็แพ้อย่างไม่เห็นฝุ่นเลยด้วยซ้ำ....ด้วยความที่เตรียมใจไว้บ้างแล้ว...ว่าถ้าแพ้คงต้องเสียงรถอันเป็นที่รักแน่ๆ..แต่เหตุการณ์กับไม่เป็นอย่างที่คิด..เพราะไอ้ควันกลับ..ขอเพียงให้ผมอยู่กับมัน 1 วัน..แทนการยึดรถ......
เมื่อคิดถึงการคุ้มทุน ...ผมว่า ผมกำไร...จึงตกปากรับคำอยู่เป็นเพื่อนมันหนึ่งวัน...จนสุดท้าย..ผมก็หลงกลมัน..เสียตูดให้มันจนได้...แต่ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเสียให้กับมัน.......และตั้งแต่วันนั้นมันก็โทรจิก โทรตามผมซะทุกวัน...จนเสียงโทรศัพท์ของมันกลายเป็นเสียงนาฬิกาบอกเวลาผมได้เลย....
แต่ตั้งแต่มีเรื่อง...มันไม่เคยโทรมาหา...ถึงผมโทรไปก็ไม่มีทีถ้าว่าจะติดต่อได้...ผมไม่เคยไปบ้านมัน...ทุกครั้งที่เรามีสัมพันธ์กัน ห้องของผมคือสถานที่แห่งนั้น.....เสื้อผ้าหลายตัวที่มันเอามาใส่ไว้..จนตู้เสื้อผ้าผม..มีเสื้อมันเกือบครึ่ง..
บางครั้งผมจะรู้สึกไม่คุ้นเคยกับการกระทำอย่างนี้...แต่ผมก็ต้องยอมรับว่า..มันเข้าใจผมได้มากกว่าผู้หญิงหลายคนที่เข้ามาในชีวิตผม...
ผมย้ายตัวเองออกมาอยู่คนเดียวตั้งแต่จบ ม.6 ครอบครัวที่เคร่งครัดทำให้ผมรู้สึกทรมาน....แม้ว่าพ่อแม่จะไม่ว่าอะไร..ในสิ่งที่ผมทำ..แต่พวกเขาก็ไม่สนับสนุนผมเช่นกัน...เงินในแต่ละเดียวถูกโอนเข้าบัญชี..เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย..และค่าจ้างเรียนที่พ่อแม่พยายามยัดเยียดให้....แม้ผมจะไม่ชอบที่จะเรียน....แต่ก็ไม่เคยดูถูกการเรียน...ผมชอบที่จะเป็นช่างซ่อมมากกว่า..ผมรักมอเตอร์ไซค์...
พี่ที่รู้จักกันแนะนำให้ผมรู้จักร้านที่เป็นเพื่อนพี่เขา...ก่อนที่ผมจะมาเป็นช่างฝึกหัดในร้าน...เงินเดือนที่ได้จากการช่วยเหลือพี่..ทำให้ผมได้รถมอเตอร์ที่รักมาไว้เป็นของตัวเอง....
ก๊อกๆๆๆ...........เสียงเคาะประตูทำให้ผมกลับมาสู่โลกความจริง....ไม่เคยมีใครมาเคาะประตูแบบนี้นานมากแล้ว...จนผมไม่กล้าที่จะส่งเสียง....เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกรอบ...แต่ร่างกายกลับเกร็งเพราะไม่รู้ว่าใครอยู่นอกประตู...ในใจลึกๆ ....ตำรวจเป็นเพียงอย่างเดียวที่ผมนึกได้....
ในใจรู้สึกกลัว..ขึ้นมาทักที.....ผมกลัวที่จะต้องตกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด...แต่ผมก็อยากช่วยไอ้ควันเช่นกัน....
ผมได้ยินเสียงตะโกนพร้อมกับเคาะประตู....เสียงที่ไม่คุ้นเคย...
“มีใครอยู่ข้างในเปิดประตู นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ...”
