ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักแสนแสบ Yaoi

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่4 ข้อตกลง

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 54


     ตอนที่ 4 ข้อตกลง...

     

            “โอ๊ะ............” รอยเลือดจางๆ สีแดง เห็นเด่นชัดจนผ้าปูที่นอนที่นายตือหลับแถมออมยิ้มอีกต่างหาก “แม่ง .......ให้มันได้อย่างนี้สิว่ะ เสียตัวกะสาวๆๆ มะเป็นไร....แต่นี้ให้กะผู้ชาย แล้วจะกล้าเล่าไหมเนี้ย ...เห่อ กูอยากจะกลั้นใจตายจิงๆ”  ในระหว่างที่ผมบ่นอยู่นั้นก็เหลือบมองนาฬิกา “โอ๊ะ....ตีสี่แล้ว ทำไงดีว่ะ  ตอนเช้าต้องเข็นผักด้วย”  ผมจึงตัดสินใจลุกจากเตียงและสวมเสื้อผ้าที่กองอยู่อย่างสะเปะสะปะ ขึ้นมาสวม แม้ว่าการขยับตัวจะเป็นได้ด้วยความลำบากแต่ผมก็ไม่อยากอยู่รอเพื่อจะเห็นหน้าไอตัวแสบนี้เท่าไหร่นั้น  ผมลุกจากที่นอนก้าวขาลงจากเตียงแต่ก็ต้องทรุดนั่งกับพื้นเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ เมื่อเริ่มดีขึ้นผมก็ลุกเดินออกจากห้อง และนั่งรถแท็กซี่กลับมาที่บ้านของตัวเอง

     

            วันนี้ผมนั่งรถแท็กซี่มาที่ทำงานเพราะการยื่นนานๆ บนรถเมล์ทำให้ผมเสียแรงมากกว่าและปวดหลังมากขึ้น  สุดท้ายผมก็ไม่ได้ไปเข็นผัก เพราะผมลุกไม่ไหว ไอเรื่องการลาป่วยก็ทำไม่ได้ซะด้วยเพราะผมเพิ่มจะเริ่มทำงานเมื่อวานเอง สำหรับเหตุการณ์ที่ผ่านมาผม ก็คิดอโหสิให้ อาจเป็นเพราะนายตือมันไม่ได้ตั้งใจเพราะผมจำได้ว่ามันเรียกชื่อแฟนมัน และผมก็เป็นผู้ชายดังนั้นเรื่องความเสียหายจึงไม่มี  ไอผมมันก็ใจดีไปเรื่อย บางครั้งผมยังด่าตัวเองเลย “มึง.......จะใจดีไปแหละ”

     

            ระหว่างที่ผมกำลังเรียนรู้งานกับพี่หน่อย   ผมก็เห็นคุณชายตือเดินเข้ามาที่สำนักงานหน้าตาออกแนวฉุนๆ เล็กน้อย  ผมจึงก้มหน้าก้มตาต่อไปไม่อยากเห็นหน้าอ่ะ  แล้วเขาก็เดินผ่านโต๊ะที่ผมกับพี่หน่อยนั่งอยู่ เข้าห้องทำงานเขาไป

    ผมขอบอกว่าเป็นเช้าที่ดีมากคับ  เพราะไม่มีเสียงโทรศัพท์เรียกหรือขอเอกสารใดทั้งสิ้นจากห้องของคุณชายตือ จนพี่หน่อยยังสงสัยเลย  เพราะปกติมาถึงนายตือจะขอนู้ขอนี่ ......ในระหว่างที่ผมกำลังนั่งพิมพ์เอกสารอยู่ พี่หน่อยแกก็ทักผม “นนท์ดูหน้าซีดๆ นะ ไม่สบายเปล่า” พี่หน่อยถามด้วยความเป็นห่วง “ผมปวดหัวนิดหน่อยคับพี่” ไอผมจะตอบก็ไม่ได้ เลยบอกปัดๆๆ แกไปอย่างนั้นคับ 

