คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ความสับสนของหนุ่มน้อย แน็คกี้
ย๊ะ ฮู้ !!!!!! กลับมาแล้วกับตอนต่อ มันจะอย่างไงกันน๊าาาาาา..... มันจะเกิดอะไรขึ้นกับหนุ่มแน็คกี้ของเรา ใครกันล่ะ!
หนุ่มเสียงแหบเจ้าเสน่ห์ หรือหนุ่มใหญ่หน้าหวานน่าเจี๊ยะ กันน๊าาา ที่มาเขย่าหัวใจของ แน็คกี้ ให้ สั่นไหว
.........................................................................ไม่รู้ว่าพวกคุณอยากอ่านกันแค่ไหนแล้ว แต่ทว่า มาอ่านกันเลยเถอะ............................
....................................................................................................เปิดม่าน.........................................................................................................
ตอน ความสับสนของหนุ่มน้อย แน็คกี้
หลังจากวันที่ไปออดิชั่น นี่ก็ผ่านไปแล้ว 1 อาทิตย์ ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าผมจะผ่านเข้ารอบ พี่โน่ น้องนัท ดีใจกันยกใหญ่ อย่างกะได้เป็นคนเข้ารอบกันเองซะงั้น
ตี๊ด ตี๊ด .. เสียงข้อความโทรศัพท์ผมดังขึ้น
‘เป็นไงมั่ง ครับ พร้อมไหมที่จะไปเก็บตัวกัน พรุ่งนี้’ ข้อความจากเคน
‘ พร้อมเสมอ ^^ ‘ ผมพิมพ์มันลง แล้วส่งไปให้เคน
เคนหนุ่มน้อยหน้าหวาน ไม่สิ จะเรียกว่าหนุ่มน้อยก็คงไม่ได้ เพราะ เขาแก่กว่าผม แต่น่าแปลกเนอะที่ผมรู้สึกว่าเค้าเด็กกว่าผม คงเป็นเพราะหน้าตาที่อ่อนกว่าวัยของเขาละมั่ง ที่ทำให้ผมคิดว่ายังเด็ก
[แน็คมารับโทรศัพท์เร็ว แน็คมารับโทรศัพท์เร็ว] พี่โน่อัดเสียงไว้แล้วแอบมาเปลี่ยนเป็นเสียงริงโทนตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้
“เฮ้อออ พี่โน่เอาอีกแล้ว” ผมเบื่อที่จะเปลี่ยนกลับมาเป็นเสียงเดิมแล้วสิ
“ฮัลโหล สวัสดีครับแน็คกี้สุดหล่อครับ ^^” ผมทักทายปลายสายที่ผมก็รู้แล้วว่าเป็น โหน คนที่ผมช่วยตอนรถคว่ำคลาวก่อน
[ ฮัลโหล แน็คกี้ ทำไรอยู่ครับ ] เสียงแหบๆพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ แค่เสียง ฟังก็พอรู้แล้วว่า เจ้าของเสียงเป็นคนมีเสน่ห์แค่ไหน ผมชักเริ่มอิจฉาพวกคนหล่อๆแล้วนะ แต่เอาเถอะ ผมก็หล่อใช่ย่อยนะ
“ก็กำลังออกไปข้างนอก”
[ ไปไหนหรอ? ]
“ก็ ออกไปเดินเล่น ไม่รู้เหมือนกันอยู่บ้านแล้วมันเบื่อๆ”
[ งั้นไปดูหนังกับผมป่ะ? ]
“อ่า งั้นเจอกันที่สยามนะ” ผมไม่รอให้ปลายสายพูดอะไร ผมชิงวางสายไปซะก่อน
อ่าแล้วโหนจะรู้ได้ไงว่าผมอยู่ตรงไหนของสยามล่ะ ลืมบอกจุดนัดพบซะด้วยสิ
“เอ๊ะ !!” สายตามผมเห็น ชายหนุ่มใส่เสื้อยืดทับด้วยเสื้อหนังสีน้ำตาล สวมแว่นกันแดดยื่นอยู่อย่างโดดเด่น
ผมมั่นใจมากว่านั้นคือโหน
“โหน..!”
