คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอน1
ภาค เน็ต+..............
ตอน1
ชีวิตของผมไร้การบังคับหรือกดดันแต่อย่างใด
ครอบครัวผมตามใจทุกอย่าง ก็ลูกคนเดียวต้องตามใจเป็นพิเศษ....นี้เนอะ
เรื่องคู่ครองหาเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาช่วย....ผมมั่นใจมากๆ
ชีวิตผมนี้อิสระจริงๆ ไม่ต้องทำงาน แต่มีเงินเดือนโอนเข้าบัญชีทุกเดือน เอกสารก็ไม่ต้องเช็นต์
ผมมีอิสระอย่างไร้ขอบเขต เที่ยว กิน ดื่ม เมา .....ผมลุยมาหมด จน...........เมื่อ 3 เดือนก่อน
“หา...............แม่ว่าอะไรนะ..............” ผมตกใจกับคำบอกของแม่จริงๆ
“แม่ว่าพี่คริสประสบอุบัติเหตุ ....ตาบอดด้วย...แม่นี่ล้อผมเล่น แรงนะเนี้ย...”
“แกอยู่ไหน...รีบกลับมาด่วน .........ถ้าแกไม่รีบกลับเจอดีแน่.......” นั้นเป็นเสียงสุดท้ายก็ที่โทรศัพท์จะวางไป
แม่ไม่เคยโกหกผม .............ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงแน่....ผมตกใจกับสิ่งที่ได้ฟัง
จากที่ไม่เคยกลับบ้านเป็นเดือน ก็ต้องรีบระเห็จตัวเองจากบ้านพักต่างอากาศ เพื่อแล่นรถกลับบ้าน
ผมกับแม่มาถึงบ้านพี่คริส สิ่งที่ผมเห็นคือ ของทุกอย่างที่อยู่ในห้องพี่เขาถูกโยนกระจาย
แม้แต่ป้าแอนซึ่งเป็นแม่ของพี่คริสยังไม่กล้าเข้าไปในห้องเลย
ป้าแอนเล่าว่า นางพยาบาลที่จ้างมา รับมือไม่ไหวเลยของลาออกไปก่อนหน้านี้ 2 วัน
ผมเห็นสีหน้ากลุ่มใจของป้าแอน ผมให้ผมรู้สึกเห็นใจป้าเข้าไปใหญ่
ส่วนเรื่องที่บริษัทตอนนี้ โครงการต่างๆ ก็ต้องชะงักไว้ก่อน ป้าแอนเล่นให้ผมฟัง....
เออ...ผมเป็นกรรมการบริษัท K Technology Company เป็นบริษัทที่ประกอบอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ
ซึ่งก่อตั้งโดยพี่คริส กิจการได้กำไรต่อเป็นเยอะมาก....
“เน็ต...แกต้องไปบริหารงานระหว่างที่พี่แกไม่สบายอยู่..” นั้นเป็นเสียงแม่ผมเองที่อยู่ก็พูดขึ้นมาซะงั้น
“หาาาาาาาา...” เสียงตกใจอันลั่นอยู่ในห้องโถงกลางบ้านพี่คริส..........
“แม่...ล้อผมเล่นใช่ไหม...ร้อยวันพันปีผมไม่เคยเข้าบริษัทเลย.......” เกิดอาการเหงื่อออกตามตัวแม้ว่าห้องจะเปิดแอร์
“.....เน็ต ถ้าแกไม่เข้าไปทำงาน....อย่างหวังว่าแกจะได้อะไรจากที่บ้านเลย....ฉันจะยึดโคตรบัตรแกทั้งหมด...”
“โอ๊ะ พระเจ้า...แม่ทำอย่างนั้นไม่ได้นะ แม่.....” เสียงทะเลาะระหว่างแม่ลูก
ผมลืมป้าแอนไปเลย ทั้งๆ ที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“แกก็รู้ ว่าฉันเป็นคนยังไง...........” แม่ผมไม่พูดเปล่ายังทำ มือเฉือนคออีก
“อึก.........” ผมกลัวนี่ครับ ก็แม่ผมนี่ก็ไม่ใช่เล่นๆ ถึงเขาจะตามใจแต่ ถ้าเอาจริงขึ้นมา
ขนาดพี่คริสที่ว่าร้ายๆ แล้ว สู้แม่ผมไม่ได้.....