            ตืดดดดดดด “ค่ะ...คุณตือ ต้องการอะไรไหมค่ะ” เสียงโทรศัพท์จากห้องของนายตือ   ผมนี้ตัวแข็งเลย เพราะไม่ยากเข้าห้องเอาเอกสารไปให้  “หน่อยคุณเอาเอกสารประจำเดือนนี้ ให้ผมด้วย” เสียงนายตือพูด “ค่ะ คุณตือเดียวหน่อยหยิบไปให้” พอพูดเสร็จพี่หน่อยก็เดินไปหยิบแฟ้มเอกสารและส่งให้ผมเป็นคนเอาไปให้ “หือ......พี่หน่อยจะให้ผมเอาไปให้หรอ” “ใช่...นนท์จะได้เรียนรู้งานไปด้วยนะ..แค่เอาแฟ้มไปให้เอง. ..” พี่หน่อยบอกพลางยิ้มให้ด้วยไมตรี  “ครับ.....”

     

            ผมเคาะประตูเข้าไป และนำเอาเอกสารไปให้นายตือ ผมสังเกตเห็นนายตือนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ประจำวันอยู่คับ เขาไม่แม้แต่จะมองผม สงสัยเขาคงเสียใจกับเหตุการณ์เมื่อคืนมั่งคับ ............เลยไม่อยากมองหน้าผม ไอผมก็ไม่อยากจะเห็นซักเท่าไหร่เหมือนกัน มันก็แฟร์ดีคับ ไม่ต้องพูดถึง ผมจะได้ไม่ต้องอายด้วย ..........เพราะผมโดนทำนิคับ  “เดี๋ยว...” ระหว่างที่ผมหมุนตัวกลับและเดินออกจากห้อง เสียงของนายตือก็ดังตามหลังผมมา นายตือเดินมาหาผมและจับหัวไหล่ผมให้หมุนมาเจอกับเขา เขาจ้องตาผมและถามผมว่า ทำไมเมื่อเช้าถึงไม่รอเขา ไอผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง มือก็กุมอยู่ เหงื่อนี้ออกเต็มไปหมดเลยคับ “เจ็บ.......ไหม” เขาถามขึ้นมาอีก ผมคิดให้ใจ (มึงจะถามให้ได้อะไรเนี้ย กูไม่อยากตอบ  เขาถามผมเยอะมาก แต่ทุกคำถามก็จะไม่มีคำตอบออกมาคับ เพราะผมไม่ออกพูด และดูเหมือนความอดทนของนายตือก็มีขอบเขตเหมือนกัน และคำถามสุดท้ายที่มันพูดคือ “ผมจะรับผิดชอบ” .............ขอบอกมันพูดเหมือนมันคิดว่าผมเป็นผู้หญิงเลย และมันก็สุดความอดทนของผมแล้วเหมือนกัน .................พอผมได้ยิน คำนี้ก็.....จิ๊ด.....เลยคับ   ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไร แต่มารู้อีกทีหมัดแมนๆๆ ของผมก็เข้าไปใต้คางของนายตือเรียบร้อยแล้วคับ และผมก็เดินออกไปจากห้องทันที

     

            พักกลางวันผมใช้เวลาทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น ในใจก็คิดว่าจะโดนไล่ออกไหมเพราะไปต่อยหัวหน้าเข้า แต่อีกใจก็บอกว่าสมควรโดน

    เนื่องจากผมยังเป็นพนักงานใหม่อยู่เลยยังไม่มีเพื่อนสนิทนอกจากพี่หน่อย และพี่หน่อยท้องแก่มากแล้ว แกเลยไม่ลงมาทานข้าว ผมเลยเดินไปกินข้าวบริเวณใกล้ๆ กับออฟฟิค ผมเห็นว่าแถวนี้ช่วงพักกลางวันมีพนักงานออฟฟิคออกมากินข้าวกันเยอะ และมีกับข้าวหลายอย่างให้เลือก

