คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอน9
สิ่งที่ผมเกียจที่สุดคือการโกหก........... ผมเป็นคนพูดจริงทำจริง และมีความจริงใจให้กับคนรอบข้าง
แต่ปัญหาขอผมตอนนี้คือ ผมดันโมโห โกรธ ดีใจ ป่นเปกันไปหมด....
ก็เมื่อวาน เป็นวันเกิดของผม ซึ่งทุกคนในบ้านต่างก็ทำเซอร์ไพส์ให้กับผม รวมทั้งคุณคริสด้วย
เขาซื้อของขวัญวันเกิดให้ผม เป็นกำไรข้อมือที่ทำจากทองคำขาว ซึ่งฝังเพชรเม็ดเล็กที่กำไรนั้น ภายใต้กำลังไหนนั้นได้สลักข้อความไว้ You belong to me. And my heart to you. (แปลนิด...นายเป็นของฉัน และใจของฉันจะเป็นของนายเสมอ)
แบบที่ดูเรียบๆ แต่หรูหราพอตัว ซึ่งผมต้องปฏิเสธไป...... แล้วป้าแอนก็ให้ของขวัญเป็นเสื้อกันหนาวถัดเองให้ผมด้วยเช่นกัน ของป้าโรคเป็นผ้าพันคอผื่นเล็กๆ น่ารักดีครับ
ที่จริงแค่พวกเขาจัดงานให้ผม ผมก็ดีใจไม่รู้จะขอบคุณอย่างไงแล้ว......วันเกิดของผมหายไปตั้งแต่แม่เสียชีวิตครับ
ส่วนพ่อก็ลืมบ้าง จำได้บ้าง ซึ่งผมก็ดีใจที่ท่านยังพอจะจำได้อยู่บ้าง.....
แต่ผมก็ต้องตกใจเพราะคุณคริสบอกผมว่าเขามองเห็นแล้ว.....เขายืนยันเป็นการส่วนตัวกับผม
ซึ่งผมในตอนนั้นก็ต้องโอนอ่อนผ่อนตาม ตามความต้องการของกันและกัน เขาบอกรักผมและสัมผัสผมด้วยความรัก
และผมก็รู้ใจตัวเองเช่นกันว่าผมก็รักเขาไม่แพ้กัน ผมไม่เคยรู้สึกกับใครเท่ารู้สึกกับเขามาก่อน
มันเริ่มจากความเห็นใจ จากความเห็นใจเป็นความเข้าใจ และเริ่มพัฒนามาเรื่อยมา จนผมรักเขาในที่สุด
และเพราะความที่ผมรักเขา ทำให้ผมอยากสารภาพว่าช่วงหลังมานี้ผมไม่สามารถปฏิเสธเขาได้เลย
ไม่ว่าเขาจะพูดหรืออ้อนขออะไรก็ตาม
ผมมักจะต้องยอมรับและตอบตกลงเสมอ เหมือนเขาจะรู้ทางผมซะงั้น
แต่เช้านี้จะไม่เป็นอย่างงั้นแน่นอนครับ เพราะผมจะทำให้เขารู้ว่าเวลาผมโกรธนั้น ...เขาจะต้องเสียใจที่เล่นโกหกกับผมและคนในครอบครัว
เช้าผมตื่นขึ้นมาเพื่อจะเก็บของใช้ส่วนตัวบางอย่าง....ผมตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมพี่เนีย ซึ่งเป็นพี่พยาบาลที่อยู่ในโรงพยาบาลเดิมที่ผมออกมา...........
ตอนที่ผมออกมาจากห้องคุณคริส ผมเห็นเขายังนอนหลับอมยิ้มอยู่เป็น ......แล้วจะได้เห็นดีกันคุณคริส....สายตาผมจับจ้องไปร่างที่ของอยู่บนเตียง
ผมเดินขึ้นไปหาป้าแอนที่ห้องชั้นบน “ป้าแอนครับ......” ผมเรียกเขา
“........มีอะไรหรือจ๊ะมิค..........”
