ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic: โหนแน็ค predestination เมื่อเธอกับฉันได้มาเจอกัน [yaoi]

    ลำดับตอนที่ #3 : หนุ่มหน้าหวาน ??

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 57


    !Hi !!!!!!!    ท่านผู้อ่านทุกท่าน ...  เค้าขอโทษที่เค้าไม่เอามาลงสักที  เกิด ปัญหา บาง
    ประการ  ถ้ายังกลับมาอ่านต่อ ก็ ขอบพระคุณอย่าง สูงยิ่ง ค๊าาาา 


             เอาล่ะ ในตอนนี้เราจะขอเปิดตัว หนุ่มน่าใส ที่จะเข้ามาเขย่า หัวใจของนาย แน็คกี้ กัน
    นะค๊ะ 

    .....................................................................มาอ่านกันต่อเลยเถอะค่ะ.............................

                 เช้านี้ผมรีบมาโรงแรมที่ใช้เป็นสถานที่ออดิชั่นภาคกลาง  แต่ผมคงมาเช้าเกินไป เพราะรอบตัวผมต้องนี้ช่างอ้างว้างเหลือเกิน หมาสักตัวยังไม่มีเดินผ่านเลย
    - -

                    นี่เค้าใช้สถานที่นี้เป็นที่ออดิชั่นจริงๆหรือป่าวนะ หรือว่าผมมาผิดที่?

                    ผมฟุบตัวลงนั้งบนโซฟาในห้องล๊อบบี้ หลับตาลงเพื่อสร้างสมาธิให้กับตัวเองก่อนที่จะขึ้นแสดง อย่างไงผมก็ต้องทำได้อยู่แล้วผมมั่นใจซะอย่าง แต่ถ้าไม่ได้อย่างไงผมก็ไม่ซีเรียส เพราะอย่างไงซะที่ผมมาออดิชั่นครั้งนี้ก็เป็นเพราะพี่โน่นั้นแหละ เซ้าซี้ให้มาให้ได้

                    นิ้วเรียวยาวเย็นเฉียบสะกิตเบาๆ

                    ใบหน้าเรียว จมูกที่โด่งเป็นสัน ทรงผมที่ตัดเข้ารูปรับกับใบหน้า ทำให้รู้ได้เลยว่าถ้าผมเป็นสาวๆคงกรี๊ดลั่นไปแล้ว เพราะใบหน้าของโหนยื่นเข้ามาจนเกือบจะชิดกับหน้าผม

                    “มานั้งหลับตาอะไรตรงนี้ครับ?”

                    “นั้งทำสมาธิ”

                    “อ่ะ งั้นผมมากวนสมาธิคุณหรอครับเนี้ย ขอโทษครับ”โหนพูดจบก็นั้งลงข้างๆผมแล้วหลับตาปี๋ ><

                    “ทำอะไรของคุณเนี้ย - -

                    “ก็ตั้งสมาธิไงครับ จุ๊ จุ๊ อย่าเสียงดัง” โหนยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะปากตัวเอง

                    “ฮ่ะ ๆ จะบ้าหรอ นั้งสมาธิใครเข้าหลับตาปี๋อย่างนั้นล่ะ” ผมอดจะหัวเราะกับท่าทีราวกับเด็กของเขาไม่ได้

                    “นั้น คุณหัวเราะแล้ว ^^” โหนยิ้มหน้าบานใส่ผม

                    “ทำไมต้องทำหน้าดีใจอย่างนั้นล่ะ?”

                    “ก็ก่อนหน้าที่คุณทำหน้าเหมือนคนที่อึ๊ ไม่ออกเลย”

                    “=[]=

                    “ผมล้อเล่น ก็ผมเห็นคุณทนั้งหน้าเครียดๆ เราจะมาเล่นตลกให้ตลกรุ่นใหญ่ดู ถ้าเครียดมากไปจะตลกไม่ออกนะครับ”

                    “...”เขาเป็นห่วงผมรึไงนะ แต่ในที่นี้เราเปรียบเหมือนคู่แข่งกันนะ

                    “ทำไมต้องทำหน้าไม่ไว้ใจผมขนาดนั้น ผมหวังดีครับ เพราะคุณก็เป็นคนดีนะ ไม่งั้นคงไม่ช่วยผมหรอก จริงไหม” โหนยิ้มให้ผมบางๆ