            ปริ้นๆๆ ปริ้นๆๆ ผมหันไปมองเสียงแตรที่ดัง นายตือนั้นเองคับ นั่งอยู่บนรถสีดำ(สี่ดำด้านที่ผมชอบ) ผมหันไปมองแล้วเดินต่อทำเป็นไม่สนใจ  คราวนี้พี่แกเล่นเป็นชุด ...........กดซะผมต้องหยุดเดิน (อายเขาคับ) นายตือกดกระจกและเรียกให้ขึ้นบนรถ ผมจึงสายหน้าปฏิเสธ พี่แกเลยกดย้ำซะ  ผมเลยจนใจต้องขึ้นซะงั้น................ “จะไปไหน” ผมถามออกไปเพราะนายตือขับรถออกมาจากตัวตึกมามากแล้ว “ประชุม....” นายตือตอบยิ้ม “ผมไม่เห็นพี่หน่อยบอกเลยว่ามีประชุมตอนนี้”  “ถ้านายไม่เชื่อนายก็โทรถามคุณหน่อยสิ” นายตือตอบยิ้มกลับมา(อารมณ์ดีซะจิง) ไอผมก็ไม่อยากมากเรื่อง ไหนก็เป็นเรื่องประชุม ผมเลยนั่งรถไปกับนายตือโดยปริยาย    

            นายตือขับรถจนมาถึงที่บ้านของตน “นี่ๆๆ ประชุมแล้วทำไมกลับมาบ้านหละ” ผมถามอย่างเสียไม่ได้ นายตือตอบแค่ว่า “ประชุมต่างจังหวัด 2-3 วัน” และเขาก็ลงรถเข้าไปในรถบ้าน สักพักพอออกมาเขาก็ถามว่าบ้านผมอยู่ไหน ผมเลยบอกเขา และเข้าไปเอาเสื้อผ้าสำหรับประชุมและบอกที่บ้านไว้ว่า ผมจะไปประชุมต่างจังหวัด 2-3 วัน  และเราทั้งคู่ก็ขับรถออกมาจากตัวเมือง เข้าสู่จังหวัดชลบุรี มุ่งสู่พัทยา...... 

            ระหว่างทางนายตือก็ถามนู่ถามนี้ผมไปเรื่อย ไอผมก็ได้แค่ตอบ.............สายตาก็แอบมองลอยช้ำๆ...........ที่ผมทำกับเค้าไว้เมื่อเช้า ............ส่วนไอเรื่องปวดหัวเมื่อเช้า ก็ยิ่งปวดเข้าไปใหญ่จะบอกว่ามันปวดหมดซะทุกอย่าง ............หมดแรงจะตอบคำถามเลยคับ ซักพักผมก็ทนไม่ไหวเลยหลับซะงั้น.................เพราะคิดว่าอาการปวดคงดีขึ้นบ้าง

            ผมตื่นขึ้นเพราะรสจูบของนายตือคับ เขาจูบผมที่ริมฝีปากลิ้นไร้ไปบนริมฝีปากผม จนผมสะดุด “ทำไรเนี้ย.....” เขาตอบว่า “ก็ปลุกไง ....เห็นหลับอยู่” มันตอบแล้วมันก็ยิ้มให้ผมคับ ผมจึงหันไปมองรอบๆ เห็นโรงแรมที่เราจะพักกันคืนนี้ เพื่อพรุ่งนี้ต้องประชุมคับ ห้องในโรงแรมถูกจองเรียบร้อยแล้วโดยเลขา(พี่หน่อย) ผมจึงได้พักกับท่านหัวหน้าคับเป็นห้องเตียงคู่ ระดับ 5 ดาวเลยก็ว่าได้ ผมเลยถามว่า “ให้ผมนอนนี่กับคุณหรอ มันไม่เหมาะสมหรือเปล่า” แต่คำตอบที่ได้คือ “ห้องมันเต็มแล้วและผมก็อยากประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย” พอได้ยินผมเลยหมั่นไส้นิดหน่อย คือผมเห็นว่าบริษัทได้กำไรซะเยอะจะมาขี้เหนียวอะไรกับห้องพักนัก...........  

