คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอน5
ตอน5
“ชิน เดี๋ยวนี้แกชักจะเหลวไหลใหญ่แล้วนะ...บ้านช่องไม่กลับ...” คำพูดแรกของบิดาผมที่นั่งรอรับผมกลับบ้านที่ห้องรับแขก (ไม่รู้ว่า รู้ได้ไงว่าผมจะกับบ้านวันนี้)...
“แก...มานั่งลงเดี๋ยวนี้เลย..มาบอกซิ..ว่าแกจะเอาไงกับชีวิต...” เสียงดุๆ ของพ่อ ที่เก๊กทำ....คิดว่าผมจะกลัวหรอ..แต่ความเคารพที่มีต่อบิดาตั้งหาก ที่ผมยอมนั่ง...แม้คนที่นั่งข้างๆ พ่อจะไม่ใช้แม่ก็ตาม
“..พ่อจะบ่นอะไรผมอีก...ตอนนี้ผมก็กำลังทำงานอยู่นี้ไง..”
“แกทำอะไร..ว่ามาซิ ฉันให้แกไปดูแลร้าน..แกก็ไม่เคยเข้า..แล้วไหนที่ว่าทำงานของแก...”
“ตอนนี้ผมยัง...เปล่าไม่มีอะไร....”
“ชิน...แกมีอะไรแกก็บอกพ่อได้นะ..” น้ำเสียงที่ดูอ่อนลงของพ่อทำให้ผมนึกถึงอดีต ก่อนที่แม่จะเสีย..พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน..รักกัน....
“พ่อ...ต่อไปนี้ผมจะไม่ค่อยได้กลับบ้านนะ...แค่อยากบอกให้รู้นะ..” คำพูดที่ผมบอกเขา ก่อนที่จะขึ้นไปบนห้อง...เพื่อเก็บเสื้อผ้าเซ็ตใหม่เข้ากระเป๋า.....
ห้องของผมที่ใช้มาตั้งแต่เด็กๆ ถูกจัดและทำความสะอาดอย่างเรียบร้อย..แม้ว่าผมจะไม่ค่อยได้กลับมาในช่วงนี้ คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง แม้แต่ทีวี ถูกประดับไว้ในห้อง...ผมยืนมองห้องของตัวเองก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆ และมีกลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้า.....
...........เฮ้ย!.......ความเหนื่อยล้าจากการขี่มอเตอร์ไซค์...ทำให้ผมหมดแรงได้เลยทีเดียว...ความคิดของผมหวนนึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำกับเจ้าเด็กน้อย...ฮึๆๆๆ....แทนที่ผมจะรู้สึกไม่ดีกับการกระทำแบบนั้น..แต่สัมผัสของเรตะก็ยังคิดอยู่ในความคิดของผมจนได้........ความเย็นของแอร์ภายในห้องทำให้รู้สึกว่าหนังตาผมเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆๆ
+++++++++++++++
กรุ๊งกริ่งๆ.....เสียงที่ผมจะได้ยินประจำเวลามีคนเข้าออกในร้านกาแฟแห่งนี้...รวมทั้งตัวผมที่เดินเข้าร้านเช่นเดียวกัน....มันมักจะส่งเสียงต้อนรับเสมอ
“หวัดดีเรตะ...” รอยยิ้มผมเกิดขึ้นทันทีที่เห็นหนุ่มน้อยยืนในที่ประจำของเขา....
“ดี....” แม้เสียงทักจะฟังห้วนๆ แต่ผมก็ยิ้มได้....
“นายนี่ไม่เคยมาสายเลยนะ.....เรตะ...”
“ก็ กู.........”
“เรตะ..พี่บอกว่าไง..” ผมขัดขึ้นทันทีกับสิ่งที่ได้ยิน
“กู.เราเป็นเจ้าของ จะมาช้ากว่าลูกน้องได้ไง..เอานี่..งานของวันนี้...”
เรตะ..ส่งบางอย่างให้ผม..คล้ายที่สูบลมล้อมอเตอร์ไซค์ มันทำด้วยพลาสติกและดูจะบอบบางกว่า
“..จะทำอะไรหรอ...” ผมรับมันพร้อมกับสำรวจอุปกรณ์ที่เรตะยื่นให้....
