ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    yaoi เสียงเรียกของ...(สัตว์)..ป่า

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอน9

    • อัปเดตล่าสุด 16 ธ.ค. 54


     ตอน 9

     

    ตอนนี้พวกเรากำลังเดินเข้าป่า  ตามที่เรย์ได้บอกไว้ ว่าจะพาผมไปเยี่ยมฝูงนะครับ...

    ซึ่งในใจลึกก็คิดว่ามันจะดีหรือเปล่าเน้อ ..... แต่ความอยากรู้มันมากกว่า และไหนจะได้เห็นลูกๆ หลานๆ ของเรย์อีก

    ผมเดินตามเรย์เข้ามาในทางที่ไม่คุ้นเคยเลยก็ว่าได้.....เส้นทางนี้ปู่ผมเคยบอกว่ามันอันตรายมากๆ และไม่อยากให้ผมเดินเข้าไป..   แต่ตอนนี้ผมกลับกำลังเดินอย่างมุ่งมาด เพื่อจะได้เจอสิ่งที่ตัวเองหวังไว้

    เรย์บอกว่าให้เดินใกล้ๆ เขา   เพราะเส้นทางนี้เดินลำบากมากๆ  และอาจหลงได้เพราะต้นไม้ที่ขึ้นปกคลุม..

    ผมเห็นต้นเถาวัลย์ขยับได้ด้วย..ที่จริงจะเรียกว่าเป็นอีกด้านหนึ่งของป่าแห่งนี้ก็ได้ เพราะมันเหนือจิตนาการที่ผมคาดไว้มาก..  เหมือนกับผมกำลังเดินวนอยู่ที่เดิมด้วยซ้ำ..ทั้งที่จริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น....

     

    “เรย์....นั้นต้นอะไรอ่ะ..”  ผมมองเห็นต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีสีสันสวยงามและดึงดูดตัวผมให้เดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อจะได้สัมผัสต้นไม้นั้น ดอกไม้ที่บานอยู่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมาที่จมูกของผม  มือผมที่จะเอื้อมเพื่อไปสัมผัส  แม้สักนิดก็ยังดี

    “โอ๊ย.........นายทำอะไร..” ผมหันไปมองเรย์ที่ยืนค่ำผมอยู่  โดยที่เขาพุ่งมาชนผมอย่างแรง

    “อย่าแตะต้องอะไรทั้งนั้นในป่าแห่งนี้....นายอาจตายโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ...และต้นไม้ที่นายจะจับ มันเป็นต้นโฮลิก..ที่ส่งกลิ่นยั่วยวน แต่พิษมันร้ายไม่ใช่เล่น ถ้าเกิดไปถูกมันจะปวดแสบปวดร้อนเหมือนตายก็ว่าได้..ดังนั้นนายอย่าไปยุ่งกับมันเลยดีกว่า...”  ผมอึ้งและทึ้งกับความรู้ที่เรย์บอกจริงๆ ....

    เรย์ยื่นมือมาเพื่อจะฉุดผมขึ้นจากพื้นที่ผมล้มลง....ตอนนี้เรย์เลยต้องมาเดินป่าด้วยร่างของมนุษย์เพราะผมเดินไปก็เที่ยวถามถึงต้นไม้ และดอกไม้แปลกๆ ที่ผมไม่เคยเห็น..ดังนั้นการเดินทางของเราเลยล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้

     

    “เรย์..นายนี่รู้เรื่องพืช ต้นไม้ ใบหญ้าทุกอย่างเลยเนอะ...ผมอยากมีความรู้แบบเรย์จัง”  ผมเอ่ยชมเพราะต้นไม้ทุกต้นที่ผมถามเรย์ มักจะได้คำตอบแบบรู้ลึกรู้จริง...และเป็นต้นที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนจากอีกด้านหนึ่งของป่า..