    คืนนั้นเราสั่งอาหารมากินบนห้อง เพราะเราเหนื่อยจากการเดินทางแล้วคับ พอกินเสร็จนายตือก็ยื่น ยาแก้ปวดให้ผม ผมรับเสียไม่ได้เพราะอาการปวดต่างๆๆ .......ยังอยู่ ..........ถึงแม้จะบรรเทาไปบ้างแล้วก็ตาม และเขาก็ส่งหลอดยาสำหรับใช้ภายในให้ผมด้วยอีกหลอดหนึ่ง ไอผมนี้หน้าแดงเลยคับ เพราะรู้ว่ามันคืออะไร ผมกะว่าอาบน้ำเสร็จแล้วนอนเลย แต่นายตือสิครับเห็นผมวางหลอดยาบนหัวเตียง คุณชายเลยจับผมนอนหันหลังทาให้ซะงั้น ..............ผลก็คือผมก็ไม่ยอมสิครับครั้งเดียวก็เกินพอ แต่สุดท้ายมันก็ช่วยผมทายาจนได้ (ก็มีร้องอือ อ้า  บ้างนะคับ)  เหมือนโดยแกล้งซะมากกว่า   ก่อนนอนยังมีมาจุ๊บหน้าผากอีก บอกว่าฝันดีและนอนกอดผมซะงั้น ส่วนผมหรอ.............คือไม่มีแรงจะเถียงหรือทำอะไรแล้ว .............เลยหลับเอาแรงไว้พรุ่งนี้ดีกว่า.............

    ตอนเช้านายตือก็ปลุกผมด้วยเช่นกัน ปกติผมเป็นคนตื่นเช้าคับแต่เพราะร่ายกายไม่สมบูรณ์เลยทำให้เพลีย นายตือนี้ก็เกินเลยกับผมซักทุกเรื่อง เขามาปลุกผมตอนเช้าด้วยการจุ๊บที่ริมฝีปาก และเลื่อยไปที่คอ ไอผมก็เริ่มคุ้นซะแล้วสิ ..........พอผมปล่อยใจไปกับมันที่ไร ก็จะรู้สึกดีๆๆ  ด้วยเท่านั้น (นายตือนี้เก่งซะจิง)............... ผมเริ่มปรับตัวเข้ากับเขามากขึ้น อาจเป็นเพราะบ้านของผมนั้นอยู่ในสลัมก็ได้ ................ดังนั้นการกลืนเข้ากับสังคมได้งาน เพราะในสังคมที่ผมอยู่มีหลายแบบ ทั้งดี ทั้งร้าย  เห็นแก่ตัวก็มีคับ ผมเลยไม่ค่อยแปลใจกับอารมณ์ของเขาเท่าไรนัก 

    การประชุมตลอด 2 วัน ที่นายตือประชุมกับคู่ค้าประสบความสำเร็จด้วยดี .............และได้รับการชมเชยการกรรมการท่านอื่นที่เข้าร่วมประชุมด้วยคับ ทำให้ผมชื่นชมเขาขึ้นไปอีก ด้วยศักยภาพด้านการทำงาน แต่ขอบอกคับว่ายังเจ้าอารมณ์เหมือนเดิน

    นายตือเขาก็ดีกับผมนะคับช่วง............. 2 วันนี้เป็นช่วงเวลาดีๆ สำหรับเรา 2 คับ เค้าดูแลมัน และส่วนผมก็ดูแลเขาในฐานผู้ช่วยเลขาอีกทีครับ