“อ่ะ..ถุงนี้ด้วย..เป่าให้หมดนะครับพี่ชินนนนน...” อมยิ้มเจ้าเล่ห์ของเรตะที่ยิ้มหวานให้ก่อนที่จะเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์และทำกิจวัตรประจำวันของเขา
“เรตะ...ให้พี่เป่าลูกโป่งหมดนี่เลยหรอ...” น้ำเสียงตกใจของผม...ที่จริงมันต้องตกใจสิ ก็เล่นส่งถุงลูกโป่งมาให้เกือบ 5 ถุงๆ บิ๊กๆ ทั้งนั้น
“ครับ..พี่ชิน..พรุ่งนี้วาเลนไทน์..พี่ก็ต้องจัดร้านนี้ซักหน่อย...ที่จริงผมลืมไปด้วยซ้ำ..ดีนะที่ได้พี่ชินนนนน..มาช่วยอ่ะ..” แม้คำพูดของเรตะจะฟังดูน่ารัก..แต่ความหมายของมันเหมือน ผมโดนเอาคืนด้วยซ้ำ...เมื่อวานเรตะยังไม่มีทีท่าว่าจะจัดเลยเลย..ทั้งๆ ที่รู้ว่าใกล้วาเลนไทน์.....
แต่ผมคงจะคัดค้านไม่ได้...เพราะรอบๆๆ ร้านของเราต้องมีแต่คนติดรูปหัวใจ ไม่ก็มีลูกโป่งติดอยู่ตามร้านต่างๆ เต็มไปหมด...
ผมส่งสายขอความช่วยเหลือให้เรตะ..เพื่อฟลุ๊คว่าเขาจะมาช่วย....แต่สิ่งที่ส่งกลับมามีแค่รอยยิ้ม ก่อนที่เรตะจะก้มหน้าก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อไป...
สุดท้ายผมต้องมานั่งเป่าลูกโป่ง...ทีละใบๆ...แม้จะใกล้วันแห่งความรัก..แต่ทำไมผมต้องมานั่งเป่าลูกโป่งเนี้ย....
ผมนั่งเป่าลูกโป่งตั้งแต่เปิดร้าน...ยัน 6โมงเย็น..ตอนนี้พื้นร้านเต็มไปด้วยลูกโป่ง ที่ถูกเป่ากองอยู่เต็มร้านไปหมด ทั้งสีแดง สีชมพู สีทอง สีเหลือง...ดูไปดูมามันก็สวยพิลึกดี... เวลาลูกค้าเข้ามาก็ดูจะสนใจลูกโป่งที่วางกับพื้นมากกว่ากาแฟที่สั่งซะอีก...แต่ที่มันน่าเจ็บใจคือ เด็กๆ ที่เข้ามาด้วยนี่ซิ..ขอไม่ว่าหรอก..แต่ดันนึกว่าเล่นเกมเหยียบลูกโป่ง.เหยียบลูกโป่งของผมซะหลายลูกเลยทีเดียว...
“เรตะ..พี่เป่าเรียบร้อยแล้ว....”
“อือ ก็เอามันไปติดกับกระจกอ่ะ...ทำตามใจเลย เอาให้สวยแล้วกัน..” ถึงผมต้องมานั่งเป่าลูกโป่ง แต่เรตะก็ขายของคนเดียว...ทำให้ผมเห็นเวลาทำงานของเขา..ซึ่งดูเป็นการเป็นงาน..มากกว่าน่าตาเขาเสียอีก...
ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามือตัวเองจะผ่องเพราะต้องมานั่งขมวดปมลูกโป่งที่ละใบ....เอาว่ะ ไงๆ ก็ทำมาตั้งแต่ต้นแล้ว...
++++++++++++++++++
“ว้าว...เพิ่งรู้นะเนี้ยว่านายก็มีความคิดสร้างสรรค์เหมือนกัน...” คำชมที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยิน ที่อยู่ๆ เรตะก็พูดขึ้นมา ทำให้ผมใจผ่องโตเหมือนลูกโป่งก็ว่าได้....
“ฮึๆๆๆ ให้รู้ซะบ้างว่าพี่เป็นใคร..”