“ แกจะเข้าบริษัทเมื่อไหร่ ว่ามา..” เสียงนักเลง แม่ผม.....
“เน็ต...ถือว่าช่วยพี่เค้าหน่อยเถอะ...ตอนนี้ก็มีเน็ตคนเดียวที่จะสานต่องานพี่เขาได้...” ป้าแอนเสริมทับอีกแรง
...........ไม่ทำก็ตาย......ตอนนี้พี่เขา แค่ตัวเองก็ลำบาก
.......เรื่องแม่ไม่ต้องพูดถึง.......นรกชัดๆๆๆ
“พรุ่งแกเข้าบริษัท ด้วย........” คำบัญชาแม่ผม ขนาดผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลย กดขี่จริงๆๆ
ผมทรุดตัวนั่งลงบนโชฟาเหมือนยอมแพ้แม่ตัวเอง...........
แพล้ง....เสียงดังมาจากห้องพี่คริสเขา............
ผมหันไปมองป้าแอนซึ่งยิ้มแห้งๆ เป็นการตอบกลับ
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
วันนี้ผมเดินทางเข้ามาที่บริษัทซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองกลาง เป็นย่างธุรกิจชั้นนำที่มีบริษัทมากมายตั้งอยู่
แต่ละตึกที่เหมือนจะสูงแข่งขันเพื่อแย่งความเป็นใหญ่........
ซึ่งผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่.........ผมชอบท่องเที่ยวมากกว่าอ่ะนะ
ส่วนไอชุดสูทนี้ก็น่าอึดอัดชะมัด...... ผมยังเคยคิดเลยว่าทำไม่ต้องเป็นสูทที่ต้องใส่ทำงานเท่านั้น
ใส่เสื้อฮาวายไม่ได้หรอ หรือเสื้อที่มันสบายๆ อ่ะ.....
ถึงผมจะมีความคิดแปลกแยก ต่างจากชาวบ้าน แต่ผมก็ต้องยอมรับในวัฒนธรรมของสังคมอยู่ดีนั้นแหละ
ผมขับรถเข้ามาจอดที่หน้าตึกสำนักงานของบริษัท พร้อมส่งกุญแจรถให้พนักงานเพื่อเอาไปเก็บ
ระหว่างทางเห็นพนักงานที่เดินเข้าบริษัทเพื่อจะทำงานกัน.......ซึ่งแต่ละคนแต่งตัวเหมือนยจะแข่งกัน
ผมเดินเข้าลิฟท์เหมือนคนอื่นเขา ซึ่งต้องต่อแถว เพื่อจะขึ้นลิฟท์....
ไอผมจะแซงก็ใช่ที เลยต้องเข้าคิวด้วย
ที่จริงลิฟท์ผู้บริหารก็มี แต่ผมไม่อยากใช่อ่ะ..... น่าเบื่อจะตายอยู่คนเดียวในลิฟท์.....
“ชั้นไหนค่ะ........” เสียงพนักงานคนหนึ่งสอบถามชั้นต่างๆ
4 5 6 9 12 “16 ครับ...” เสียงผมตอบไปเมื่อได้ยิน
ผมสังเกตมีคนแอบหันมามองผมหน่อย เมื่อจะบอกว่าบอกผิดชั้นหรือเปล่า...
ชั้น 16 เป็นชั้นของผู้บริหาร.....ซึ่ง มีประธาน และกรรมการอีก 4 คน ที่อยู่ชั้นนั้นครับ
.......นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่ได้มาเลย....
ลิฟท์เลื่อนมาถึงชั้นที่ 12 ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่ออกไป.....
