ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic: โหนแน็ค predestination เมื่อเธอกับฉันได้มาเจอกัน [yaoi]

    ลำดับตอนที่ #5 : ศัตรู ????

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 57


       

    ผมนั่งเหม่อลอย มองผู้คนมากหน้าหลายตาที่เดินเข้าออกโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ในการเวิร์กช๊อปครั้งนี้           

                    หนังสือเล่นนั้นผมพกมาด้วย เพราะผมยังไม่เข้าใจความรู้สึกของผมอยู่ดี

                    “แน็ค ^ ^” รอยยิ้มสดใส มองแล้วสบายใจ ส่งมาให้ผม

                    “เคน”

                    “ครับผม เคนรายงานตัวครับผม (>w<)\

                    “ ฮ่ะๆๆ มารายงานตัวกับผมทำไมล่ะเนี้ย โน่นๆ จุดรายงานตัวอยู่โน่น” ผมชี้ไปที่เค้าน์เตอร์

                    “ผมไปรายงานตัวมาแล้วล่ะครับ” เคนนั่งลงข้างๆผม

                    “อื้ม หรอ” ผมอดมองหน้าเคน ด้วยความเสียดายไม่ได้เลยจริงๆแฮะ ถ้าเคนเป็นผู้หญิง ให้ตายสิเชื่อมั๊ยผมต้องจีบเขาแน่ๆ

                    “แน็ค!” คล้ายเสียงราวกับเสียงกระชากวิณญาณผมได้

                    ผมหันไปตามเสียง พบเป็นโหนยื่นหอบแฮ่กๆ มองมาทางผมกับเคนด้วยสายตาที่น่ากลัว

                    “เอ่อ .. อะไรหรอ โหน?”

                    นอกจากโหนยังมีอีกคนที่สายตาที่น่ากลัวไม่แพ้กันเลย เคนมองหน้าโหนปานจะกินเลือดกินเนื้อ เป็นสายตาที่ไม่แทบไม่เชื่อสายตา ว่าสายตาที่น่ากลัวนั้นจะปรากฏอยู่บนใยหน้าแสนหวานนั้นได้

                    “สวัสดีครับ!” เคนเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกดต่ำคล้ายไม่พอใจ

                    “สวัสดี”โหนก็ไม่แพ้กัน เหมือนผมเห็นกระแสไฟฟ้า จากตาทั้งสองคนมาปะทะกัน

                    “เอ่อ ผมขอตัวไปห้องน้ำนะ” บรรยากาศมันจะอึดอันเกินไปแล้ว ผมคงไม่อยู่รับแรงกดดันที่ผมเองก็ไม่ทราบสาเหตุ อย่างนี้แน่นอน

                    “ครับ/ได้” เคน กับ โหน พูดขึ้นมาพร้อมกัน อย่างไม่ได้นัดหมาย

                    ผมทนไม่ไหวจริงๆ กับไอ่บรรยากาศมาคุมาคุ อย่างงั้นอ่ะ ผมเลยตัดสิ้นใจมาเข้าห้องน้ำทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้รู้สึกปวดเลยแม้แต่น้อย

                    “ โอ๊ะ “  แรงปะทะ ของชายร่างสูงกระแทกซะผมล้มลงไปกองกับพื้น

                    “ Oh !!!!   I’m  sorry “  เจ้าของร่างที่ชนผมรีบยื่นมือเข้ามาพยุงผมทันที

                    “อ่ะ ..เอ่อ” ฝรั่งสินะ ไม่เป็นไรเห็นผมอย่างงี้ ภาษาอังกฤษ ผมก็พอไหวนะ เพราะผมเลยได้ไปเที่ยวต่างประเทศกับพี่โน่มาก็บ่อยแล้ว

                    “อ่ะ โอ้ว ผมพูดไทยได้”

                    “อ่ะ อ้อ ก็ดีๆ” ผมยื่นเกาหัวแกร๊กๆ

                    “คุณก็มา เวิร์กซ๊อปที่นี้เหมือนกันใช่ไหมล่ะครับ”

                       “ใช่ๆ ผมแน็คกี้”

