คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอน 3
วันนี้หมอนัดคุณคริสเพื่อตรวจเส้นประสาทตาหลังจากที่ได้รับความกระทบกระเทือน
การนัดพบแพทย์นั้นโดยปรกติจะนัด 2 อาทิตย์ครั้ง... โดยแพทย์จะนัดพบที่โรงพยาบาล
แต่ในกรณีของคุณคริส แพทย์ต้องมาพบที่บ้านเนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยจะออกนอกบ้านเลย
แต่เวลานี้ผมกับคุณคริสกำลังเตรียมตัวที่จะออกไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล
เราได้โต้แย้งเหตุผลที่เราต้องออกเดินทางไป ซึ่งคุณคริสก็ให้เหตุผลให้ส่วนของเขาเหมือนกัน
“ฉันไม่คิดจะออก......คุณก็แค่โทรเรียกหมอมาก็เท่านั้น”
“คุณคริส..คุณไม่คิดจะออกไปเจอโลกภายนอกบ้างหรือ...” ผมพูดด้วยความระอา
“ไม่...ฉันอยู่ของฉันแบบนี้ก็ดีแล้ว.....”
“ถึงคุณจะไม่ชอบ...แต่คุณต้องคิดถึงส่วนร่วมมั่งสิ....หมอไม่ได้มีคุณเป็นคนไข้คนเดียวสักหน่อย........”
“ฉันมีเงิน....ฉันจ่ายค่าเสียเวลาอย่างงาม...”
“ปัญหามันไม่ใช่เรืองเงินหรอก.....เมื่อเดินทางมาหาคุณ....คนไข้ที่ต่อจากคุณก็ต้องถูกเลื่อนออกไป..”
“.........................”
“แล้วถ้าเกิดมีเคส ด่วนขึ้นมาก.....คุณหมอเขาจะแย่เอานะ.......”
“....แล้วคุณจะให้ผมทำอย่างไง.......”
“.......เอางี้สิ .....คุณก็แต่ตัวและออกไปพบหมอกับฉัน.......ฉันจะขับรถเอง...เสร็จแล้ว ฉันจะพาคุณเดินที่สวนใกล้ๆๆ...”
“คุณจะพาผมเดิน...คุณไม่กลัวคนดูถูกหรอ...ผู้หญิงทุกคนเขาก็ต้องการเดินกับคนที่สมบูรณ์ทั้งนั้น” คุณคริสพูดพร้อมแสดงสีหน้าเจ็บปวด
ผมตัดสินใจเดินไปหลังเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ และทาบมือลงบนไหล่ทั้งสอง
“....คุณอย่าดูถูกตัวเองอย่างนั้นสิ.....ฉันพร้อมจะเดินไปกับคุณแน่นอน....” เขาเอื้อมมือมาจับหัวไหล่ตัวเองที่มือของผมทาบไว้ และบีบมือเหมือนกำลังจะบอกว่า...คุณไม่ได้โกหกผมใช่ไหม........
“........นั้นผมจะแต่งตัว...คุณเรียกป้าโรส...ให้มาเปลี่ยนชุดผมหน่อย....”
“.....ได้ค่ะ..........”
ผมเดินออกไปเพื่อเรียกป้าโรสมาเปลี่ยนชุดให้คุณคริส ซึ่งที่จริงผมก็สามารถเปลี่ยนได้...แต่ดูเหมือนคุณคริสจะอายๆๆ เพราะคิดว่าผมเห็นผู้หญิง และป้าโรสแกก็เป็นแม่นมของคุณคริสด้วยเช่นกัน
+++++++++
“รถเตรียมพร้อมแล้วค่ะคุณคริส......เราไปกันเลยดีกว่า” ผมเดินเข้าไปเพื่อจะพาเขาออกมายังรถที่จอดไว้หน้าตึก
“คุณมิคกี้...คุณใส่ชุดอะไรน่ะ...” เขาถามเหมือนจะมองเห็นผม
“..อ้อ..ก็ชุดพยาบาลปกติ.......”
“....นั้นผมอนุญาตให้วันนี้คุณใส่ชุดสบายๆ ได้......”
“ แต่...”