“โอ๊ะ...บ้ายอเหมือนกันนี่หว่า....เอาเถอะใกล้เสร็จยัง..” ไอ้ที่ถามนี่เพราะอยากรู้ว่าใกล้หรือยังงั้นหรอ
“ใกล้แล้ว...อีกนิดเดียว...” ผมมองลูกโป่งที่ยังเหลือบานเบอะ.. คิดในใจว่า โง่เป่าซะเยอะเลย....
ใช้เวลาอีกสักพักก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ต้องการ...ตอนนี้ทั้งร้านถูกประดับไปด้วยลูกโป่งหลากสี...กระจกร้านทำเป็นรูปหัวใจติดไว้ที่กระจก ส่วนบนเพดานร้าน ก็เอาไปติดกับฝ้าของเรา และห้อยด้วยเชือกเหมือนลูกโป่งลอยไปติดเพดาน ส่วนเคาน์เตอร์ ก็มีลูกโป่งติดพอสวยงาม แต่ปัญหาคือผมไม่รู้จะเอาลูกโป่งที่เหลือไปไว้ไหน...
“เรตะ..ลูกโป่งที่เหลือก็ปล่อยให้มันอยู่กับพื้นนี้แหละ..พี่ไม่อยากทำลายอ่ะ..เสียดาย..คิดซะว่ามันเป็นควันที่พื้นแล้วกันเนอะ...”
“อือ..นายจะเอาไง..ก็ตามใจ.....เดี๋ยวจะไม่อยู่ กู..เอ้ย เรา ไม่อยู่ฝากร้านหน่อย..เดี๋ยวมา..”
“นายจะไปไหนอ่ะ...”
“ไปซื้อของใช้นิดหน่อยนะ..เฝ้าร้านได้ไหม..” คำถามที่เหมือนจะเน้นว่า ผมสามารถดูแลร้านได้ไหม..ทั้งที่มันไม่ใช่ร้านผมนะเนี้ย..
“ได้ดิ...นายก็รีบกลับแล้วกัน..”
“นั้นฝากร้านด้วยแล้วกัน...เดี๋ยวมา ไปแหละ...” สิ้นเสียงเรตะก็วิ่งออกจากร้านพร้อมกับขับรถออกไปทันที
“อะไรจะรีบขนาดนั้นอ่ะ......โอ๊ะ 2 ทุ่มแหละ..” ผมเหลือบไปมองนาฬิกาพอดี..ปกติร้านจะปิดตอน 4 ทุ่ม...
กรุ่งกริ๊งๆ “อ่ะ พี่มิกิ...มาทำอะไรหรอ...” ผมทักพี่สาวเรตะ...เพราะไม่คิดว่าจะเข้ามาเวลานี่
“พี่ก็มาหาเจ้าน้องตัวดีนะซิ....อยู่ไหม..” อารมณ์ฉุนเฉียวของพี่มิกิดูเหมือนจะทำให้บรรยายไม่ดีเท่าไหร่
“เรตะออกไปซื้อของนะ..อีกเดี๋ยวก็กลับมา...” ผมบอกไป
“ไอ้เด็กบ้าเนี้ยนะออกไปซื้อของ....พี่เห็นคอมมันเปิดไว้เลยเข้าไปดู..เห็นเมล์นัดแข่งรถวันนี้...” เสียงของพี่มิกิทำให้ผมเดือดขึ้นมาทันที....ผมก็ว่าอยู่ว่าแปลกๆๆ อยู่ๆ ก็มาทิ้งร้านให้ผมเฝ้าแล้วเผ่นออกไปทันที
“พี่อยู่ร้านก่อน เดี๋ยวผมตามเอง...” ผมทิ้งร้านไว้กับพี่มิกิทันทีก่อนที่จะวิ่งออกไปหลังร้านและขี่มอเตอร์ไซค์ตามไป...
ตอนนี้ผมรู้สึกโกรธที่โดนเด็กบ้ามันหลอก...แต่จะยิ่งโกรธ ถ้าเห็นมันแข่งรถจริงๆ...