    “หยุด..” อยู่ๆ เรย์ก็สั่งให้ผมหยุดพร้อมทั้งใช้นิ้วชี้ปิดที่ปาก เหมือนจะบอกว่าให้ผมหยุดพูดด้วย

     

    เสียง พุ่มไม้สีกันอยู่ด้านหน้าของพวกเราทำให้ผมหวั่นได้นิดๆ เพราะอาจเป็นสัตว์ที่สามารถทำอันตรายพวกเราได้

    ตอนนี้เรย์อยู่ในร่างของหมาป่าพร้อมที่จะกระโจน  เพื่อตะปบบางอย่างถ้ามันกระโจนมาหาพวกเรา

    และในชั่วเวลาแป๊ปเดียว สัตว์ตัวใหญ่ที่ดำก็พุ่งมาหาพวกเราจริง .....

    มีดที่อยู่ในมือผมถูกยกขึ้นเพื่อป้องกันตัวจากสัตว์ป่าที่จะทำร้ายพวกเรา...

     

    เสียงฟัดกันของสัตว์ทั้งสอง กำลังดังอยู่ด้านหน้าของผม โดยที่เรย์กระโจนเข้าไป  พร้อมจะทำร้ายสัตว์ที่ดำตัวนั้นเช่นกัน

    ผมยืนมองอยู่จนรู้ว่ามันคือหมาไน...ที่เป็นสัตว์ป่าที่ไม่ถูกกับหมาป่า...

    ผมหยิบมืดปลายแหลมเล็กขึ้นมา เพื่อจะปาเข้าไปในวนของสัตว์ที่กำลังฟัดกันอยู่..

     

    ผมถูกฝึกเรื่องการใช้มีดทุกแบบ ดังนั้นอาวุธที่ผมถนัดสุดคือมีด...ผมเล็งมันตอนที่มันกระโดนหลบและแยกจากเรย์

    ฟิ๊ววว....เสียงมีดเล็กที่ผมปาไปโดนเป้าหมายที่เล็งไว้

    “แอ็งๆๆ  “  เสียงหมาไนที่โดนอาวุธผมก่อนที่มันจะทิ้งคาบเลือดและวิ่งเข้าไปในป่า...

     

    ผมรีบวิ่งเข้าไปดูเรย์ที่ยืนจังก้ามองดูหมาในตัวนั้นวิ่งไป....

    เรย์มีบาดแผลที่ขา..เพราะโดนหมาในตัวนั้นกัด...  แต่ส่วนอื่นๆ เท่าที่ผมดูก็ไม่มีอะไรมาก

    “เรย์ ทำแผลก่อน...” ผมหยิบใบยาที่ใช้สมานแผลขึ้นมาเพื่อทำแผล

    “ไม่ต้องหรอกคาโอรุ เลียสักพักแผลก็หายแล้ว..” ตอนนี้เรย์กลายมาเป็นมนุษย์เพื่อพูดคุยกับผมอีกครั้ง

    “ไม่ได้...ถึงไงก็ต้องทำแผลให้สะอาดไว้ก่อน...” ผมบอกออกไป  แต่เรย์กลับยกแขนขึ้นแล้วเลียมันต่อหน้าผม

    แต่สายตาผม  ก็มองเห็นว่าเป็นแผลที่ไม่หน้าเป็นห่วงเท่าไหร่จริงๆ

    “เรย์ ทำไมหมาไน ถึงไม่ถูกกับหมาป่าแหละ”  ผมถามด้วยความสงสัย

    “เรื่องมันนานมาแล้ว..ตั้งแต่สมัยปู่ของข้า......”