เสียงที่บอกว่าคนข้างนอกคนที่เคาะประตูอยู่เป็นใคร ทำให้ผม...คิดอะไรไม่ออก...หน้ามืด..ขึ้นมา...
“เปิดประตู..เรารู้ว่าคุณอยู่ข้างใน...ถ้าถึงไม่เปิดคงต้องขอหมายศาล...”
ผมเข้าใจเรื่องหมายศาลดี..เพราะพ่อผมทำอาชีพอัยการ...และท่านต้องไม่ชอบแน่ที่ลูกชายก็มาเจอกับเรื่องแบบนี้...
ผมค่อยๆ ลุกขึ้น เดินตรงไปเปิดประตู....ไม่บอกผมก็รู้ว่าหน้าตาตอนนี้ ของผมคงไม่น่าดูนัก....
“ครับ...มีอะไรครับคุณตำรวจ......” เสียงที่อยู่ในลำคอที่ผมเปล่งออกมา..พร้อมกับพยายามกลืนก้อนที่จุดอยู่ที่ลำคอ...
“สวัสดีครับ...พวกเรามาเชิญตัวคุณไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ...” ชาย 2 คนที่ใส่เครื่องแบบเต็มยศ...ยืนหน้าประตูพร้อมบอกเจตนาที่ต้องการอย่างชัดเจน....ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องตามข่าวที่อ่านเป็นแน่....
“คะ ..ครับ...ผม..ขอ..เอา..เสื้...อ...ก่อน...” แม้ผมจะเป็นผู้บริสุทธิ์แต่ความกลัวที่ต้องเจอแบบนี้..ผมให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองค้ายาจริงๆ...
ผมถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจ..และถูกพามายังห้องที่เขียนว่า ห้องสืบสวน... ผมถูกทิ้งไว้ในห้องอยู่นาน...จนนึกว่าผมโดนลืมแล้วด้วยซ้ำ... ภายในห้องเหมือนในหนังไม่มีผิด..ห้องสี่เหลี่ยม..มีกล้องวงจรปิดอยู่ที่มุมบนของห้อง.และลำโพงอยู่อีกด้าน ..มีโต๊ะหนึ่งตัวอยู่ข้างหน้าผม เก้าอี้ที่ผมนั่ง และสุดท้ายคือหลอดไฟที่ส่องแสงทิ่มตาผม...ผนังห้องด้านหนึ่ง เป็นกระจกเงา ที่สะท้อน..ภาพตัวเองอยู่ในนั้น...ซึ่งผมเดาว่าคงมีคนอยู่ในนั้นแน่นๆ....
ผมถูกปล่อยเกาะ เกือบครึ่งชั่วโมง...ก่อนที่จะมีตำรวจเดินเข้ามาพร้อมน้ำหนึ่งแก้วแล้วเดินออกไป.... อันที่จริงผมไม่ได้โดนจับใส่กุญแจมือเหมือนในหนัง..ร่างกายผมปลอดภัยทุกอย่าง...พร้อมกับน้ำที่วางอยู่ตรงหน้า...และเป็นเวลาอีกหลายสิบนาทีที่ผมโดนปล่อยเกาะอีกครั้ง...
“คุณจรินณกรณ์ พงศ์โยธา. อายุ 22 ปี...ใช่ไหม....” เสียงพูดที่อยู่ๆ ก็ดังขึ้น ทำให้ผมตกใจเลยทีเดียว..เพราะผมจมอยู่กับตัวเอง ผมรอเสียงเหล่านี้...หรือใครก็ได้ที่ทำให้ผมไม่ต้องติดอยู่กับตัวเอง....
“ครับ...” ผมตอบออกไป....
“ผมขอถามคุณเกี่ยวกลับ นายปรืด..ที่ถูกจับ..รู้เคยรู้หรือทราบเกี่ยวกับการค้ายาเสพติดนี้ไหม....”