“นี่เป็นคำสั่ง....หรือคุณจะให้ผมเรียนหมอมาที่นี่แทนดี...”
เมื่อเป็นการต่อรองเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งทำให้บรรยากาศในบ้านไม่ตรึงเครียดเหมือนแต่ก่อน
“.....แหมๆๆ คุณมิคกี้ค่ะ...ป้าโรสว่าตามใจ คุณคริสเถอะค่ะ 5555”
“......ใช่ๆๆ ป้าว่าหนูควรจะพักผ่อนมั่งนะ ตั้งแต่มานี้มิคกี้ก็ยังไม่ได้พักเลยนี้จ๊ะ...” ป้าแอนเสริม
“....นั้น...รอแป๊ปนะ เดี๋ยวให้มิคกี้เปลี่ยนชุดแป๊ป...” ว่าแล้วผมก็เดินเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อ
เราขับรถมาถึงตัวเมืองที่แอดอัดไปด้วยผู้คนที่กำลังเดินขวักไขว่.........
ผมได้เปลี่ยนเสื้อมาเป็นเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน...พร้อมกับกางเกนยีนต์สีเข้ม...และรองเท้าผ้าใบที่เข้ากับชุด....เส้นผมถูกรวบไว้ด้านหลังและมัดพอหลวม
ส่วนคุณคริส ใส่เสื้อเชิ้ตสีเทาอมแดงแขนสั้น...พร้อมกับกางเกงที่เข้ารูป รองเท้าขัดมัน พร้อมกับแว่นกันแดดยี่ห้อดัง ซึ่งรับกับใบหน้าของเขา
+++++++++
แพทย์ที่เป็นเจ้าของคนไข้ ได้บอกรายละเอียดกับผมว่า.....อาการที่เส้นประสาทตานั้นดีขึ้นตามลำดับ และมีโอกาสที่จะผ่าตัดได้ แต่แพทย์ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเมื่อผ่าตัดแล้วจะกลับมาเห็นดังเดิมได้มากน้อยแค่ไหน อาจอยู่ที่กำลังใจของคนได้ด้วยเช่นเดียวกัน......ซึ่งหน้าที่ผมคือการให้กำลังใจคุณคริสเพื่อเขาจะได้มีแรงผลักดันที่จะผ่านตัดและมองเห็นอีกครั้ง
ตอนนี้ผมกับคุณคริสเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน......ส่วนอารมณ์ร้อนๆ นั้นผมไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่แล้ว อาจเนื่องจากผมไม่ค่อยจะประคบประหงมคุณคริสมากเท่าที่ควร อะไรที่เขาทำเองได้ ผมจะไม่เข้าไปช่วยเหลือ ตอนนี้คุณคริสสามารถเดินเองภายให้บริเวณได้แล้วเช่นกัน......ซึ่งนั้นทำให้ป้าแอนดีใจเป็นอย่างมาก
“...มิคกี้....คุณพาผมไปร้านอาหารหน่อยสิ..ผมหิวแล้ว...” นั้นเป็นเสียงคุณคริสเมื่อเราเข้ารับการตรวจเสร็จเรียบร้อย
“....คุณอยากให้พาไปที่ไหนดีค่ะ...”
“....มิคกี้....คุณคิดว่าร้านไหนน่าสนใจ..ก็พาผมเข้าแล้วกัน...”
“....ได้ค่ะ....” ผมขับรถวนอยู่ที่สี่แยกกลางเมืองใหญ่...และเห็นร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ใหญ่นัก แต่ตกแต่งดูมีคลาส....ผมจึงพาตัวเองและคุณคริส เข้าไปในร้านนั้น
ภายนอกและภายในร้านตกแต่งได้อย่างเป็นกันเอง ซึ่งถ้าคุณคริสเห็นคงไม่ยอมเข้าแน่ เพราะมันอาจจะไม่เหมาะกับฐานะของเขา.....ผมอมยิ้มเหมือนนึกว่าจะเป็นอย่างไงถ้าเขาเห็นร้านนี้
“เรานั่งตรงนี้ดีกว่าค่ะ.....” คุณคริสเดินเกาะแขนผมจะพาตัวเองนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่งภายในร้าน
กลิ่นของร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ และกลิ่นขนมปังอบก็โชยกลิ่นแตะจมูกยิ่งนัก ถือว่าเรียกน้ำย่อยได้เลยที่เดียว
“มิคกี้....คุณสั่งอะไร ผมก็เอาอย่างนั้นแล้วกัน...”
