คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่10 คำสารภาพ
ช่วงนี้ผมกำลังพยายามหลบนายตืออยู่ครับ ............ถึงแม้จะต้องเจอกันที่ทำงานทุกวันก็ตาม .........และช่วงเย็นเมื่อผมกลับไปทำกับข้าวให้นายตือเสร็จ....ผมก็จะแปะโน๊ตทิ้งไว้เสมอ ...........ปกติผมจะมานอนค้างที่บ้านนายตือ วันศุกร์และเสาร์............... แต่ช่วงนี้ผมบอกเขาว่าที่ผมต้องดูแลแม่และจะไม่ขอค้าง........แรกๆ เขาก็ถามว่าทำไม.........เพราะปกติผมก็ไม่ค่อยได้นอนที่บ้านนายตืออยู่แล้ว....และนี้ยังจะมาพรากวันของเค้าอีก........
ตอนนี้อาการที่ผมเป็นอยู่นั้นก็ทรงๆ ครับ แต่อย่างน้อง ภายใน 3 วันก็ต้องมีอาการหน้ามืดแล้วเริ่มไม่ค่อยมองเห็น 1-2 ครั้งครับ .......... ซึ่งผมเริ่มที่จะพยายามทำตัวให้ชินครับ เพื่อจะได้ไม่เป็นที่สังเกตของคนอื่น แต่บางครั้งนายตือก็เห็นผมแปลกไปบ้าง.........เขาถามผมด้วยความเป็นห่วง.........แต่ผมจะแถไปเรื่อยครับ.....วันนี้หมอนัดผมดูอาการที่ตาอีกครั้ง...........ดังนั้นช่วงบ่ายผมเลยลาเจ้านาย(นายตือนั้นแหละครับ) บอกว่ามีธุระ.............ซึ่งวันนี้นายคนนี้เขามาแปลกครับ ปกติถ้าผมติดธุระ........เขาก็จะถามว่าไปไหน ทำอะไร กลับเมื่อไหร่.........
แต่วันนี้เมื่อผมขอลา........เขาไม่ถามซักคำ.........ซึ่งผมก็จะเตรียมคำตอบไว้เรียบร้อยแล้ว..(แต่วันนี้กลับอด....มะได้แถเลย.) ปกติผมจะขอนัดหมอเป็นช่วงเย็นหลังเลิกงาน ....แต่ถ้าวันไหนหมอไม่สะดวกก็ต้องเลื่อนนัดมาเป็นตอนบ่ายละครับ.....
“ไง..วะ...นนท์ เอ็งจะไปไหนตอนบ่ายว่ะ...” เพื่อนที่อยู่แผนกเดียวกันถาม
“เออ....พอดีตูมีธุระนิดหน่อยนะ....เอ็งถามทำไม....”
“เปล่า....ก็ข้าเห็นเอ็งลาเริ่มบ่อยแหละ....ถามเพราะเป็นห่วงหรอกน่า.........นั้นก่อนเอ็งไป....เอ็งเอาแฟ้มกองนี้ไปเก็บที่ห้องเก็บเอกสารให้หน่อยดิ......”
ว่าเสร็จเพื่อนผมก็ส่งกล่องใส่แฟ้มเอกสารให้ มันเป็นเพื่อนที่โคตรดีเลยครับ..เห้ย...
ผมกะว่าจะเอากล่องแฟ้มไปเก็บและจะเลยออกไปหาหมอที่นัดไว้เลยครับ....ระหว่างที่ผมกำลังเปิดห้องเก็บเอกสารอยู่.........ผมเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะมองไม่เห็น.....เพราะอาการเริ่มแรกจะมองภาพมัวๆๆ และแสงสว่างจะค่อยมืดลงครับ.......ผมเปิดไปห้องเข้าไปจะรีบเก็บของให้เสร็จก่อนที่ผมจะเริ่มมองไม่เห็น.......เมื่อผมเก็บกล่องเอกสารเสร็จก็ทันที่ผมจะมองไม่เห็นพอดี (ดีครับจะได้ไม่มีอะไรตกใส่หัวผม เพราะที่แขนผมจะมีลอยกระทะ ลอยน้ำร้อน เยอะแล้วเหมือนกัน) ผมยืนพิงตู้เอกสารรอให้อาการนั้นหายไปครับ (ผมลองกะเอาครับว่าประมาณกี่นาที และผมก็ได้เวลาประมาณ 4-5 นาทีที่ผมจะมองไม่เห็น........)
ผมนั่งรอหมอเรียกชื่อคนไข้อยู่ครับ..........”คุณทิวานนท์ เชิญค่ะ” เสียงนางพยาบาลเรียกผมเข้าไปพบคุณหมอครับ...........ผมได้คุยกับคุณหมอเรื่องอาการของผม คุณหมอบอกว่าให้ผมรักษาสุขภาพให้มากๆ พักสายตาเยอะๆ และไม่ต้องห่วงเพราะอาการเหล่านี้จะเป็นไม่นาน เมื่อผมทานยาและพักผ่อนเพียงพอ....อาการเหล่านี้กจะหายไปครับ ......... เมื่อผมกำลังออกจากห้องเพื่อรับยา..........