                    “อื้ม...”ผมหลับตาลงตั้งสมาธิอีกครั้ง เหมือนเป็นการตัดบทของเราทั้งคู่เพราะหลังจากนั้นไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีกเลย

     

                    ก่อนผมขึ้นเวทีผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อหวังว่าจะผ่อนคลายความตึงเครียดและความตื่นเต้น ขณะที่ผมกำลังก้าวท้าวขึ้นเวทีก็มีมือปริศนาจับแค่ผมไว้เบา แล้วดึงผมเข้าไปใกล้ๆ

                    “อย่าเครียดสิ สู้ๆน๊า V(^w^)o” โหนยิ้มแล้วชู้สองนิ้วให้ผม 

                    ทำให้ผมยิ้มตามแล้วเดินขึ้นเวทีไป ...  ผมเล่นตามที่ผมเตรียมมาจากบ้านเมื่ออาทิตย์ก่อน ผมว่าผมก็ทำได้ดีนะเพราะผมทำดีที่สุดแล้ว เพราะผมคิดว่าหากวันนี้ผมทำได้ไม่ดีพอแล้วล่ะก็ ผมคงต้องมาเสียใจทีหลังแน่นอน

                    ถึงคราวที่โหนขึ้นเวทีบ้าง แต่ก็มิวายหันมาหาผมที่นั้งอยู่ข้างหลังคณะกรรมการ แล้วยิ้มให้  ไอ่ผู้ชายคนนี้เนี้ยแม่งยิ้มเก่งไปไหม แถมหล่ออีกตะหาก เห้ย อย่าเข้าใจผิดกันไปผมชมในฐานะผู้ชายที่เป็นกลางนะใครหล่อก็ว่าหล่อไม่หล่อก็ไม่หล่อ  อย่างผมเนี้ยเรียกว่าหล่อสุดๆ ^^

                    โหนเล่นดีมาก... นี่เขาคงเตรียมตัวมาดี แล้วคราวนี้เองที่ทำให้ผมได้รู้ว่าโหนมีพ่อเป็นตลก ถึงว่าเล่นแล้วตลกกว่าคนอื่นๆ เสียงแหบนั้นเวลาร้องเพลงก็มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหล

     

                    เมื่อทุกคนขึ้นเวทีแสดงความสามารถกันอย่างเต็มที่แล้ว ก็ถึงเวลาที่คณะกรรมการทั้งสามท่านจะประกาศว่าใครเข้ารอบบ้าง

                    เข้าให้พวกเราออกมาข้างนอกก่อนแล้วจึงเรียกเข้าไปทีล่ะ 5 คน ผมเห็นบางคนถึงกับร้องไห้ออกมา ทั้งสมหวังและผิดหวัง ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไง แต่เอาน่า ผมมั่นใจว่าผมทำได้ดีแล้ว

                    ในที่สุดผมก็โดนเรียกเข้าไปรับฟังผลตัดสิน ผมอยู่ในกลุ่มเดียวกับโหน

                    “เราชื่นชอบทุกคนนะในวันนี้ แต่ที่นั้งที่จะเข้าไปเวิร์กช๊อปหน่ะมีจำนวนจำกัด”อาโน้ต เชิญยิ้มพูดด้วยสีหน้าตึงเครียดซึ่งไม่เหมาะกับตลกอย่างอาแกเลยจริงๆ

                    “ใช่แล้ว เราต้องการคนที่สามารถเอาไปพัฒนาได้ แต่ก็ต้องมีความสามารถมาแล้วพอตัว”อาเป็ดเชิญยิ้มเสริมขึ้นมา

                    “ดังนั้นเราจะเลือกแล้วนะว่าจะเลือกใครเข้าไป”ครูเก๋ สามมิติพูดขึ้นทำให้ห้องทั้งห้องเงียบจนได้ยินเสียงแอร์ครืน นน นน

                    “ใน 5 คนนี้มีคนที่เราจะเลือก 3 คนนะ ถือว่าเยอะทีเดียว”

                    “เอาล่ะ คนที่จะได้ไปต่อจะได้รับโบนี้ซึ่งก็เป็นสัญญาลักษณ์ตัวหนึ่งในตลก”อาเป็ดพูดหน้านิ่ง

