คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอน1 100%
มือไอภูมิที่ผมคิดว่าคงต้องต่อยแน่แท้.......กับมาบีบที่ต้นคอผม....
เพียงแค่มือข้างเดียวก็สามารถกำรอบคอได้แล้ว
“ไอเหี้ย...ปล่อยกูนะ...ก็เจ็บ....” ผมตะโดนบอกพร้อมมือทั้งสองพยายามแกะมือที่มันกำคอผมอยู่
มันกดผมนอนลงบนที่นอน และใช้น้ำหนักตัวเองบังคับไม่ให้ผมใช้แขนแกะมือมันได้
อากาศจากตอนที่ยังพอให้ใจได้ ตอนนี้เริ่มที่จะหมดลง หน้าผมเริ่มแดงเพราะหายใจไม่ออก
“ป....ล่อ......ย หายใจไม่ออก.......” มือที่พยายามแกะออกก็เริ่มหมดเรี่ยวแรง
สติผมเริ่มหมดแล้ว หรือผมใกล้ตายแล้วหรือ.....ผมจะมาตายเพราะไอภูมิไม่ได้....แต่ก็ไม่ไหวจริงๆ
เสียงสูดหายใจเพื่อเอาอากาศเข้าปอด เมื่อมันปล่อยมือจากคอของผม
“แฮ่ก แฮ่ก ไอ ภูมิ มึงจะฆ่ากูหรือไง....” ผมตะโกนด่าหลังจากมีสติพอ
“กูก็อยากฆ่าพวกมึงทุกคนนั้นแหละ.....แต่ตอนนี้ยังก่อน...........”
“มึง มึง ไอเลว.....”
“เหอะ มึงเลวยิ่งกว่ากูอีกไอสอง.....มึงจำไว้ อย่าทำนม และพ่ออีก......ถ้าความอดทนกูหมดจริงๆ...พวกมึง.....5555”
มันเดินหัวเราะออกจากห้อง....
ทิ้งรอยมือที่ต้องคอผม เป็นของแถม..........
ถ้าจะถามว่าทำไมผมถึงไม่บอกแม่ หรือพี่หนึ่ง คำตอบคือผมหยิ่งเกินกว่าจะให้ใครรู้ว่าผมแพ้ไอภูมิได้....
เพราะตลอดมาผมไม่เคยถูกทำแบบนี้ ช่วงเวลานั้นมันตั้งใจจะเอาชีวิตผมจริงๆ
สายตามันบอกไว้ชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดซะอีก
พี่หนึ่งกลับมาพร้อมกับถุงแบรนเนมด์ต่างๆ ที่อยู่ในมือ
พี่หนึ่งมักจะอารมณ์ดี...เมื่อได้ใช้เงินไปกับเสื้อผ้า หรือของที่ชอบ
คณะที่เธอเลือกเรียนคือ คณะอุตสาหกรรม ภาควิชาการออกแบบเครื่องแต่งกาย
มันไม่ใช่ความฝันของพี่หนึ่งหรอครับ แต่เป็นวิชาที่เธอคิดว่าเธอชอบมากที่สุดต่างหาก
“สอง คอแกไปทำอะไรมาแดงเชียว....” พี่หนึ่งกำลังเลือกดูเสี้อผ้าที่เธอซื้อมา แต่เหมือนเธอจะสังเกตเห็น
“อ้อ....ผมคันนะ เลยเกาซะแดงเลย.....” ผมทำท่าเกาที่ต้องคอ ซึ่งเป็นรองแดงอยู่รอบคอของผม
“สองแกมาดูนี้ดิ....เสื้อสวยมะ....”
“อือ ...ด้วยดี.....ไม่ซื้อเผื่อมั่งอ่ะ.....ปล่อยให้สองเฝ้าบ้านคนเดียว...” ผมพูดน้อยใจ
“แหม...แกก็ซื้อบ่อย ยังจะมาขออีก....อยากได้ก็ซื้อเองดิ...ไปแหละ...” เมื่อผมทำถ้าจะขอเอาเสื้อผ้าของเธองั้นแหละ พี่หนึ่งเลยหมอบถุงต่างๆ แล้วเดินขึ้นห้องไปเลย....