คันเร่งถูกบิดเพิ่มทันที เพราะผมอยากไปให้ถึงถนนที่ใช้แข่ง...ผมไม่ได้เป็นห่วงว่าเขาจะเป็นอันตรายไหม...แต่ผมไม่ชอบคนที่โกหก....มอเตอร์คู่ใจขับมาถึงสถานที่ที่ใช้แข่งไม่นานนัก...ผู้คนมากหน้าหลายตายืนกันเต็มไปหมด นั้นยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่าวันนี้มีการแข่งแน่นๆๆ มอเตอร์ของผมถูกจอดไม่ไกล ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปในสนามที่ใช้แข่งวันนี้ สายตาผมก็สอดส่องมองเราเรตะ...หรือที่คนอื่นเรียกว่า ไอ้สโม๊ค นั้นแหละ...ผมยืนมองหามอเตอร์kawasaki GSX-R 750 ใจลึกๆ ผมก็ไม่อยากเจอมันที่นี้หรอก.....แต่ก็ต้องเสียใจมันความหวังลมๆ แล้งๆ นี่จริงๆ เพราะอยู่ๆ มันก็โผล่ออกมาให้เห็นพร้อม กับชายที่ใส่ชุดหนังสีดำ สวมหมวกกันน๊อคเต็มใบปิดใบหน้า.....
“เรตะ....” สายตาที่ผมเพ่งมองดูเด็กหนุ่มตรงเส้นสตาร์ ก่อนที่จะมีเสียงสัญญาณปล่อย...มอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 คัน เริ่มบิดใส่กันและกัน ก่อนที่จะออกตัวให้ชั่ววินาที.....
ผมขี่มอเตอร์ไซค์กลับร้าน....ก่อนที่เรตะจะกลับมา
“เป็นไง..เจอไอ้แสบไหม...” เสียงของพี่สาวที่ดูเป็นห่วงน้อยชายถามขึ้น เมื่อผมเข้ามาทันที
“ครับ....อีกสักพักเดี๋ยวก็กลับ..เรตะปลอดภัยดี...เดี๋ยวผมบอกเรตะให้ว่าพี่มิกิมาหา...”
“ชิน....พี่รู้ว่าเราก็ชอบบิดเหมือนกัน..แต่ชินก็โตในระดับหนึ่งแล้ว....แต่เรตะนี่ซิ...เพิ่งจะทำบัตรประชาชนได้ไม่กี่ปีเอง...พี่หวังว่าเราคงไม่พาเรตะ เสียคน...พี่ฝากเรตะ..ไว้กับชินได้ไหม..ห้ามเรตะบ้าง...พี่รู้ว่าเขาขี่เก่ง..แต่ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมา..พวกพี่จะทำยังไง.ไหนจะพ่อ แม่อีก...ชิน พี่คิดว่าพี่มองเราไม่ผิด...เธอจะช่วยพี่ได้ไหม...” ผมยืนฟังพี่มิกิ พูดความในใจ ปกติพี่มิกิจะไม่ค่อยได้คุยกับผมนัก..นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดกับในประโยคยาวๆ ก็ว่าได้ และที่ทำให้ผมตกใจคือ เรตะ เพิ่งทำบัตรประชาชนได้ไม่นาน....นั้นหมายความว่าเรตะอายุยังไม่ถึง 20 ตัวซ้ำ
“ครับ...ผมจะดูแลเขา..เท่าที่ผมจะทำได้..” เธอยิ้มให้ผมนิดหน่อยก่อนที่จะก้มหน้าเดินออกจากร้านไป
“เรตะ..นายจะทำให้คนอื่นห่วงไปถึงไหน....”
+++++++++++++
จะให้นั่งรอก็คงไม่ไหว...ผมเดินไปเดินมารอบร้าน เพื่อรอให้เรตะกลับมา ยิ่งมองนาฬิกาอารมณ์ผมก็พลุกพล่าน....
“กลับมาแล้ว......” เสียงใสๆ เหมือนคนไร้ผิด เดินเข้ามา
“กลับมาได้ซักที..ไหนของที่ไปซื้อ....”
“อ้อ..แวะเอาไปเก็บที่บ้านแล้ว.....”