“ไม่ครับ....” ผมพูดน้อยๆ ผมตอบออกไป และไม่พยายาอธิบายมากนัก เพราะไม่อยากให้สาวไปถึงควันได้
“คุณเข้ามาอยู่กลุ่มของนายปรืด ได้อย่างไร....” ผมกำลังใช้ความคิดทบทวนถึงการมาอยู่ของผม..
“ผมถูกชักชวนจากเพื่อนครับ..”
“ใครคือคนชวนคุณ..ใช่นายปรืดหรือไม่...”
“ไม่ครับ...”
“ใครคือคนที่ชวนคุณ..” เสียงที่พยายามกดดันผม
“เพื่อนผมครับ.....ตอนนี้เขาไปต่างจังหวัด..”
“เพื่อนคุณชื่ออะไร....” เสียงที่คาดคั้นอย่างไม่ลดหละ
“ชื่อควัน...” ผมบอกชื่อที่พยายามจะไม่พูดถึง
“คุณกับเขา....เป็นเพื่อนกันงั้นหรือ...”
“ครับ..เราเป็นเพื่อนกัน...”
“เขาเป็นอะไรในกลุ่มนายปรืด..” ผมกำลังโกหก
“เขาเป็นลูกน้องธรรมดา.ที่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์เท่านั้น...พวกเราแค่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์เท่านั้นครับ..” ผมพยายามกลั้นเสียงไม่ให้ตะโกน...แต่เสียงที่เหมือนจะคุมไม่อยู่...จนได้ยินเสียงตะโกนของตัวเองที่ก้องในหู
“คุณติดต่อให้เขากลับมา.....ได้ไหม...” คำถามที่ฟังดูเหมือนง่าย....แต่ทำได้ยากยิ่งนัก
“คุณจรินณกรณ์..คุณสามารถติดต่อเขาได้ไหม...” เสียงดังที่ออกมาจากลำโพง ทำให้ผมเริ่มร้องไห้ เพราะควบคุมอาการของตัวเองไม่อยู่..มือทั้งสองข้างสั่น.....มันถูกกำแน่น เพื่อระงับอาการต่างๆ
“ไม่...ปล่อยผม...พวกเราไม่ได้ค้ายา..พวกเราไม่รู้อะไรทั้งนั้น...ปล่อยพวกผมไป...ผมไม่....ปล่อยผม...” ผมตะโกนลั่นห้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเอง....ผมวิ่งเข้าไปที่กระจกที่สะท้อนเงาตัวเองในห้อง...ผมต่อยกระจกนั้น.....และผมก็จำอะไรไม่ได้อีก.............
+++++++++++++++++++++++++
ด้านหลังของกระจก
ผมยืนอยู่อีกฝากของกระจกที่โจ้ยืนต่อยมัน ก่อนที่จะร่างนั้นจะล้มไปกองอยู่กับพื้น.....
“กูบอกแล้วว่าอย่าคาดคั้น...เพราะไง..โจ้มันก็ไม่รู้เครือข่ายที่เหลือหรอก..กลุ่มมันไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ไอ้ปรืดมันทำ...”
ผมตะโกนด่าเพื่อนตำรวจ..ที่สอบสวนโจ้ผ่านไมค์....
ผมแฝงตัวอยู่กับแก็งค์นี้มานาน จนวันหนึ่งหัวหน้าแก๊งค์ปลดตัวเองนั้นแหละ ผมจึงได้มีโอกาสแข่งมอเตอร์เพื่อหาหัวหน้าแก็งค์คนใหม่.พวกเราตามเสาะหาข้อมูลแก็งค์ค้ายานรกนี้มานาน...ถึงผมจะจะเป็นหัวหน้าแต่ก็เหมือนเป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น...เพราะเบื้องหลังของผมมันผมกลับเข้าแทรกไม่ได้ด้วยซ้ำ...ทุกอย่างไอ้ปรืดเป็นคนสั่งการก็ว่าได้...มันเป็นคนไม่ค่อยแสดงตัวเท่าไหร่..แต่ทุกคนในแก็งค์ต่างเกรงใจมัน...เหมือนมันเป็นหัวหน้าแก็งค์ก็ว่าได้.....พวกเราตามสืบอยู่นาน.ถึงขบวนการค้ายา..ที่พวกมันทำ...จนในที่สุดผมก็เริ่มมีเบาะแสมากขึ้น...ตั้งแต่ผมเจอโจ้...