ผมตามเธอถึงไปข้างบนเช่นกัน แต่ไม่ได้เข้าห้องพี่หนึ่ง เพียงแต่เดินเข้าไปห้องที่อยู่ในสุด
ซึ่งห้องนั้นมีพ่อเลี้ยงนอน...ไม่สบายอยู่.....พ่อเลี้ยงดูแลพวกเราดีมาก และรักพวกเราด้วยเช่นกัน
ก๊อกๆ ผมเคาะประตูก่อนที่จะเข้าไปด้านใน ซึ่งมีพยาบาลส่วนตัวคอยดูแลช่วยเหลือพ่อเลี้ยง
“พ่อ เป็นไงบ้างครับวันนี้....” ผมพยักหน้าให้พยาบาลออกไปก่อน
“อือ ดูขึ้นนะ แค๊ก ๆๆ“ เสียงไอตามมา...หลังจากพูด0[
“พ่อกินยายังอ่ะ....เดี๋ยวผมป้อนให้....”
“อือ พยาบาลให้กินแล้ว แล้ววันนี้สองไม่ไปไหนหรอ.....”
“เปล่าครับ......”
“แล้วแม่สองแหละ.....อยู่ไหม...”
“แม่ออกไปทำธุระข้างนอกครับ....อีกสักพักคงกลับ....” ผมบอกออกไป
ตอนนี้พ่อ กับแม่ผม แยกห้องนอนกับอยู่ เพราะอาการป่วยของพ่อต้องคอยให้พยาบาลเป็นคนดูแลอย่างใกล้ชิด
เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้ผมคิดที่จะเรียนหมอ.....ช่วง ม.ปลายที่ผ่านผมทำไม่ค่อยยากจะเรียนหนังสือนัก
และหลังจากที่พ่อเริ่มมาป่วย ทำให้ผมเริ่มคิดที่จะเรียนหมอ เพื่อไว้คอยดูแล พ่อ แม่ และครอบครัวผม ซึ่งนั้นทำให้ผมเริ่มที่จะพยายามอ่านหนังสือมากขึ้น..... เพิ่มทดแทนช่วงเวลาที่หายไป
ผมใช้เวลาอยู่กับพ่อนานพอสมควร เพื่อเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง แก้เครียด และอ่านหนังสือให้ท่านฟัง
แม้ว่าเป็นการยากที่จะต้องอยู่กับคนสูงอายุนาน และยิ่งต้องคอยปรนนิบัติด้วยแล้ว ยิ่งยากใหญ่
แต่ที่ผมทำได้เพราะ พ่อรักผม.......และผมก็รักท่านจริงๆ
+++++++++++++++++
ตั้งแต่ผมมีรถ ผมไม่จำเป็นต้องใช้รถของที่บ้านอีก
ผมขับรถไปกลับบ้าน-โรงเรียนเองได้......... กลุ่มเพื่อนที่คบที่โรงเรียนเป็นกลุ่มลูกนักธุรกิจ ซะเป็นส่วนมาก
พวกเราคบเพื่อ....การแสวงหาผลประโยชน์บางอย่างจากคนๆ นั้น ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่งที่ทำเช่นนั้น
ดังนั้นเพื่อนของผมจึงเป็นคนมีหน้ามีตา และเป็นลูกเจ้าของธุรกิจหรือลูกของแวดวงไฮโซเป็นส่วนมาก
ซึ่งผมก็ชอบที่จะคบกับพวกมัน มากกว่าที่จะคบกับคนไม่มีเงิน และคอยแต่หาผลประโยชน์จากผมอย่างเดียว
ระหว่างขับรถ ผมเห็นหลังไวๆ ของไอภูมิที่กำลังเดินอยู่ในซอย เพื่อจะเข้าบ้าน
“ไอภูมิ เมื่อวันก่อนมึงคิดจะฆ่ากู....” ภาพความทรงจำตอนที่เห็นดวงตามัน พร้อมมือที่กำคอผมไว้
“มึงก็ต้องเจอ กูบ้าง....” ผมเหยียบคันเร่ง ตรงไปยังทางที่มันกำลังเดิน
เสียงแตรดังขึ้นเมื่อผมใกล้ถึงตัวมัน มันเพียงหันมามองแล้วกระโดดขึ้นไปบนฟุตบาท.....
มันหกคะล้มคลุกฝุ่นอยู่ริมฟุตบาท..........