                    “ประกาศเลยดีกว่า”อาโน้ต ตบโต๊ะเสียงดังลั่นไปทั่วห้อง

                    “คนที่ได้ไปต่อ.....”อาเป็นพูด

                    “ได้แก่... โหน..เคน...และ..”ครูเก๋ละไว้ให้ทุกคนเสี่ยวไส้เล่น

                    ผมใจเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้  คนสุดท้ายที่จะได้ไปต่อในกลุ่มนี้จะเป็นชื่อผมรึป่าวก็ไม่รู้ ในขณะที่มือผมเริ่มเย็นราวกับน้ำแข็งด้วยความตื่นเต้น มืออุ่นๆก็ยื่นมากุ่มมือผมไว้แน่ มือนั้นก็คือ มือของโหนที่ยื่นข้างๆผม

                    “และ....” ใจผมเต้นแรงขึ้น...จนแทบเป็นลม นี้ผมตื่นเต้นที่ครูเก๋เร้าอารมณ์หรือเพราะจับมือกับโหนกันแน่นะ

                    “แน็คกี้ คะ”ครูเก๋พูดชื่อคนสุดท้าย ทำให้ใจผมหายไปที่ตาตุ่ม ความดีใจเอ่อล้นจนเผลอดึงคนข้างๆมากอดไว้แน่

                    “ดีใจใช่ไหมล่ะ”คนที่ถูกผมกอดพูดขึ้นมาเบาๆ

                    “อื้อ^^

                    “แต่คุณกอดแน่นไปเลี้ยว”สำเนียงแปลกๆเหมือนคนจีนทำให้ผมคลายกอดออก

                    “เฮ้อ ค่อยหายใจออกหน่อย”สำเนียงถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นภาคกลางอย่างรั่วเร็ว

                    “โทษที”ผมพูดอย่างอายนิดๆ ที่เผลอไปกอดใครก็ไม่รู้

                    “ไม่เป็นไร ชอบนุ่มดี ^+++^”สิ้นเสียงทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองคนพูดตรงๆ

                    หน้าออกไปทางลูกครึ่งญี่ปุ่น ผิวขาวอมชมพู ริมฝีปากที่อวบอิ่มชมพู่ หน้าตาที่หมดจดเกรี้ยงเกรา ใสและหวานราวกับผู้หญิง จนผมอดคิดไม่ได้ว่า ผู้หญิงบางคนยังมีใบหน้าที่สวยใสไม่ได้ขนาดนี้เลย

                    “จะมองอีกนานไหม อาโน้ตเรียกไปติดโบแล้ว” เสียงเข้มทำให้ผมถึงกับสะดุ้งรีบหันไปดูที่ต้นเสียงทันที

                    โหนเจ้าของเสียงยื่นทำหน้าเข้มจ้องมองผมจนแทบขนลุก

                    ทำไมต้องมองผมโหดนักล่ะ จ้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อผม - -

                    “พวกเรายินดีด้วยกับพวกเธอที่ผ่าน  แต่คนที่ไม่ผ่านไม่ต้องเสียงใจไป ปีหน้ายังมีอีก ไปปรับปรุงฝีมือมาแล้วมาเจอกันใหม่นะ”อาโน้ตพูดจบแล้วผายมือให้พวกเราเดินออกไปพร้อมเรียกคนที่อยู่ด้านนอกเข้ามาอีกกลุ่ม

                    หลังออกจากได้ไม่ถึงวินาที เพื่อนๆที่เข้าร่วมการออดิชั่นก็เข้ามารุมกอดกันกลมจนแทบไม่รู้ว่าใคร ผมใช้เวลาอยู่นานกว่าจะแทรกตัวหลบออกมาได้ ด้วยความรำบากสนสาหัสแต่ภาพที่ผมเห็นต่อมาคือ โหนกำลังนั้งอย่างสบายอารมณ์มองมาทางผมหน้านิ่งๆ

                    “เอ่ย หลบออกมาได้ทำไมไม่ช่วยผมมั่งล่ะ- -

                    “ก็นึกว่าคุณจะอย่าให้ไอ่หน้าหวานนั้นช่วย” โหนเบ๊ะปากแล้วหันหน้าหนี

                    “ไอ่หน้าหวาน?