กริ่ง เสียงลิฟท์เตือนมามันอยู่ที่ชั้นซึ่งเป็นชั้นของผม
ชั้นนั้น ห้องต่างๆ ถูกแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ กินเนื้อที่อย่างไร้ประโยชน์ และมีห้องประชุมอีกห้อง
แต่ละห้องอยู่ห่างจากกันมาก ซึ่งต้องเดินผ่านด่านต่างๆ ก่อนที่จะเข้าห้องทำงานของผมได้
แต่ละห้องจะมีเลขาหน้าห้องเพื่อจัดการเวลา และอื่นๆ จิปาถะ ก่อนที่จะเข้ามาให้พวกผมเซ็น....
“หวัดดี...”
“หวัดดีครับ...คุณเน็ต ไม่เจอซะนาน...” หนุ่มหน้าใสที่เรียกได้ว่าหน้ากับอายุนี้ห่างกันใช่ได้
“อือ.....” ผมยักคิ้วให้นิดก่อนเดินเข้าห้อง
ภายในห้องยังเหมือนเดิน .....กำแพงกระจกที่สามารถมองวิวด้านอกได้อย่างชัดเจน....
พร้อมทั้งโต๊ะทำงานตัวยาวที่วางเกะกะในห้อง และชุดรับแขกที่ไม่ค่อยมีใครได้เข้ามาใช้
ผมว่าห้องที่ผมอยู่กว้างเกินไปด้วยซ้ำ.....แต่ห้องทำงานคนอื่นก็ประนี้แหละครับ........
ผมจบบริหารก็จริงแต่ตอนนี้ผมไม่มีแรงใจที่จะบริหารธุรกิจครอบครัวเลย.....ยิ่งเหมือนโดนบังคับด้วย
ตืด...ตืด... ผมกดปุ่นโฟน “ว่าไง....มาร์ก.....”
“อ้อ...พอดีมีเอกสารให้คุณเน็ตเซ็นแทน คุณคริสนะครับ....เดี๋ยวคุณอลิซ...เอาเข้าให้เซ็นครับ...”
“ อือ ได้ อีก 5 นาทีบอกเข้าให้เอาเข้ามาแล้วกัน...”
..........อลิซ....ใครว่ะ.......แล้วคุณแบนดอน ไม่อยู่แล้วหรอ.......
เลขาหน้าห้องของแต่ละคนเรียกได้ว่าคัดจากคุณภาพจริงๆ ครับ (หน้าตาก็มีส่วน)
ซึ่งต้องได้รับการรับรองจากองค์กร จริงๆ ครับ ถึงจะมาเป็นเลขาหน้าห้องได้
เพราะพี่คริสทำงานเต็มเสต็บ ไม่ได้ดังใจ ออกเท่านั้น...
ซึ่งคุณแบนดอนได้ทำหน้าที่เป็นเลขาพี่คริสมานานแล้ว และดูเหมือนจะเข้าได้ดีกับพี่คริสครับ
ซึ่งทำให้ผมแปลกใจว่าทำไม ถึงเป็นชื่อ อลิซซะได้ คงต้องสวยหน้าดู.....
+++++++++++
ก๊อกๆๆ “เชิญ.........”
“สวัสดีครับ คุณเน็ต ผมนำเอกสารที่ต้องเซ็นด่วนมาให้คุณเซ็นครับ...”
ผมถึงกับต้องตกใจเล็กน้อย หลังจากที่คิดว่าจะได้เจอสาวงาม มากความสามารถ
กลับมาเจอหนุ่มหน้าสวยซะได้ ภายใต้แว่นใสๆ และใบหน้าที่ดูเงียบ ทำให้เพิ่มเสน่ห์ได้อย่างไม่รู้ตัว
ยิ่งเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ จะเรียกได้ว่า ชุดที่เขาใสอยู่ เหมาะกับเขาจริงๆ
“คุณเน็ต...”
“คุณเน็ตครับ...”
“อะ อะไร...” ผมถึงต้องรีบออกมาจากภวังค์ เพราะเสียงเรียกของอลิซ
.........เหอะๆๆ อลิซในแดนมหัศจรรย์..............แต่นี่อลิซกลางกรุง.ในที่ทำงานซะด้วย...