ผมเหยียบเบรก พร้อมกับเปิดหน้าต่าง “5555555555” ก่อนที่จะขับรถเข้าบ้านไป
กระจกมองหลังทำให้ผมเห็นมันลุกขึ้นพร้อมทั้งเขี้ยวกระเป๋านักเรียนมาที่รถผม “ไอภูมิ มึงต้องเจออีกแน่น...”
!!!!!!!!!!!
กลับมาเรื่องเรียนต่อครับ เพราะผมต้องรีบเตรียมสอบ O Net A Net เพื่อจะมีคะแนน เลือกมหาลัยและคณะที่ผมต้องการได้
ตอนที่พี่หนึ่งรู้ว่าผมจะเรียนหมอ คำดูถูกจากพี่สาวคนเดียว ทำให้ผมก็ยิ่งฮึกสู้......
“สอง สมองอย่างแกอ่ะ...สอบไม่ติดหรอก.....แกมาเรียนแบบฉันดีกว่า...”
“พี่หนึ่ง...ไมพูดแบบนี้อ่ะ....สองไม่ได้โง่นะเว้ย...แค่ยังไม่ตั้งใจซะหน่อย...”
“แก ไอสอง แกว่าฉันโง่หรอ....” พี่หนึ่งแยกเขี้ยวใส่ เพราะเริ่มจะก่อกบฏอีกแล้ว
“หยุดเลย พวกแกนี้น่า โตๆ กันแล้วเลิกทำตัวทะเลาะเป็นเด็กๆ ซักทีได้ไหม..” เสียงแม่ที่ต้องคอยห้ามทัพเสมอ
พวกผมหยุดทะเลาะกัน และก็ยังเชิดใส่กันอยู่ ไม่มองหน้ากันด้วยวันนั้นอ่ะ
ความคิดเรื่องนี่........ผลุดขึ้นเมื่อผมอ่านหนังสือบนโต๊ะภายให้ห้อง....
“เหอะๆ พี่หนึ่งรอให้ถึงวันนั้นก่อนเถอะ แล้วพี่จะทำหน้ายังไง......” ผมใช้เวลาอ่านหนังสือทุกวันในช่วง ม.6 และก็เหลือเพียงไม่กี่เดือนที่ผมจะรู้ว่าความพยายามที่ทำมาให้ช่วง 1 ปี จะทำให้ผมสามารถเรียนคณะแพทย์ได้ไหม......
เวลาผมต้องการผ่อนคลาย ช่วงกลางคืนเวลาอ่านหนังสือ ผมมักจะออกไปยืนตรงเฉลียง เพื่อสูดอากาศยากค่ำคืน
เพราะด้านหลังบ้านของผมเป็นสวนมะม่วง....ดังนั้นพอตกดึก อากาศเย็นภายในสวนมะม่วงจะทำให้บริเวณบ้านเย็นไปด้วยเช่นกัน
กิจวัตรของผมจะเป็นแบบนี้เสมอ คือ ไปเรียน - กลับบ้าน เสาร์-อาทิตย์ก็ออกไปขับรถเล่น...... แต่ถ้าเบื่อๆ ก็อยู่บ้านนั้นแหละ ไม่ต้องออกไปฝ่ากับรถติดให้เหนื่อยใจ.....ตกเย็นก็แวะเข้าไปคุยกับพ่อ แล้วกลับมาอ่านหนังสือต่อ
ผมทำแบบนั้นมาตลอด......และพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะไม่ต้องเหนื่อยกับการอ่านหนังสือแล้ว
ผลออกมาคือ ผมสามารถเข้าเรียนในมหาลัยของรัฐได้ และคณะแพทย์ศาสตร์ตามที่ผมตั้งเป้าไว้
ซึ่งนั้นทำให้ แม่เชิดหน้าชูตาที่ลูกชายสามารถเอ็นติด..... ส่วนไอภูมิเอ็นติดคณะบริหารธุรกิจ มหาลัยเดียวกับผม
ซึ่งเป็นคณะที่โดดเด่นไม่แพ้กัน...ซึ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ที่มันสามารถเอ็นติดมหาลัยแห่งนี้ได้
แต่ผมก็ไม่คิดจะคุย หรือทำความรู้จักกับมันในรั่วมหาลัยหรอก เพราะมันคนละชั้นกันครับ....
+++++++++++++
ความคิดเห็น