                    “เคนไง  คนที่ผ่านเข้ารอบมากกับเราอีกคน”

                    ผมหันไปดูวงกอดกลมที่ผมพึ่งหนีออกมา ก็เห็นเคนยังคงหนีออกมาไม่ได้

                    “อ่อ .. ไปช่วยเขาหน่อยไหม”

                    “อยากไปช่วยก็ไปสิ ใครเขาไปห้ามคุณ” แล้วโหนลุกจากโซฟาแล้วเดินหนีไป

                    ผมไม่รู้จะทำอย่างไง ไม่เข้าใจการกระทำของเขาด้วย เป็นอะไรเนี้ย ก่อนตัดสิ้นยังดูเหมือนเป็นห่วงผมมากๆเลยนี่หน่า แต่ทำไมตอนนี้เฉยเมยผมอย่างนี่ล่ะ

                    “อ๊า ชะ ช่วย อั๋วล๊วยยย !”  เสียงเคนราวกับคนกำลังจะสิ้นใจ ผมจึงรีบมุดเข้าไปดึงเคนออกมาโดยที่คนที่มุงไม่รู้ตัวเลยทีเดียวว่ากำลังแสดงความดีใจโดยการกอดรัดกับใครอยู่กันแน่

     

                    “เฮ้ออ  ขอบใจมากนะแน็กกี้” เคนหอบหายใจถี่พยายามเอาออกซิเจนเข้าปอดให้มากที่สุด

                    “อื้อ ไม่เป็นไร^^

                    “ไม่ได้คุณนี่ผมตายแน่เลย”

                    “อื้อก็บอกว่าไม่เป็นไรไง”

                    “ผมอยากขอบคุณคุณจัง ไปทานข้าวกับผมนะครับ”

                    “ไม่ดีกว่า ผมไม่ค่อย..”

                    โครกกก ครากกก !!! 

                    “ - -//

                    “ฮ่ะๆ  ถ้าจะบอกว่าไม่หิวผมไม่เชื่อคุณแน่”

                    “....- -//”  ไอ่ท้องบ้า มาร้องอะไรตอนนี้ว่ะเนี้ย อายจัง

                    “คุณมีรถไหม” เคนกลั้นหัวเราะ แล้วถามผมที่กำลังอยากมุดดินหนีความอับอายครั้งนี้อยู่

                    “มีๆ จอดไว้ข้างล่างแหน่ะ”

                    “อ่า งั้นไปรถคุณนะ”

                    “คุณรู้หรอ ว่ารถผมอยู่ไหน ? ” ผมพูดขึ้นหลังจากเคนลากผมเดินลงไปอีก

                    “อ่ะเอ้อ จริงด้วยรถคุณอยู่ไหน”

                    “หึ หึ  เลยมาสามคันแล้ว - -“ ผมชี้ไปที่รถสีดำล้อแม็กสีส้มที่จอดหล่ออยู่

                    “อ้าว ก็ไม่บอก แฮะๆ (_ _)a

                    “หูววว  รถคุณเนี้ยเท่จัง ...” เคนตาเป็นประกายแวววับ ราวกับลูกแก้วจ้องมองรถของผม

                    “แน่นอน นี้ก็ลูกรักผมเลยนะ” ผมเปิดประตูรถให้เคน “อ่ะ ขึ้นไปสิ”

                    “อย่าทำเหมือนผมเป็นผู้หญิงสิ ผมไม่ได้อ่อนแอน่าปกป้องนะ (เพราะคุณตะหากที่น่าปกป้อง)” ประโยคหลังเคนไม่ได้พูดออกมา ทำได้เพียงคิดในใจเท่านั้น

                    “ฮ่ะๆ  อย่าคิดอย่างนั้นสิ” ผมอดขำกับหน้าตาที่งอนนิดๆของเคนไม่ได้  น่ารักกว่าผู้หญิงบางคนทำอีกนะ ฮ่ะๆ

                   

                    “ไปร้านไหนล่ะครับ คุณเจ้ามือ”ผมถามเคนที่มองหน้าผมปิ๊งๆแต่ไม่พูดไม่จามานานสักพักแล้ว

                    “เลิกเรียกคุณได้ไหม  เรียกผมเคนก็ได้นะ =’]”  

                    “อ่า เอางั้นหรอ”

                    “อื้อ! ผมอยากให้คุณเรียกผมอย่างนั้นมากกว่า”

                    “ได้ๆ เคนจัง”      

                    “ทำไมเติมจังให้ผมล่ะ? - -//

                    “ก็คุณเป็นคุณญี่ปุ่นนี้น่า”