    “เรย์เล่าให้ฟังได้ไหม...” ผมถามกลับไป

    “อือ......หมาป่าอย่างพวกเรานะ เป็นหมาป่าที่ใช้เยี่ยวยารักษา  แต่เนื้อและขนของหมาในเป็นยาพิษ...เมื่อก่อนพวกเราก็พึ่งพาซึ่งกันและกัน แม้จะไม่ได้อยู่รวมกัน และพวกเราก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน...จนวันหนึ่ง มีหมาไนมันคิดจะฆ่าหมาป่าอย่างพวกเราเพื่อที่จะครอบครองป่าแห่งนี้แทน  ซึ่งตอนนั้นปู่ของข้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน จนกระทั่งหมาในตัวนั้น  ลอบเข้ามาและกัดเข้าที่คอของปู่ข้า...ซึ่งพิษของหมาไนทำให้ปู่ข้าของจบชีวิตลง  แม้ว่าปู่ข้าจะเป็นหมาป่าที่แข็งแกร่งและสามารถรักษาตัวเองได้  แต่พิษที่ปู่ข้าได้รับมันก็มากเกินกว่าที่จะรักษาได้...และหมาไนตัวนั้นก็ถูกพวกพ่อขอข้าฆ่าตาย...แต่หมาไนตัวอื่นไม่เชื่อ...ทำให้เริ่มมีการทะเลาะกัน..จนในที่สุดเรื่องก็บานปลายกลายเป็นปัญหาระหว่าง สายพันธุ์ด้วยกันเอง...ตั้งแต่นั้นมาพวกข้า   และพวกมันก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน   มีแต่พวกมันที่จ้องจะทำร้ายหมาป่าอย่างเรานั้นแหละ..”

    “เรย์...แล้วหมาป่าตัวอื่นๆ ไม่โดนพวกมันทำร้ายหรอ..”

    “ก็มีบ้าง...พวกเราก็ฆ่าพวกมันเยอะเหมือนกัน..แต่พวกเราไม่คิดจะเริ่มก่อน...แต่ก็ต้องป้องกันตัว..”

    “เรย์แล้วสัตว์ที่อยู่ในป่าทุกชนิด เหมือนเรย์บ้างไหม...”

    “เจ้าหมายถึงมีร่างกายเป็นมนุษย์นะหรอ....มีสิสัตว์ที่อยู่ในป่าแห่งนี้ก็จะมีหัวหน้าคอยดูแล...แต่พวกเขาไม่คิดจะออกมาจากป่าหรอกนะ...ที่จริงข้าก็ไม่คิดจะออกมาเช่นกัน..แต่ข้าดีใจที่ได้เจอเจ้านะคาโอรุ...”

     

    ผมดีใจมากทีเรย์พูดแบบนี้...เพราะผมก็ดีใจเช่นกันที่ได้เจอเรย์....

    พวกเราเดินทางต่อไปจนถึงบึงแห่งหนึ่ง...ซึ่งมีน้ำสีแดงเข้มอยู่เต็มบึงแห่งนั้น....สีที่คล้ายเลือดก็ว่าได้

    “คาโอรุ...บึงที่เจ้าเห็นมีเทพอาศัยอยู่...เขาชื่อว่า รากุ เป็นเทพที่ดูแลสัตว์น้ำในบึงนี้..และเป็นเพื่อนข้าด้วย....”

    ผมนึกตกใจเพราะว่าผมลืมไปจริงๆ ว่าเรย์ก็เป็นเทพที่คอยดูแลหมาป่าที่อาศัยอยู่ในภูเขานี้เช่นกัน....ผมอยู่กลับเรย์มานานเกินไป จนทำให้ผมลืมไปว่าเขาก็เป็นเทพเช่นกัน

    “คาโอรุเจ้าเป็นอะไร ดูหน้าตื่นๆ” เสียงเรย์ที่ถามผมทั้งที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าตาอย่างงั้นจริงๆ

    “เปล่า...ผมแค่ลืมไปว่าเรย์ก็เป็นเทพ...เหมือนกับเทพรากุ..”

     

    “รากุ....รากุ...” เสียงเรย์ที่ตะโกนเรียกเทพของบึงสีแดงฉานดังขึ้น

    ผมเห็นผิวน้ำที่ตอนแรกนิ่งสงบ.. แต่ตอนนี้กลับมีระลอกคลื่นตรงกลางของบึงน้ำแห่งนี้  ก่อนที่ผมจะเป็นร่างของเทพรากุที่เรย์ตะโกนเรียก....

     

    เทพรากุที่ผมเห็น ที่จริงผมไม่สามารถเดาได้เลยว่าท่านเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเพราะผิวที่ดูซีดขัดกับผมที่ยาวจรดปลายเท้าที่จริงคงจะยาวกว่านั้น  แต่ผมทุกเส้นกลับเป็นสีแดงเหมือนกับบึงที่อยู่ตรงหน้าผม....