“..........ป้าตื่นแล้วใช่ไหมครับ.....คือผมตั้งใจจะมาบอกป้าแอนว่า ผมจะลาพักผ่อนซัก 2-3 วันนะครับ...”
“...อ้าว...แล้วหนูจะไปไหนแหละ...”
“คือผมจะไปเยี่ยมพี่เนียนะครับ ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ก็ไม่กลับไปเยี่ยมพี่อีกเลยนะครับ...”
“อ้าว..แล้วเราบอกคริสแล้วหรอ...”
พอป้าแอนพูดถึงคุณคริสเท่านั้น ผมเลยโกรธขึ้นมานิดหน่อย
“ป้าแอนไม่โกรธเขาบ้างหรอครับที่เขาโกหกพวกเราตั้งนาน ปล่อยให้พวกเราเสียใจนะ”
“โกรธสิจ๊ะมิค...ป้านะอยากจะตีเขาจะแย่อยู่แล้ว...แต่ป้าก็ดีใจที่เขาหายแล้วจริงๆ...”
“...ผมก็ดีใจนะครับที่เขาหาย...แต่การโกหกครั้งนี้เขาต้องได้รับบทเรียนครับ...”
“แล้วมิคจะลงโทษเขายังไงแหละ...” ป้าแอนยิ้มและบอกว่าจะช่วยผม เพราะป้าแอนก็มั่นไส้คุณคริสเหมือนกัน
ผมบอกแผนการที่จะเอาคืนคุณคริส ผมตั้งใจจะหายไปเฉยๆ ซัก 2 วัน และช่วงที่หายไปผมก็ตั้งใจจะไปเยี่ยมพี่เนียด้วยซึ่งซึ่งช่วงนั้ผมก็จะกลับบ้านและไปเยี่ยมพี่เขา
ซึ่งป้าแอนก็เห็นด้วย อย่างคริสต้องเจอซะบ้าง ทำให้คนอื่นทุกข์ ลองโดนเข้ากับตัวเองถึงจะรู้สึก
ดังนั้นผมจึงลาป้าแอน เพื่อจะทันรถที่จะเข้าเมือง เพื่อจะไปเยี่ยมพี่เนีย...........
++++++++++++
“แม่ๆ ป้าโรส เห็นมิคไหมครับ....” ผมวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อถามแม่และป้าโรสซึ่งกำลังแต่งตัวให้แม่ผมอยู่
“อ้าว....คุณมิคเธอไม่ได้อยู่ในห้องเธอหรอค่ะคุณคริส.....” ป้าโรสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว
“มิค..ไปแล้ว..” นั้นเป็นเสียงแม่ผมครับ
เสียงนั้นเหมือนเป็นมนต์สะกด ทำให้หัวใจที่เต้นปกติของผม ผิดจังหวะไปหมด ตัวผมชา เมื่อได้เสียงคำพูดที่แม่ผมพูดออกมา
“หา ..........” ทั้งผมและป้าโรสตกใจด้วยกันทั้งคู่
แม่ผมจึงเล่าต่อว่าเมื่อเช้าเขามาลา เพื่อจะกับไปยังที่ๆ เขามา
ซึ่งแม่ก็ไม่สามารถห้ามได้ ในเมื่อลูกก็มองเห็นแล้ว เขาถึงไม่มีความจำเป็นต่อไป
“อือ....อือ...คุณมิคของโรส...” เสียงร้องไห้ของป้าโรส ซึ่งผมก็อยากจะร้องไห้ด้วยเช่นกัน
ร่างที่ไร้วิญญาณของผมเดินลงมาจากห้องแม่ พร้อมทั้งหัวสมองของผมกล่าวโทษตัวผมเองว่าเป็นคนผิด........
แต่เมื่อคืนผมกับเขาเรามีความสุขด้วยกัน มันไม่ช่วยให้เขายกโทษผมเลยหรอ....เขาไม่รู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึกกับเขาหรอ
หรือสิ่งที่ผมทำไปเป็นความเอาแต่ใจของผมคนเดียว........