                    “ก็ดีครับ  เพราะเคนจังมีแต่แม่ผมเท่านั้นที่เรียก แล้วผมก็รักท่านมาก” เคนยิ้มให้ผมอย่างสดใส

                    “Okแล้วนะ  ตกลงกินร้านไหน”

                    “งั้นผมเรียกคุณแน็คนะ”

                    “อ่าๆ ได้เรียกอะไรก็เรียกเถอะ”ผมไม่ค่อนซีเรียสเรื่องนี้ ขอแค่ไม่เรียกเหยียดหยามด่าพ่อแม่ก็พ่อ

                    “งั้นผมเรียกที่รักได้ไหม”คำพูดของเคนเบาจนผมไม่ได้ยินแต่เห็นว่าพึมพ่ำอยู่คนเดียว

                    “ห่ะ อะไรนะ”

                    “ปะ ป่าวว ไปกินร้านที่แน็คชอบอ่ะ” เคนสะดุ้ง แล้วหันซ้ายหันขวาราวกับไฟซ๊อต

                    “ เคๆ  เดี่ยวพาไปกิน ร้านที่อร่อยที่สุดในสามโลก”

     

                    “......” เคนนั้งนิ่งพรางมองไปรอบๆตัว

                    “ไม่ชอบหรอ ?”

                    ร้านที่ผมเลือกนั้นเป็นแค่ ร้านก๋วยเตี๋ยวชายสี่ แต่ร้านนี้พิเศษกว่าที่อื่น เพราะเป็นร้านประจำของผมเอง เจ๊เจ้าของร้านเขาชอบผมมาก ( แม่ยกผมเอง ^^) เขามักให้ผมเยอะเสมอ  คิดถูกอีกตะหาก บางที่ให้กินฟรีเลย แต่ผมเกรงใจผมเลยจ่ายเต็มราคาทุกครั้ง

                    “ป่ะ ป่าว แค่ผมนึกว่า แน็คจะอยากไปกินในห้าง โก้ๆ หรูๆ ซะอีก”

                    “ผมไม่ค่อยชอบหน่ะ มันอึดอันไงไม่รู้ แบบนี้สบายกว่าตั้งเยอะ อีกอย่างนั้น เจ๊แกใจดี คุยแล้วถูกคอมาก”

                    “งั้นหรอ..”

                    “เคน ไม่ชอบหรอ” ว๊าผมไม่น่าพามากินที่นี่เลย ดูหน้าผมก็น่าดูออกนี้หน่า เคนเป็นคุณหนูจะตาย ดูอย่างผิวพรรณนั้นสิ

                    “ปะ ป่าว ไม่ใช่สักหน่อย แน็คอย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ” เคนรนราน คว้าโน่นคว้านี่ เหมือนทำตัวไม่ถูก

                    “เอ๊ะ ? ผมทำหน้าอย่างไงหรอ”

                    “ก็ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นก็ได้ ผมชอบที่นี้ ที่ที่มีแน็คอยู่อ่ะ”

                    “O.o ”  ผมว่าคนที่คิดมากน่าจะเป็นเคนมากกว่านะ..

                    ผมยื่นมือไปขยี้หัวเคนเบาๆ “เคนจัง คิดมากไปแล้วผมไม่ได้ทำหน้าจะร้องไห้สักหน่อย” ผมยิ้มให้เคนที่ตอนนี้ทำหน้ามุยเหมือนไม่พอใจที่ผมลูบหัว

                    “อย่ายิ้มอย่างนั้นสิครับ.. แค่นี้ผมก็ชอบคุณแทบทนไม่ไหวแล้วนะ” แววตาของเคนไม่มีท่าทีว่าล้อเล่นแม้แต่น้อย

                    “เอ๊ะ ... ??” ผมเหมือนสมองเออเร่อชั่วขณะ

                    “อ่ะ เอ่อ ชอบแบบเพื่อนไง”

                    “อ่อ เฮ้อออ”

                                    ดูทำหน้าโล่งอกซะสิ...คงยังไม่ถึงเวลาสินะ เคนคิดในใจ ทำได้เพียงทำตัวให้ปกติ ทำให้เหมือนเพื่อนเท่านั้น ถึงแม่ในใจเคนตอนนี้คิดไปไกลถึงดาวอังคาร

     

     

    โค้ด
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×