ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    yaoi เมื่อความกลัวมาเยือน...

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอน1 100%

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 54


     มันเดินเข้ามาถึงตัวผมที่กำลังตั้งท่าจะลุกขึ้น เพื่อป้องกันตัว 

    มือไอภูมิที่ผมคิดว่าคงต้องต่อยแน่แท้.......กับมาบีบที่ต้นคอผม....

    เพียงแค่มือข้างเดียวก็สามารถกำรอบคอได้แล้ว

    “ไอเหี้ย...ปล่อยกูนะ...ก็เจ็บ....”  ผมตะโดนบอกพร้อมมือทั้งสองพยายามแกะมือที่มันกำคอผมอยู่

    มันกดผมนอนลงบนที่นอน และใช้น้ำหนักตัวเองบังคับไม่ให้ผมใช้แขนแกะมือมันได้

     

    อากาศจากตอนที่ยังพอให้ใจได้  ตอนนี้เริ่มที่จะหมดลง  หน้าผมเริ่มแดงเพราะหายใจไม่ออก

    “ป....ล่อ......ย  หายใจไม่ออก.......”  มือที่พยายามแกะออกก็เริ่มหมดเรี่ยวแรง

    สติผมเริ่มหมดแล้ว หรือผมใกล้ตายแล้วหรือ.....ผมจะมาตายเพราะไอภูมิไม่ได้....แต่ก็ไม่ไหวจริงๆ

     

    เสียงสูดหายใจเพื่อเอาอากาศเข้าปอด  เมื่อมันปล่อยมือจากคอของผม

    “แฮ่ก  แฮ่ก   ไอ  ภูมิ  มึงจะฆ่ากูหรือไง....”  ผมตะโกนด่าหลังจากมีสติพอ

    “กูก็อยากฆ่าพวกมึงทุกคนนั้นแหละ.....แต่ตอนนี้ยังก่อน...........”

    “มึง   มึง  ไอเลว.....” 

    “เหอะ  มึงเลวยิ่งกว่ากูอีกไอสอง.....มึงจำไว้ อย่าทำนม และพ่ออีก......ถ้าความอดทนกูหมดจริงๆ...พวกมึง.....5555

    มันเดินหัวเราะออกจากห้อง....

    ทิ้งรอยมือที่ต้องคอผม เป็นของแถม..........   

    ถ้าจะถามว่าทำไมผมถึงไม่บอกแม่  หรือพี่หนึ่ง  คำตอบคือผมหยิ่งเกินกว่าจะให้ใครรู้ว่าผมแพ้ไอภูมิได้....

    เพราะตลอดมาผมไม่เคยถูกทำแบบนี้   ช่วงเวลานั้นมันตั้งใจจะเอาชีวิตผมจริงๆ 

    สายตามันบอกไว้ชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดซะอีก

     

     

    พี่หนึ่งกลับมาพร้อมกับถุงแบรนเนมด์ต่างๆ ที่อยู่ในมือ 

    พี่หนึ่งมักจะอารมณ์ดี...เมื่อได้ใช้เงินไปกับเสื้อผ้า  หรือของที่ชอบ

    คณะที่เธอเลือกเรียนคือ คณะอุตสาหกรรม  ภาควิชาการออกแบบเครื่องแต่งกาย

    มันไม่ใช่ความฝันของพี่หนึ่งหรอครับ  แต่เป็นวิชาที่เธอคิดว่าเธอชอบมากที่สุดต่างหาก

    “สอง คอแกไปทำอะไรมาแดงเชียว....”  พี่หนึ่งกำลังเลือกดูเสี้อผ้าที่เธอซื้อมา แต่เหมือนเธอจะสังเกตเห็น

    “อ้อ....ผมคันนะ  เลยเกาซะแดงเลย.....”  ผมทำท่าเกาที่ต้องคอ ซึ่งเป็นรองแดงอยู่รอบคอของผม

    “สองแกมาดูนี้ดิ....เสื้อสวยมะ....”

    “อือ ...ด้วยดี.....ไม่ซื้อเผื่อมั่งอ่ะ.....ปล่อยให้สองเฝ้าบ้านคนเดียว...” ผมพูดน้อยใจ

    “แหม...แกก็ซื้อบ่อย  ยังจะมาขออีก....อยากได้ก็ซื้อเองดิ...ไปแหละ...” เมื่อผมทำถ้าจะขอเอาเสื้อผ้าของเธองั้นแหละ  พี่หนึ่งเลยหมอบถุงต่างๆ  แล้วเดินขึ้นห้องไปเลย....