“ครับ ..อ่าวแน็คกี้ เฮ้อโล่งอก ผมกังวลมากเลยนะว่าจะเจอคุณไหม โทรหาคุณก็ไม่ติด”
“เอ๊ะ ทำไมโทรไม่ติดล่ะ” ผมล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง ก็พบว่าหน้าจอดับไปแล้วเพราะแบตหมด
“ฮ่ะๆๆ แบตหมด” โหนยิ้มให้ผม ก่อนที่จะจับมือผมแล้วลากเดินไป
“เอ่อ โหน คุณไม่ต้องจูงมือผมเป็นเด็กๆก็ได้นะ ผมไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่หลงหรอกน่า” ผมพยายามแกะมือโหนออก แต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ เพราะผมยิ่งแกะ โหนก็ยิ่งจับแน่นยิ่งขึ้น
“อ่า ถึงแน็คไม่กลัวหลงกับผม แต่ผมกลัวหลงกับแน็คนี่น่า” โหนดึงมือผม ให้ผมเข้า ไปใกล้ยิ่งขึ้น
หน้าผมกับโหน ห่างกันเพียงนิดเดียว
“กะ กะ ใกล้ไปแล้ว” ผมผลักโหนออก โหนก็ยอมออกไปแต่โดยดี
อะไร เนี้ย ทำไมหัวใจผมถึงเต้นเร็วอย่างนี้หล่ะ @///@
“อ่ะ แน็ค คุณหน้าแดงหน่ะ” โหนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง
“อย่ามาล้อเล่นนะ !! ก็อากาศเมืองไทยมันร้อนนี่ ถึงหน้าผมจะแดง หัวใจผมจะเต้นผิดจังหวะ มันก็เป็นเรื่องปกติ”
“เอ๊ะ แน็ค หัวใจเต้นผิดปกติ”
“แล้วไง มันไม่ได้ผิดปกติอะไรนี้ มันร้อน ร้อน!!” ใช่แล้วมันต้องเป็นเพราะอากาศที่ร้อนเวอร์ของเมืองไทยแน่นอนอยู่แล้ว
“อ่าครับ มันไม่ได้ผิดปกติอะไรหรอก เพราะผมเองก็เป็นเหมือนกัน หัวใจเต้นแรงผิดปกติหน่ะ” โหนจับมือผม ไปทาบไว้ที่หน้าอก
หัวใจของเขาเต้นแรงมาก จนผมสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจ
ตึกตักตึกตักตึกตัก
หัวใจของผมกับหัวใจของโหนแทบจะเต้นไปในจังหวะเดียวกัน
“แต่ที่หัวใจผมเต้นแรงขนาดนี้ไม่ใช่เพราะว่าผมร้อนหรอกนะครับ” โหนยิ้มกรุมกริม
“ละ แล้วมันเป็นเพราะอะไร” ผมว่าอุณหภูมิประเทศไทยต้องสูงขึ้นแน่ๆ เพราะผมรู้สึกร้อนขึ้นอีกเรื่อยๆ ยิ่งบริเวณใบหน้าของผม ผู้รู้สึกร้อนเป็นพิเศษ
“เพราะว่าผมได้มาอยู่ใกล้ๆกับคุณไง แน็คกี้” ริมฝีปากนุ่มๆ สัมผัสกับริมฝีปากผมเบาๆ
“เอ้ย!” ผมผลักโหนออกไปอีกครั้ง “ทำอะไรของคุณเนี้ย นี้มันกลางห้างนะเว้ย”
“ครับ ผมขอโทษ (_ _)” โหนทำหน้าหงอยอย่างกับหมาน้อยโดนเจ้านายดุ
“ยะ อย่าทำหน้าอย่างนั้นเซ่ ><//” ทำไมเหมือนผมเห็นหูกับหางของเจ้าตูบโผล่ออกมาจากโหนกันนะ
“แน็คกี้ ผมขอโทษ เราไปดูหนังกันดีก่า ผมเลี้ยงเอง”
“อ่า เออ ๆๆ ก็ได้ คุณเลี้ยงนะ”
หน้าโรงหนังมีผู้คนมากมาย บางก็มากันเป็นคู่ บางก็มาเป็นคี่ เอ้ยๆ มากันเป็นกลุ่ม
คิดถึงจังน๊า วันที่ผมมาดูหนังกับแฟนผมเมื่อนานมาแล้ว วันนั้นผมต้องค่อยเทคแคร์เธอเต็มที่เลย เพราะหลอนเอาแต่ใจมากๆ ก็นะ นั้นก็เป็นนิสัยของผู้หญิงนี่หน่า
“แน็คดูเรื่องไหนดี”
“เอิ่มมม...โหนคุณเลือกแล้วกัน”
“แต่ผมอยากดูหนังเรื่องที่แน็คอยากดูนี่น่า” ท่าทางหมาหงอยของโหนกลับมาอีกครั้ง ทำให้ผมอดเอ็ดดูไม่ได้
“งั้นเอาเรื่อง นี่เลย” ผมหลับตาชี้มั่วๆไปบนตารางหนังที่จะฉายวันนี้
“อ่า รักสุดทีน ได้ๆ เดี่ยวผมไปซื้อตั๋วแป๊ปนะ อย่าหายไปไหนนะ” โหนส่งจุ๊บให้ผมหนึ่งทีก่อนไป
อะไรของเขานะ ผมไม่เข้าใจเลยทำไมต้องทำเหมือนเอาใจผมซะขนาดนั้น หน่ำซ่ำยัง...- -// จูบผมด้วย
ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสร้อนๆบริเวณริมฝีปากของผมด้วย ผมแตะปากด้วยปลายนิ้วของผม
เอ๊ะ แล้วนี้ผมเป็นอะไรเนี้ย ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยจูบกับผู้หญิงสักหน่อย ทำไมผมต้องมานั้งพิริพิไรอะไรกับเรื่องจูบด้วย ก็แค่จูบ!