    “รากุ..เจ้าสบายดีไหม..” เสียงเรย์ทักท่านรากุ....

    “ห้าวววว......เรย์เจ้านั้นเอง ข้าคิดว่าเป็นใครซะอีก.....ข้าก็เพิ่งจะดีขึ้นนี่แหละ..เจ้าดูเนื้อตัวข้าสิ..ซีดจนข้าแทบอ่อนใจ...เพราะฤดูที่หนาวเย็นผิดปกตินั้นแหละทำให้ข้าแทบย่ำแย่..” เสียงท่านรากุที่บ่นให้เรย์ฟัง  พร้อมที่สีหน้าที่ดูเบื่อหน่ายกับผิวที่ซีดเซียวนั้น...

     

    “เรย์..เจ้าพามนุษย์เข้ามาทำอะไรที่นี่..” อยู่ๆ สายตาที่ท่านรากุมองเรย์ก็เปลี่ยนมามองผมซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของเรย์

    “รากุ...เขาชื่อคาโอรุ..เขาเป็นคนช่วยข้าไว้ตอนที่ข้าบาดเจ็บ..” เสียงเรย์ที่บอกท่านรากุ

    “นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะพามนุษย์เข้ามาได้...”  เสียงที่ดูจะตึงๆ เกิดขึ้น

    “เจ้าเด็กน้อย.....ทำรู้ไหมว่ามนุษย์ทำลายป่านี้ ภูเขานี้...และข้าก็เกียจมนุษย์อย่างพวกเจ้า..” อยู่ๆ ท่านรากุก็พูดด้วยเสียงที่น่ากลัวมาที่ผม....จนทำให้ผมลืมหายใจไปได้เลย

    “รากุ...คาโอรุไม่เหมือนกับมนุษย์คนอื่น.....เขามีจิตวิญญาณของภูเขานี้...” เสียงเรย์ที่พูดขัดขึ้น ทำให้บรรยากาศดูดีขึ้น

    “เจ้าเด็กน้อย..เพื่อนข้าบอกว่าเจ้ามีจิตวิญญาณของภูเขาหรือ...”  ผมงงกับคำถามที่ท่านรากุพูด และที่เรย์บอก..ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ผมได้แต่ยืนอ่ำอึ้งอยู่....

    “รากุ......เขาชื่อคาโอรุไม่ใช่เจ้าเด็กน้อย..” เสียงเรย์ที่พยายามแก้ชื่อผมให้ถูก ซึ่งสายตาที่ท่านรากุมองเรย์เหมือนไม่ใส่ใจคำพูดนั้นมากกว่า

    “เจ้า.............มานี่สิ....” ท่านรากุเรียกผมให้เดินมาที่ริมบึงน้ำสีแดงใหญ่นั้น    และผมก็ทำตามที่ท่านรากุสั่ง ซึ่งมีเรย์มองอยู่.........”เจ้าเอามือแตะไปที่ผิวน้ำนั่นซะ...และอยู่อย่างนี้จนกว่าข้าจะให้เจ้าเอามือขึ้นได้...” อีกคำสั่งที่ท่านรากุสั่งให้ผมทำซึ่งผมก็ทำตามด้วยความงงงวย....มือของผมค่อยจุ่มลงไปในสระที่มีสีแดงฉาน.... ผมรู้สึกได้ว่าน้ำในบึงแห่งนี้ให้ความรู้สึกเหนียวมากกว่าน้ำตกที่อยู่หลังบ้านของผม...และผมรู้สึกว่ามันกำลังดูดผมของผมให้จุ่มลึกมากยิ่งขึ้น...