     

    ผมตามเธอถึงไปข้างบนเช่นกัน  แต่ไม่ได้เข้าห้องพี่หนึ่ง  เพียงแต่เดินเข้าไปห้องที่อยู่ในสุด 

    ซึ่งห้องนั้นมีพ่อเลี้ยงนอน...ไม่สบายอยู่.....พ่อเลี้ยงดูแลพวกเราดีมาก  และรักพวกเราด้วยเช่นกัน

    ก๊อกๆ  ผมเคาะประตูก่อนที่จะเข้าไปด้านใน  ซึ่งมีพยาบาลส่วนตัวคอยดูแลช่วยเหลือพ่อเลี้ยง

    “พ่อ เป็นไงบ้างครับวันนี้....”  ผมพยักหน้าให้พยาบาลออกไปก่อน

    “อือ ดูขึ้นนะ แค๊ก ๆๆ“  เสียงไอตามมา...หลังจากพูด0[

    “พ่อกินยายังอ่ะ....เดี๋ยวผมป้อนให้....”

    “อือ  พยาบาลให้กินแล้ว  แล้ววันนี้สองไม่ไปไหนหรอ.....”

    “เปล่าครับ......”

    “แล้วแม่สองแหละ.....อยู่ไหม...”

    “แม่ออกไปทำธุระข้างนอกครับ....อีกสักพักคงกลับ....” ผมบอกออกไป

     

    ตอนนี้พ่อ  กับแม่ผม แยกห้องนอนกับอยู่ เพราะอาการป่วยของพ่อต้องคอยให้พยาบาลเป็นคนดูแลอย่างใกล้ชิด

    เพราะอาการป่วยของพ่อ  ทำให้ผมคิดที่จะเรียนหมอ.....ช่วง ม.ปลายที่ผ่านผมทำไม่ค่อยยากจะเรียนหนังสือนัก

    และหลังจากที่พ่อเริ่มมาป่วย  ทำให้ผมเริ่มคิดที่จะเรียนหมอ เพื่อไว้คอยดูแล พ่อ  แม่ และครอบครัวผม  ซึ่งนั้นทำให้ผมเริ่มที่จะพยายามอ่านหนังสือมากขึ้น..... เพิ่มทดแทนช่วงเวลาที่หายไป

    ผมใช้เวลาอยู่กับพ่อนานพอสมควร  เพื่อเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง แก้เครียด และอ่านหนังสือให้ท่านฟัง 

    แม้ว่าเป็นการยากที่จะต้องอยู่กับคนสูงอายุนาน  และยิ่งต้องคอยปรนนิบัติด้วยแล้ว ยิ่งยากใหญ่

    แต่ที่ผมทำได้เพราะ พ่อรักผม.......และผมก็รักท่านจริงๆ

     

    +++++++++++++++++

     

    ตั้งแต่ผมมีรถ  ผมไม่จำเป็นต้องใช้รถของที่บ้านอีก 

    ผมขับรถไปกลับบ้าน-โรงเรียนเองได้.........  กลุ่มเพื่อนที่คบที่โรงเรียนเป็นกลุ่มลูกนักธุรกิจ ซะเป็นส่วนมาก

    พวกเราคบเพื่อ....การแสวงหาผลประโยชน์บางอย่างจากคนๆ นั้น  ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่งที่ทำเช่นนั้น

    ดังนั้นเพื่อนของผมจึงเป็นคนมีหน้ามีตา และเป็นลูกเจ้าของธุรกิจหรือลูกของแวดวงไฮโซเป็นส่วนมาก

    ซึ่งผมก็ชอบที่จะคบกับพวกมัน  มากกว่าที่จะคบกับคนไม่มีเงิน และคอยแต่หาผลประโยชน์จากผมอย่างเดียว

     

    ระหว่างขับรถ  ผมเห็นหลังไวๆ ของไอภูมิที่กำลังเดินอยู่ในซอย เพื่อจะเข้าบ้าน

    “ไอภูมิ  เมื่อวันก่อนมึงคิดจะฆ่ากู....”  ภาพความทรงจำตอนที่เห็นดวงตามัน พร้อมมือที่กำคอผมไว้

    “มึงก็ต้องเจอ  กูบ้าง....”  ผมเหยียบคันเร่ง ตรงไปยังทางที่มันกำลังเดิน

    เสียงแตรดังขึ้นเมื่อผมใกล้ถึงตัวมัน    มันเพียงหันมามองแล้วกระโดดขึ้นไปบนฟุตบาท.....