                       “ผม ชื่อ อันเดรส ครับ ^^

                       “ยินดีที่รู้จัก ไว้พบกันนะ”

                       “Me too อันเดรสก็เดินจากไป

                       มีคนหน้าตาดีมาประกวดรายการนี้เยอะรึป่าวเนี้ย ผมจะไปสู้รบปรกมือกับเขาไหวไหมนะ เริ่มเครียดซะแล้วสิ

                       ผมเหล่ มองโหนกับเคนที่กำลังคุยอะไรกันก็ไม่รู้  ทำท่าอย่างกับจะต่อยกัน ไอ่สองคนนี้มันไปจงเกลียดจงชังกันมาจากไหนนะ - -

                       น่าน มีจับมือกันด้วย เอ๊ะ อ๊ะ อ่าว หรือว่า ไอ่โหนก็ชอบ เคนอีกคน           ไหนบอกชอบเรานักชอบเราหน่าไงโกหกกันสินะ ไม่น่าไปหวั่นไหวอะไรกับมันเลย แค่เป็นผู้ชายก็พอใช่ไหม...

                       ทำไมผมจะต้องรู้สึกหงุดหงิดด้วย จิ๊ส์ ทำไมหน้าอกผมมันรู้สึกจุกๆอย่างนี้ล่ะ แถมยังแปร๊บๆ แปลกๆ มันช่างทรมานเหลือเกิน....

                       ในคณะเดียวกัน

    หลังจากที่ แน็คกี้เดินไปจนลับตา เคนยืนขึ้นประเชิญหน้ากับโหนตรงๆ

                    คุณเองก็ชอบแน็คกี้สินะ เคนเปิดประเด็ดทันที โดยไม่รอให้เสียเวลา

                    ใช่!” โหนไม่รีรอ ตอบรับอย่าชะฉาน

                    เออดี ต้องแมนๆ อย่างนี้ เรามาสู้กันอย่างลูกผู้ชาย ไม่มีเล่นสกปรกนะ”

                    ได้ อย่างไงล่ะ”

                    ก็ไม่อย่างไง ใครจีบได้ก่อน ใครชนะใจได้ก่อน ก็ชนะรอยยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าหวานๆอีกครั้ง

                    ดี ถ้าใครได้ใจแน็คก่อน ก็เอาแน็คไป โหนยิ้มรับ และไม่วายยักคิ้วกวนๆใส่เคน

                    ...ผมจะทำทั้งตัวและหัวใจของแน็คกี้เป็นของผมให้ได้ ไม่ยอมแพ้ไอ่ตี๋นี่หรอก !... ความคิดโหนที่เก็บเงียบไว้ ไม่พูดออกไป ทำเพียงแต่ยิ้ม เจ้าเล่ห์ไม่ยอมแพ้เคนเท่านั้น

                    ...รับลองผมต้องพิชิตใจแน็คกี้ได้ก่อนไอ่ดำนี่แน่นอน... เคนคิดแล้วยิ้ม ให้โหนที่ยิ้มให้เช่นกัน

                    ทั้งสองคนยื่นมือมาจับกันเป็นอันว่าจดสัญญา ต่อจากนี้ คงจะรุกกันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใครแน่ๆ

     

     

                    ผมเลือกที่จะไม่เข้าไปหาทั้งสองคน ผมเดินออกมาเรื่อยๆจนเจอร้านกาแฟสด

                    ร้านเล็กๆในโรงแรมแห่งนี้ ถูกจัดให้อยู่ในโทนสีน้ำตาล สมกับเป็นร้านกาแฟนั้นเอง

                    ชายร่างสูง นั่งอยู่ในท่าทางสบายๆจิบกาแฟไป อ่านหนังสือไป เขาใส่แว่นกันแดดแม้จะอยู่ในที่ร่ม รอบๆกายเขามีสาวๆจากโต๊ะข้างๆมองอยู่ อย่างจะกินเขาเข้าไปทั้งตัว ออร่าที่ออกมาทำให้สายตาของทุกคนต้องมองมาที่เขา

                    “อันเดรส” ผมเอ่ยชื่อเขาขึ้นมาเบา แล้วตัดสินใจเดินเขาไปหาเขา

                    “ไง แน็คกี้ ^-^” เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้ผมบางๆ แต่ชั่งสดใส