ตอนแรกผมคิดว่ากลุ่มมันเป็นลูกสมุนซะอีก...แต่มันก็ไม่ใช่อย่างที่คิด....จนสุดท้าย..ทุกอย่างถูกเปิดเผย..เกิดการหักหลังกันเอง ที่ทำให้ผมสามารถ..จับพวกมันได้....แต่ก็ยังมีอีกบางคนที่เล็ดลอดจากมือตำรวจ โดยที่พวกเราไม่รู้ว่ามันเป็นใคร....
และการที่ผมหายตัวไป..ทำให้แก็งค์ที่ผมเป็นหัวหน้าอยู่ต้องกระจัดกระจาย....ผมไม่สามารถบอกโจ้ได้ว่าตัวเองเป็นใคร ทำอะไร...ในตอนนั้น....ตั้งแต่ที่ผมเริ่มจัดการพวกค้ายานรก...ความอันตรายก็อยู่รอบตัวผมไปเสียแล้ว..หน้าที่ๆ ได้รับสำคัญยิ่ง...แต่ความรู้สึกที่ผมมีกับโจ้..ก็สำคัญเกินความเป็นเพื่อนอย่างที่ผมบอกเช่นกัน...
ตอนนี้ความปลอดภัยของโจ้สำคัญ.....เพราะผมเองที่ไม่ยอมหักห้ามใจตัวเอง....เมื่อผมกลับมาอยู่ในที่ๆ ของตัวเอง..ความเป็นห่วงถึงสวัสดิภาพของโจ้ก็เกิดขึ้น...จนสุดท้ายผมต้องให้ตำรวจเป็นคนพาโจ้มาที่นี่...แต่ผมก็ไม่สามารถพบเขาในสภาพตำรวจได้เช่นกัน....
ภาพตั้งแต่ที่โจ้เดินเข้ามา...จนภาพที่มันล้มลง ทรมานใจมาก....ครั้งแรกที่เห็นโจ้..ผมก็ถูกใจในหน้าตาที่กวนๆๆ นั้น...แต่พออยู่กับมัน...มันกลับเป็นคนขี้อายยิ่งกว่าภาพทะเล้นที่แสดงออกมา.....โจ้เป็นคนสนุกและมีความคิดที่อิสระ...แต่ถ้าเกิดอายขึ้นมาจะไม่ได้ยินคำพูดอะไรจากโจ้เลย...ซึ่งผมว่ามันดูน่ารักสำหรับโจ้....
ผมเดินออกมาจากห้องกระจกก่อนที่อุ้มโจ้ ผ่านแต่ละห้องมายังห้องพยาบาล.....ผมโทรศัพท์หาพ่อของเขาที่เป็นอัยการและเป็นที่รู้จักกันดีของตำรวจอย่างเรา....พร้อมทั้งอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ท่านทราบ...และให้ท่านมารับตัวโจ้กลับไปที่บ้าน...
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“โจ้...รู้สึกตัวแล้วหรอลูก..........” เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคย..เสียงที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก...เสียงที่นุ่มนวลของท่านทำให้ผมสบายใจได้อย่างประหลาด
ภาพพร่ามัว..ค่อยๆ ชัดขึ้นจนเห็นแม่..ที่รักของผมนั้นแหละ
“แม่......ผมอยู่ไหน...”