ในขณะนั้นสายตามผมก็เห็นหนังสือเล่มหนึ่ง มีชื่อเรื่องที่แปลกมาก ‘ คุณเป็นเกย์ !? ‘
“เอ้ย”
นี้รึป่าว คำตอบของผมในตอนนี้ ตกลงนี้ผมเป็นเกย์รึป่าว ถึงผมจะไม่อยากยอมรับก็เถอะ แต่มันคือความจริงที่หัวใจของผมเต้นแรงกับโหน ยิ่งตอนที่เขาจูบผม ทำไมผมถึงได้ไม่รู้สึกรังเกียจล่ะ
ผมหยิบหนังสือขึ้นมาช้าๆ .... ผมควรซื้อมันกลับไปอ่านไหมนะ ....
“แน็ค!! ผมบอกให้ยื่นรอตรงนั้นไง” โหนวิ่งเข้ามาหาผม
“เอ่อ .. ก็คุณไปนานนี่”
“โทษที แถวมันยาวหน่ะ แต่เราได้ที่นั้งดีนะ แถม ตอนนี้หนังจะเริ่มฉายแล้ว เราจะได้ไม่ต้องรอนาน” สายตาโหนเหล่ลงมาเห็นหนังสือในมือผม
“โอ๊ะ ..มองอะไรเล่า หนังจะฉายแล้ว ไปดูเหอะ” ผมวางหนังสือเล่มนั้นลงแล้วผลักโหนไปทางโรงหนัง
“เดี่ยวๆ ไปซื้อป๊อปคอร์นก่อนๆ”
“ได้ๆ”
ผมเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อที่จะไปซื้อให้ แต่มือหนาก็รั้งผมไว้
“ผมซื้อเอง ผมบอกแล้วว่าจะเลี้ยง”
โหนเดินกลับมาพร้อม ป๊อปคอร์นไซร์ใหญ่สุด และน้ำแก้วนึ่ง ขนาดใหญ่เช่นกัน
“อ่าวทำไมซื้อมาชุดเดียวล่ะ ?”