                    “เจอกันอีกแล้วนะ”

                    “แน่ล่ะครับ นั่งก่อนสิ” อันเดรสชี้ไปที่นั่งตรงกันข้ามกับเขา

                    ผมนั่งลงอย่างว่าง่าย ก็ไม่รู้จะดื้อไปทำไมเขาชวนผมดีๆนี่น่า

                    “ดื่มอะไรดีล่ะครับ”

                    “ไม่อ่า ผมยังไม่อยากดื่มอะไรตอนนี้เท่าไหร่หรอก”

                    “เอ๊ะ ถ้าแน็คไม่อยากดื่มอะไร แล้วมาร้านกาแฟทำไมล่ะครับ หรือว่าตามผมมา”อันเดรสถอดแว่นกันแดดออกแล้วมองหน้าผมให้ชัดยิ่งขึ้น

                    “ก็เดินผ่านมาเห็นคุณนั้งอยู่หน่ะ”

                    “อ่อ เดินมาหาผมนี่เอง ฮ่ะๆๆๆ”

                    “งั้นมั่ง”

                    ผมนั่งคุยกับอันเดรสต่อไปเรื่อยๆ เพราะอันเดรสเองก็เป็นคนที่คุยเก่งใช่ได้เลย ชวนคุยโน่น นี่ นั้น เรื่อยๆ

                    “เอ่อ ขอโทษครับ ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”

                    “เอ้ย น้าค่อม!! ผมมองคนมาใหม่อย่างแปลกใจ เหมือนน้าค่อม ชวนชื่นมาก แต่ตัวเล็กกว่า อย่างน้อยก็ไม่ค่อยมีพุง เพราะผมเองก็ค่อนข้างมั่นใจว่าน้าค่อมต้องมีพุงที่ใหญ่กว่านี้

                    “บ้า ชั้นไม่ใช่น้าค่อม ชั้นชื่อนาย ^++^” เขาฟันเหยินนิดๆ (บางครั้งผมก็คิดว่าไม่นิดนะ)

                    “ขอโทษทีครับ”ผมมองไปรอบๆตัวก็พบว่า ทั้งร้านคนเต็มไปหมด จนแทบไม่มีที่นั่งเลย ถึงว่ามาขอนั่งด้วย

                    “เชิญครับ” อันเดรสพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ

                    “ขอบคุณครับ” นายนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยอย่างผ่อนคาย “พวกเอ็งก็มาเวิร์กช๊อปซินะ”

                    “ครับ  ตื่นเต้นจังเลยเนอะ” อันเดรสพูดพราง ลูบมือตัวเองเบาๆ

                    “อื้ม ใช่ๆ ชั้นเนี้ยต้องเข้าไปอยู่ในโรงเรียนให้ได้เลยค่อยดูนะ”

                     ทำไมหน้าเขาดูคุ้นๆนะ - - เหมือนผมเคยเห็นเขาที่ไหนนะ หรือว่าเขาหน้าโหล่จัดจนผมจำผมนะ เอ๋ก็ไม่แน่นะ ขนาดผมจำเขาผิดเป็น น้าต่อมก็ทีนึงแล้วนะ

                    “มองหน้าหาเรื่องหรอ - -“ นายคงเริ่มสังเกตว่าผมมองหน้าเข้ามากเกินไปแล้ว

                    “ผมว่า นายหน้าคุ้นๆนะ แต่ผมนึกไม่ออกแฮะ”         

                    “ก็คงเพราะ ชั้นอยู่ในคณะลิเกยอดอร่อยมั่ง คณะชั้นเคยได้ลงในหนังสือนิตยสารอยู่รอบนึง”

                    “อ่อ อย่างนี้นี่เอง งั้นเราก็สายเดียวกันสินะ”

                    “สายอะไร”

                    “สายลิเกไง ผมอยู่คณะ สองเทพบุตรสุดที่รัก”

                    “อ่อ ไอ่คณะที่พระเอกหล่อๆอ่ะนะ เคยได้ยินมาเป็นคณะสองพี่น้อง พี่หล่อมาก แต่หน้าหน้าตางั้นๆใช่มะ”