     

    “พอแล้ว....เจ้าเอามือขึ้นได้...” เสียงท่านรากุที่สั่งให้ผมเอามือขึ้นจากบึง  แขนทั้งสองข้างที่ผมจุ่มลงไปมีสีแดงติดขึ้นมา ก่อนที่สีแดงเหล่านั้นจะจากหายจนกลายเป็นสีผิวของผมดังเดิม

    “รากุ...เป็นรู้แล้วใช่ไหม...” เสียงเรย์ที่ถามท่านรากุอีกครั้ง

    “ได้...ข้าเชื่อเจ้า....เจ้าเด็กน้อย...เจ้าได้รับอนุญาตให้ดื่มกินน้ำในบึงนี้ได้...แต่ถ้าวันได้เจ้ากลายเป็นมนุษย์ที่เห็นแก่ตัว  น้ำในบึงแห่งนี้จะฆ่าเจ้าเมื่อเจ้าสัมผัสมัน..”  เสียงท่านรากุ..ที่บอกว่าน้ำสีแดงตรงหน้าของผมกินได้..ซึ่งผมแทบจะไม่กล้าแตะด้วยซ้ำ

    “เรย์....แล้วเจ้าจะพาเจ้าเด็กนี้ไปไหน..” อยู่ๆ ท่านรากุก็เลิกสนใจผม และหันไปสนทนากับเพื่อน(เรย์) ดังเดิม

    “ข้าตั้งใจจะพาคาโอรุเป็นเยี่ยมฝูงของข้านะ...เจ้าก็รู้ว่าคนที่ช่วยข้า  ข้าต้องอยู่ดูแลเขาตลอดไป..”

    “เรย์ข้าก็เข้าใจกฎของเจ้านะ....แต่จะดีหรือที่จะพาไปดูฝูงของเจ้านะ....” สายตาท่านรากุมองมาที่ผมอีกครั้งก่อนที่จะตวัดกลับไปมองเรย์

    “อือ...ถึงไง..ไม่ช้าก็เร็วข้าก็ต้องพามาอยู่ดี..” เรย์บอกอะไรบางอยู่ที่ผมไม่เข้าใจด้วยซ้ำ

    “นั้นเจ้าก็รีบเดินทางต่อเถอะ  เดี๋ยวมืดแล้วมันจะลำบากสำหรับมนุษย์..” 

    “อืม..แล้วขากลับข้าจะแวะมาหา...”

     

    “เจ้าเด็กน้อย...เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าโชคดีแค่ไหนที่ได้ช่วยเรย์ไว้....” เสียงที่พูดกับผมทำให้ผมรู้สึกโชคดีอย่างที่ท่านรากุพูดไว้จริงๆ....

    “ครับ...ผมโชคดีที่ได้รู้จักเรย์.....แต่เขาอาจจะโชคร้ายที่รู้จักผม...” ผมตอบกลับไป

    “เจ้าเด็กนี้.....ช่างพูดนัก.....เอาเถอะ...เจ้าก็ระวังตัวแล้วกันตอนกลางคืนในป่านี้มันน่ากลัวกว่าที่จะเคยเดินมามากนัก”

    ท่านรากุที่ดูจะเป็นคนน่ากลัว กลับพูดจากที่อ่อนโยนกับผม..และท่านยังมอบสร้อยที่ทำจากบึงแห่งนี้ให้ผมอีกด้วย.สร้อยเส้นสีแดง ที่ตรงกลางสร้อยมีหยดน้ำที่แดงเหมือนกับสายสร้อย..แต่ใหญ่กว่า...

    “ขอบคุณครับ ผมจะเก็บรักษาไว้อย่างดี.” ผมกล่าวขอบคุณท่านรากุ ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังมุ่งหมายเดิม

     

    พวกเราเดินมาทางต่อมาอีกหลายชั่วโมง จนมาถึงถ้ำหิน.....ที่อยู่บนเนินเขา...ซึ่งสามารถใช้เป็นที่พักสำหรับคืนนี้ได้

    “คาโอรุ...ถ้าเจ้าได้ยินเสียงใครเรียกหรือร้องให้ช่วย...เจ้าอย่าออกไปเด็ดขาด.....” 

    คำเตือนที่เรย์บอกผมยิ่งทำให้ผมสงสัยว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นได้... แล้วใครจะมาร้องเรียก.....