.......................ไม่ ไม่ ผมเชื่อว่าไม่ใช่ความเอาแต่ใจของผมคนเดียวแน่นๆๆ
แต่ผมก็ผิดที่โกหก......และผมรู้แล้วว่าผลของการโกหกนั้นรุนแรงแค่ไหน......ผมต้องเสียงเขาไปจริงๆ หรอ .....หรือผมจะปล่อยเธอไปเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆๆ
............ไม่...............ไม่.............เพียงมิคเท่านั้นที่ผมจะไม่ยอมเสียเขาไป.....
ใช่...ใช่ ...เราเพียงแค่ทะเลาะกันนิดหน่อย ผมจะขอโทษและขอให้เขากลับมา.........
ผมพูดกับตัวเองเป็นคำมั่นสัญญาว่าผมจะเอาเขากลับมาให้ได้ แม้จะลำบากแค่ไหน...........
++++++++++
ผมนั่งพิงเบอะบนรถทัวร์ที่จะพาไปยังเมืองหลวงของประเทศ........ผมทันรถเที่ยวแรกที่จะเข้าเมืองพอดี
นั้นทำให้ผมไม่ต้องเสียเวลามานั่งรถรถที่สถานี ในใจผมก็อดเป็นห่วงคุณคริสไม่ได้
แต่อีกใจก็อย่างจะแก้เผ็ดซะบ้าง...... แต่เมื่อผมตัดสินใจอะไรแล้ว ผมจะทำ
ผมกำลังกลับไปยังบ้านของตัวเองที่อยู่ในเมือง แม้จะเป็นบ้านหลังเล็กๆ แต่มันก็เป็นสถานทีที่ๆ ทำให้ผมเติบโตขึ้นมาจนทุกวันนี้ มีทั้งความทรงจำที่ดีเยอะแยะมากมาย แม้บางครั้งอาจจะน่ากลัวไปบ้าง....
ผมนั่งรถทัวร์ใช้เวลา 5 ชั่วโมง ซึ่งถ้าจะวิ่งกันจริงๆ ไม่ถึง แต่รถทัวร์ก็จะจอดแวะรับผู้โดยสารตามป้ายเช่นกัน
ผมมาถึงที่บ้านตอน บ่าย 2 พอดี......เสื้อผ้าและกระเป๋าถูกเก็บเข้าตู้เรียบร้อย
ผมกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะนัดพี่เนียไว้ หลังจากที่เธอเลิกเข้ากะ ซึ่งนั้นคือเวลา 4 โมงเย็น
ผมมีเวลาพอที่จะเห็นเข้าร้านหนังสือ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับห้างและกับโรงพยาบาลที่ผมเคยทำงานอยู่
ร้านหนังสือนี่เป็นอีกร้านที่ผมมาบ่อยๆ เพื่อเลือกซื้อหนังสือที่อยากอ่าน.....
ในความคิดผม ร้านนี้ไม่น่าจะมีคนเข้าเพราะเป็นร้านที่ดูเก่าๆ แต่ร้านนี้ก็สามารถหยัดยืนสู้กับห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้กันได้จนมาถึงบัดนี้
โรงพยาบาลแห่งนี้ตั้งอยู่ระแวกการค้า ซึ่งมีห้าง ร้าน และบริษัทมากมายมาเปิดบริการ
“โอ๊ะ...ขอโทษครับ..” ผมกล่าวขอโทษเมื่อผมเดินชนคน เข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เอ๊ะ คุณมาเรีย.......” ผมทักเมื่อเห็นคนที่ผมชนด้วย ซึ่งสายตาของเธอเมื่อมองเห็นผมแล้วดูจะรังเกียจผมแบบไม่มีสาเหตุ
หน้าตาของเธอสามารถด่าได้โดยไม่ต้องสรรหาคำพูดใด......ซึ่งทำให้ผมอยากจะเดินหนีจริงๆ (ก็คล้ายๆ ไอโซกับยาจกนั้นแหละครับ.....)