                    “เอ๊! นี่นายจะหาเรื่องหรอ ผมหน่ะก็หล่อไม่แพ้พี่ชายผมหรอกนะ”

                    “อย่าเพิ่งตีกันสิ ไหนบอกมาสายเดียวกัน ตอนแรกยังคุยกันดีๆอยู่ดีอยู่เลย เอ๊ะ นี่อย่างไง - - อันเดรสรีบห้ามศึกทันที

                    “ชั้นล้อเล่นหรอกน่า” นายยิ้มๆให้ผม

                    “เออ  ผมก็ล่อเล่น ก็พี่ชายผมมันก็หล่อจริงๆหน่ะแหละ ถึงได้เป็นเทพบุตรไง ><

                    บรรยากาศที่จะเกิดสงครามขนาดย่อมเมื่อครู่หายไปในพริบตา

                    ผมกับพี่นายอันเดรสคุยกันถูกคอมากจนเราสนิทกันได้ในไม่ช้า

     

     

                    “แน็คไปไหนมาเนี้ย พวกเราตามหาซะทั่ว” เคนร่นรานเข้ามาหาผม แทบทันทีที่เห็นหน้าผม

                    “นั้นสิ ไหนบอกว่าไปห้องน้ำ พวกเราเข้าไปตามในห้องน้ำก็ไม่เจอ” โหนพูดเสริม ไม่ยอมน้อยหน้าเคนแม้แต่น้อย

                    “ไปเดินเล่นมาหน่ะ”

                    “แล้วนั้นใคร” เคนเหล่ไปเห็นอันเดรสที่เดินมากับนาย

                    “อ่อ พี่นายกับอันเดรสหน่ะ ผมเจอเขาเมื่อกี้”

                    “สวัสดีครับผม โหน” โหนล็อคแขนผมไว้ข้างนึ่ง

                    “สวัสดีดี ผม เคน” เคนล๊อคแขนผมไว้อีกข้างนึง

                    แล้วทั้งสองคนก็ยิ้มมหาชนให้นายกับอันเดรส ก่อนที่จะลากผมออกมา

                    “อะไร เนี้ย ลากผมออกมาทำมอยยยยยย” เสียงผมยานครางงพยายามดิ้นให้หลุดออกจากการพันธนาการของทั้งคู่  แค่คนเดียวล๊อกผม ผมว่าผมก็จะตายแล้วนะ นี้แม่ม มาล๊อกด้วยกันทั้งสองคน  จะเอาปัญญาที่ไหนไปดิ้นให้หลุดล่ะฟร่ะเนี้ยย

                “ก็ ... ถึงมันจะดูงี่เง้า แต่ผมไม่อยากให้ใครมองแน็ค ไม่อยากให้ใครเห็นแน็ค ผมอยากเก็บแน็คไว้คนเดียวมากกว่า ผมกลัวว่าจะมีศัตรูหัวใจเพิ่มขึ้นมาอีก แค่ไอ่เคนนี้ก็เกินพอแล้วนะ” โหน พยายามเกะมือของเคนออก

                “อะไรของโหนเนี้ย พูดอย่างกะว่าเคนมันชอบผมอย่างงั้นแหละ” มันจะตลกเกินไปแล้วมั้ง ที่จะมีผู้ชายร่างบึกอย่างไอ่สองตัวนี้มาชอบผมในเวลาเดียวกันอ่ะ ก่อนหน้านี้ผมยังมองพวกมันน่ารักอยู่เลย หลังจากที่ผมโดนมันลากตัวแทบปลิว ทำให้ผมรู้ได้ทันที่ว่ามันคงไม่เป็นอย่างนั้นแล้วล่ะ

                “ก็ใช่หน่ะสิ” เสียงทุ่มต่ำของเคนพูดอยู่ข้างๆหูผม ลมหายใจที่ร้อนระอุ หายใจรดใบหูของผม ทำให้ผมรู้ได้โดยไม่ต้องมองเลยว่า หน้าของเคนคงอยู่ห่างจากผมไม่มากแน่นอน