“ก็ผมถือได้แค่ชุดเดียวอ่ะ”
“งั้นเดี่ยวผมไปซื้อเพิ่มเอง”
“เดี่ยวแน็ค หนังจะเริ่มแล้ว ผมกินไม่เยอะหรอก แล้วนี้มันก็เยอะมาก เรามากินด้วยกันเหอะ”
เราเข้ามาตอนหนังกำลังเริ่มเล่นพอดี โหนนั้งอยู่ข้างซ้ายมือผม แต่ที่น่าแปลกนั้นก็คือ.... ข้างขวาผมไปไม่มีใครนั้งเลย ไม่พอนะ ถัดจากโหนไปก็ไม่มีใครนั้งเหมือนกัน และผมกับโหนก็นั้ง อยู่ในช่วงกลางๆพอดี
“โหน..” ผมกระซิบเบาๆ เพราะไม่อยากเสียมารยาทในโรงหนัง
“ครับ” โหนก็กระซิบเบาๆเช่นกัน แต่โหนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมเพิ่ม
“ทำไมแถวนี้มันว่างหมดเลยล่ะ”
“ทำไมล่ะครับ...ไม่ดีหรอ”
หน้าโหนอยู่ห่างกับหน้าผมเพียงนิดเดียว
“ออกไปห่างๆหน่อยก็ได้..”ผมผลักหน้าโหนออกไป เจ้าตัวเองก็ไม่ขัดขื่นอะไร
“ครับๆ ดูหนังเถอะ”
ถึงโหนจะพูดอย่างงั้นก็เถอะ แต่ทำไมหัวใจผมมันเต้นแรงอีกแล้ว ถ้าผมจะบอกว่ามันเป็นเพราะอากาศที่ร้อน แต่ นี้มันในโรงหนังนะ แอร์ก็เย็นจนเกือบแช่แข็งกันได้เลย
ผมหยิบป๊อปคอร์นใส่ปากไปดูหนังไป กินน้ำไปเรื่อยๆ
ขณะที่ผมหยิบป๊อปคอร์น มือของผมก็สัมผัสได้กับมืออุ่นๆของโหน
โหนจับมือผมที่กำป๊อปคอร์นไว้ขึ้นมา โหนค่อยๆเลื่อนมือผมไปใกล้กับปากเขา เขาเล็มป๊อปคอร์นในมือผมที่ละชิ้นอย่างช้าๆ จนในมือผมเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า ลิ้นร้อนๆสัมผัสกับนิ้วมือของผม โหนค่อยๆเลียนิ้วผมจากปลายนิ้วมาจนถึงช่วงกลางผ่ามือ
“อ่ะ!” ผมพยายามชักมือกลับ แต่โหนยังคงรั้งมือผมไว้แน่น
“มือแน็ค หอมหวานกว่า ป๊อปคอร์นอีกนะครับ” แล้วโหนก็ปล่อยมือผมเป็นอิสระ
“.....”
หัวใจผมแทบออกมาเต้นตีลังกานอกอก ผมภาวนาว่าโหนจะไม่ได้ยินเสียงหัวใจของผม
ระหว่างที่ดูหนัง ผมดูแทบไม่รู้เรื่อง เพราะในสมองผมคิดแต่เพียงว่า ผมเป็นเกย์รึป่าว ผมรู้สึกดี แทนที่จะรู้สึกรังเกียจ
“แน็คเป็นอะไรรึป่าว” หนังจบแล้ว โหนก็ดูยังปกติทุกประการ เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น
“นิดหน่อย ผมว่าผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะ”
“เป็นอะไรมากรึป่าว หรือจะเป็นไข้” โหนเอามือมาอังบนหน้าผากผม
มือผมรีบปัดมือของโหนออกในทันที หน้าโหนเหวอแทบจะทันที
“มะ ไม่เป็นอะไรมากหรอก..”
“แน็ค โกรธอะไรผมรึป่าว”
“ไม่นี่”
“โกรธ เรื่องในโรงหนังตะกี้ใช่ไหม ผมขอโทษ”
“อื้ม.. งั้นผมกลับก่อนนะ”ผมเดินเลี่ยงหนี แต่มือหนากลับรั้งผมไว้
“ผมขอโทษ คุณคงรังเกียจผม แต่ที่ผมทำไปหน่ะ เพราะผมชอบคุณนะ”
“ปล่อยนะ!”ผมผลักโหนออก “ผมไม่ใช่เกย์!!!!!!” ผมตะโกนใส่โหนจนคนรอบข้างหันมาดูเป็นตาเดียว
เสียงซุบซิบดังไปทั่ว ในขณะที่ผมกับโหนยื่นมองหน้ากับเงียบ สายตาของโหนเห็นได้ชัดว่าเศร้ามาก มากจนแทบจะเห็นเหมือนร้องไห้เลย
“ผมก็ไม่ใช่เกย์ ผมไม่เคยรู้สึกกับใคร คนไหนอย่างที่ผมรู้สึกกับแน็ค สำหรับผมแล้วไม่สำคัญหรอกว่าแน็คจะเป็นชายหรือหญิง เพราะผมชอบที่แน็คเป็นอย่างที่แน็คเป็น ผมชอบทุกอย่างที่เป็นแน็ค”
ในสมองผมสับสนไปหมด...ชอบที่เป็นผม ทั้งๆที่ผมเป็นผู้ชาย เขายอมที่จะเป็นเกย์เพียงเพื่อมาชอบเรางั้นหรอ
“แน็คลองผมเป็นคนคนหนึ่ง ไม่ต้องร่วมเรื่องเพศ เรื่องอะไร แน็ครู้สึกอย่างไงกับผม”
“....”ผมไม่รู้ว่าผมรู้สึกอย่างไง .. ผมไม่เข้าใจทั้งหมดที่ผมเป็นอยู่
“แน็ค ไม่ต้องให้คำตอบผมวันนี้ก็ได้ ขอแค่แน็คไม่รังเกียจผม ผมพร้อมที่จะรอคำตอบนั้น”
“อื้ม งั้นวันนี้ผมขอกลับบ้านก่อนนะ” ผมเดินออกไปปล่อยให้โหนอยู่ที่นั้นคนเดียว
ผมเดินออกมาเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ผมเป็นอะไร ความรู้สึกของผมวันนี้เหมือนมันจะร่วนไปหมด
ผมเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านหนังสืออีกครั้ง ผมมองหนังสือเล่มสีม่วง ที่มีชื่อเรื่องว่า ‘คุณเป็นเกย์ !?’