    “อือ..” แต่ผมก็ตอบเพื่อให้เรย์สบายใจขึ้น

    กองไฟถูกจุดเพื่อให้ความอบอุ่นในยามค่ำคืน..แสงไฟที่เหมือนกับเต้นระบำอยู่ ฉายวาบอยู่บนผนังหินในถ้ำ

    อาหารถูกแบ่งออกมาและกิน....อีกส่วนถูกเก็บไว้สำหรับวันต่อไป...

    พวกเรารีบนอนเพื่อที่จะมีแรงสำหรับเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้...การเดินทางที่ยาวไกลไม่ได้ทำให้ผมลำบากแต่อย่างใด

    แต่สองข้างทางที่เดินตั้งหากที่ผมให้ผมตื่นตาตื่นใจกับมัน....

    ขนนุ่มๆ ของเรย์กลายเป็นผ้าห่มเฉพาะกิจสำหรับการเดินทางครั้งนี้.....แผงอกนุ่มๆ กลายเป็นหมอนไว้สำหรับหนุน

    ก่อนที่พวกเราจะหลับ....

     

    +++++++++++++++

     

    รุ่งเช้าที่พระจันทร์หนีหายลับไป กลายเป็นดวงอาทิตย์ที่ทอแสงลงมาแทนที่  พวกเราออกเดินทางต่อเพื่อให้ทันก่อนที่พระจันทร์แวะมาทักในอีกคืน....

    ยิ่งผมเดินเข้าไปในป่าลึกมาเท่าไหร่ สิ่งแปลกใหม่สำหรับผมก็มีมากขึ้นเท่านั้น...แม้ว่าต้นไม้บางต้นผมจะเคยเห็นจากอีกฝั่งหนึ่งก็ตาม.....ใจผมเริ่มจดจ่อกับสิ่งที่ผ่านเข้ามาในสายตาของผม....

     

    และผมก็จะได้รู้ว่า  ที่จริงท่านรากุเป็นเทพของบึงน้ำที่ใช้รักษาและให้ชีวิตสัตว์ต่างๆ ในป่าแห่งนี้... และที่ท่านรากุไม่ชอบมนุษย์เพราะว่าเทพที่อาศัยอยู่ในน้ำตกที่ไหลเข้าหมู่บ้าน  คอยเล่าเรื่องความไม่ดีของมนุษย์ให้ฟังนั้นเอง...

     

    ที่จริงผมก็ตกใจที่น้ำตกที่อยู่หลังบ้านผมมีเทพคอยดูแลด้วย  ซึ่งผมไม่เคยเห็นเลยตั้งแต่เกิดมาด้วยซ้ำ...

    “เรย์..เทพที่ดูแลทุกอย่างในป่าแห่งนี้คือเทพอะไรหรอก..” ผมถามออกไปหลังจากฟังสิ่งที่เรย์เล่า

    “เทพมังกร...ท่านจะอาศัยอยู่บนภูเขา...” 

    “ห๊ะ เทพมังกร...” ผมตกใจจริงๆ กับเทพเจ้าที่ดูแลภูเขา...เพราะเหมือนผมกำลังฟังนิทานที่ปู่เล่าให้ฟังมากกว่า..

    และผมไม่คิดว่าเทพมังกรจะมีจริง....

     

     

     

    พวกเราใช้เวลาเดินทางอีกค่อนวันกว่าจะถึง ที่ๆ เรย์บอกว่าเป็นที่พักของฝูงของเรย์ก็ว่าได้...ซึ่งผมมองโดยรอบก็ไม่เห็นหมาป่าเลยซักตัว

    “เรย์ไม่เห็นอะไรเลย..พวกเขาไม่อยู่กันแล้วหรอ..” ผมถามด้วยถามแปลกใจ

    แต่เรย์กลับเดินตรงไปยังกอหญ้าที่ขึ้นรก  ต้นหญ้าสีเขียวที่ดูคลายตะไคร้น้ำมากกว่าที่จะเป็นต้นไม้ได้...