    “หือ..............พี่นนท์........พี่นนท์..........แม่ล้มคับ..........พี่อยู่ไหนนนนน...........รี....บ..........” เสียงน้องชายของผมที่ดังมาในโทรศัพท์ทำให้ผมเริ่มวิตกกังวล กับครอบครัวของผม แม่ของผมตอนนี้กำลังไม่สบายอยู่คับที่ผมทำงานหนักและหลายอย่างนั้นก็เพื่อครอบครัวและเก็บเงินรักษาแม่ที่ป่วยอยู่แม่ผมเป็นโรคหัวใจร่ายกายท่านเลยอ่อนแอคับ.............ผมพยายามจับคำพูดของน้องชายของผมและพยายามจดจำสิ่งที่น้องชายพูดถึงแม้ว่าจะสมองผมจะรู้และร่างกายของผมมันไม่ค่อยสั่งการเลย น้ำตาก็เอาแต่ไหลจนคนที่ยืนข้างๆๆต้องเข้ามาประคองไว้

     

    “นนท์ .....นนท์ ..คับ ....คุณเป็นอะไร”  เสียงของนายตือเข้ามาที่โสนประสาทหูของผม “ตือ...ตือ....แม่....ผมล้ม.......แก..........อยู่......โรงพยาบาล....” เสียงที่ขาดเป็นห้วงๆ ของผมกำลังบอกเหตุการณ์ที่ผมได้ยินมาจากน้องชาย

    ผมและนายตือ จึงบึ่งรถออกจากพัทยา ..............โดยที่มีนายตือคอยปลอบใจตลอดทาง ..........ค่อยให้กำลังใจ.......... และค่อยโทรถามน้องชายของผมว่าท่านเข้าโรงพยาบาลไหน...........และเราทั้งคู่ก็มาถึงจุดหมายที่โรงพยาบาลเรียบร้อย  ........

    คุณหมอบอกกับผมว่า แม่ของผมต้องได้รับการทำบายพาส เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ท่านจะเป็นอันตรายได้ และค่าใช้จ่ายสูงมากด้วยเช่นกัน จากคำบอกเล่าของน้อยชายผมว่า เขากลับมาจากโรงเรียนและเขาเห็นแม่ล้มไปแล้วหน้าเขียวเชียว............แต่ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วและอยู่การดูแลของหมอ

    “นนท์........นนท์...คับ ....ให้ผมได้ช่วยเหลือคุณได้ไหม.....เรื่องแม่คุณผมจะออกค่ารักษาพยาบาลให้........นายตือกล่าวพร้อมกับกุมมือผมไว้  ในใจลึกๆๆ ผมอยากได้เงินก้อนที่นายตือเสนอมาก  แต่ผมก็ไม่อยากเห็นแก่ตัว “ผมอยากได้เงินของคุณจิงๆ  คับ............แต่ผมก็ไม่อยากเห็นแก่ตัวด้วยเช่นเดียวกัน”  นั้นคือคำตอบของผมที่ตอบเขาไป 

    ดังนั้นข้อตกลงระหว่างเราสอง 2 จึงเกิดขึ้นเป็นเหมือนสัญญาที่ต้องทำตาม คือ .........เงินก้อนที่นายตือจะให้ผม จะเป็นเงินค่าจ้างสำหรับการช่วยทำงานบ้านของเขา (เหมือนแม่บ้านแหละคับ) ...............ผมจะได้ทำงานที่ออฟฟิค แต่ผมก็ต้องดูแลนายตือด้วย ไม่ว่าจะซักผ้า ทำความสะอาดบ้าน หรือทำกับข้าวให้นายตือ  และนั้นจะเป็นเงินส่วนพิเศษที่นายตือให้เป็นค่ารักษาพยาบาลคับ............... ผมนั่งคิดว่ามันคุ้มกันไหมกับการทีต้อง เลิกเข็นผัก และเลิกเป็นพนักงานเสริฟ์ ...............แต่เมื่อผมคิดถึงเรื่องตัวเงินแล้ว............ถึงจะไม่ต่างกันมากแต่ผมก็จะได้เป็นก้อนเพื่อรักษาแม่ครับ...........ซึ่งผมปฏิเสธไม่ได้เลย สุดท้ายสัญญาระหว่างเราก็ตกลงเป็นที่เรียบร้อย...........

                                ..........................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×