“เธอนี้เอง...มาทำอะไรที่นี้..” นั้นเป็นเสียงฉุนเฉียวที่เธอแสดงออกมา
“ผมนัดเพื่อนเอาไว้...”
“คนอย่างเธอมานัดคนที่ย่างผู้ดีเนี้ยนะ ฉันว่าเธอมาหาเหยื่อมากกว่า.......” ผมตกใจกับคำพูดที่ไม่เข้ากับการแต่งตัวของเธอเลย
“ผมเคยทำงานที่โรงพยาบาล และบ้านผู้ก็อยู่ระแวกนี้” นั้นเป็นคำพูด ที่อยากให้เขารู้ว่าผมก็ไม่ได้ด้อยไม่กว่าเขา
ผมทำงานให้ผ่านการค้า บ้านผมก็อยู่ในระแวกการค้า ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่ซะทีเดียวก็ตาม
“เชอะ.........” นั้นเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่เธอจะสะบัดหน้าแล้วจากผมไป
เหมือนตัวเองรอดจากปากนกปากกามาได้อย่างหวุดหวิดจริงๆ
ผมรีบพาตัวเองออกจากบริเวณนั้น ก่อนที่จะมาเจอะกันอีก ซึ่งผมไม่ชอบเลยจริงๆ เธอคนนี้
ผมได้ไปพบพี่เนียที่เป็นพี่พยาบาลที่ค่อยดูแลผมมาตลอด แถมยังเป็นเพื่อนป้าแอนด้วย
ผมถามถึงสารทุกข์สุกดิบของกันและกัน ในช่วงที่เรากินข้าว และเราแวะไปเดินเล่นกันที่ห้าง
ผมเป็นเหมือนลูกชายเธอคนหนึ่ง ซึ่งเป็นความรักที่ผมได้จากพี่เนีย และผมก็รักพี่เนียมากเช่นกัน
เวลาผมมีเรื่องทุกข์ใจ พี่เนียก็เป็นคนที่คอยให้กำลังใจเสมอมา........ผมและเธอกอดกัน เพื่อมอบไออุ่น
ของญาติคนหนึ่งให้แก่กันและกัน หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน และผมก็ขอตัวกลับบ้านก่อนที่จะดึก
ร่างของใครบางคนกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน
“คุณมานี้ได้ไง...” ผมถามด้วยอาการตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าเขาจะมาถึงนี้
“ผมก็ขับรถมา.....” ซึ่งยิ่งเป็นคำพูดที่ทำให้ผมใจหายได้อีก เพราะเขาเพิ่งจะหายป่วย แต่ต้องใช้ตาในการขับรถ
“ไม่...........คุณรู้ได้ไงว่าบ้านผมอยู่นี่” ผมยิ่งโกรธใหญ่เมื่อรู้ว่าเขาทำอะไรโผงผางเช่นนี้
“ผมก็ไปโรงพยาบาลคุณและไปคุpกับ ผ.อ. ขอประวัติคุณมานะสิ...”
“ทำไมคุณทำให้เรื่องเล็กๆ เป็นเรื่องใหญ่ได้นะ คุณคริส.” ผมดุออกไป
“ก็คุณหนีผมมา......” เขาดูด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะสำนึกผิด
“คุณคริสผมเหนื่อย....ผมอยากเข้าบ้าน...และผมจะไม่ให้คุณเข้าด้วย...” ผมไขกุญแจบ้านและเดินเข้าบ้านมาเฉย
“ผมไม่ท้อหรอกนะ...คุณต้องกลับไปกับผม ตอนนี้ผมพักอยู่โรงแรมใกล้ๆ นี่ พรุ่งนี้ผมจะมาหา..” เขาพูดเหมือนให้ผมรู้ว่าเขาต้องการอะไร แล้วเดินจากไป ซึ่งผมก็แอบยิ้มอยู่ในใจเช่นกัน
อากาศเย็นพร้อมกับหิมะที่เริ่มร่วงหลงลงจากฝากฟ้า.....ชั่งน่าอัศจรรย์จริงๆ กับธรรมชาติที่พระเจ้าทรงสร้าง รวมถึงใจมนุษย์
จากที่ผมว่าจะมาแค่ 2 วัน กลายเป็นเข้าวันที่ 3 แล้ว ที่ต้องอยู่ในเมือง ก็เพราะคุณชายตัวดีนั้นแหละ มาทำตัวหน้ามั่นไส้
ค่อยตามผมตลอดตั้งแต่เช้าจนเย็น แล้วก็กับโรงแรมตัวเองไป........