“มะ...มีเอกสารอะไรบ้างที่ผมต้องเซ็น...” ผมพูดพร้อมกับหยิบแฟ้มต่างหน้า
พร้อมฟังสรุปจากการรายงานเอกสารแต่ละชุด..........
น้ำเสียงที่อลิซอธิบายหรือแจกแจง ไม่มีเสียงที่ดูตกใจหรือไม่มั่นใจในน้ำเสียงนั้น...
มีแต่ความมั่นใจ...สงบนิ่ง และพูดออกมาได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ เหมือนเขาไปนั่งฟังเลยด้วยซ้ำ
ซึ่งน้อยคนที่จะสามารถสื่อสารออกมาได้อย่างงี้.........
เอกสารทั้งหมดถูกเซ็นพร้อมคำชี้แจงต่างๆ โดยที่ผมไม่ต้องมานั่งอ่านให้เสียเวลา.....
ผมใช้เวลาไม่นานในการเซ็น กองเอกสารตรงหน้า
“ขอบคุณครับ...ขอตัวก่อน...” นั้นเสียงพร้อมกับแฟ้มสุดท้ายที่ถูกเซ็น
เขาเดินออกไปพร้อมกับเอกสารที่เอาเข้ามา.........
“มาร์ก...เข้ามานี่สิ....”
ก๊อก......
“มาร์ก...แล้วแบนดอน ไปไหนหล่ะ...”
“อ้อ คุณแบนดอน แกลาออกนะครับ...ได้ข่าวว่าเขาต้องกลับไปรับช่วงต่อจากพ่อ เกี่ยวกับฟาร์มวัวนะครับ...”
“แล้วอลิซ..มาได้ไงหรอ...” ผมถามด้วยความสงสัย
“คุณอลิซ เข้ามาสมัครพร้อมกับใบฝากของบริษัทเพื่อนคุณคริสนะครับ...”
“เข้าชื่ออะไร อายุเท่าไหร่.......”
“ชื่อ คุณอลิซซัน ชาแมวร์...อายุประมาณ 27 ปี ครับ....คุณเน็ตถามทำไมครับ...”
“เปล่าๆ ผมเห็นว่าเขาน่าสนใจดีนะ ...เลยอยากรู้ประวัติการทำงานเขาเท่านั้น...”
“คุณเน็ตครับ คุณอลิซเขาเป็นหนึ่ง ใน 4 จตุรเทพ ของบริษัทเลยนะครับ...”
“อะไร อ่ะ ไอจตุรเทพเนี้ย...” ผมเริ่มงงกับคำบอกเล่าของมาร์กแหละ
“ก็ประมาณว่า ผู้ทรงอิทธิพลนะครับ”
“แล้วมีใครบ้างอ่ะ......” ผมถามเพราะอยากรู้จริงๆ
“คุณเน็ตอย่าว่าผมนะครับ ที่พูดมาก......” ดูเหมือนเขาจะสำนึกผิดนิดๆ
“เล่ามาเถอะ....ผมไม่ได้มาซะนาน เลยไม่ค่อยรู้อะไร...”
“ครับๆๆ ก็มี คุณแบนดอน คุณอลิซ คุณมาร์กี้ คุณหวัง...ครับ... แต่คุณแบนดอนออกไปแล้วเลยหรือแค่ 3 ครับ”
“อือ....ขอบใจนะ ออกไปได้แหละ...”
ผมกลับมานั่งครุ่นคิดถึงสิ่งที่มาร์กพูด ผมรู้จักทุกคนแม้จะจำหน้าไม่ค่อยได้ก็เถอะ ....ยกเว้นอลิซ
ทุกคนเป็นคนทำงานเก่ง จริงจังกับงาน และมีความรับผิดชอบ เป็นที่ไว้ใจได้ของพี่คริส
แม้ทุกคนจะไม่ได้เป็นเลขาทั้งหมด แต่จัดว่าอลิซสามารถติดโพล
พนักงานพี่สร้างแรงกดดันต่อพนักงานด้วยกันได้
ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย
เหมือนมีเรื่องที่ทำให้ผมสนุกได้ ในตึกแห้งๆ นี้ซะที..........
ความคิดเห็น