ผมนั่งมองรายการอาหารที่เปิดแล้วเปิดอีก ภาพให้เมนูทำให้ผมอยากจะเลือกแทบทุกอย่าง ติดอยู่ที่ว่ากินไม่หมด
ผมจึงตัดสินใจเลือกอาหารที่จะคิดคุณคริสน่าจะทานได้ด้วยเช่นกัน
“เอาสเต็กเนื้อแกะ...ขนมปังกระเทียม...และไวน์ขาว ”
ระหว่างที่เรากำลังรออาหาร เสียงโทรทัศน์ก็ประกาศข่าวเรื่องที่เศรษฐีบ่อน้ำมันสลัดรักแฟนคนปัจจุบัน
และประกาศจะทำหนังร่วมกับชาวต่างชาติ.......
......ดูสิเธอ...ฉันว่าแล้วว่าคบกันไม่ยืดหรอคู่นี้...... นั้นเป็นเสียงซุบซิบกันซึ่งกำลังพูดถึงแฟนเก่าของคุณคริสนั้นเอง
ผมพยายามสังเกตสีหน้าที่อารมณ์ของเขา.....แต่ไม่มีสิ่งใดแสดงให้เห็นเลย (เก็บสีหน้าเก่งจัง)
อาหารมือนั้นเราทานกันแบบเงียบๆ ปล่อยให้แต่ละคนคิดเรื่องของตัวเอง......
.........หลังจากเสร็จภารกิจ เราออกจากร้านและตรงไปยังสวนสาธารณะซึ่งอยู่ระแวกใกล้เคียงกัน.....บรรยากาศร่มรื่น....มีเสียงนกร้อง...และคนที่ทำกิจกรรมต่างๆๆ บริเวณนั้น ผมอาสาที่จะพาคุณคริสเดิน....โดยที่ไม่ต้องใช้ไม้ค่ำ....
ซึ่งผมคิดว่านั้นจะทำให้คนมองเราน้อยลง......และคุณคริสเองก็พอใจที่จะไม่เป็นเป้าสายตาใคร
ระหว่างเดินผมก็อธิบายบรรยากาศโดยรอบ ให้ฟัง แม้แต่กิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่คนเหล่านั้นทำกัน........
ผมพาคุณคริสเดินมาถึงสระน้ำพุซึ่งมีรูปเทพีเสรีภาพ ตั้งอยู่ตรงกลางและที่ปลายครอปเพลิงมีน้ำพุไหลออกมา
“คุณคริสนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะ....เดี๋ยวจะไปซื้อน้ำมาให้...” เขาพยักหน้ารับ
น้ำสองแก้วถูกหิ้วมาในมือ “คุณคริสได้แล้ว.....นี่น้ำ...”
เขารับพร้อมกับจับมือผมไว้ “มิคกี้...คุณสัญญาได้ไหมว่าคุณจะอยู่กับผมตลอดไป”
“..........................” ผมได้แต่นิ่งเงียบ
“มิคกี้............คุณทนอยู่กับคนอารมณ์แบบผมได้ไหม......ผมรู้สึกว่าผมอาจจะชอบคุณ...” น้ำเสียงนั้นจริงจัง
ผมได้เพียงแค่มอง แต่ไม่สามารถตอบได้ เพราะเขากำลังสารภาพรักกับผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ไม่ใช่ผมซึ่งเป็นผู้ชายคนนี้.........และถ้าเขารู้ เขาจะไม่พูดเช่นนี้ อาจจะรังเกียจผมเลยก็ได้.......
“...................” ผมไม่พูดอะไร
“......ผมรู้ว่าอาจจะเร็วเกินไป....แต่อย่างน้อยช่วงเวลานี้ผมขอให้คุณอยู่กับผมได้ไหม........”