“คุณตือ.............คุณมาอยู่นี้ได้ไงครับ......” ผมถามด้วยความตกใจ
“แล้วคุณหล่ะ...........มาทำอะไรที่นี่...........”
“เออ...........คือ.........” ผมไม่รู้จะตอบอะไรดีครับ
“ตา..........คุณเป็นอะไร.....” เขาถามเพื่อจะขอคำตอบ
“ตาผม...........เออ ตาผมก็เป็นเมียยายสิครับ......”
“ไม่ใช่มาตลกนะ.......ผมถามคุณก็ตอบสิ......หรือจะให้ผมเข้าไปถามหมอข้างในห๊ะ.....” เสียงนายตือเริ่ม..มาคุ..แล้วครับ.........
“ไว้เดี๋ยวผมค่อยเล่าแล้วกัน .........ผมไปเอายาก่อนนะครับ....” ว่าแล้วผมก็เดินนำลิ่วๆ ไปที่ห้องยา เมื่อจ่ายเงินเสร็จผมก็ออกจากโรงพยาบาล.....โดยมือนายตือตามมาติดๆๆ เหมือนคู่ปาท่องโก๋เลย ......แต่ขอบอกว่าหน้าเขานี้มึนมากๆ......ประมาณเก็บกดสุดทน
ผมนั่งรถนายตือมาถึงบ้านของเขาแล้วครับ.....เราเงียบกันมาตลอดทาง.....จนถึงบ้านแหละครับ..........
“คุณจะเล่าได้หรือยังว่าคุณเป็นอะไร.....ห๊ะ” ประเดิมคนแรกเลยครับที่ทำลายความเงียบ
“ถ้า......ผมไม่ตามคุณออกมา...ผมก็คงโง่ไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม.........”
ผมเริ่มใจเสียแล้วครับ ก็เขาถามผมด้วยความเป็นห่วง แถมจะร้องไห้ให้ได้เลย (ผู้ชายอะไร) แต่ผมก็ไม่แพ้กันครับจะร้องตั้งแต่อยู่บนรถแล้วแต่ทำใจแข็งไว้ .........
“คุณรู้ไหมถ้ากลางวัน......ผมไม่แอบที่จะเข้าไปหาคุณในห้องนั้น ........ผมก็คงไม่รู้อะไรเลย”
“ผมเดินเข้าไปหาคุณ.....อยู่ตรงหน้าคุณ....แต่คุณกลับมองไม่เห็นผม....”
“คุณไม่ไว้ใจผมขนาดนั้น......เลยหรือนนท์........คุณคิดว่าผมเป็นอะไรกับคุณ......”
แล้วนายตือก็เดินจับข้อมือของผมเดินผ่านตัวบ้าน......เข้ามาที่ห้องนั่งเล่น............ ”โอ๊ย.........คุณตือผมเจ็บ ....ปล่อยผมก่อน.....คุณตือ..” ผมร้องเพราะมือที่เขาจับอยู่นั้นโดนแผลที่น้ำร้อนลวก แต่เสื้อแขนยาวผมปิดอยู่เลยมือไม่เห็น..........เขาผลักผมลงไปนั่งอยู่กับโซฟา........
“นนท์...คุณบอกผมมาให้หมดว่า.....คุณเป็นอะไร...ก่อนที่ผมจะหาคำตอบด้วยตัวเอง.....” ผมเริ่มหน้าแดง (กลัวมากกว่าครับ) ตัวเริ่มสั่นเล็กน้อย
เขาจับไหล่ทั้งสองของผมเขย่า.......แล้วบังคับให้ผมตอบคำถามเขา...........
ผมคิดในใจว่าทำไมเขาถึงต้องถามด้วย.....ทำไม.....ทำไม......แล้วน้ำตาผมก็เริ่มที่ไหลอาบแก้ม........ที่ผมพยายามปิดไม่ให้เขาก็รู้ก็เพราะไม่ยากให้เขาไม่สบายใจ........เพราะรักจึงยอมเป็นทุกข์......เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นทุกข์.......เพราะเข้าใจว่าถ้าบอกแล้ว.........เขาจะต้องกระวนกระวาย......จึงไม่อยากให้เป็นทุกข์........แล้วทำไมถึงไม่เข้าใจกันบ้างเลย........เพราะความดูแลเอาใจใส่ของเขา............จึงทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก........เพราะความรักของเขาที่มีให้ผม........จึงทำให้ผมรัก.................ผมรู้แล้วว่าผมรักเขาและไม่อยากที่จะเสียเขาไป...........