                “แน็ค ผมขอนะ” โหนและเคนพูดขึ้นมาเบาพร้อมกัน สายตาที่มองผมช่างหวานหยด ปานจะกลืนกิน

                “ขะ ขออะไร”ผมพยายามดิ้น แต่ไม่เป็นผล มือหนาจับให้ผมหันหน้าเข้าไปหา นิ้วยาวดันหน้าผมให้เข้าไปใกล้ จนใบหน้าของเราทั้งสองหากันเพียงมดตัวนิดๆก็ว่าได้

                ริ้มฝีปากนุ่มประทับกับริ้มฝีปากของผม ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาเย้ายั่วเล่นกับลิ้นเล็กอย่างซุกซน ผมพยายามดันลิ้นของโหนออกไป แต่เหมือนยิ่งทำยิ่งเป็นการกระตุนอารมณ์ของโหนเสียมากกว่า จากที่เป็นจูบแบบเย้ายั่วกลับกายเป็นจูบที่เร้าร้อนแทน  เหมือนลมหายใจของผมถูกช่วงชิงไปจากการจูบครั้งนี้ ผมหายใจได้รำบากขึ้น

                เหมือนมีมือหนาซึ่งไม่น่าจะใช่มือของโหน  เคนกำลังลูบไล้ไปทั่วตัวผม จนในที่สุดก็เข้าไปใต้เสื้อของผม

                หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ เต้นแรงเสียใจจะออกมาเต้นบีบอยข้างนอก

                “อึก ... มะ ไม่” ผมพยายามดิ้นอีกครั้ง

                โหนผละออกจากปากผม แล้วซุกไซร้ สูดดมความหอมจากร่างกายผมแทน

                ผมพยายามทั้งดันตัวโหนให้ออกไป และเกะมือที่ลูบไล้ผมออกไป

                “อื้ออ” ผมเผลอครางออกมาเบาๆ ผมเอามือมาปิดปากตัวเอง พยายามกั้นเสียงไว้

                “นั้นพวกแกกำลังจะทำอะไรน้องชายชั้น ห่ะ!!!” เสียงที่คุ้นเคย เหมือนได้ยินมาตั้งแต่เด็กดังจากที่ไหนไม่รู้

                ทุกคนมองไปทางต้นเสียงก็เจอ  พี่โน่ พี่ชายสุดที่รักที่หล่อราวกับเทพบุตรกำลังยืนกัดฟันแน่น มองมาทางผม

                “คะ คือ....”

                “ชั้นถามว่าแกจะทำอะไรน้องชายชั้น ห่ะ!!” โน่วิ่งเข้ามาหมายจะต่อยเจ้าสองตัวนี้ แต่ผมยื่นมือไปจับไว้ได้ทัน

                “แกจะมาห้ามฉันทำไมห่ะ ไอ่แน็ค ก็ไอ่สองตัวนี้มันกำลังจะปล้ำแกนะเห้ย” พี่โน่โวยวายแทนผมจนผมไม่รู้จะโวยวายอย่างไงดี

                “พาผมไปจากที่นี่ที”ผมพูดขึ้น ทำให้พี่โน่ยอมง่ายแล้ว กึ่งลากกึ่งอุ้มออกจากที่เกินเหตุ

     

                พี่โน่พาผมมานั้งที่ม้านั้งที่ไกลจากจุดนั้นพอสมควร

                “มันเกิดขึ้นได้อย่างไงเนี้ย แล้วไอ่สองตัวนั้นมันเป็นใคร” ท่าทางของพี่โน่เริ่มเย็นลง แต่ไม่วายทำหน้าฉุนๆไม่เลิก

                ผมเราเรื่องราวทั้งหมดให้พี่แน็คกี้ฟัง ถึงผมจะยังไม่ค่อยเข้าใจก็เหอะว่า โหน กับ เคน ทำอย่างงี้กันไปทำไม

                “มึงไปมีเสน่ห์กับผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ” พี่โน่ดึงหน้าผมเข้าไปใกล้ๆ จับหันซ้ายหันขวา

                “เจ็บพี่”