“...........ฉันสัญญาได้เพียงว่าฉันจะอยู่กับคุณจนกว่าคุณจะหาย และจะไปเมื่อคุณไม่ต้องการฉันค่ะ....” ผมพูดได้เพียงเท่านี้จริงๆ
++++++++++++++
เพราะเรื่องเมื่อกลางวันทำให้ผมนอนไม่ค่อยหลับ ผมเลยตัดสินใจออกมาเดินเล่นที่ชายทะเล
เพื่อรับบรรยากาศ.....
....แสงจันทร์ทอดตัวเหนือผิวน้ำ....ระลอกน้ำเหมือนกับเต้นระบำต้อนรับของการมาเยือน
ของดวงดาวบนฟากฟ้า..........เสียงซ่าๆๆ คือเสียงดนตรีที่บรรเลงเฉลิมฉลองการมาเยือนอีกครา
“มิคกี้..คุณออกมทำอะไรที่นี่นะ...........” ผมสะดุ้งกับเสียงดุที่อยู่ด้านหลัง ทำไมผมได้ยินเสียงเขาเดินมานะ
“ผมถามว่าคุณมาทำอะไรที่นี่..........” เสียงดุคำรามอย่างคนเดือดดาล ยังคงอยู่
“...ฉันแค่นอนไม่ค่อยหลับเลยออกมารับลมเล่นนะ..” ผมตอบออกไป
“...ถึงแม้ว่าผมจะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้...และชายทะเลนั้นไม่ใช่...แล้วยิ่งคุณเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว..เกิดมีอะไรเกิดขึ้นมันจะเป็นอันตราย........ดังนั้นผมขอสั่งให้คุณกลับขึ้นบ้านและอย่าออกมาเดินเล่นแบบนี้อีก....”
ผมมองเขาแบบงง อาการเหนื่อยหอบ และเท้าเปล่า ทำให้ผมคิดว่าเขาคงออกมาตามหาผม...ทั้งที่ไม่มีไม้ค้ำเนี้ยนะ....
ทำไม่ถึงแบบเป็นแบบนี้ไปได้ เขาเป็นห่วงผมจริงๆ ใช่ไหม.....
“ฉันขอโทษค่ะ........ฉันไม่ได้ตั้งใจ.........” เขาเดินเข้ามาตามเสียงและยืนอยู่ตรงหน้าผม
“มิคกี้...คุณรู้ไหมผมเป็นห่วงคุณนะ....อย่าทำให้ผมต้องกลายเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องอีก....ผมกังวลเมื่อคุณไม่อยู่ใกล้ๆๆ”
เขาค่อยๆๆ ก้มลงจูบที่เปลือกตา...และไล่ลงมาที่ริมฝีปาก........
“อย่า.....อย่าจับ....”
“ทำไม....คุณรังเกียจผมนักหรอ........”
“เปล่า...เพียงแค่มิคมีรอยแผลเป็นซึ่งไม่อยากให้คุณสัมผัสเท่านั้น”
“แผลเป็นที่ไหนหละ”
“ต้นคอ” ขนาดที่เราจูบนั้น บทสนทนายังคงเกิดขึ้นเรื่อยๆ
เขาได้ยินดังนั้นมือก็เลื่อยลงมาที่ต้นคอ.....และเริ่มสัมผัสรอยบาดแผลที่เป็นแนวยาว
มือร้อนของคุณคริสลากจากปลายบนสุดของแผลลงมาถึงปลายล่างของแผล
เขาก้มจุมพิตที่บาทแผลนั้น “คุณรู้ไหมบาดแผลคุณไม่ได้น่ารังเกียจเลย.....” ผมอยากจะขอบคุณเขาจากใจเช่นกัน
เพราะคำพูดของเขาทำให้ผมรู้สึกผูกพันกับเขามากยิ่งขึ้น
ผมโอนอ่อนตามแรงกดดันที่วาบหวานผ่านมาทางริมฝีปากเขา.....
เราจูบสลับไปมาจนได้ยินเสียงคนเมาเข้ามาใกล้........
เราตัดสินใจที่จะกลับเข้าไปในตัวบ้าน..........
++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น