“ลูกอยู่บ้านจ๊ะ...คุณพ่อไปรับเรากลับมาจากสถานีตำรวจ...ลูกปลอดภัยแล้วนะ..” เธอย้ำน้ำเสียงให้ผมฟังได้ชัดเจน
“พ่อ......” ก้อนน้ำลายจุดที่คออีกครั้ง เมื่อพูดถึงพ่อ......และแล้วผมก็ต้องทำให้ท่านเสียหน้าอีกจนได้...ทำให้ท่านต้องอับอาย กับความไม่เอาถ่านของผม....ผมไม่เคยสู้พี่ได้เลย..แม้แต่เรื่องปัญญาความสามารถ...พี่ผมได้รับพรสวรรค์เหล่านั้นจากพ่อ..แม้ว่าพวกเราจะรักและเข้าใจกันระหว่างพี่น้อง...แต่ทุกคนที่ผมทำอะไรผิด ผมกลับเอาตัวเองไปเปรียบกับพี่เสมอ..และมันเริ่มมากขึ้นจนผม..ทนที่จะอยู่ด้วยกันไม่ได้....ผมเริ่มเห็นตัวเองไร้ค่ามากขึ้นๆ
ผมออกมาอยู่คนเดียว....จนผมได้เริ่มทำงานเป็นเด็กซ่อมรถนั้นแหละ...ผมเริ่มที่จะรักตัวเอง....ผมชอบสิ่งที่ตัวเองทำอยู่..
“แม่...ผมไม่ได้ค้ายา...” คำพูดที่อธิบายให้แม่เข้าใจ....ท่านส่งยิ้มกับมาเสมอและทุกครั้ง ท่านคือคนที่ให้กำลังใจผม..
“พวกเรารู้ว่าลูกไม่ได้ทำอย่างนั้นแน่...แต่ความปลอดภัยของลูกก็สำคัญ...พวกเราคิดว่าตอนนี้ลูกน่าจะกลับมาอยู่บ้าน..จนกว่าตำรวจจะกวาดล้าง...คนพวกนั้นจนหมด..”
ผมได้เพียงแต่พยักหน้า....พร้อมกับนมแก้วโตที่ถูกยืนมา..ให้ผม...ผมกลับเข้าไปใต้ผ้าห่มอีกครั้ง...มือที่ลูบไล้ผมไปมาทำให้เคลิ้มจนหลับได้...............
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พ่อผมเป็นคนแจ้งความคืบหน้าของแก็งค์ค้ายานั้นให้ผมรู้..ทุกระยะ..แต่ผมกลับไม่ได้ยินข่าวของควันเข้าหูเลย....และผมก็ไม่กล้าที่จะถามพ่อถึงเรื่องหัวหน้าแก็งค์มอเตอร์ไซค์เช่นกัน....1 สัปดาห์เต็มที่ผมมาอยู่ที่บ้านของตัวเองและไม่ได้ออกไปไหน...มีเพียงไอ้ชินที่แวะมาเยี่ยม...และมันเป็นคนเดียวที่ผมจะถามถึงควันได้...และมันเป็นคนเดียวที่รู้ว่าผมกับควัน..มีอะไรกัน...ข่าวหนังสือพิมพ์ออกแค่วันแรกที่จับตัวไอ้ปรืดได้...ผมนั่งหาข่าวนี้แต่เรื่องกลับไม่โด่งดังอย่างที่ควรจะเป็น...ทุกอย่างดูเงียบ...จนผมคิดว่าแก็งค์นี้ได้ถูกทำลายแล้วจริง...กลับอีกใจที่รู้ว่าควันคงไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องนี้...เพราะทุกคำพูดที่พ่อเล่าให้ฟัง...เป็นเครื่องยืนยัน..ว่าควันไม่รู้เรื่องยาเสพติดแน่ๆ....แต่ผมไม่เข้าใจว่ามันหายไปไหน....ทำไมไม่โทรหาผมบ้าง...มันกำลังกลัวอะไรหรือเปล่า....
...............หรือมันไม่อยากเจอผมแล้ว.........
งั้น...........คงเป็นผมเองที่อยากจะเจอมัน...................
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น