“นนท์........คุณไม่รักผมเลยใช่ไหม.......คุณถึงไม่บอกอะไรผม” เขาหยุดเขย่าผมแล้ว........เขาปล่อยมือของเขาจากไหล่ทั้งสอง แล้วลุกขึ้นหันหลังเดินจากไป..........
ไม่...........ผมไม่อยากให้เขาไปแบบนี้........ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์ที่จะรั้งเขาไว้............ แต่มันต้องไม่ใช่เวลานี้......ผมต้องการใครสักคน.....และนั้นก็คือนายตือนั่นเอง........
ผมวิ่งไปเพื่อจะไล่ตามเขา.......ผมวิ่งเข้าไปกอดด้านหลังที่แสนอบอุ่นของเขา.......ผมสัมผัสได้ว่ามันสั่นเหมือนกันกำลังกั้นน้ำที่จะไหลออกจากดวงตาของเขา
“พี่ครับ........ผมดีใจที่พี่รักผม.........ที่ผมไม่อยากบอกพี่.......เพราะกลัวว่าพี่จะกังวล....ผมก็รักพี่เหมือนกันครับ”
เขาหันมาและสวมกอดผมไว้ในอ้อมแขน..........ที่มั่นคงดังหินผา.....ที่จะปกป้องผมไว้จากอันตราย................และสิ่งหนึ่งที่ผมรู้คือ ผมรักคนๆๆ นี้ คนที่ชื่อ นายแสงตะวัน ปฐิยาวิกรณ์ คนที่จะเป็นแสงตะวันให้ผม.....เป็นตาให้ผม.....และเป็นทุกสิ่งให้ผม
เราสองคนนั่งบนโซฟา.....เขาโอบกอดผมและฟังสิ่งที่ผมเล่าทั้งหมด และเขามักจะกระชับวงแขนเมื่อผมเล่นถึงตอนที่โดนน้ำร้อนลวก โดนมีดปาด.....เมื่อผมเล่าอาการให้เขาฟัง “นนท์.......คุณไม่ได้อยู่คนเดียว...คุณมีผม...และผมจะเป็นตาให้คุณ....คุณเชื่อใจผมไหม......” ผมทำได้เพียงยิ้มให้.....และขอบคุณเขาด้วยใจจริง...
สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือ โรงพยาบาลใหม่ที่รักษาโรคที่เกี่ยวกับตาโดยเฉพาะ..........ซึ่งมันแพงหูฉี่และไม่ได้อยู่ในประกันสังคมของผมเลยซักนิด....... และความเข้มงวดในการกลับบ้าน คือ............เขาสั่งให้ผมกลับบ้านพร้อมเขา และมาพร้อมเขาทุกครั้ง .............ส่วนเรื่องที่บ้าน.....ผมขอร้องไม่ให้บอกที่บ้านครับ....ซึ่งผมได้โกหกที่บ้านว่า...........งานขอผมเยอะและผมต้องช่วยคุณตือทำเอกสารดังนั้นเลยต้องค้างที่บ้านคุณตือแทน.........ซึ่งที่บ้านเห็นชอบด้วยอย่างดี.....ที่จริงครอบครัวผมไม่อยากให้ผมต้องมาพะวงกับพวกเขามากนัก......และผมกลับบ้านดึกบ่อยๆ พวกเขาก็เป็นห่วงด้วย.......
ทุกวันพอเลิกงานผมก็จะกลับมาก่อน........เพื่อมาเตรียมของเตรียมอาหารให้เขา...นายตือจะทำงานต่อจนเย็นจึงจะกลับ...ดังนั้น...เลยเป็นว่า....ผมรอเขากลับ...และเขาจะกลับก่อนเวลา...ประมาณว่าคนละครึ่งทางครับ....ตอนแรกเขาจะไม่ให้ผมทำอาหารอีกแล้วด้วย....แต่ผมก็หาเหตุผลมาหักล้าง...........เขาจนให้ผมกลับมาทำอาหารอีก (ที่จริงผมไม่ได้ตาบอดนะครับ ...แค่มองไม่เห็นชั่วครู่เท่านั้น...ทำเหมือนผมตาจะบอดเลย.........เศร้า....แต่ดีใจครับ((ก็มีคนคอยเอาใจใส่นี้ครับ)))
ตอนนี้กิจกรรมของผม...เห้ย...ของเรา....คือ...เราจะช่วยกันทำอาหาร....เราย้ายมานอนห้องเดียวกันแล้ว.........และเขามักจะบอกรักผมก่อนนอนด้วย........คำพูดของเขาทำให้ใจผมใจสั่นๆๆ ทุกที.......แต่เขาไม่เคยล่วงเกินผมเลย......... จนบ้างครั้งผมคิดว่าทำไม.................
ปล. ครั้งหน้าเราจะมาดูกันจร้า......ว่าในเมื่อเข้าใจกันแล้วทำไมนายตือยังอดทนไม่แตะเนื้อต้องตัว เด็กนนท์ได้!!!
ความคิดเห็น