                “เออ กูเข้าใจแล้ว มึงน่ารักขึ้นนี่เอง” พี่โน่ทำหน้าจริงจังจนผมขำไม่ออก

                “มึงจะบ้าไง๊ ไอ่คุณพี่โน่ - - อย่างผมมันหล่อเว้ย”

                “หล่อ?... มึงฝันกลางวันอยู่หรอ เห้อน้องกู กูว่ามึงกลับบ้านพร้อมกูเลยเหอะ”

                “เอ๊ะ ! อ่ะ ว่าแต่พี่มาทำไมเนี้ย”

                “ก็ มึงลืมของ แต่ไม่จำเป็นแล้ว กูจะให้มึงกลับบ้านไปกับกูตอนนี้เลย” พี่โน่ ฉุดกระชากลากถูผมให้เดินตาม                    

                “ไม่เอา นี่มันอะไรกันพี่โน่ มึงก็รู้ว่ากูพยายามแค่ไหนกว่าจะมาถึงนี่ได้ ไม่ ไม่กลับเด็ดขาด” ผมสบัดจนหลุดจากการจับกุมของพี่โน่ได้

                ผมรีบติดตีนหมาวิ่งหนีพี่โน่ให้สุดกำลังขา ที่มี

                ปุก ! โครม!

                ผมชนกับร่างเล็กๆของใครก็ไม่แต่ที่รู้ คนคนนั้นล้มลงไปเลย

                “ขอโทษนะ เป็นอะไรรึป่าว” ผมรีบเข้าไปพยุงให้เขารุกขึ้น ไม่วายมองซ้ายมองขวาหาเงาพี่โน่

                “คะ ครับ หมูไม่เป็นไร” คนตรงหน้ามองผมตาแทบไม่กระพริบ เอ๊ะ ผมชนเขาแล้วไปรึป่าว ดูเอ๋อไปเลย

                “งั้นก็ดีแล้ว  ผมขอโทษด้วย แต่ตอนนี้ผมต้องรีบไปแล้วล่ะ” ผมได้ยินเสียงฝีเท้าของพี่โน่ ผมจำได้ดีแม้กระทั่งเสียงพี่โน่เขาหายใจเลยล่ะ เพราะผมสนิทกับพี่เขามาก เผลอๆ ผมจะสนิทกับพี่โน่มากกว่าสนิทกับแม่เสียอีก

                “แน็ค มึงอย่างนะ  มึงกลับบ้านกับกูเหอะที่นี้มันอันตราย” พี่โน่วิ่งไล่เข้ามาแล้วตะโกนคุยกับผม

                “มันก็ไม่อันตรายอะไรสักเท่าไหร่หรอกหน่า”

                “แล้วอย่างเหตุการณ์เมื่อกี้ไม่นับว่าอันตรายรึไงล่ะ!

                “ก็มัน แฮ่กๆ “ ผมเริ่มหอบแล้ว ยิ่งวิ่งไปตะโกนคุยกันไปอย่างงี้ ทำให้ผมหายใจแทบไม่ทัน

     

                “นั้นแน็คกี้นี่ วิ่งหนีอะไรมา” นายมองร่างเล็กที่กำลังวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย

                “คงจะฝึกไปแข่งโอลิมปิกมั่ง”อันเดรสหัวเราะเบาๆกับมุกของตัวเอง

                “มีใครวิ่งตามมันมาด้วย”

                “หรือว่าจะเป็นเจ้าหนี้”

                “แต่ละมุกของมึงเนอะ อันเดรส กูล่ะเพลียจริงๆ”

                “ขำหน่อยซิล๊า ฮ่ะๆๆๆๆ”

     

                ผมวิ่งแทบเป็นแทบตาย จนเห็นพี่นาย กับอันเดรส กำลังหัวเราะกันคริครัก

                อ๊ะ ผมนึกได้แล้ว พี่นายเข้าพอรู้จักกับพี่โน่นี่น่า ให้เขาช่วยกล่อมพี่โน่แล้วกัน

               

                “นั้น ไอ่แน็คมันวิ่งมาทางนี้แล้ว”อันเดรสชี้ไปทางร่างเล็กๆที่กำลังพุงเข้ามาอย่างสุดกำลัง