‘.........คุณกำลังสงสัยใช่มั๊ยล่ะครับ!! ว่าคุณเพศไหน เพราะในโลกปัจจุบันของเรานั้นไม่ได้มีแต่เพศ ชาย / หญิง อีกต่อไปแล้ว ! เพราะสมัยนี้ มีทั้ง ทอม ดี้ เกย์ ตุ๊ด หรือแม้กระทั้ง ไบท์ เพศที่ได้ทั้งสองอย่าง ชายก็ได้ หญิงก็ดี อย่ามั่วช้า พิริพิไร กันเลย เรามาตอบข้อสงสัยของคุณกันเลยดีกว่า .... ในเล่มนี้มีคำตอบให้คุณ.... คุณนั้นแหล่ะ’
คำแนะนำหนังสือท้ายเล่มเขียนไว้อย่างนั้น ผมว่าถ้าผมซื้อหนังสือเล่มนี้ไปผมอาจจะเข้าใจอะไรมากขึ้นก็ได้ มั่ง...นะ?
ผมกลับมาถึงบ้าน แปลงจังไม่มีใครอยู่บ้านสักคน ออกไปไหนกันหมดนะ ไปไหนไม่บอกกันสักคำนี้กะจะทิ้งผมเลยสินะ - - พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปเก็บตัวแล้วแท้ๆ
ผมเดินขึ้นห้องอย่างช้าๆ ในสมองยังคงคิดทบทวนเรื่องราววันนี้ทั้งหมด นี้ถ้าโหนเป็นเกย์จริงๆ ผมล่ะเสียดายแทนผู้หญิงทั้งโลก ต้องมาเสียผู้ชายหล่อๆให้กับผู้ชายหล่อๆ อย่างผม
เมื่อถึงห้อง ผมก็อดไม่ได้ที่จะหยิบหนังสือเล่มสีม่วงขึ้นมาอ่านเลย
“เล่มสีม่วง ช่างเหมาะกับชื่อเรื่องจริงๆนะ”
‘.... ไม่ต้องนึกเสียใจไปหรอกนะ ที่คุณหน่ะต้องมารักเพศเดียวกัน มันเป็นเรื่องทางธรรม(ชาติ) จงเข้าใจแล้วยอมรับมันซะเถอะ ’
“ธรรมชาติ งั้นหรอ มันต้องผิดธรรมชาติอยู่แล้วสิเฟ้ย!” ผมอดไม่ได้ที่จะเถียงไอ่หนังสือบ้าๆนี้
‘... ไม่ต้องเถียงนะครับ มันเป็นเรื่องธรรมชาติของหัวใจจริงๆครับ‘
“อ่าว เฮ้ย ทำไมเหมือนมันตอบเราได้เลยว่ะเนี้ย - -“
‘ ... คุณจงปล่อยความรู้สึกของคุณ รักใครชอบใครไม่ใช่เรื่องผิด ต่อเมือคุณไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน‘
ผมพลิกเปลี่ยนหน้ากระดาษหาหน้าที่น่าสนใจ
‘ อยากรู้มั๊ย คุณเป็นเกย์รึป่าว??’ นี่แหละ หัวข้อที่ผมต้องการ!!