แต่แจ็คพล็อตก็แตกให้วันที่ 3 เมื่อผมมาเดินคลายเครียดในห้าง แต่ดันไปเจอคุณมาเรียตัวแสบเข้าให้
เธอเดินซื้อของอยู่ในห้าง แต่ขนาดที่ทำให้เธอต้องเดินเข้ามาทักเอง เพราะ คนที่เดินตามหลังผมนั้นเอง
เขาเดินมาหาผมและเชิดใส่ พร้อมทั้งเดินผ่านผมไป “คุณตาบอดไม่ใช่หรอ.....”
“ใช่..ผมเคยตาบอด..”
“คุณ...คุณมัน....กรี๊ดดดดดดดด” เสียงกรี๊ดดันลั่นห้าง ซึ่งทำให้ผมต้องอาย เพราะคนเริ่มมุงดูเราแล้ว
เธอดึงให้ผมมาประจันหน้าเธอ
เพี้ยะ!! การตบแบบไม่มีสาเหตุ “เธอ...มันด้านจริง..ถึงขนาดเอาตัวเข้าแลกเพื่อจะให้เป็นเมียเขาเนี้ยนะ..”
...........เห้ย...พูดอะไรว่ะ...ผมเนี้ยนะเอาตัวเข้าแลก.....แล้วยังจะตบผมอีก..........
สาตาของผมมองไปที่เธอ แต่ฝ่ามือเธอเหมือนจะซ้ำอีก ดีที่ได้คุณคริสดึงไว้
“ปล่อย ปล่อยฉันนะ อย่ามาถูกฉัน...คนน่ารังเกียจ......” เธอสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากคุณคริส พร้อมทั้งวิ่งหนีหายไป
ซึ่งคนที่เริ่มมุงดู ทำให้ผมเป็นคนผิดที่ไปแยกของๆๆ เขาซะงั้น
“มิค......ผมขอโทษ” เสียงไล่ตามหลังมา แต่ตอนนี้ผมไม่ยากพูดกับใครทั้งนั้น ได้แต่เดินจ่ำอ้าว กลับบ้านตัวเองทันที
+++++++
ตอนนี้ผมคิดอยากจะอยู่คนเดียวซักพักจริงๆ ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณคริสเลย
ผมแอบออกมาจากบ้านของตัวเอง (ขนาดบ้านตัวเองยังตัวแอบ....เศร้าจริงๆ)
เพื่อจะไปบ้านพี่เนีย......
ผลั่ว....เสียงกระทบอย่างไม่รู้มา ที่ตัวของผม......แม้ผมยังมีสติเหลืออยู่นิดหน่อย
ก่อนเสียงนั้นจะตามลงมาอีกที และก็หลุดลอยไปกับความมืด ที่ไม่รู้ใครทำผม
“อ๊ะ.......โอ๊ะ......” รอบห้องที่ผมเห็น เป็นเหมือนโรงแรมชั้นดี เตียงนอนที่สะอาดผ้าปูที่ขึงตึงเรียบ....
ร่างกายส่วนหลังที่ถูกอะไรบางอย่างกระแทก และท้องที่จุก แม้อาการจะคล้ายไปบ้างแล้วแต่ก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่
“ผม......คุณจะทำอะไรผม มาเรีย......” ผมพูดเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาพร้อมกับ ชายอีกคนที่อยู่ด้านหลังของเธอ
“.....ฉันก็จะแก้แค้นไง.......555555.” เสียงของเธอน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก จนผมรู้สึกได้
ความคิดเห็น