    มันหกคะล้มคลุกฝุ่นอยู่ริมฟุตบาท.......... 

    ผมเหยียบเบรก พร้อมกับเปิดหน้าต่าง   “5555555555”    ก่อนที่จะขับรถเข้าบ้านไป

    กระจกมองหลังทำให้ผมเห็นมันลุกขึ้นพร้อมทั้งเขี้ยวกระเป๋านักเรียนมาที่รถผม  “ไอภูมิ  มึงต้องเจออีกแน่น...”

     

    !!!!!!!!!!!

     

     

     

     

    กลับมาเรื่องเรียนต่อครับ  เพราะผมต้องรีบเตรียมสอบ O Net A Net  เพื่อจะมีคะแนน  เลือกมหาลัยและคณะที่ผมต้องการได้

    ตอนที่พี่หนึ่งรู้ว่าผมจะเรียนหมอ  คำดูถูกจากพี่สาวคนเดียว ทำให้ผมก็ยิ่งฮึกสู้......

    “สอง สมองอย่างแกอ่ะ...สอบไม่ติดหรอก.....แกมาเรียนแบบฉันดีกว่า...”

    “พี่หนึ่ง...ไมพูดแบบนี้อ่ะ....สองไม่ได้โง่นะเว้ย...แค่ยังไม่ตั้งใจซะหน่อย...”

    “แก ไอสอง  แกว่าฉันโง่หรอ....” พี่หนึ่งแยกเขี้ยวใส่  เพราะเริ่มจะก่อกบฏอีกแล้ว

    “หยุดเลย  พวกแกนี้น่า  โตๆ กันแล้วเลิกทำตัวทะเลาะเป็นเด็กๆ ซักทีได้ไหม..”  เสียงแม่ที่ต้องคอยห้ามทัพเสมอ

    พวกผมหยุดทะเลาะกัน และก็ยังเชิดใส่กันอยู่  ไม่มองหน้ากันด้วยวันนั้นอ่ะ

     

    ความคิดเรื่องนี่........ผลุดขึ้นเมื่อผมอ่านหนังสือบนโต๊ะภายให้ห้อง....

    “เหอะๆ  พี่หนึ่งรอให้ถึงวันนั้นก่อนเถอะ  แล้วพี่จะทำหน้ายังไง......”   ผมใช้เวลาอ่านหนังสือทุกวันในช่วง ม.6 และก็เหลือเพียงไม่กี่เดือนที่ผมจะรู้ว่าความพยายามที่ทำมาให้ช่วง 1 ปี จะทำให้ผมสามารถเรียนคณะแพทย์ได้ไหม......

    เวลาผมต้องการผ่อนคลาย ช่วงกลางคืนเวลาอ่านหนังสือ ผมมักจะออกไปยืนตรงเฉลียง เพื่อสูดอากาศยากค่ำคืน

    เพราะด้านหลังบ้านของผมเป็นสวนมะม่วง....ดังนั้นพอตกดึก  อากาศเย็นภายในสวนมะม่วงจะทำให้บริเวณบ้านเย็นไปด้วยเช่นกัน

    กิจวัตรของผมจะเป็นแบบนี้เสมอ  คือ  ไปเรียน -  กลับบ้าน   เสาร์-อาทิตย์ก็ออกไปขับรถเล่น......  แต่ถ้าเบื่อๆ ก็อยู่บ้านนั้นแหละ  ไม่ต้องออกไปฝ่ากับรถติดให้เหนื่อยใจ.....ตกเย็นก็แวะเข้าไปคุยกับพ่อ แล้วกลับมาอ่านหนังสือต่อ

    ผมทำแบบนั้นมาตลอด......และพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะไม่ต้องเหนื่อยกับการอ่านหนังสือแล้ว

     

    ผลออกมาคือ ผมสามารถเข้าเรียนในมหาลัยของรัฐได้  และคณะแพทย์ศาสตร์ตามที่ผมตั้งเป้าไว้

    ซึ่งนั้นทำให้  แม่เชิดหน้าชูตาที่ลูกชายสามารถเอ็นติด.....  ส่วนไอภูมิเอ็นติดคณะบริหารธุรกิจ มหาลัยเดียวกับผม

    ซึ่งเป็นคณะที่โดดเด่นไม่แพ้กัน...ซึ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ที่มันสามารถเอ็นติดมหาลัยแห่งนี้ได้

    แต่ผมก็ไม่คิดจะคุย หรือทำความรู้จักกับมันในรั่วมหาลัยหรอก เพราะมันคนละชั้นกันครับ....

     

    +++++++++++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×