                “หรือว่ามันจะหนีเจ้าหนีมาจริงๆว่ะ” นายเคลิ้มกับมุกของอันเดรสเข้าจริงๆ

     

                “พี่นาย ช่วยผมด้วยแฮ่ก” วิ่งมาหลบอยู่ข้างหลังพี่นายแล้วหอบหายใจถี่ๆ เอาอากาศเข้าสู่ปอดให้มากที่สุด

                “อ่าว โน่นี่หว่า” นายทักทายพี่โน่

                “อ่าว นาย เป็นไงมาไงเนี้ย แฮ่ก ” พี่โน่เองก็หอบไม่แพ้กันกับผม

                “ ชั้นก็มาลงแข่งงานนี้เหมือนกันหน่ะสิ ว่าแต่เอ็งเหอะ มาทำไม”

                “เอาของมาให้แน็คมัน แฮ่กๆ”

                “แล้วแน็ก เอ็งหนีพี่เอ็งทำไมว่ะ- -

                “ก็....”

                “มันมีเรื่องนิดหน่อย กูจะเอาไอ่แน็คกลับบ้าน” โน่ หายใจเข้าลึกๆ แล้วพยายามมาลากผมอีกครั้ง

                “จะเอากลับไปทำไม มันอุตสาห์ได้โอกาสเข้ารอบมาแล้วนะเว้ย มึงจะตัดอนาคตน้องได้ลงคอหรอว่ะ” นายปัดมือโน่ออก

                “ก็มันอันตราย”

                “อันตรายตรงไหนว่ะ”

                “ก็ตรงที่มันเกือบโดนปล้ำเมื่อตะกี้ไงล่ะ แน็คกลับบ้าน”

                “ห่ะ! หา” เสียงนายกับอันเดรส ผสานเป็นเสียงเดียว

                “ไม่เอาผมไม่กลับ!

                “กูว่ามึงใจเย็นก่อนนะ”นายตั้งสติอีกครั้งนึ่งก่อนที่จะค่อยๆเจรจา

                “ช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเราฟังได้ไหม” อันเดรส พยายามตั้งสติให้ได้อย่างที่นายทำ

                “ เคร เรื่องมันมีอยู่ว่า......” แล้วพี่โน่ก็เราเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นยันจบให้ทั้งสองคนฟัง

     

                “งั้นเอาอย่างงี้  ถ้ามึงเอาน้องมึงกลับไปวันนี้นะเว้ย น้องมึงอ่ะจะต้องเสียโอกาสทอง ครั้งเดียวในชีวิตไปเลยนะ เพราะฉะนั้น มึงปล่อยให้น้องมึงอยู่นี่หน่ะแหละ เดี่ยวกูช่วยดูแลให้เอง ไม่ต้องห่วงเชื่อใจกูเหอะ” นายพูดออกมาได้อย่างเป็นผู้ใหญ่สุดๆ ผมเริ่มจะนับถือพี่เขาขึ้นมาจริงๆจังๆแล้วล่ะ

                “เอางั้นหรอ..”พี่โน่ยังคงไม่แน่ใจ

                “เอางั้นสิ ไม่มีทางที่ดีไปกว่านี้แล้ว เชื่อมือกูเหอะ”นายยิ้มให้โน่ที่ยังคงกังวลอยู่

                “เอางั้นก็ได้ โอเค ดูแลน้องกูให้ทีนะ “ และแล้วพี่โน่ก็ยอม

                “ขอบคุณนะครับพี่โน่ ผมจะต้องพยายามเรียนรู้ พยายามผ่านรอบไฟท์นอร์ออดิชั่นไปให้ได้เชื่อมือผมเถอะ ^+++++^” ผมยิ้มสดใสให้พี่โน่

                เรื่องแข่งพี่ไม่ค่อยห่วงแกหรอกนะไอ่แน็คกี้น้องรัก พี่ห่วงแกจะเสียประตูหลังให้นักบอลคนไหนไปตะหาก TT^TT ‘ โน่คิดอยู่ในใจแต่ไม่พูดออกไป