‘ ข้อสังเกต ง่ายๆ 5 ข้อ
1.ชายจริงจะไม่จีบปากจีบคอ หรือพูดง่าย ๆ คือ มารยาเกินชายธรรมดาพฤติกรรมตามธรรมชาติน่าจะเป็น มีสิทธิ์ครับ
2. เมื่อตกใจแล้วเผลออุทาน อุ๊ยต๊าย ว๊ายยย กรี๊ดด มีสิทธ์มานะฮ้า
3. ส่วนข้อนี้เบสิกมาก นิ้วกระดกเวลาจับสิ่งของ
4. แต่งตัวเนี้ยบเกิน พิถีพิถันเวอร์ ตามแฟชั่นจ้า
5. เกย์มักเข้าฟิตเนสเพียงเพื่อจุดประสงค์ ออกกำลังกายเพื่อดูดี ดึงดูดเพศเดียวกัน ‘
เฮ้ออ ก็แปลว่าผมไม่ได้เป็นเกย์สินะ ผมมั่นใจว่าทั้งหมดนั้นผมไม่ได้เป็นแต่แล้วสายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็นอีกบรรทัด
‘แต่สำหรับคนที่ไม่มีเอี่ยวใน 5 ข้อนั้นเลย อย่าพึ่งดีใจไป นั้นก็แค่สิ่งภายนอกที่เห็นแล้วจะเป็นก็ได้ไม่เป็นก็ได้ เท่านั้นเอง ‘
“เอ้า!” อะไรกันเนี้ยหนังสือเล่มนี้ ผมชักคิดเสียใจที่ซื้อหนังสือกากๆ บ้าๆ นี่แล้วนะ
‘ เพราะ หากคุณรู้สึกดี รักใคร่ในตัวผู้ชายคนหนึ่งทั้งๆที่คุณก็เป็นผู้ชายเช่นกัน นั้นก็แปลว่าคุณเข้าค่ายเกย์ไปเสียเรียบร้อยแล้วล่ะ!! J‘
“รู้สึกดี ดีอย่างไงล่ะ? “ ถามขึ้นมา ทั้งๆที่ผมก็รู้ว่าคงไม่มีอะไรตอบผมหรอก ผมพลิกหน้ากระดาษมาอีกหน้านึง
‘ ความรู้สึก ดีดี ที่กล่าวนั้นคือ คุณอยู่กับเค้าแล้วมีความสุข แต่บ้างที่แค่ความสุขก็ไม่เพียงพอ เพราะ คนเรามีความสุข สนุก เวลาอยู่กับเพื่อนอยู่แล้ว หากจะพิเศษนั้น หัวใจของคุณจะต้องเต้นแรงอย่างกับจะออกมาเต้นข้างนอก รู้สึกดีเวลาที่ได้สัมผัสเขาคนนั้น ไม่ว่าจะเป็น จับมือ หรือแม้กระทั่งจูบ คุณจะไม่รู้สึกรังเกียจแม้แต่น้อย‘
งั้นผมก็เป็นเกย์สินะ ผมรู้สึกดี ไม่ได้รังเกียจเขาเลยแม่แต่น้อย แต่ผมก็เคยมีความรู้สึกดีๆกับผู้หญิงนะ หรือผมพึ่งจะมาบ่ายเบี่ยงตอนนี้กันล่ะ?
‘แต่เดี่ยวก่อน หากคุณยังมีความรู้สึกลึกซึ่งกับผู้หญิงได้นั้น คุณอาจจะไม่ได้อยู่ในเครือค่ายเกย์โดยสมบูรณ์แต่อยู่ในค่าย ไบท์ พวกที่รักได้ทั้งชาย และ ก็ หญิง’
ผมอ่านจนหมดหน้ากระดาษแล้วค่อยๆปิดหนังสือ ... งั้นผมคงเป็นไบท์ แต่แปลกจังหนังสือเล่มนี้อย่างกับคุยกับเราได้แหน่ะ ผมสงสัยตรงไหน ตรงนั้นก็จะมาไขข้อข้องใจให้ผมตลอดเลย ทำไมกันนะ......
................................................................................................................................................
ขอปิดฉากตอนนี้ไว้แต่เพียงเท่านี้ เจ้าค่ะ
แต่ก่อนไป...... จากใจผู้แต่ง นิดนุง น๊าาา
บอกตรงๆเลยค๊าาา มีความสุข ฟิน ฝุดๆ ที่มีคนเข้ามาอ่าน แล้วมีคอมเม้น ว่าชอบอะไรทำนองนั้น
มั้นช่างทำให้คนแต่ง มีความสุขจริงๆๆๆๆ มีกำลังใจมากๆเลยล่ะ
อ่านแล้วถ้าชอบกันช่วย ๆ คอมเม้นด้วยก็คงดี <3
ถ้ามีกำลังใจดีๆ ตอนต่อคงมาไวขึ้น
ความคิดเห็น