“หรอ..ถ้าจะซื้อเยอะ..ซิ ถึงไปซะนานเลย”
“อือ...ก็ของใช้จำเป็นทั้งนั้นแหละ...แล้วนี่เก็บร้านยังอ่ะ....” คำพูดซื่อๆ ของเรตะ ทำให้ผมโกรธมาก
“เรตะ..พี่มิกิมาหานะ แต่พี่บอกว่าเราออกไปซื้อของเธอเลยกลับไป...”
“หรอ....ตอนกลับบ้านก็ไม่เห็นเจอพี่เลยอ่ะ..มาไมก็ไม่รู้เนอะ..”
ปัง! .............เสียงฝ่ามือที่ผมฟาดลงบนเคาน์เตอร์ที่ทำด้วยหินอ่อน.....
“จะเลิกโกหกได้ยัง...” เสียงที่ดังลั่น จนผมที่เป็นคนตบลงไปบนโต๊ะ ยัง อึ้ง กับเสียงที่เกิดขึ้นและอารมณ์ผมมันก็เริ่มแรงขึ้นตามเช่นกัน
“โกหกอะไร............” น้ำเสียงเรตะที่ดูจะเครียดขึ้นเช่นกัน
“โกหกอะไรงั้นหรอ...พี่ไปสนามแข่งมา เจอเราที่นั่น...หรือว่าเรามีฝาแฝด ฮ๊ะ..”
“สนามมมมม....”
“ใช้...ที่ใช้แข่งรถ...ทำไมไม่บอกตรงๆๆ ....โกหกทำไม...หรือเห็นว่าพี่โง่...จะพูดยังไงก็ได้...เรตะ..สงสัยพี่คงใจดีมากไปแล้วมั่ง...”
“อะไร...ใจดี...มึงเป็นแค่คนใช้...อย่าทำมาเป็นพูด...” น้ำเสียงก้าวร้าว ที่เรตะใช้เหมือนเมื่อวานไม่มีผิด
“อ้อ..พี่เป็นแค่คนใช้...พี่แพ้มอเตอร์ไซค์เรา..แต่ใช่ว่าพี่จะแพ้เรื่องอื่น...” ผมจับหมับที่ข้อมือเรตะทันที แรงที่ยืดข้อมือเรตะไว้กะจะไม่ให้หนีเลยด้วยซ้ำ
“มึง...ปล่อยกูเลยนะ...กูเจ็บนะโว้ย...กูบอกให้ปล่อยไง....” เสียงโว้ยวายของเรตะ พร้อมกับแรงที่พยายามสะบัดข้อมือ
“พี่ว่า...เราต้องได้รับการสั่งสอนซะบ้าง....”
“มึง จะทำอะไรกู....ปล่อยกูเลยนะ....สัญญาห่า..อะไรนั้นก็ยกเลิก มึงออกไปจากร้านกูเลย...” ตอนนี้เรตะแรงกว่าผมด้วยซ้ำ
“ได้....พี่ไปแน่น...แต่ขอพี่เอาคืนสักหน่อยนะ...ถือว่าเป็นค่าจ้างสำหรับที่ผ่านมา...”
“ไม่...ปล่อยกู....ไอห่านี้...” ผมลากเรตะเข้าหลังร้านทันที....เพราะกระจกหน้าร้านอาจทำให้ใครผ่านมาเห็นเข้าได้ แม้เขาจะพยายามรั้งตัวเองไว้...แต่ผมก็กระชากเขาให้เข้ามาจนได้
ร่างของเรตะถูกพิงอยู่กับประตูที่เปิดเข้ามา.....มือที่ถูกจับไว้ ถูกรวบไว้อยู่บนหัวไอ้เด็กแสบ ตอนนี้ดวงตาของเรตะเริ่มมีแววหวาดกลัว...น้ำหูน้ำตาเริ่มจะเอ่อมาที่เบ้าตา .....แต่ใช่ว่าผมจะสน
“มึง..ปล่อยกู..แล้วมาสู้กันตัวต่อตัว...มึงอย่ามาทำอย่างนี้นะไอเลว....”เสียงที่พยายามเรียกความกล้าของเรตะตะโกนออกมา
แต่คิดว่าผมจะสนใจซักเท่าไหร่.......ซอกคอที่เด่นตะห่าน โชว์และเรียกร้องกว่าเสียงตะโกนนั้นตั้งเยอะ.....ผมไซร้ซอกคอนุ่มๆ ของไอเด็กบ้านั้น..กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ทำให้ผมขนลุกได้...