                “อื้ม พี่เชื่อใจแกพี่จะรอดูนะ”พี่โน่ยิ้มให้ผม  แค่นี้ผมก็ชักมีกำลังใจซะแล้วสิ

                “อ๊ะพี่จะกลับแล้วหรอ แล้วไหนของที่ผมลืมล่ะ” ผมเห็นพี่โน่หันหลังกำลังจะเดินไปเลยเรียกไว้

                “ของที่แกลืมหน่ะหรอ” พี่โน่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วเดินเข้ามาใกล้ๆผม

                จุ๊บ

                พี่โน่กดริ้มฝีปากลงที่แก้มข้างซ้ายผม

                “แกลืมคำอวยพรจากพี่แหน่ะ  โชคดีนะน้องรัก” แล้วพี่โน่ก็เดินจากไป ทิ้งให้พี่นายกับอันเดรสยืนตกตะลึง อึ่งอยู่ แล้วผมที่อึ่งไม่แพ้กัน

                “มีหองมีหอมกันด้วย เป็นพี่น้องที่รักกันดีเนอะ” พี่นายพูดขึ้นหลังจากที่เรียกสติกลับมาได้อีกครั้ง

                นับถือพี่เขาจริงๆที่พี่เขาเรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็วราวกับโกหก ทุกรอบเลย

                “ฮ่ะๆๆ ก็งั้นสิครับ” ผมยิ้มให้พี่นาย และ อันเดรส

     

     

                “เฮ้ออ ดันทำล่วงไปซะแล้ว” โน่บ่นกับตัวเอง ที่จริงเขาตั้งใจจะเอาแปรงสีฟันมาให้น้องชายของเขาแต่ทว่าเขาทำล่วงหายไปตอนที่วิ่งไล่จับกับไอ่แสบนั้นหน่ะแหละ

                เขามาเพื่อเอาแปรงสีฟันมาให้แต่เขากลับมาเห็นใครก็ไม่รู้กำลังปล้ำน้องชายของเขา เขาเดือดปุดๆ จนแทบจะพังหน้าหล่อของไอ่สองคนนั้นให้เละ  แต่ไอ่น้องชายของเขาดันมาขวางซะได้ เขาไม่เข้าใจเลยว่ามันจะมาขวางทำไม ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

                แต่พอเขาได้เห็นสภาพของน้องชายตัวเอง จึงยอมปล่อยไอ่สองคนนั้นลอยนวลไป เพราะอย่างไงตอนนี้เขาคงต้องพาน้องชายของเขาไปหาที่พักที่ไหนสักที่

                เขานั่งฟังเรื่องทั้งหมดจากน้องชายตัวเอง ยิ่งทำให้รู้ว่า การอยู่ที่นี้ของน้องชั่งอันตรายนัก เขาจะต้องพาน้องเขากลับบ้านให้ได้

                เขายังคงไม่เข้าใจว่าทำไมสองคนนั้นถึงมาปล้ำน้องชายเขา ทั้งๆที่สองคนนั้นเป็นผู้ชาย แล้วน้องของเขาก็เป็นผู้ชาย

                แล้วปัญหาทั้งหมดก็ได้คลีคลายลง เพราะ เขารู้แล้วว่า น้องชายตัวแสบของเขานั้น ตอนนี้น่ารักมาก จนเขาเองก็ แอบใจเต้นแรงไปเหมือนกัน

                เสน่ห์ของน้องเขา  มักทำให้ใครต่อใครพากันหลงใหล จนได้ชื่อว่าเป็น สุดที่รัก ในคณะลิเกของเขาเอง

                “พี่จะปกป้องแกอย่างไงเนี้ย ไอ่แน็ค......”

    มาแว๊ววววว มาช้าไปหน่อยเนอะ กะมาให้ไวกว่านี้อยู่หรอก แต่คิดมะออก
    กว่าจะหาแรงบรรดาใจได้ 
    ยุติการบ่นแต่เพียงเท่านี้ ไม่มีใครเขาอยากอ่านเราบ่นหรอกเนอะ  

    ........................................................................
    .........รอบนี้มีฉากเกือบ NC นิดนุงด้วยแหละ........
    ชอบไม่ชอบบอกด้วยล่ะ ถ้าชอบกันจะได้มีมาบ่อยๆ
    ...............................................................................

     
    โค้ด
    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×