    แต่ขาทั้ง 4  ของเรย์ก็ยังเดินตรงไปจนถึงกอหญ้าสูงนั้น  เรย์เดินผ่านกอหญ้าแล้วหายเข้าไป  ซึ่งผมได้เพียงแต่สงสัยและเดิมตามเท่านั้น  ผมเดินผ่านกอหญ้าซึ่งที่จริงเป็นภาพลวงตาก็ว่าได้ เพราะผมไม่รู้สึกว่า ตัวเองสัมผัสกับกอหญ้าที่ปิดไว้แม้แต่น้อย

    “โห้....................” ผมอุทานด้วยความดีใจ แปลกใจ และตื่นตาปนอยู่ในคำๆ เดียว  เพราะเมื่อผมเดินผ่านเข้ามา กับเป็นทุ่งใหญ่กว้าง และมีถ้ำหลากหลายแบบ ซึ่งจะเรียกว่าบ้านก็ไม่ผิด อยู่เต็มไปหมด  และผมเห็นหมาป่าหลายตัวเดินวนเวียนเข้าถ้ำนู๋ออกถ้ำนี้...และสีของหมาป่าก็ไม่ได้มีแต่สีดำเหมือนเรย์เท่านั้น  มีหลายสีทั้งสีขาว สีเทา หรือแม้แต่น้ำตาลแดงก็ยังมี 

    “หู้หหหหหหหหหห”  เสียงเรย์ที่เห่าบ่งบอกถึงการกลับมา  และเหมือนจะบอกอะไรบางอย่างให้กับฝูงได้รับรู้ถึงการกลับมาของเขา  ซึ่งทำให้หมาป่าในนั้นทุกตัวต่างหยุดและหันไปฟังเสียงที่เรย์กำลังบอก.....

    ผมก็ไม่รู้ว่าเรย์บอกอะไรพวกเขาเช่นกัน.... แต่มีเสียหอนตอบกลับมา...ซึ่งน้ำเสียงที่ตอบกลับทำให้ผมรับรู้ได้ว่าเป็นสิ่งดีแน่ๆ

    ก่อนที่เรย์จะเดินนำหน้าเข้าไปที่โพรงถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นบ้านของเรย์ก็ว่าได้  ผมเดินผ่านหมาป่าหลายตัวที่หันมามองผม

    “เอ๊ะ.....อะไร..” อยู่ๆ ผมเหมือนจะได้ยินเสียงคนคุยกันก็ว่าได้.... ผมพยายามยืนหยุดกับที่  เพื่อฟังว่าผมได้ยินหรือหูฟาดกันแน่...แต่ผมกลับได้ยินเสียงเหมือนคนพูดกันจริงๆ ด้วย..ผมหันไปมองรอบตัวว่ามีมนุษย์คนไหนอยู่ที่นี่นอกจากผม..ซึ่งผมก็ไม่เห็นวี่แววแต่อย่างใด......

    “เรย์...มีใครนอกจากผมหรือเปล่า...” ผมถามเรย์ซึ่งเดินเข้าไปในโพรงแล้ว..

    สายตาที่มองมาที่ผม  “ไม่มี..........ถ้ามีก็เป็นเจ้าเท่านั้นแหละ..” ดวงตาผมขยายโต

    เพราะเรย์ซึ่งอยู่ในร่างของหมาป่ากำลังพูดกับผม และผมก็ได้ยินเต็มสองหูเลย.....

    “เรย์......เรย์...นายกำลังพูดอยู่...”  เสียงที่ติดขัดเมื่อผมบอกออกไป

     

    (โปรดติดตามตอนต่อไป)

    ++++++++++++++++++++



    ปล.ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ....
    ไม่รู้จะสนุกกันหรือเปล่า สำหรับตอนนี้ เพราะต้องใช้จินตนาการล้วนๆ
    เอ้อ เรื่อง "เมื่อความกลัวมาเยือน"  มีตอนพิเศษใหม่มานะคะ เพื่อคนที่อ่านเรื่องนี้ไม่รู้กัน
    ตอนหน้าจะให้พบกับญาติๆ ของเรย์ และลูกๆ หลานๆ ของเรย์ด้วยค่ะ..
    (สงสัยจังว่า คาโอรุจะหึงลูกๆ เรย์ไหมน้าน...)
    แล้วเจอกันค่ะ  ฝากเม้นท์เยอะด้วยนะคะ เพื่อจะได้ปรับปรุง...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×