“มึงงงงงงงงงงงง” แรงสะบัด
“มึงงงงงงงงงงง...อ่า เจ็บ..ปล่อยนะ...” ผมเม้นและดูดซอกคออย่างเผลอตัว...ก่อนจะเหลือมองน้ำตาที่อาบลงมาบนแก้มแดงๆๆ ของไอเด็กบ้านั่น.... ผมเปลี่ยนไปอีกด้านที่รอการสัมผัส...ก่อนที่จะเพิ่มรอยเข้าไปอีก แม้จะมีเสียงร้องออกมาก็ตาม... แต่กระดุมหน้าอกก็ถูกเปิด...ก่อนที่ผมจะสร้างรอยไว้เป็นจุด...พร้อมกับลากลิ้นไปทั่วไห้ปลาร้า และหัวไหล่ที่ไร้การปกปิด
“ฮือๆๆๆ พี่ชิน..ผมขอโทษ..อย่าทำอีกเลย.....” เสียงกระซิบที่ดังเบาๆ พร้อมกันเสียงสะอื้น....
“ผมขอโทษ...ผมจะไม่ทำอีกแล้ว..ปล่อยผมเถอะ..ฮือๆๆๆ” เสียงร้องไห้ของไอ้เด็กบ้าทำให้สติของผมกลับมาอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะถอยหลังออกมาเห็นรอยแดงๆ ที่เกิดขึ้นเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นที่คอ หัวไหล่ หรือหน้าอกก็ตาม มันมากจนผมไม่ต้องมานั่งนับเลย
ศีรษะที่หมดแรงของเรตะ ใช้ผนังด้านหลังพิงพยุงตัวเองไว้...พร้อมทั้งน้ำตาที่แม้จะหยุดไหลแล้ว แต่เสียงสะอื้นก็ยังมีอยู่.... “ผมขอโทษ..อย่าทำแบบนี้อีกเลย..ผมกลัวแล้ว....” น้ำเสียงที่พูดแต่สายตาไม่ได้มองผมเลย
“เรตะ.....” ภาพตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองผิดอย่างแรง...ทั้งที่คนเริ่มเป็นเรตะ....
มือที่ผมจับไว้ ถูกปล่อย มันตกลงมาข้างลำตัวเรตะ พร้อมกับร่างที่ทรุดนั่งกับพื้นทันที...
“เรตะ.....พี่...” ผมนั่งคุกเข่าลงกอดร่างที่หล่นลงไปกองอยู่กับพื้น.....ผมโอบร่างเล็กๆ นั้นไว้ในอ้อมแขนก่อนที่ศีรษะน้อยๆจะซบลงที่บ่าของผม....
“พี่ขอโทษ...พี่....” ไม่มีคำบรรยายใดถึงการกระทำที่เกิดเหตุของผมให้เรตะฟังได้...
เสียงสะอื้นน้อยๆ และเสียงกลืนน้ำลายของเรตะที่ดังกรอกหูผม....
“เรตะ....คราวหลังอย่าโกหกอีก....เข้าใจไหม..” ผมกระซิบเบาๆ ไปที่ร่างที่ซบผมอยู่ พร้อมกับหัวที่ผงก รับปากว่า จะไม่ทำแบบนี้อีก.....
พวกเราใช้เวลานาน ก่อนเรตะจะผละออก.....น้ำหูน้ำตาถูกปาดด้วยมือของเรตะ..นั้นทำให้ผมเห็นสีช้ำๆ ที่ข้อมือของเรตะทั้งสองข้าง....
“ปะ เดี๋ยวพี่ไปขี่รถไปส่งบ้าน....” ผมบอกเขา....พร้อมกับพาร่างน้อยๆ นั้นนั่งมอเตอร์ไซค์วิ่งตรงไปยังบ้านของเรตะ....
++++++++++++++
ปล. อ่านจบแล้วรู้สึกอะไรเป็นอย่างแรก บอกกันมั่งนะค่ะ
ขอให้มีความสุขกันตลอดไปค่ะ สำหรับวันแห่งความรักนี้
ความคิดเห็น